ช่วงเดือนมกราคม เป็นช่วงแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุดของปี ลมหนาวแดดอุ่นๆ เติมพลังให้ชีวิต ทริปนี้สำหรับสาวกเจเปนที่คิดถึงญี่ปุ่นสุดชีวิต มีพิกัดจุดชมซากุระเมืองไทย จ.เชียงใหม่ที่รักของเรานี่เอง เตรียมเสื้อหนาวให้พร้อม เตรียมพร๊อพให้แน่นแล้วไปปูเสื่อปิคนิคชมซากุระเมืองไทยด้วยกันค่ะ
ซากุระเมืองไทย หรือจริงๆคือดอกพญาเสือโคร่ง เป็นดอกไม้สีชมพูน่ารักน่าทะนุถนอม มีสีและรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับดอกซากุระ ญี่ปุ่น ซึ่งทั้งสองชนิดต้นกำเนินเป็นพืชตระกูลเดียวกัน
แต่มีวิวัฒนาการออกไปทำให้มีสายพันธ์ที่หลากหลาย มีสีที่แตกต่าง เช่น สีขาว สีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม
รูปทรงใกล้เคียงกันมาก แตกต่างกันเพียงช่วงเวลาการออกดอกเท่านั้น พญาเสือโคร่งเมืองไทยจะบานช่วงฤดูหนาว ส่วนซากุระจะบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
พญาเสือโคร่งในประเทศไทยมีสถานที่สวยสวยหลายที่ แต่ทริปนี้จะแนะนำจ.เชียงใหม่ จังหวัดที่ไปกี่สิบรอบก็เต็มอิ่มไปทุกครั้ง นอกจากจะได้ชมพญาเสือโคร่งสวยสวย อากาศเย็นๆในช่วงเดือนมกราคมแล้ว ยังมีคาเฟ่ฮิปฮิป และอาหารอร่อยๆรอต้อนรับอยู่มากมาย
จุดชมพญาเสือโคร่งของเชียงใหม่ มีพิกัดแนะนำ 3 จุดดังนี้
ซึ่งดอกไม้จะบานช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และจะบานเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด ถ้าอยากเจอแน่แน่ให้คอยอัพเดทข่าวจากอุทยาน ถึงเวลาที่อุทยานประกาศพญาเสือโคร่งบานเต็มที่เมื่อไหร่ แล้วค่อยกดจองตั๋วเครื่องบิน จะได้เจอดอกพญาเสือโคร่งช่วงที่สวยที่สุด
หรือจะใช้วิธีดูสถิติการจองย้อนหลังก็จะเป็นช่วงอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนมกราคม โดยแต่ละปีและแต่ละที่จะบานไม่พร้อมกัน บางที่บ้านสะพรั่งแต่อีกทีอาจจะเริ่มโรยแล้ว เป็นปกติธรรมดาของธรรมชาติค่ะ วิธีการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาดีดีไปเที่ยวเชียงใหม่ก็ไม่ยาก เพียงเช็คตั๋วเครื่องบินเชียงใหม่ได้ง่ายง่ายจากTraveloka
จุดเด่นล่าสุดของ Traveloka คือการมี Feature ให้เปรียบเทียบราคาจากทุกสายการบินให้เรียบร้อยแล้ว พร้อมอัพเดทโปรโมชั่นจากสายการบินต่างๆ เพื่อให้คุณเลือกราคาที่ดีที่สุด/ถูกที่สุดได้ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบเองให้เหนื่อย เปรียบเทียบราคาตั๋วเครื่องบินทุกเส้นทางคลิกเลยค่ะ #Travelokaเทียบแล้วเที่ยวเลย เป็นอีกตัวช่วยในการหาตั๋วโปรได้แบบรวดเร็วและราคาที่ดีที่สุดเลยค่ะ
ทริปนี้เป้าหมายคือชมดอกพญาเสือโคร่ง แนะนำเป็นโปรแกรม 3 วัน 2 คืน นอกจากจะได้ชมพญาเสือโคร่งแล้วยังได้เก็บที่เที่ยวอื่นๆของเชียงใหม่ไปด้วย การเดินทางในเชียงใหม่ก็ไม่ยาก เส้นทางหลักส่วนใหญ่ถนนดีมากขับรถเองได้ จองรถเช่าเชียงใหม่ และเช่ารถเชียงใหม่ กับTraveloka ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถเช่า จองผ่านทราเวลาโลก้าแอพเดียวได้เลยค่ะ
ตัวอย่างแพลนการเดินทาง 3 วัน 2 คืน
วันที่ 1 - กรุงเทพ - ดอยอ่างขาง ( นอนดอยอ่างขาง )
วันที่ 2 - ดอยอ่างขาง - ขุนช่างเคี่ยน ( นอนในเมืองเชียงใหม่ )
วันที่ 3 - ขุนวาง - กรุงเทพ
( สามารถปรับเปลี่ยนได้เพิ่มเติมค่ะ แพลนนี้เน้นชมพญาเสือโคร่งเป็นหลัก )
** หมายเหตุ : ช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาว เตรียมเสื้อหนาว หมวก พร๊อพมาถ่ายรูปหนาวหนาวได้เลยค่ะ ถ่ายไปโพสแบบเพื่อนไม่รู้แน่แน่นว่านี่เมืองไทย
จุดชมพญาเสือโคร่ง : ขุนช่างเคี่ยน
ขุนช่างเคี่ยน เป็นจุดชมดอกพญาเสือโคร่งที่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ที่สุด เป็นพญาเสือโคร่งแบบมุมกว้าง สามารถมองเห็นดอกพญาเสือโคร่งได้เต็มหุบเขา เริ่มตั้งแต่สองข้างทางถนนจนถึงสถานีวิจัยฯ สำหรับคนที่อยากได้ภาพสวยสวย แสงนวลๆคนน้อยๆแนะนำให้พักค้างคืนที่นี่ จะได้เก็บภาพช่วงเช้า และช่วงเย็นได้โดยไม่ต้องแย่งกับใคร
ที่พัก : จะเปิดให้เข้าพักเฉพาะช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเท่านั้น (จองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน) สายแคมป์ปิ้ง สามารถเช่าเตนท์ของของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยได้เลยค่ะ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 4 กิโลเมตร
โดยต้องจองเต็นท์ล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก 60 วัน ได้ที่เว็บไซต์ nps.dnp.go.th หรือจะเข้าติดต่อที่จุดกางเต็นท์ของอุทยานที่ลานกางเต็นท์ยอดดอยปุยเลยก็ได้เช่นกันค่ะ
การเดินทาง : เส้นทางลำบากและแคบ ยากต่อการขับรถไปเอง สำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญเส้นทาง แนะนำเหมารถสองแถวจากบริเวณพระธาตุดอยสุเทพต่อขึ้นไป ผ่านพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ดอยปุย จนถึง ขุนช่างเคี่ยน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ระยะทางประมาณ 14 กิโล ราคาค่ารถอยู่ที่ 300 บาท/ท่าน ( ไป-กลับ) หรือจะเหมาเลยก็ต่อรองกับทีมงานรวมแดงได้เลยค่ะ
พิกัดที่เที่ยวใกล้เคียง : ดอยสุเทพ, พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์, หมู่บ้านม้งดอยปุย และหมู่บ้านม้งขุนช่างเคี่ยน ฯลฯ
อัพเดทภาพของพญาเสือโคร่งขุนช่างเคี่ยนได้ที่ >> FB : อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5394 4052, อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย โทรศัพท์ 0 5321 0244 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ โทรศัพท์ 0 5324 8604-5, 0 5324 8607
จุดชมพญาเสือโคร่ง : ขุนวาง
ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ (ขุนวาง) เป็นอีกหนึ่งในโครงการตามพระราชดำริของในหลวง เป็นสถานที่ทดลองและขยายพันธุ์พืชบนที่สูง เพื่อส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกรบนที่สูง และเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น
ที่นี่เป็นอีกจุดที่ต้องห้ามพลาด ถ่ายรูปแบบไหนก็สวยมากมาก จุดเด่นคือ อุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูเป็นอุโมงยาวหลายร้อยเมตร ยิ่งอากาศของเดือนมกราคมเป็นช่วงที่อากาศหนาว ลมเย็นๆยิ่งเดินยิ่งเพลินเหมือนอยู่ญี่ปุ่น อีกทั้งที่นี่ยังมีพญาเสือโคร่งทั้งสีชมพูและสีขาวอีกด้วย
อัพเดทภาพของพญาเสือโคร่งขุนวางได้ที่ >> FB : ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ ( ขุนวาง )
การเดินทาง :
ตั้งอยู่บนดอยอินทนนท์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1009 (จอมทอง-อินทนนท์) ขึ้นเขาทางเดียวกับยอดดอยอินทนนท์ที่ กม. 57 ราวหลักกิโลที่ กม. 30-31 มีป้ายเลี้ยวขวาไปทางบ้านขุนกลาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 115 กิโล สามารถขับรถไปเองได้
จุดชมพญาเสือโคร่ง : ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นดอยที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่งดงามอีกหนึ่งแห่ง รวมถึงเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านชาวเขารวม 6 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหลวง บ้านคุ้ม บ้านนอแล บ้านปางม้า บ้านป่าคา และบ้านขอบด้ง ซึ่งประกอบด้วยประชากร 4 เผ่า ได้แก่ ชาวไทใหญ่ ชาวมูเซอดำ ชาวปะหล่อง และชาวจีนฮ่อ อ่างขางนอกจากจะมีที่ท่องเที่ยวมากมายแล้วยังมีดอกพญาเสือโคร่งที่บานเต็มถนนช่วงหน้าหนาว อ่างขางที่สวยอยู่แล้วโดยธรรมชาติ จะสวยมากยิ่งขึ้นไปอีกมากเมื่อเต็มเต็มได้ดอกพญาเสือโคร่ง
พิกัดที่เที่ยวใกล้เคียง : สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง , ไร่สตรอว์เบอร์รี ดอยอ่างขาง,ไร่ชา 2000 , สวนบ๊วย สวนท้อ
เชียงใหม่ที่ใหม่สดเสมอ ถึงจะมาแล้วหลายรอบก็ยังไม่เคยเบื่อ เชียงใหม่ต้นปีคือช่วงพีคของเชียงใหม่ อากาศหนาว พญาเสือโคร่ง ทุ่งดอกไม้นานานพันธ์ คาเฟ่ที่ชิคสุดในประเทศไทย ทะเลหมอก ภูเขาใหญ่ๆ สตรอเบอร์รี่ ทั้งหมดนี้รอคอยทุกคนอยู่ จองตั๋วเครื่องบินเชียงใหม่ราคาถูกคลิกเลย เจอกันที่เชียงใหม่ค่ะ
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่ Goanywhere.co
FB Page : Goanywhere