ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 2013 การเดินทางจากโตเกียวไปยังพื้นที่รอบ ๆ ฟูจิ เช่น คาวากุจิโกะ (Kawaguchiko) ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำให้สามารถวางแผนทริปสั้น ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากความงดงามของธรรมชาติแล้ว รอบภูเขาฟูจิยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น หมู่บ้านโอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai) ที่มีบ่อน้ำใสสะอาดจนเห็นปลาว่าย, Chureito Pagoda จุดชมฟูจิที่ถ่ายแล้วเหมือนโปสการ์ด และยังมีสวนสนุก Fuji-Q Highland ที่สายหวาดเสียวต้องไม่พลาด
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์เที่ยวฟูจิ 3 วัน 2 คืน พร้อมแนะนำกิจกรรม ร้านอาหาร คาเฟ่วิวฟูจิ และที่พักยอดนิยม ที่จะทำให้การเดินทางของคุณเต็มไปด้วยความประทับใจที่จะทำให้คุณหลงรักฟูจิ
Option 1 รถไฟ: นั่งรถไฟ JR Chuo Line จากสถานี Shinjuku ไปยังสถานี Otsuki จากนั้นต่อรถไฟ Fujikyu Railway ไปยังสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง
Option 2 รถบัส: ขึ้นรถบัสจากสถานี Shinjuku Expressway Bus Terminal ไปยังสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
Option 3 ขับรถ: เช่ารถขับจากโตเกียวไปยังคาวากุจิโกะ ใช้เวลาประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร
ชมวิวที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko Lake)
ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับสถานี Kawaguchiko เลย! นั่งรถบัสต่ออีกแค่ 15 นาที หรือถ้าขับรถก็แค่ 5 นาทีเท่านั้น ทะเลสาบคาวากุจิโกะเป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบที่ล้อมรอบภูเขาไฟฟูจิ เป็นจุดชมวิวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเห็นภูเขาไฟฟูจิอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ ที่มีวิวดอกซากุระบานและฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ย้อมด้วยสีแดง ในวันที่อากาศแจ่มใส ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปภูเขาไฟฟูจิสะท้อนน้ำทะเลสาบที่ไม่ควรพลาด! เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวิวที่ต้องไปตำ!
ที่นี่จัดแสดงอัญมณี อัญมณีล้ำค่า และผลึกควอตซ์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมมาจากญี่ปุ่นและทั่วโลก ครึ่งหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นร้านค้าที่คุณสามารถซื้อเครื่องประดับและของประดับตกแต่งอื่น ๆ ที่ทำจากอัญมณีประเภทเดียวกันที่จัดแสดงอยู่
เวลาเปิด-ปิด: 9.00 น. ถึง 17.30 น. (มีนาคมถึงตุลาคม) และ 9.30 น. ถึง 17.00 น. (พฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์) *ปิดทุกวันพุธ ยกเว้นวันนักขัตฤกษ์
ค่าเข้าชม: 600 เยน
คาเฟ่ที่สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากระเบียงหน้าร้าน ซ่อนอยู่ในซอยเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับทะเลสาปคาวากูจิโกะ คาเฟ่แห่งนี้ไม่ได้มีแค่กาแฟกับของหวาน แต่ยังมีชาบูและเมนูของคาวให้คุณได้ฝากท้องระหว่างก่อนไปเที่ยวยังจุดมุ่งหมายอื่น ๆ เมนูที่เราแนะนำคือ นามะช็อกโกแลต ทานกับกาแฟ พลางชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ฟินได้อีก!
เวลาเปิด-ปิด:11.00 น. ถึง 14.30 น. และ 17:30–20:30
เวลาเปิด-ปิด: 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ฟรี
ระดับ: 4 ดาว
เรียวกังหรูที่มีออนเซ็นส่วนตัวทุกห้องพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มตา! ซึ่งทั้งหมดเป็นห้องสวีท มีอ่างอาบน้ำแบบเปิดโล่งที่อยู่ติดกับห้อง เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่ที่ในการใช้เวลาชมวิวฟูจิแบบสงบเงียบและเป็นส่วนตัว
สวนโออิชิตั้งอยู่ริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ เป็นสวนดอกไม้ที่โด่งดังเรื่องทุ่งลาเวนเดอร์ในฤดูร้อน รวมถึงดอกไม้ตามฤดูกาลอื่น ๆ ที่สร้างบรรยากาศสดใสและงดงามตลอดปี ภายในสวนมีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่สวยงาม ทุ่งดอกไม้สีม่วงตัดกับภูเขาไฟฟูจิเป็นภาพที่น่าประทับใจ
บอกเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับการฝากท้องไว้ที่นี่! มีเมนูอาหารญี่ปุ่นแบบเซ็ตให้เลือกสรรมากมาย กุ้งเทมปุระ กรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน ส่วนโซบะเย็นก็อร่อย อุด้งน้ำซุปรสชาติดีมาก และราคาไม่แพง อีกทั้งยังตั้งอยู่ติดกับริมทะเลสาปคาวากูจิโกะ ได้ชมวิวธรรมชาติสวย ๆ ไปพร้อมกับทานอาหารเที่ยงอร่อย ๆ
เวลาเปิด-ปิด: 10.30 น. ถึง 17.00 น.
มีเครื่องเล่นที่ท้าทายความกล้าหลากหลายชนิด เช่น รถไฟเหาะตีลังกาและโซนสำหรับเด็กและครอบครัว ภายในสวนสนุกสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้จากหลายจุด แต่จุดที่พีคที่สุดก็คือบนรถไฟเหาะ! ก่อนคุณจะใจหายใจคว่ำกับการดิ่งลงมาจากจุดสูงสุด คุณจะได้ชมวิวฟูจิสุดอลังการบนนี้! อีกทั้งที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องบ้านผีสิงที่รีโนเวทมาจากโรงพยบาลร้างแสนน่ากลัว ไม่แน่จริง อย่าเข้า
Genroku Tonkatsu & Steak
ร้านเล็ก ๆ น่ารัก ๆ บรรยากาศอบอุ่นที่มีคุณลุง คุณป้าคอยให้บริการ เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้จะเป็นทงคัตสึ มีราคาแพงเล็กน้อย เพราะหนึ่งจานได้ปริมาณอาหารค่อนข้างเยอะ รับรองว่าได้ทานแล้วจะหายเหนื่อยจากที่ใช้พลังงานมาทั้งวัน!
จากที่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว มาเปลี่ยนวิวภูเขาไฟฟูจิเป็นอีกฝั่งหนึ่งบ้างดีกว่า! โรงแรมที่เราเลือกมาให้อยู่ติดกับทะเลสาปทานูกิ ซึ่งจะได้เห็นวิวภูเขาฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาปคาวากูจิโกะ มีบ่อออนเซ็นที่สามารถแช่ไปชิมวิวฟูจิไปได้แบบเต็มตา และมีจุดชมวิวกลางแจ้งที่เชื่อมต่อเส้นทางเดินเล็ก ๆ เพื่อเดินเล่นรอบ ๆ ทะเลสาปได้ มากกว่าไปนั้นถ้าคุณมาพักที่นี่ช่วงหน้าร้อน คุณจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงกับบนยอดภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเรียกว่า "Diamond Fuji" ด้วยนะ!
Makaino Farm เป็นฟาร์มปศุสัตว์ที่มีจุดถ่ายรูปฟูจิได้แบบใกล้ ๆ โดยที่ไม่มีอะไรมาบัง! สามารถมาเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ชนิดต่าง ๆ ในฟาร์ม บางตัวสามารถสัมผัสได้ด้วย เช่น น้องม้า น้องแกะ รวมถึงยังมีกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ขี่ม้า ให้นมแพะ ปั่นจักรยาน รีดนมวัว ขับ ATV เรียกว่าอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลยล่ะ ส่วนจุดถ่ายรูปยอดฮิตของที่ Makaino Farm คือชิงช้า! แกว่งให้สูง ๆ แล้วแชะเลย! มันจะทำให้คุณเหมือนอยู่กลางอากาศโดยมีพื้นหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิระดับในเฟรมอย่างสวยงาม
เวลาเปิด-ปิด: 9.30 น. ถึง 17.30 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ~1,200 เยน และเด็ก ~900 เยน
รถไฟ: นั่งรถไฟจากสถานี Kawaguchiko กลับไปยังสถานี Shinjuku
รถบัส: ขึ้นรถบัสจากสถานี Kawaguchiko ไปยังสถานี Shinjuku
สามารถบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังโตเกียวโดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง จากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) ลงจอดปลายทาง ณ สนามบินนาริตะ (NRT) หรือสนามบินฮาเนดะ (HND)
จองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นราคาถูกได้ที่ Traveloka
ถ้าคุณไปเพราะอยากเห็นฟูจิอย่างชัดเจน แนะนำให้เช็กพยากรณ์อากาศก่อนเดินทาง โดยเฉพาะปริมาณเมฆ เพราะบางวันแม้อากาศจะดีแต่เมฆอาจจะบังยอดฟูจิหมดเลย!
เช่น Fujisan Pass หรือ JR Tokyo Wide Pass ช่วยลดค่าเดินทางและเข้าชมบางสถานที่ฟรี
หากคุณมีบัตเจต แนะนำให้เช่ารถ แล้ว Roat Trip ไปเลย! จะได้ไม่ต้องคอยเช็คตารางเวลารถบัส และรถไฟ และสามารถเดินทางได้คล่องตัว ใช้เวลาน้อยกว่าโดยสารรถสาธารณะ อยากแวะตรงไหนก็สามารถจอดได้เลย (แต่ต้องเช็คจุดจอดดี ๆ ด้วยนะ!) ทำให้ทริปของคุณง่าย และสะดวกสบายขึ้น
สุดท้ายนี้ ญี่ปุ่นยังมีวิวธรรมชาติที่สวยงามอยู่อีกมากมายหลายเมือง เช่น เกียวโต เมืองเก่าแก่สงบ ๆ ที่มีสวนญี่ปุ่นชื่อดังและวัดเก่าแก่, นารา เมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยน้องกวาง เหมาะกับสายธรรมชาติและวัฒนธรรม, หรือ คุราชิกิ เมืองคลองย้อนยุคบรรยากาศอบอุ่นไม่พลุกพล่าน นอกจากนี้ นิกโก้ ก็เหมาะมากสำหรับคนรักธรรมชาติ แถมยังเป็นมรดกโลกที่อยู่ใกล้โตเกียว