รวมเส้นทางที่เปิดให้คุณเที่ยวฟินแบบจัดเต็มในช่วงนี้! เข้ามาเช็คข้อมูลการเดินทาง พร้อมวิธีเตรียมตัวก่อนออกทริปได้ที่ Safe Travel Page คลิกเลย
แม้หลายคนจะบอกว่าฤดูกาลพีคๆ ของเมืองน่านอยู่ที่ทุ่งนาเขียวขจีในหน้าฝนเป็นหลัก แต่เราอยากบอกว่าหน้าหนาวที่น่านก็ชิลล์เว่อร์นะ! เพราะอากาศจะเย็นสบาย ฟ้าก็ใส เหมาะกับการถ่ายรูปแบบสุดๆ ไปเลยละ และเมื่อดินฟ้าอากาศเป็นใจแบบนี้ การเช่ารถขับเที่ยวน่านคือตัวเลือกที่ดีมาก เพราะแสนจะสะดวกสบาย ลงเครื่องบินปุ๊บก็รับรถขับกันได้เลย ไม่ต้องหอบหิ้วข้าวของต่อให้พะรุงพะรัง แถมยังซอกแซกได้อย่างทั่วถึงทุกซอกซอย จะกินของอร่อยมุมไหนหลืบไหนก็ได้ เจอวิวสวยข้างทางอยากแวะถ่ายรูปก็จัดไป ทั้งสะดวกแถมยังปลอดภัยในสไตล์ New Normal ไม่ตกเทรนด์ ว่าแล้วไปดูกันก่อนเลยดีกว่า ว่าทริปขับรถเที่ยวน่านคราวนี้จะแฮปปี้ขนาดไหน ถ้าถูกใจก็เตรียมจองตั๋วแล้วตามแพลนไปเลย ใกล้สิ้นปีแล้วน้า จะเก็บวันลาไว้ทำไม??
และถ้าไม่รู้จะหาตั๋วราคาประหยัดที่ไหน ก็เข้ามาเช็คกับ Traveloka ได้เพราะเขามี Feature ใหม่ชื่อ Promo filter ที่จะช่วยให้ทุกคนหาตั๋วโปรได้ง่ายมากๆ ที่นี่เลยจ้า
ออกสตาร์ททริปกันแบบเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการไปกราบนมัสการองค์พระธาตุแช่แห้ง ซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดน่านกันก่อนเลยดีกว่า สันนิษฐานกันว่าองค์พระธาตุสูง 55.5 เมตรแห่งนี้ มีอายุกว่า 600 ปีมาแล้ว และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในโบราณสถานที่สวยที่สุดของล้านนา ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากเมืองสุโขทัย ตั้งแต่สมัย พ.ศ.1891-1901 โน่นเลยนะ เอาละ ไหว้พระกันให้สบายใจแล้วก็ล้อหมุนต่อไปเลยจ้า
อีกหนึ่งแห่งที่ไม่แวะไม่ได้เมื่อมาเมืองน่าน นั่นคือวัดภูมินทร์ ซึ่งเรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คหลักที่ต้องแวะมาเช็คอินเมื่อมาถึงเมืองนี้ นอกจากจะมีโบสถ์และวิหารเป็นอาคารทรงจตุรมุขแห่งแรกและอาจจะเป็นแห่งเดียวของเมืองไทย แถมยังอยู่ในอาคารหลังเดียวกันซึ่งไม่มีที่ไหนเหมือนแล้วนะ ที่สำคัญคือมาที่นี่ต้องมีรูปกระซิบรักบันลือโลกของปู่ม่าน - ย่าม่าน กลับไปด้วยล่ะ ถึงจะถือว่าครบครัน มาถึงแล้วอย่าพลาดกันเด้อ
ไหว้พระเสร็จสรรพก็ขอขับรถมาหาน้ำตาลเติมเข้าร่างกันหน่อยดีกว่า เพื่อความกระชุ่มกระชวยในการเดินทางต่อ มาถึงเมืองน่านแล้ว หนึ่งร้านขนมหวานที่พลาดไม่ได้ ก็คงต้องยกให้กับร้านของหวานป้านิ่ม ร้านขนมไทยชื่อดังของจังหวัดน่าน ซึ่งเน้นเสิร์ฟของหวานแบบไทยสไตล์อย่างบัวลอยไข่หวาน หรือข้าวเหนียวดำน้ำกะทิ ทีเด็ดคือที่นี่เค้ามีการเพิ่มไอศกรีมกะทิเข้าไปกับเมนูขนมไทยอีกด้วยนะ เรียกว่าฟินสองเท่าไปเลยจ้า ไม่มาไหวเหรอแบบเนี้ยยย
อีกหนึ่งแห่งที่สายฮิปทั้งหลายไม่ควรพลาด ก็คือการขับรถมาชมงานอาร์ตสวยๆ ที่หอศิลป์ริมน่าน บ้านไม้เก่าสุดชิคที่จัดแสดงงานศิลปะหลากหลายรูปแบบทั้งด้านนอกและด้านใน หอศิลป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน และเป็นที่เก็บรวบรวมงานศิลป์ของศิลปินชาวแพร่และน่านเอาไว้ให้ได้เข้าไปชมกัน ขับรถมาสบายๆ ไม่ไกลตัวเมืองนัก ก็จะได้เดินเล่นในบรรยากาศสุดผ่อนคลาย ใครเป็นสายนี้ปักหมุดที่นี่เลยจ้า
ขับรถกันต่อมาซักพัก ก็จะถึงแลนด์มาร์คหลักอีกแห่งอย่างอำเภอปัว อำเภอที่ในช่วงฤดูฝนคือพีคในพีค เพราะจะเต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียวขจี กับบรรยากาศดีๆ ที่มีภูเขาล้อมรอบ เรียกว่าสโลว์ไลฟ์สุดอ่ะ … มาปัวทั้งที ที่แรกที่ต้องแวะมาก็คือวัดภูเก็ต วัดเด็ดที่นอกจากจะได้แวะไหว้พระขอพรกันแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองปัวเลยด้วยนะ เพราะเราจะได้เห็นทุ่งกว้างซึ่งมีด้านหลังเป็นภูเขาสูง ยิ่งถ้ามาช่วงเช้าหรือเย็นคือเริ่ดสุด วิวสวย แดดไม่แรงเกินไป ใครอยากได้รูปแจ่มๆ ก็บอกได้ว่าไม่ผิดหวัง
ไหนๆ ขับรถมาถึงวัดภูเก็ตกันแล้วทั้งที จะให้ครบมันก็ต้องมีการแวะร้านฮักนาไทลื้อ & ฮักนากาแฟ ที่อยู่ติดกับวัดภูเก็ตชนิดเดินถึงกันได้ ที่นี่เป็นกระท่อมไม้หลังเล็กๆ แบบเรียบง่ายเชื่อมต่อถึงกันหลายหลัง ความชิลล์ก็คือการได้มาถ่ายรูปวิวสวยๆ ของท้องทุ่งกว้างไกล ที่ในหน้าฝนจะเหมือนพรมสีเขียวผืนใหญ่สวยแบบสุดๆ เลยละ มานั่งแวะจิบเครื่องดื่มพักแข้งพักขาพร้อมชมวิวชิลล์ๆ สุดผ่อนคลาย ไม่แวะไม่ได้จริงๆ
ขับรถต่อมาอีกไม่ไกล เพราะยังวนเวียนอยู่ในปัวนั่นละ คราวนี้ขอแวะพิกัดที่คนรักผ้าทอต้องแฮปปี้ ที่ร้านลำดวนผ้าทอ ซึ่งมีผ้าทอลายน้ำไหล อันเป็นลายท้องถิ่นของชาวไทลื้อ ให้คนชอบช้อปข้าวของแนวนี้ได้เลือกซื้อหา และถ้าไม่ได้มาซื้อผ้า ที่นี่ก็มีโซนร้านกาแฟให้ได้แวะดริ๊งค์กันอีกด้วยเด้อ ที่สำคัญคือมีมุมถ่ายรูปงามๆ เพียบจ้า ลองมาส่องเล็งมุมมองหากันให้ดี รับรองว่ามีโลเกชั่นฮิปๆ ให้เลือกเพียบเชียวละ
พักการมองหาโลเกชั่นถ่ายรูปหรือร้านกาแฟชิลล์ๆ ไว้แป๊บนะ เพราะหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเมืองปัวเค้ามีเมนูเด็ดที่มาแล้วควรต้องลองเป็นข้าวหลามเด้อ! และต้องเป็นข้าวหลามจากร้านข้าวหลามป้าเพ็ญด้วยนะ เพราะนี่ถือเป็นอีกหนึ่งอาหารซิกเนเจอร์ของที่นี่เลย ข้าวหลามร้านนี้ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะหอม นุ่ม มัน อร่อยสุดๆ แล้วนะ เค้ายังเป็นข้าวหลามแฟนซีที่มีรสให้เลือกเพียบเลยจ้า ไม่ว่าจะเป็นมันม่วง สังขยา พริกเผา หน่อไม้ กุ้ง มะพร้าวอ่อน ปลาย่าง และรสอื่นๆ อีกมากมาย มาปัวแล้วลองขับรถมาหาชิมกันให้ได้เด้อ ชี้เป้าให้ละนะ
ถ้าข้าวหลามยังหยุดยั้งความหิวได้ไม่เต็มที่ ขอให้ขับรถมาต่อกันที่ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ เลยจ้า นี่คืออีกหนึ่งในแลนด์มาร์คของอำเภอปัวที่ใครมาก็น่าจะต้องแวะจัดกันซักตั้งละ ที่นี่เริ่มจากการเป็นฟาร์มเห็ดในอำเภอปัว ก่อนจะผันตัวมาเปิดเป็นร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ในวงล้อมธรรมชาติเขียวขจี และแน่นอนว่าต้องมีเมนูเห็ดหลากหลายให้ได้ชิมกัน แต่ที่ทุกโต๊ะมาแล้วต้องสั่งมาชิมนั้น ต้องยกให้กับพิซซ่าเห็ดที่มาแบบฉ่ำชีสชนิดแค่เห็นก็ชื่นใจ รับรองว่าฟินกันได้ทุกเพศวัยอย่างแน่นอน
ถ้ามองหาที่ชมวิวบรรยากาศสบายๆ เอาไว้นั่งพักขาจิบกาแฟกันแบบชิลล์ๆ แนะนำให้ขับรถชมวิวไปเรื่อยๆ จนถึงดอยสกาด มาจากตัวอำเภอปัวระยะทางแค่ 22 กิโลเมตรเท่านั้น ไม่ทันเหนื่อยแน่นอน บนดอยสกาดมีโฮมสเตย์อยู่สองสามแห่ง และหนึ่งในนั้นคือสกาดดีโฮมสเตย์ ที่เปิดเป็นร้านกาแฟบรรยากาศดีซึ่งมีที่นั่งชิลล์จิบกาแฟกันได้เพลินๆ เครื่องดื่มของที่นี่เสิร์ฟมาพร้อมกับวิวทิวเขาของดอยภูคาที่อยู่ตรงหน้า นั่งจิบกาแฟหอมๆ ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย กับวิวแบบพาโนรามา บอกเลยว่าฟินเว่อร์!
จากอำเภอปัว มุ่งหน้าสู่อำเภอบ่อเกลือกันต่อ บอกเลยว่าถ้าเช่ารถขับในน่านนะ นี่คืออีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่น่าพลาด เพราะมีเส้นทางขับรถที่ต้องบอกว่าชิลล์มากกก หลายคนรู้จักกันในนามถนนลอยฟ้า เนื่องจากเป็นถนนบนเขาที่อยู่สูงจนสามารถมองเห็นหมอกลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบๆ ตัวได้ในช่วงเช้าๆ ระหว่างทางจะเห็นสีเขียวๆ ของต้นไม้ตัดกับหมอกขาวๆ ขับรถไปคือฟินจ้ะ เชื่อว่าแทบทุกคนที่ผ่านมาเส้นทางนี้ ต้องมีแวะถ่ายรูปเช็คอินกันบ้างแชะสองแชะแหละนะ #ดูออก
นอกจากถนนลอยฟ้าเส้นนี้จะสวยด้วยความสูงและทางโค้งแล้วนะ ยังมีจุดชมวิวของดอยภูคาที่ถือว่าพีคมากๆ ตั้งอยู่ นั่นคือบริเวณจุดชมวิว 1715 ซึ่งถ้ามาในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะมีโอกาสได้ลุ้นดูทะเลหมอกแจ่มๆ กันที่จุดนี้ด้วยนะ ส่วนที่ชื่อ 1715 ก็เป็นเพราะว่านี่คือตัวเลขความสูงของจุดชมวิวบริเวณนี้ ช่วงเช้าๆ นี่คือชิลล์มากกก ถ้าอยากขับรถท่ามกลางอากาศเย็นสบาย ลงทุนตื่นเช้ากันหน่อยละกันเด้อ
มาถึงอำเภอบ่อเกลือกันทั้งที ต้องแวะมาเช็คอินที่บ่อเกลือโบราณ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่กันซักหน่อย เพราะนี่คือแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ที่หาดูได้ยากแล้วในปัจจุบันนี้ นอกจากจะได้ดูกรรมวิธีผลิตเกลือแล้ว ที่นี่ยังมีสปาเกลือให้เราได้ผ่อนคลายกันด้วยนะ แล้วถ้ามองหาอะไรรองท้องอยู่พอดี ลองจัดไข่ต้มเกลือของที่นี่ดูซักฟองสองฟองนะ มาแล้วควรได้ชิม
ขับรถต่อมาอีกไม่เท่าไหร่ ก็จะได้เจอกับพิกัดชิลล์ๆ แสนสบายอย่างในหมู่บ้านสะปัน หมู่บ้านเล็กๆ สุดน่ารักที่เงียบสงบ เต็มไปด้วยต้นไม้ และมีลำธารไหลผ่าน ที่นี่เป็นหมู่บ้านในฝันสำหรับคนที่รักความเรียบง่ายและสโลว์ไลฟ์แบบสุดๆ ไปเลยละ อากาศก็สบาย รอบด้านรายล้อมไปด้วยทิวเขา จะขับรถเที่ยวหรือจะหาจักรยานเช่าปั่นรอบๆ หมู่บ้านก็ชิลล์เว่อร์ เผลอๆ ได้มุมถ่ายรูปฮิปๆ เพียบไปอีกนะ ว่าไม่ได้
ถึงหมู่บ้านสะปันจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เงียบสงบกลางขุนเขา แต่อย่านึกนะจ๊ะว่าจะหาที่นั่งชิลล์เก๋ๆ เม้าท์มอยกันไม่ได้ เพราะที่นี่เค้ามีคาเฟ่สุดชิคที่ชื่ออุ่นไอมางเปิดให้บริการ ตัวร้านเป็นบ้านไม้แบบเก่าหลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ในทำเลสวยเว่อร์ริมแม่น้ำ ร้านนี้มีกาแฟดริปให้แวะจิบกันสบายๆ อยากได้โซนที่นั่งเอ๊าท์ดอร์ใกล้แม่น้ำเค้าก็มี หรือจะนั่งชิลล์ที่บาร์บรรยากาศวินเทจบนชั้นสองก็ได้ จิบกาแฟ กินขนม พร้อมชมความสวยของธรรมชาติรอบตัวและสูดอากาศดีๆ ไป ไม่ฟินก็ไม่รู้จะใช้คำไหนแล้วละ เอาจริงๆ
ก่อนบอกลาหมู่บ้านสะปัน ขอส่งท้ายกันด้วยความสวยของน้ำตกประจำหมู่บ้านซะหน่อยดีกว่า น้ำตกสะปันเป็นน้ำตกขนาด 3 ชั้น ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี และด้วยความที่เป็นน้ำตกซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก และไม่ได้เป็นแลนด์มาร์คหลักของจังหวัดนี้ น้ำตกสะปันจึงมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์เชียวละ ทางเข้าไปดูแต่ละชั้นคือต้องเดินกันยาวๆ หน่อยนะ แต่ถ้าใครเป็นสายเขียวที่ชอบชมนกชมไม้ในป่า เชื่อว่าน่าจะแฮปปี้ชัวร์
จากหมู่บ้านสะปัน ขับรถข้ามฟากกันมายาวๆ ที่ดอยเสมอดาว หนึ่งแลนด์มาร์คหลักที่เราว่าคนมาน่านหลายคนต้องนึกถึง โดยเฉพาะถ้าใครเป็นสายแค้มปิ้งที่ชอบบรรยากาศธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้อยากจะบุกป่าฝ่าดงลำบากลำบนอะไรมากมายนักอ่ะนะ ที่นี่คือดีงาม เพราะเป็นดอยที่เราจะได้นอนดูดาวตอนกลางคืนแบบฟินๆ ได้ตื่นมาดูทะเลหมอกตอนเช้าที่อยู่ตรงหน้า แต่ว่าไม่ต้องเดินขึ้นมาให้เหนื่อยจ้า เพราะขับรถเข้ามาถึงด้านบนได้เลย เริ่ดเด้อ
จากดอยเสมอดาว ขับรถเลยมาอีกไม่นานเท่าไหร่ก็จะได้เปลี่ยนฟีลจากวิวภูเขาเขียวๆ มาเป็นที่เที่ยวแนวจูราสสิก ให้อารมณ์แบบโลกล้านปีกันนิดๆ ที่เสาดินนาน้อย - คอกเสือ กับผาดินที่มีริ้วรอยการถูกกัดเซาะจากลมและฝนมานานนับร้อยๆ ปี จนเกิดเป็นรูปร่างที่แปลกตา บางมุมเป็นแบ็คกราวนด์ถ่ายรูปออกมาได้เก๋นะ แต่อาจจะต้องเดินหากันซะหน่อย บอกเลยว่างานนี้ถ้าตาดี หาพิกัดที่เริ่ดๆ ได้ รูปโปรไฟล์ออกมาฮิปแน่ เชื่อเรา
ขับรถกลับเข้ามาชิลล์ในเมืองกันต่ออีกนิดดีกว่า แต่บอกเลยว่าเป็นความชิลล์ที่ต้องใช้กำลังแลกมาซักนิดละนะ กับการเดินขึ้นบันไดสามร้อยกว่าขั้นมากราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดพระธาตุเขาน้อย วัดเก่าแก่ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์เจดีย์ที่ด้านในมีพระเกศาธาตุขององค์พระพุทธเจ้าอยู่ด้านใน และนอกจากจะได้แวะมาไหว้พระก่อนปิดทริปเมืองน่านอย่างแท้ทรูแล้วนะ ด้วยความสูง 240 เมตรของที่นี่ ทำให้ลานด้านบนของวัดนี้กลายเป็นจุดชมวิวที่ชิลล์เว่อร์ มาเช้าก็ดี มาค่ำก็เริ่ดเด้อ ลองเลือกเอา
ปิดท้ายทริปน่านคราวนี้กันที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองน่านเท่านั้นนะ เพราะบอกเลยว่าสะดุดตากันตั้งแต่ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์กันเลยเชียวละ กับตึกเก่าหน้าตาคลาสสิกที่ให้ฟีลแบบ eat meet west เว่อร์ สีสันก็สดใสสะดุดตามาแต่ไกล แต่ที่ถือเป็นไฮไลท์ซึ่งทุกคนต้องแวะมาแชะภาพเก็บไว้ก็คงต้องยกให้กับซุ้มต้นลีลาวดีที่อยู่ด้านนอก บอกเลยว่าจะมีดอกหรือจะเหลือแต่ก้านก็ถ่ายรูปออกมาเริ่ดหมด ฮิปแน่ แค่ต้องแวะมา!
น่านเป็นเมืองสะดวกสบายที่ไปเมื่อไหร่ก็ให้ฟีลสโลว์ไลฟ์แบบสุดๆ เมื่อนั้นละ แถมที่นี่ยังเป็นเมืองเล็กซึ่งเดินทางง่าย แค่นั่งเครื่องบินมาชั่วโมงเดียวเองนะ แนะนำเลยว่าถ้าอยากเที่ยวให้ทั่วต้องเช่ารถขับเท่านั้นเด้อ ทั้งชิลล์ ทั้งสะดวกสบาย แถมยังได้แวะได้ไปทุกที่ที่เล็งไว้แบบทั่วถึงเลยละ หนาวนี้ลองปักหมุดมาเมืองน่านดูหน่อยมะ หนาวๆ เนิบๆ สบายๆ ได้รูปฮิปๆ พร้อมแรงบันดาลใจให้กลับไปสู้งานหนักกันได้อีกนานเลยเชียวละ เชื่อสิ!