เช็คอินเข้าห้องไปเจอในตู้เย็นมีขวดน้ำที่กินแล้วแต่ไม่หมดอยู่ 2 ขวด และห้องน้ำมีกลิ่นบุหรี่ โทรไปแจ้งฟรอนท์รอบแรกบอกจะโทรกลับนานกว่า10 นาทีไม่โทรมา เลยโทรลงไปสอบถามอีกรอบ ปลายสายบอกว่าน้องคนที่รับเรื่องคนเมื่อกี้ไปกินข้าว รบกวนแจ้งเรื่องใหม่อีกรอบ... หลังจากแจ้งไปก็ขอเวลาไปสอบถามแม่บ้าน แม่บ้านยืนยันทำความสะอาดแล้วหมดทุกส่วนแต่ลืมเปิดเช็คตู้เย็น... แล้วเราเลยตัดสินใจถามว่าจะจัดการยังไงได้บ้าง ย้ายห้องให้ไม่ได้เหรอคะ?? ปรากฏว่าได้รับคำตอบว่าเรื่องกลิ่นบุหรี่ให้เปิดไฟห้องน้ำให้พัดลมระบายอากาศดูดกลิ่นออก “แต่ถ้าลูกค้าConcernมากก็ย้ายห้องได้นะคะ” ซึ่งพอเราถามว่าถ้าเกิดย้ายจะมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?? ก็ได้รับเสียงหัวเราะแห้งๆพร้อมคำตอบมาว่า ก็ลูกค้าไม่สบายใจนี่คะ งงค่ะ ว่าทำไมเราต้องทนอยู่กับขวดน้ำที่กินแล้วของแขกคนก่อน ทำไมต้องรอเราบอกว่าไม่ไหวก่อน ทำไมถึงใช้คำพูดเหมือนเราเองเรื่องมากไปเอง เราหวังใจแค่เค้าจะเทคแอคชั่นอะไรบ้าง เช่นขึ้นมาเอาขวดน้ำออกให้ เราไม่ได้วีนหรือเหวี่ยงอะไรเลยด้วย สุดท้ายเราตัดสินใจบอกว่าจะไม่เปลี่ยนห้องค่ะ เพราะเรากลัวไปแล้วเจอห้องที่แย่กว่านี้ เรากลัวทำตัวไม่ถูก ปล.1 มีห้องว่างนะคะสอบถามแล้วคือห้องถัดจากเราไป ปล.2 เรานอนทั้งๆที่มีขวดน้ำสองขวดนั้นในตู้เย็นจนเชคเอาท์ค่ะ ปล.3 เครื่องปรับอากาศไม่เย็นและเสียงดังมากๆ