0

Thamonwan B

19 Aug 2020 - 5 min read

ทริปพาเที่ยวระนอง ลองแล้วจะรักมัลดีฟส์เมืองไทย

เชื่อว่าหลายคนอาจจะกำลังวางแผนที่จะไปเที่ยวมัลดีฟส์ แต่พอโควิด-19 (Covid-19) ก็เป็นอันต้องพับทริปกันไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนนี้จริงอยู่ว่ายังไปเที่ยวต่างประเทศกันไม่ได้ แต่สำหรับใครที่คิดถึง หรืออยากไปมัลดีฟส์ เราจึงขอนำเสนอ “ระนอง” ให้คุณได้ลองมาเที่ยวมัลดีฟส์เมืองไทยกันไปแบบพลางๆ เพราะถึงแม้ว่าระนอง จะเป็นเมืองรองทางภาคใต้ แต่เสน่ห์ของระนอง ก็อยากให้ทุกคนได้มาลองสัมผัสกันด้วยตัวหาก หากใครเบื่อเที่ยวเมืองใหญ่ อย่าง ภูเก็ต หัวหิน กระบี่ สุราษฯ แล้วนั้น ลองมาเที่ยวระนองกันดูสักที แล้วจะหลงรักแน่นอน

ด้วยความที่ประหยัดเวลาทริปนี้เราเลยจองตั๋วเครื่องบินไประนองกัน โดยจองตั๋วเครื่องบินไประนองกับ Traveloka เพราะชอบตรงที่สามารถปรับเลือกราคาได้ชัดเจน มีฟังก์ชั่น Smart Combo เวลาที่จองขาไป และขากลับที่เป็นสายการบินเดียวกัน ก็จะช่วยลดราคาลงไปได้อีกเลยแหละ นอกจากนั้นทริปนี้ เรายังได้เช่ารถระนอง เอาไว้ขับในระนองแบบชิลล์ๆ ถูกใจคนที่ชอบ Road Trip เลย เพราะสะดวกมาก แค่พอถึงสนามบินแล้วก็นำใบเสร็จอิเล็กทรอกนิกส์ไปรับรถกันได้เลย

Day 1

ทางเราได้จองตั๋วเครื่องบินไประนอง โดยเที่ยวบินที่เช้าตรู่มากที่สุด เพื่อจะได้เที่ยวได้เยอะที่สุด เพราะว่าทริปนี้เป็นทริป 3 วัน 2 คืน ที่ใครๆ ก็มาเที่ยวตามกันได้นะ โดยจะเน้นที่เที่ยวธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ ก็คือการมาเยือนมัลดีฟส์เมืองไทย หรือว่าเกาะพยามนั่นเอง แต่วันแรกนี้ เราจะเน้นเที่ยวภายในเมืองระนองกันก่อน หลังจากที่บินมาลงระนองแล้ว ก็รอรับรถเช่าระนองที่สนามบิน จากนั้นก็ขับไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อน ก่อนเป็นที่แรก

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน

จุดหมายปลายทางแรกของเราก็คือ “บ่อน้ำร้อน” อันที่จริงที่ระนองเอง ก็ขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำพุร้อนมาก แล้วก็มีหลายแห่งด้วยกัน แต่ที่เราเลือกมาที่แรกก็คือ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริณ เป็นหนึ่งในบ่อน้ำร้อนที่ขึ้นชื่อมาก ความโดดเด่นของบ่อน้ำร้อนแห่งนี้ ก็คือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตั้งอยู่ภายในบริเวณสวนสาธารณะรักษะวาริณ

แต่เดิมทีที่บ่อน้ำร้อนนี้ จะเป็นบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่เท้า มีด้วยกันทั้งหมด 3 บ่อ ก็คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูกสาว ความโดดเด่นอีกหนึ่งอย่างก็คือน้ำร้อนของที่นี่ จะไม่มีกำมะถันเจือปน ไม่มีกลิ่นของกำมะถัน มีแต่แร่ธาตุล้วนๆ จึงเกิดความเชื่อที่ว่านอกจากบ่อน้ำร้อนจะช่วยผ่อนคลายร่างกายได้ดี อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอีกด้วย เนื่องจากภายในน้ำร้อน นั้นมีแร่ธาตุอยู่ภายในนั้นเอง สำหรับใครที่อยากแช่เท้า ที่บ่อน้ำร้อนรักษะวาริณ สามารถแช่ได้ฟรี แต่ถ้าหากว่าอยากแช่ตัว ก็อาจจะต้องเสียเงิน เพราะเป็นของสัมปทาน

อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว (Ngao Waterfall National Park)

ที่ระนองไม่ได้มีแค่ทะเลสวยอย่างเดียว แต่ถ้าหากใครเป็นสายเที่ยวธรรมชาติ แนะนำให้ปักหมุดเอาไว้ที่ “อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว (Ngao Waterfall National Park)” รับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะส่วนตัวเราคิดว่าน้ำตกหงาว เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุดน้ำตกหนึ่งเลยทีเดียว ไฮไลท์ของน้ำตกหงาว ก็คือการเป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาอันสูงชั้น ตกลงมาเป็นสายแสนงดงาม ช่วงที่น้ำตกหงาวจะมีปริมาณน้ำมากที่สุด ก็คือช่วงมิถุนายน แต่แนะนำว่าหากใครมา ให้เช็คสภาพอากาศให้ดี ไม่ค่อยนิยมแนะนำให้ใครมาเที่ยวน้ำตกช่วงฤดูฝนกันสักเท่าไหร่

สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวน้ำตกหงาว สามารถมานอนพัก หรือว่ามากางเต้นท์ได้ เพราะมีบ้านพักอุทยานให้บริการ ตกราคาแค่ประมาณ 600 บาทขึ้นไป ไม่แพงมาก ซึ่งนอกจากน้ำตกอันสวยงามแล้ว บรรยากาศบริเวณโดยรอบน้ำตก ก็ยังเต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติ สำหรับสัตว์ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของน้ำตกหงาว ก็คือปูเจ้าฟ้า ที่เป็นปูน้ำตกพันธุ์ใหม่ ที่พบแค่ที่นี่เท่านั้นในโลก ถึงแม้ว่าอากาศดีตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวน้ำตกหงาว มากที่สุดก็คือช่วงเดือนพฤศจิกายน - เมษายน ที่สำคัญภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวยังมีออนเซ็นธรรมชาติให้แช่ด้วย

บ่อน้ำพุร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Spring)

หากมีโอกาสได้แวะมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ก็ไม่อยากให้พลาดที่จะมาเยือน “บ่อน้ำพุร้อนพรรั้ง (PornRang Hot Spring)” เพราะว่าเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สามารถลงไปแช่ได้ทั้งตัวเลย ไม่เหมือนน้ำพุร้อนรักษะวาริณที่แช่ได้แค่เท้าเท่านั้น ความโดดเด่นของบ่อน้ำพุร้อนพรรั้ง ก็คือมีน้ำพุร้อนที่ใสสะอาด ไม่มีกำมะถันเจือปนแต่อย่างใด มีอุณหภูมิประมาณ 30-40 องศาเซสเซียสได้ และมีตาน้ำมากถึง 13 ตาน้ำ อยู่ทั่วทุกบริเวณภายในอุทยานแห่งชาตินี้ ข้อดีก็คือมีบ่อน้ำพุให้เลือกหลายแบบ เสียค่าเข้าประมาณ 40 แบบ แต่ส่วนตัวคิดว่าคุ้มมาก เพราะมีทั้งแบบฝักบัว แบบตักอาบ และแบบลงไปแช่

บ้านไร่ไออรุณ

ก่อนที่จะไปนอนเกาะพยามในคืนพรุ่งนี้ เราพามาเที่ยวที่บ้านไร่ไออรุณกันก่อน ซึ่งบ้านไร่ไออรุณนี้ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักแบบเป็นฟาร์มสเตย์ ให้คุณได้หนีเมืองกรุง หนีรถติด งานหนัก หรือความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลาย มาฟื้นฟูสภาพจิตใจกันที่ฟาร์มสเตย์ออกกานิกส์แห่งนี้ หากใครที่ชอบเที่ยวแนวธรรมชาติ หรืออยากลองไปนอนฟาร์มสเตย์แบบวิถีชาวบ้านกันดูสักครั้ง บ้านไร่ไออรุณก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

ด้วยหลักความคิดที่ว่า “พื้นที่แห่งรักที่เป็นมากกว่าบ้าน” ทำให้บ้านไร่ไออรุณเต็มไปด้วยความอบอุ่น อย่างเป็นกันเอง เหมือนได้มาพักที่บ้านเพื่อน ซึ่งรอบล้อมไปด้วยสีเขียวของธรรมชาติ ทั้งแปลงผักออกกานิกส์ ที่ทางไร่ปลูกเอง และก็ขายเองในราคาที่ไม่แพง หากใครที่ไม่ได้อยากจะมานอนพักที่บ้านไร่ไออรุณนี้ ก็สามารถมาอุดหนุนสินค้าของบ้านไร่แห่งนี้ หรือว่าแวะมารับประทานอาหารที่โซนสวนอาหารได้อีกด้วยเช่นกัน

สำหรับทริปนี้เราก็ได้เลือกที่จะมาพักที่บ้านไร่ไออรุณ ที่เปิดให้เข้ามาพักแบบบ้านเป็นหลัง ที่แนะนำเลยว่าถ้าหากว่าใครสนใจ ก็ให้จองมาล่วงหน้า โดยเฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยว นั้นเต็มเร็วมากทีเดียวเชียวแหละ แต่คนที่จะมาพักที่บ้านไร่ไออรุณ ก็จะต้องยอมรับเงื่อนไขให้ได้ ว่าคุณจะต้องใช้เวลากับตัวเอง ธรรมชาติ และคนร่วมทริป เพราะนอกเหนือจากเครื่องปรับอากาศแล้วนั้น แม้แต่น้ำอุ่น ทีวี หรือว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟก็จะไม่มี บ้านพักที่บ้านไร่ไออรุณก็จะสวยแบบธรรมชาติ เพราะทำจากวัสดุไม้ เน้นบรรยากาศความโปร่งโล่งสบาย รับรองว่ามาพักที่นี่ได้รูปสวยๆ กลับไปเพียบแน่นอน

ซึ่งหลังจากที่เช็คอินเข้าพักที่บ้านไร่ไออรุณแล้ว เราก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนอีก เพราะอยากจะชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามรอบข้าง ที่สำคัญที่บ้านไร่ไรอรุณนี้ยังมีการทำฝายกั้นเล็กๆ ให้น้ำไหลผ่าน เปรียบเสมือนเป็นลำธารขนาดย่อมอีกด้วย ใครที่ชอบเที่ยวบรรยากาศธรรมชาติ มาเที่ยวที่บ้านไร่ไออรุณไม่ผิดหวังแน่นอน

Day 2

เกาะพยาม (Ko Phayam)

มาถึงไฮไลท์หลักของเราในทริปนี้ ตั้งตารอคอยมานานมาก กับการมายลโฉมกับมัลดีฟส์เมืองไทย ซึ่งบอกเลยว่าไม่ผิดหวัง เที่ยวไทยก็มีที่เที่ยวสวยๆ ไม่แพ้กับไปเมืองนอกเลยทีเดียว เกาะพยามนี้ เป็นเกาะหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในจังหวัดระนอง ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง ตำบลเกาะพยาม ถือว่าเกาะพยามนี้ใหญ่ ติดหนึ่งในสองเกาะที่ใหญ่ที่สุดในระนองเลยก็ว่าได้ (อีกเกาะหนึ่งก็คือเกาะช้าง) ด้วยความที่ชื่อเกาะพยาม นั้นได้มาจาก แต่ก่อนการเดินทางมาเที่ยวที่เกาะนี้ลำบากมาก มีแค่เรือแล่นมาเพียงเที่ยวเดียวเท่านั้น หากใครที่พลาดเรือเที่ยวนั้นแล้ว ก็จะต้องรอเรือเที่ยวต่อไป ทำให้ต้องมีความพยาม ถึงมายังเกาะพยามนี้ได้

จุดเด่นของเกาะพยาม ก็คือเป็นทะเลสีฟ้าใสคราม แต่ก็จะมีบางมุมนั้นที่ทะเลมีโทนสีเขียวสวยงาม และตรงกลางของเกาะนั้นเป็นพื้นที่ป่าชายเลน เมื่อน้ำทะเลมาเจอกับป่าชายเลน จึงทำให้วิวทิวทัศน์ของเกาะพยามนั้นมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น หากใครมีเวลา แล้วอยากข้ามมาเที่ยวที่เกาะพยาม แนะนำให้ลองนอนสักคืน สำหรับทริปนี้เราก็ไม่ได้พลาด เพราะว่าได้จองรีสอร์ทบนเกาะพยามกับ Traveloka มาแล้วล่วงหน้า

เดอะบลูสกาย รีสอร์ท เกาะพยาม (The Blue Sky Resort - Koh Payam)

มาถึงระนอง และเกาะพยามทั้งที ก็ต้องมาพักที่เดอะบลูสกาย รีสอร์ทแห่งนี้ เพราะเป็นรีสอร์ทที่ทำให้ระนอง ได้รับฉายาว่าเป็นมัลดีฟส์เมืองไทย ความโดดเด่นของที่พักบลูสกายแห่งนี้ คือมีทำเลที่ตั้งติดทะเล จากตัวรีสอร์ทก็สามารถเดินลงชายหาดได้เลย แล้วคือว่าน้ำทะเลใสสะอาดเป็นอย่างมาก

ที่สำคัญคือตัววิลล่าแต่ละหลังของรีสอร์ทแห่งนี้ ได้ตั้งอยู่ใจกลางน้ำทะเล บริเวณป่าชายเลน ตัวน้ำจะไม่ได้ออกสีฟ้าใส แต่จะออกเป็นโทนสีเขียวสวย ทำให้สามารถลงเล่นน้ำ หรือว่าพายเรือคายัคก็ได้ด้วยเช่นกัน ไฮไลท์ก็คือเมื่อเปิดประตูวิลล่าออกไป ก็จะเห็นน้ำอยู่ด้านหน้าเลยทีเดียว เหมือนกับเป็นที่พักกลางน้ำเหมือนที่มัลดีฟส์ ตอนนี้ยังบินไปมัลดีฟส์ไม่ได้ ก็เที่ยวระนองไปก่อน สวยไม่แพ้กันเลย นอกจากนั้นบริเวณโดยรอบก็จะเป็นธรรมชาติสีเขียวขจี รับรองว่าถูกใจนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติอย่างแน่นอน

ซึ่งแนะนำว่าใครที่ต้องการจองที่พักเกาะพยามแห่งนี้ ก็ควรสอบถามให้ดีซะก่อน เพราะห้องพักก็มีหลายรูปแบบ และโลเคชั่นก็อาจจะแตกต่างกันไปตามราคา ที่สำคัญคือจะมีช่วงน้ำขึ้น และน้ำลด แนะนำให้เตรียมตัวก่อนไปให้ดี ถ้าไปผิดช่วง น้ำทะเลอาจจะไม่หนุนขึ้นมาแบบนี้ แล้วก็อาจจะไม่ได้ถ่ายรูปสวยๆ

วัดเกาะพยาม

อันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าจะใช้เวลากับรีสอร์ทได้ทั้งวัน แต่เราก็อยากจะมาเที่ยวที่อื่นในเกาะพยามกันบ้าง ซึ่งจุดหมายปลายทางนั้นก็คือ “วัดเกาะพยาม” เป็นวัดที่อยู่คู่กับเกาะพยามมาเป็นเวลานาน เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเกาะพยาม รวมถึงยังเป็นที่เที่ยวอันซีน (Unseen) ของระนองอีกด้วย เนื่องจากเพราะว่าวัดเกาะพยามนี้ มีโบสถ์อยู่กลางทะเลเลย ถ้าใครข้ามเรือมาแล้ว ก็สามารถแวะเที่ยววัดเกาะพยามได้เลย เพราะตั้งอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือของเกาะพยามนั่นเอง นอกจากจะมีโบสถ์ที่ขึ้นอยู่กลางน้ำแล้วนั้น ยังสามารถเดินขึ้นไปด้านบน เพื่อสักการะพระพุทธวิริยะ ชัยมงคลได้ด้วย ทริปนี้เราก็ขอแวะทำบุญกันสักหน่อย

กลับมาจากการไหว้พระ ก็ใช้เวลาที่เหลือครึ่งวันที่รีสอร์ทแห่งนี้ ด้วยการพายเรือคายัค ว่ายน้ำ นอนริมทะเล เป็นการพักผ่อนที่ถือว่าคุ้มค่ามาก เพราะธรรมชาติที่ระนองนั้นสวยไม่แพ้จังหวัดอื่นเลย พร้อมกับปิดท้ายทริประนองลองแล้วจะรักของเรา ไปด้วยการนอนเอนกาย เอ็นจอยไปกับธรรมชาติ ดื่มด่ำอากาศอันบริสุทธิ์ นอนนับดาวฟังเสียงคลื่นที่เกาะพยามกันไป 1 คืนถ้วน เมื่อเติมพลังเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ก็ถึงเวลาเก็บที่เที่ยวระนองอีกนิดหน่อย แล้วก็จะได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ กัน

Day 3

ภูเขาหญ้า (Phu Khao Ya)

หลังจากที่ข้ามกลับมาจากเกาะพยาม เราก็ขับรถมาตะลุยที่เที่ยวต่ออีกประมาณ 2 แห่งที่แพลนไว้ ก่อนที่จะบินกลับกรุงเทพฯ ในค่ำคืนนี้ สำหรับเช็คอินที่แรกทีเล็งไว้ก็คือ ภูเขาหญ้า ตั้งใจมาเพื่อที่จะถ่ายรูปล้วนๆ เลย ด้วยความที่ภูเขาหญ้านี้เป็นโลเคชั่น ที่เหมาะสำหรับการถ่ายรูปมาก เนื่องจากว่าไม่มีต้นไม้ใหญ่เลย มีแต่หญ้าขึ้นปกคลุมไปทั่วภูเขา ที่สำคัญคือมาเที่ยวกันได้ทั้งปีเลยแหละ หากใครที่อยากตามรอยมาเที่ยวที่ภูเขาหญ้านี้ แนะนำว่าให้วิ่งจากตัวเมืองระนอง เข้าทางหลวงหมายเลข 4 มาทางระนอง - พังงา เรื่อยๆ ก็จะเจอกับภูเขาหญ้า

จุดชมวิวเขาฝาชี (Khao Fa Chi)

หลังจากเห็นวิวสวยในรูปภาพของ “จุดชมวิวเขาฝาชี (Khao Fa Chi)” ก็ทำให้เราเกิดความมุ่งมั่นที่จะขับรถมาเที่ยวให้ได้ ซึ่งระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ แต่เมื่อใจมันสั่งมา ก็เลยต้องมาให้ถึง หากใครที่อยากได้วิวสวยของทะเล และทิวเขาแบบพาโนราม่า รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะว่าจุดชมวิวนี้ เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของจังหวัดระนอง ที่มาของเขาฝาชี ก็เพราะว่าบริเวณเขาลูกนี้ นั้นมีลักษณะเหมือนกับฝาชีนั่นเอง จุดเด่นของจุดชมวิวเขาฝาชี คือคนส่วนใหญ่นิยมมาถ่ายรูปวิวสวย และเฝ้ารอช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน อยากชวนทุกคนออกไปเที่ยวไทย ไปผ่อนคลายหนีความวุ่นวาย กลับสู่อ้อมกอดของธรรมชาติกันเถอะ

หลังจากที่ชมวิวสวยของระนองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามุ่งหน้ากลับไปยังสนามบินระนอง เพื่อรอเวลากลับไปยังกรุงเทพฯ ใครที่อยากเช่ารถขับที่ระนอง ก็ไม่ต้องห่วง สามารถจองรถเช่าระนองกับ Traveloka ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน ที่พัก หรือว่ารถเช่าก็มีให้จองครบเลยทีเดียว หากอยากได้ตัวช่วยแพลนทริปเที่ยวระนองให้เป็นเรื่องง่าย เปิดทราเวลโลก้ามาแล้วจองเลย

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร