0

Padungsit Padungtaksin

20 May 2020 - 2 min read

10 หนังดี ที่จะช่วยเพิ่มพลังบวกให้กับชีวิต

เวลาว่างปกติเพื่อนๆ ทำอะไรกันบ้าง หลายๆ คนคงจะตอบว่าไปเดินห้าง ไปดูหนัง ไปกินข้าวกับเพื่อน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ที่ห้างก็ปิด โรงหนังก็ไม่เปิด แถมเวลานั่งกินข้าวยังนั่งโต๊ะเดียวกันไม่ได้ ถึงเวลากลับมาโฟกัสที่ตัวเองและทำกิจกรรมที่ทำคนเดียวได้แบบไม่เบื่อ อย่างการนั่งชิลล์ๆ บนโซฟา หยิบรีโมตขึ้นมา แล้วเปิดดูหนังสักเรื่อง

ภาพยนตร์นอกจากทำให้เราผ่อนคลายแล้ว บางครั้งยังทำให้เรา “หลง” หลงในเรื่องราวและอารมณ์ของหนังที่สุดจะกินใจ ทำให้เรา “รัก” รักตัวละครแต่ละตัวที่ทำให้เราทั้งยิ้ม ทั้งเศร้า ทั้งมีความสุข และ “ลืม” ลืมอะไรแย่ๆ หรือปัญหาที่อาจเกิดกับเรา 10 ภาพยนตร์เหล่านี้จะทำให้เราหุบยิ้มไม่ได้แถมยังสร้างแรงบันดาลใจให้ด้วย มีอะไรบ้าง ไปดูกัน!

1. Sing Street

ดูเผินๆ Sing Street อาจจะดูเป็นภาพยนตร์ดนตรีแสนธรรมดา ที่มีพล็อตเรื่องที่เข้าถึงได้ง่าย เด็กผู้ชายตกหลุมรักเด็กผู้หญิง เลยอยากตั้งวงดนตรีขึ้นมาเพื่อจีบเธอ แต่ภาพยนตร์แนวคัมมิ่งออฟเอจที่ทั้งสนุก น่ารัก หวานซึ้ง แถมปนเศร้าเล็กๆ เรื่องนี้จะทำให้คุณหุบยิ้มไม่หยุดและอดไม่ได้ที่จะเอาใจช่วยตัวละครเอกของเราอย่างคอเนอร์แแน่นอน Sing Street บอกเล่าเรื่องราวความฝันของแต่ละคนที่เป็นจริงบ้าง หรือล้มเหลวบ้างผ่านดนตรีซาวด์ยุค 80 ที่จะทำให้คุณนั่งกระดิกเท้าไปตามจังหวะแบบไม่รู้ตัว สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า บางครั้งการรู้สึกไม่มั่นใจหรือความรู้สึกเศร้าเป็นสิ่งที่ “โอเค” แต่เราก็เรียนรู้ที่จะมีความสุขในช่วงเวลานั้นได้ เหมือนในภาพยนตร์ที่มีการพูดถึงวลี “Happy-sad” หรือสุขปนเศร้านั่นเอง ถ้าใครเป็นแฟนของผู้กำกับจอห์น คาร์นี เจ้าของผลงานอย่างเรื่อง Once และ Begin Again รับรองว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

2. Little Miss Sunshine

ครอบครัวลูสเซอร์อย่างครอบครัว ฮูเวอร์ ที่สมาชิกแต่ละคนทั้ง 6 ล้วนมีปัญหาในชีวิต ต้องมาลงเรือลำเดียวกัน (จริงๆ คือรถโฟล์คสวาเกนตู้สีเหลือง) เพื่อพาสาวน้อยอ้วนปุ๊กอย่างโอลีฟของเราไปทำตามความฝันของเธอในการแข่งการประกวด Little Miss Sunshine แต่ในขณะเดียวกัน การเดินทางครั้งนี้ก็เหมือนเป็นการที่ตัวละครแต่ละคนได้นำปัญหาของตัวเองมาแบ่งปันให้คนอื่นในครอบครัวได้รับรู้ ภาพยนตร์แสนเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยหัวใจเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมอย่างเราอมยิ้มตามไปและเข้าในในความ “รีล” ของตัวละครที่ทุกคนเชื่อมโยงได3

3. Forrest Gump

เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า “Run, Forrest. Run!” ผมมั่นใจว่าภาพยนตร์สุดคลาสสิกเรื่องนี้ได้ครองใจใครหลายๆ คนไปแล้ว ทั้งเนื้อเรื่องและตัวละครที่นักแสดงเจ้าบทบาทอย่างทอม แฮงค์แสดงออกมาได้กินใจสุดๆ ฟอร์เรส กัมพ์ เป็นคนไอคิวต่ำ และนั่นเองทำให้เขาเป็นคนที่เชื่อฟังทุกคน ทำตามคำมั่นสัญญาทุกข้อ และทุ่มเทให้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตลอด ทำให้ในภาพยนตร์ เราได้เห็นว่า กัมพ์ได้ประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ มาโดยตลอด ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เหมือนกับกล่องช็อกโกแลตที่คุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าข้างในมีรสชาติอะไรจนกว่าคุณจะได้สัมผัสมันอย่างจริง

4. The Terminal

มาต่อกันที่ภาพยนตร์ที่คุณพี่ทอม แฮงค์ เล่นกันอีกสักเรื่อง (ก็แหม หนังที่เขาเล่นมีแต่หนังดีๆ เนอะ) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องของวิกเตอร์ หนุ่มชาวยุโรปตะวันออก ที่เดินทางมาถึงสนามบินเจเอฟเค เพื่อจะเดินทางต่อไปยังนิวยอร์ก แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่บ้านเกิดเขา ทำให้เขาออกจากสนามบินไม่ได้เนื่องจากวีซ่าถูกยกเลิก วิกเตอร์ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสนามบิน และนี่คือสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเสน่ห์สุดๆ ด้วยความที่ใช้สนามบินเป็นสถานที่เดินเรื่อง และมิตรภาพที่วิกเตอร์สร้างกับผู้คนในสนามบิน ทำให้ผู้ชมอย่างเราอิ่มเอมใจแล้วยิ้มตามไปด้วย แถมภาพยนตร์ยังสอนให้เรารู้ด้วยว่าในทุกเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น ก็มักจะมีเรื่องดีเกิดขึ้นด้วยเสม

5. The Intern

เห็นหน้าคุณลุงโรเบิร์ต เดอ นิโร กับแอนน์ แฮททาเวย์บนใบปิดหนังแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภาพยนตร์เรื่อง The Intern จะทำให้คุณฟีลกู๊ดได้ขนาดไหน เรื่องราวของเบน วิทเทคเกอร์ คุณลุงวัย 70 ปีที่อยากหาอะไรทำหลังเกษียน จนไปเจอประกาศหางานรับเด็กฝึกงานอายุ 65 ปีขึ้นไปมาทำงานที่บริษัทขายเสื้อผ้าออนไลน์แห่งหนึ่งที่จูลส์ ออสติน เป็นเจ้าของ เบนต้องฝ่าฟันอุปสรรคทั้งการทำงานด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ และช่องว่างระหว่างวัยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อทำให้บอสของเขาประทับใจ แต่นี่แหละคือเสน่ห์ที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเบนกับจูลส์จะทำให้เราหุบยิ้มไม่ได้แน่

6. 50 First Dates

สาวกหนังโรแมนติก ใครยังไม่เคยดูเรื่องนี้ ขอบอกเลยว่า พลาดมาก! หนังรอมคอมสุดคลาสสิกเรื่องนี้จะทำให้เรายิ้มทั้งน้ำตาได้เลย เรื่องราวของชายหนุ่ม เฮนรี่ ร็อธ ที่แสดงโดยอดัม แซนด์เลอร์ หมอสัตว์น้ำที่ไปตกหลุมรักสาวหน้าตาสุดจิ้มลิ้มอย่างลูซี วิทมอร์ ที่รับบทโดยดรู แบร์รีมอร์ แต่จุดพลิกผันก็คือความทรงจำของลูซีจะถูกลบไปในทุกวันทำให้เธอจำอะไรไม่ได้เลยในวันรุ่งขึ้น ทำให้เฮนรี่ของเราต้องทำภารกิจพิชิตใจลูซีในทุกๆ วัน พูดแล้วก็เศร้า แต่เมื่อดูไปแล้ว เราก็อาจจะแอบตั้งคำถามกับตัวเองก็ได้นะว่า “ถ้าเราเป็นเฮนรี่แล้วชอบใครมากๆ เราจะพยายามต่อไปไหม และอีกนานเท่าไหร่”

7. Notting Hill

ถ้าจะให้แนะนำหนังฟีลกู๊ดมาสักเรื่อง แน่นอนว่าเราจะพลาดเรื่องนี้ไปไม่ได้ Notting Hill บอกเล่าเรื่องราวความรักสุดโรแมนติกของสุภาพบุรุษเมืองผู้ดีอย่างวิลเลียม แท็กเกอร์ ที่รับบทโดยฮิวจ์ แกรนต์ กับซุปตาฮอลลีวูดอย่างแอนนา สก็อตต์ ที่รับบทโดยจูเลีย โรเบิร์ตส์ ส่วนตัวผมชอบภาพยนตร์เรื่องนี้มากเพราะจะย้อนกลับมาดูกี่ทีก็มีความสุขตลอด แถมยังมีเพลงสุดคลาสสิกประกอบหนังที่ทุกคนต้องเคยได้ยินอย่าง When You Say Nothing At All ของโรแนน คีทติง ปิดท้ายภาพยนตร์ด้วยประโยคเด็ดอย่าง “I'm also just a girl standing in front of a boy asking him to love her” ที่ได้ยินแล้วต้องจิกหมอนกันไปตามๆ กัน

8. Toy Story 3

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แอนดี้และแก๊งของเล่นสุดโปรดของเราที่มีวูดดี้เป็นตัวเอกก็ต้องโบกมือลากันแล้ว ในภาคนี้แอนดี้จะต้องออกจากบ้านไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำให้เขาต้องติดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อกับของเล่นพวกนี้ ภาคนี้ ขอสารภาพทำให้เราผมร้องไห้ไม่หยุด ตั้งแต่ฉากเปิดที่เป็นการย้อนความหลังตั้งแต่แอนดี้เริ่มรู้จักกับเหล่าแก๊งของเล่นจนเขาเติบโตมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน จนถึงฉาก 15 นาทีสุดท้าย ที่แฟนๆ Toy Story ที่ติดตามดูมาตั้งแต่ภาคแรกในปี 1995 ต้องอดไม่ได้ที่จะยิ้มทั้งน้ำตา Toy Story 3 มีครบทุกรสจริงๆ ทั้งความสนุก ฮา และเศร้า ที่จะทำให้เพื่อนๆ ประทับใจแน่นอน

9. The Parent Trap

เด็กที่โตมาในยุค 90 อย่างผมคงพลาดไม่ได้ที่จะไม่ดู The Parent Trap ภาพยนตร์ฟีลกู๊ดเรื่องนี้ที่ถือเป็นหนังแจ้งเกิดของนักแสดงสาว ลินด์ซีย์ โลฮาน เลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น The Parent Trap เล่าเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่ตกหลุมรักและแต่งงานบนเรือสำราญ แต่ทั้งคู่ตัดสินใจหย่ากันตอนคลอดลูกสาวฝาแฝด ทำให้แต่ละฝ่ายต้องรับเด็กแต่ละคนไปเลี้ยง 11 ปีต่อมาแฝดทั้งคู่มาเจอกันโดยบังเอิญที่แคมป์และตัดสินใจสลับตัวกันไปอยู่บ้านของอีกฝ่ายและนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวป่วนๆ ที่ทำให้เราต้องหัวเราะและยิ้มตามไปกับความใสและน่ารักของเด็กทั้งสอง (พูดแล้วก็เขิน เพราะตอนนั้นผมคิดไปว่า ลินด์ซีย์ มีฝาแฝดจริงๆ)

10. Call Me By Your Name

หนึ่งในภาพยนตร์ที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดในปี 2017 คงหนีไม่พ้นภาพยนตร์แนวโรแมนติก ดรามา คอมมิ่งออฟเอจอย่าง Call Me By Your Name ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องแบบเรียบง่าย ให้เราดูการเติบโตและพัฒนาของตัวละครทั้งสองอย่างเอลิโอและโอลิเวอร์ ทั้งตัวละคร อารมณ์ เซตติง สัญญะ ภาพ เพลง ขอบอกเลยว่ามันเข้ากันมากๆ และสื่อให้เราฟีลถึงตัวละครทั้งสองจริงๆ ถึงแม้เรื่องจะเดินแบบเรื่อยๆ แต่ก็มีหลายฉากที่ทำให้เราต้องจิกหมอนแล้วจิกหมอนอีก ถ้าใครอยากจะฟินแบบคูณสอง แนะนำให้ไปอ่านนิยายในชื่อเดียวกันก่อนแล้วค่อยมาดูหนังนะ

ขนกันมาให้เลือกชมขนาดนี้แล้ว อย่าลืมมาบอกให้เราฟังด้วยนะว่าชอบเรื่องไหนเป็นพิเศษ หรือแนะนำหนังเรื่องๆ ให้เราก็ยังได้ ผมเขียนไปฟินไปขนาดนี้ ก็ต้องขอลุกไปเปิดดูบ้างแล้วล่ะ ดูให้สนุกนะ!

ติดตามบทความที่น่าสนใจอีกมากมายใน Self Recovery ได้ที่นี่ และที่แฟนเพจ TravelokaTH

ติดตาม Traveloka Xperience ค้นหาที่เที่ยว/กิจกรรม ราคาพิเศษ พร้อมโปรโมชั่น
→ Website: https://www.traveloka.com/th-th/activities
ติดตามคอนเทนต์สำหรับคนชอบเที่ยว พร้อมแจ้งข่าวส่วนลดและโปรฯ มากมาย
→ Facebook Page: https://www.facebook.com/TravelokaTH
ติดตามบทความดี ๆ ครบทั้งที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก
→ Traveloka Blog: https://www.traveloka.com/th-th/explore

Tags:
self-recovery
traveloka-xperience
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร