หน้าหนาวคือช่วงพีคของการเที่ยวภาคเหนือ เพื่อไปรับไอเย็นที่มีให้สัมผัสกันน้อยนิดเหลือเกินในแต่ละปี และหนึ่งแห่งที่หลายคนปักหมุดเอาไว้ก็น่าจะเป็นเชียงรายนี่ละ เพราะพิกัดสวยๆ ก็เพียบ แถมยังมีความเงียบสงบสบายสไตล์ New Normal ให้ได้ชิลล์กันอยู่หลายแห่งเชียวนะ วันนี้เราเลยรวบรวมที่เที่ยวรับลมหนาวในเชียงรายมาไว้ให้ปักหมุดกันแล้วจ้า แถมมีแพลนเที่ยวเชียงรายแบบคร่าวๆ ด้วยนะ ถ้าอ่านแล้วอยากไป ก็แวะจัดตั๋วเครื่องบินเชียงรายของ Traveloka เค้าได้เลยจ้า ราคาดี๊ดี จองก็ง่าย ได้ไปเที่ยวเชียงรายกันแบบสบายๆ แน่นอน
ที่แรกที่เราปักหมุดหลังจากมาถึงเชียงรายก็คือการขับรถไป พระตำหนักดอยตุง ซึ่งเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้ เหตุผลก็คือนอกจากจะได้มาชมความสวยของที่นี่แล้ว รอบๆ ด้านก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายให้เราแวะไปแบบไม่ต้องเดินทางไกลมากนัก แถมเรายังอยากมาประเดิมอาหารเหนือมื้อแรกกันที่ร้านครัวตำหนักบนดอยตุงด้วยจ้า เพราะเค้าร่ำลือกันว่าเด็ดนักเชียวละ อาหารอร่อย กินท่ามกลางวิวสวยๆ และอากาศเย็นสบาย ไม่ฟินยังไงไหวคะคุณผู้ชมมมมม!
อิ่มท้องกันแล้ว สวนแม่ฟ้าหลวง คือพิกัดต่อไปที่อยากชวนให้เช็คอินกัน ความชิลล์คือไม่ต้องไปไหนไกลเพราะสวนนี้ก็อยู่ตรงข้ามกับร้านครัวตำหนักที่เราแวะฝากท้องกันไปเมื่อกี้นี่ละ ถึงสวนนี้จะเป็นสวนดอกไม้ที่สามารถมาชมความสวยกันได้ตลอดทั้งปี แต่จะให้ฟินสุดก็ต้องหน้าหนาวแบบนี้ละนะ เพราะเราจะได้ชมไม้ดอกเมืองหนาวสวยแปลกตากันแน่นๆ แบบสุดจะสะใจ อากาศก็เย็นสบายเหมาะจะเดินเล่นที่สุดจ้า มุมถ่ายรูปสวยๆ เค้าก็มีเพียบเลยนะ เป็นการเดินเล่นย่อยอาหารที่เพลินมากจ้ะ เชื่อว่าทุกคนน่าจะถูกใจ
เรามุ่งหน้าไป สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ในช่วงบ่าย เพื่อชมสวนในฟีลแบบธรรมชาติซึ่งเต็มไปด้วยไม้ดอกไม้ใบอันแสนร่มรื่น ที่นี่เราจะได้ชมพันธุ์ไม้ประจำถิ่นมากมายซึ่งมีการนำมาปลูกเก็บรวบรวมรักษาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ดิน สนภูเขา หรือดอกนางพญาเสือโคร่งซึ่งจะผลิบานกันในช่วงปลายปีแบบนี้ละ และถ้าไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม จะมีไฮไลท์เป็นดงดอกกุหลาบพันปีจากนานาชาติให้ชมกันด้วยนะ ถือว่าเป็นดงกุหลาบพันปีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย และที่นี่ยังเป็นสวนป่าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในบ้านเราด้วยจ้า สำหรับคนรักไม้ดอกไม้ใบ บอกได้เลยว่าที่นี่คือสวรรค์จริงๆ
ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ คือสถานที่ต่อมาที่เราแวะไป เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้กับสวนรุกขชาติฯ เพียงแค่หนึ่งกิโลเมตรแล้วนะ ที่นี่ยังมีวิวทะเลภูเขาแบบสุดจะพาโนรามาให้เราได้ชมกัน แถมยังเป็นทะเลภูเขาของฝั่งเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ด้วยจ้า ที่นี่เป็นพิกัดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยมากอีกแห่งหนึ่งด้วยนะ ที่เด็ดคือบรรยากาศจุดชมวิวที่นี่จะให้ฟีลเหมือนอยู่ในสนามรบหน่อยๆ ละ เพราะมีทั้งบังเกอร์ แนวกระสอบทราย รั้วไม้ไผ่กั้นพรมแดนไทยเมียนมาร์ นอกจากวิวสวยแล้วยังมีร้านกาแฟเปิดให้บริการกันตรงนี้ด้วยนะ เก๋เว่อร์จ้า ต้องมาแล้วละ
ขับรถมาอีกราวๆ 40 นาที ก็จะมาถึงที่ ไร่ชาฉุยฟง ซึ่งเป็นจุดที่เราแวะมานั่งชิลล์จิบเครื่องดื่ม กินขนม ชมวิวแจ่มๆ แถมยังได้แชะรูปกับแบ็คกราวนด์สวยๆ ของที่นี่กันเป็นการปิดท้ายวัน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังดอยแม่สลองซึ่งเราจองที่พักไว้ ใครอยากมานั่งจิบชาเขียวร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย กินเค้กนุ่มๆ พร้อมวิวหลักล้านสุดฟิน มาเช็คอินที่นี่ได้เลยจ้า ช่วงเย็นๆ พระอาทิตย์ตกก็เริ่ดอยู่น้า เป็นอีกพิกัดโรแมนติกสุดๆ ของเชียงรายเลยละ ถ้ามีคนรู้ใจมาด้วยคือดีสุดจ้า รับประกันเลยว่าฟิน!
วิวช่วงเช้าที่ ดอยแม่สลอง นั้นบอกได้เลยว่าฟินแบบสุดๆ เลยละ ในวันที่อากาศเป็นใจที่นี่จะมีทะเลหมอกแบบแน่นๆ ให้ดูกันจุใจเลยนะ ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นจนหายอยากแล้วต้องตามด้วยมื้อเช้าในสไตล์ยูนนาน ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อของที่นี่กันด้วยจ้า ไม่ว่าจะเป็นแบบเบาๆ อย่างโจ๊กร้อนๆ และปาท่องโก๋ พร้อมชาจีนหอมๆ ก็แสนจะชื่นใจ หรือจะจัดชุดใหญ่เป็นขาหมู หมั่นโถว และกับข้าวอีกแน่นๆ ก็เด็ดอยู่นะ มาถึงแล้วต้องลองให้ได้เลย
ขับรถจากดอยแม่สลองเกือบๆ สองชั่วโมง ก็จะมาถึง ดอยสะโง้ ซึ่งมีวิวสวยๆ ของไทย ลาว และเมียนมาร์ให้ดูกันได้แบบเต็มอิ่มเลยเชียวละ แถมยังได้เห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่าน ช่วงเช้าในบางวันยังมีทะเลหมอกให้ชมกันด้วยนะ ช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม บนดอยยังมีทุ่งดอกเก๊กฮวยให้ชมกันด้วยจ้า ที่พักบนดอยนี้ก็มีให้เลือกกันหลากหลายสไตล์และราคาเลยนะ ร้านอาหารและคาเฟ่เก๋ๆ ก็มีให้แวะกันหลายแห่งจ้ะ ใครชอบความชิลล์บอกเลยว่ามาที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน
จากความชิลล์ของดอยสะโง้ ขับรถกันมายาวๆ อีกครั้งเพื่อมาเช็คอินยัง ดอยผาตั้ง ซึ่งเป็นอีกแลนด์มาร์คที่อยากชวนให้มาเดินรับลมหนาวกัน ดอยผาตั้งนั้นมีจุดเด่นตรงที่มีจุดชมวิวที่ให้ฟีลแตกต่างกันหลายแห่งเชียวละ แถมทั้งหมดนั้นเราสามารถเช็คอินได้ด้วยการเดินไม่ถึง 1 กิโลเมตรด้วยจ้า บอกเลยว่าตลอดเส้นทางน่ะชิลล์มาก หากมาถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ที่แดดสบายๆ ยิ่งเดินได้เพลินขึ้นไปอีกเพราะไม่ร้อนมาก ข้อดีอีกอย่างคือที่นี่สามารถใช้เป็นพิกัดดูพระอาทิตย์ขึ้นก็ได้ ดูพระอาทิตย์ตกก็ดี เป็นอีกแลนด์มาร์คที่ควรต้องมา
เป็นที่รู้กันว่า ภูชี้ฟ้า คือพิกัดยอดฮิตยืนหนึ่งในการมาชมทะเลหมอกสุดอลังและมีวิวพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่ปังมาก! ที่นี่จึงเป็นแลนด์มาร์คซึ่งมีผู้คนเดินทางมาเยือนกันหนาตาในช่วงเช้าอยู่เป็นประจำ ทำให้เราอยากนำเสนอแพลนแบบสวนกระแสนิยมซึ่งเริ่ดไม่แพ้กัน นั่นคือการไปชมพระอาทิตย์ตกกันที่ภูชี้ฟ้า! คอนเฟิร์มตรงนี้ว่าวิวสวยสะใจไม่แพ้ช่วงเช้าเลยจ้า ต่างกันแค่ว่าอาจจะไม่ได้มีทะเลหมอกให้เห็นเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ฟินได้ไม่แพ้กันก็คือผู้คนที่บางตา ภูชี้ฟ้าช่วงเย็นจึงเป็นพิกัดที่ให้ความส่วนตัวแบบสุดๆ เลยละ อยากรู้ว่ามันดียังไงก็ปักหมุดมาดูด้วยตาตัวเองกันได้เลย
นอกจากภูชี้ฟ้า ในระยะไม่ไกลกันนักก็ยังมีพิกัดที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกแบบแจ่มๆ ได้ไม่แพ้กันหลายแห่งเลยละ หนึ่งในนั้นก็คือที่ ภูชี้เดือน ซึ่งเป็นพิกัดที่ผู้คนยังไม่หนาตาเท่าไหร่ แต่มีวิวงามๆ ให้ชมได้ไม่แพ้กัน วิธีการเดินทางก็คล้ายๆ กันกับการขึ้นภูชี้ดาวเลยละ นั่นคือต้องมาขึ้นรถรับ - ส่งของชาวบ้านกันที่บ้านร่มฟ้าหลวงราวๆ 15 นาที แล้วเดินเท้ากันต่ออีกนิดหน่อยเท่านั้นจ้ะ ความเก๋คือว่าเวลาที่เราอยู่บนยอดภูชี้เดือนก็จะสามารถมองเห็นภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว และผาตั้งได้ด้วยนะ เริ่ดจ้ะ บอกเลย
จากภูชี้เดือน อีกหนึ่งพิกัดชมวิวสูงๆ สวยๆ ได้ไม่แพ้กันก็คือ ภูชี้ดาว ซึ่งมีจุดขึ้นรถรับส่งห่างจากจุดขึ้นรถของภูชี้เดือนแค่ 650 เมตรเท่านั้นจ้า การเดินขึ้นภูชี้ดาวอาจจะเหนื่อยกว่าภูชี้เดือนนิดหน่อยนะ แต่รับรองว่าไม่ถึงกับยากเกินไป วิวไฮไลท์ของที่นี่ก็คงต้องยกให้กับทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าอีกเช่นกันจ้า มาดูช่วงสายก็ได้วิวสวยเหมือนกันนะ คนก็น้อยกว่า แต่อาจจะไม่ได้เห็นทะเลหมอกหนาๆ เท่าตอนเช้า และอากาศก็อาจจะไม่หนาวเท่าด้วยจ้า ยังไงก็เลือกได้ตามเวลาที่สะดวกละกันเน้อ
ปิดท้ายซีรี่ส์การดูพระอาทิตย์ตกในย่านนี้กันที่ ดอยผาหม่น ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกของการดูทะเลหมอกยามเช้าที่สวยไม่แพ้ดอยหรือภูอื่นเลยละ แต่ที่เด็ดกว่าก็คงเป็นเพราะดอยนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์ส่งเสริมการเกษตรดอยผาหม่น ซึ่งเป็นแหล่งปลูกไม้ดอกเมืองหนาวอย่างทิวลิป ลิลลี่ และอื่นๆ อีกมากมาย การมาเยือนที่นี่เราจึงจะได้ชมความสวยของดอกไม้กันได้อีกอย่างด้วยจ้า การเดินทางก็สะดวกสบายคล้ายๆ กับการขึ้นภูอื่นๆ ในย่านไม่ไกลกันนี่ละ ชอบภูไหนดอยไหนก็เลือกปักหมุดกันตามอำเภอใจได้เลย
หลังจากเลาะชมความสวยมุมสูงของทั้งภูทั้งดอยกันแบบจุใจ ก็ได้เวลากลับเข้าเมืองไปชมความสวยของธรรมชาติใน สิงห์ ปาร์ค กันบ้างละ ก็มาเชียงรายทั้งทีจะพลาดที่นี่ไปก็คงน่าเสียดาย เพราะนี่คือหนึ่งในแลนด์มาร์คยอดฮิตที่เหมาะกับการมาชิลล์ในช่วงหน้าหนาวปลายปีแบบนี้สุดๆ เลยจ้า ถ้ามาช่วงเช้าก็อาจจะได้เห็นหมอกขาวๆ ลอยจางๆ แต่มาช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ก็สวยไปอย่างละนะ ดูดอกไม้ ถ่ายรูป หรือจะลองกิจกรรมแอดเวนเจอร์ก็ยังได้ ปิดท้ายด้วยการหาของอร่อยนั่งกินในบรรยากาศดีๆ ไม่แฮปปี้คราวนี้แล้วจะแฮปปี้คราวไหนกัน!
สำหรับใครที่มีเวลาอยู่หลายวัน การไปชมทะเลหมอกที่ ดอยช้าง ก็ถือเป็นการเริ่มต้นวันที่เริ่ดเชียวละ แม้ว่าในช่วงหน้าหนาวแบบเต็มที่จะมีโอกาสเห็นทะเลหมอกได้ไม่บ่อยเท่ากับช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่เรารับรองเลยว่าคนชอบอากาศเย็นจะต้องสะใจ เพราะบางวันอุณหภูมิที่นี่จะลงไปอยู่แค่เลขตัวเดียวกันเลยจ้า เส้นทางขึ้นดอยช้างก็เป็นถนนลอยฟ้าที่วิวแจ่มไม่แพ้ใครเลยด้วยนะ แล้วสำคัญที่สุดก็คืออย่าลืมแวะชิมกาแฟดอยช้างเค้าด้วยจ้า เพราะที่นี่เป็นแหล่งผลิตเมล็ดกาแฟชั้นดีระดับโลกเลยนะ กาแฟหอมๆ ร้อนๆ กับอากาศหนาวๆ เรารับรองว่าดี!
ช่วงเดือนธันวาคม - มกราคมของทุกปี ที่ดอยช้างแห่งนี้จะเป็นพิกัดชม ดอกนางพญาเสือโคร่ง ที่สวยและน่าตื่นตาที่สุดแห่งหนึ่งของเชียงรายเลยด้วยนะ พิกัดหลักๆ ก็จะอยู่ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรที่สูงเชียงราย (วาวี) ดอยช้าง และหมู่บ้านดอยช้างนี่ละจ้า รวมถึงตลอดสองข้างทางของถนนบนดอยนี้ก็จะมีให้เห็นกันเป็นระยะแบบประปราย ใครมาช่วงนี้พอดีปักหมุดที่นี่เอาไว้ บอกได้เลยว่าเป็นอีกพิกัดที่ควรค่าในการมาเยือนแน่นอน
หวังว่า 15 พิกัดในเชียงรายที่เราเอามาฝากกันคราวนี้ จะเป็นพิกัดที่ทำให้คนรักความหนาวแฮปปี้กันได้ไม่มากก็น้อยละนะ รับรองว่าแต่ละแห่งนั้นสวยสะใจ แล้วที่สำคัญก็คือมาพร้อมอากาศที่เย็นสบายแน่นอนจ้า ส่วนใครจะปักหมุดตรงไหนก่อนหรือหลังก็เลือกวางแพลนกันได้ตามสะดวกเลยนะ อย่าช้าล่ะ ลมหนาวเมืองไทยน่ะไม่อยู่รอใครนานเด้อ!