แค่นั่งรถไฟจากโตเกียวมา 2 ชั่วโมง คุณก็จะได้พบกับเมืองแห่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของวัด และศาลเจ้าต่าง ๆ ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาและทะเลสาป เรียบง่าย และสงบสุข เพราะที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธนิกายชินโต จนได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO จะไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ (One Day Trip) หรือหลบหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงไปพักผ่อนที่ Nikko สัก 2-3 วันเพื่อพักจิตใจ ใช้ชีวิตให้ช้าลงก็สามารถไปที่เที่ยวที่เราลิสต์มาให้ได้ เพราะเราคัดแต่สถานที่สโลวไลฟ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมที่น่าหลงไหลเอาไว้ให้คุณแล้ว
น้ำตกเคะงนเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยความสูงกว่า 97 เมตร และเป็นที่เที่ยวสำคัญของ Nikko และยังเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ไฮไลต์คือน้ำตกที่ไหลลงมาจากทะเลสาบชูเซ็นจิท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี จะงดงามเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากขึ้น ลงบันได สามารถใช้บริการลิฟต์ลงไป 100 เมตร เพื่อไปยังจุดชมวิว มีค่าบริการประมาณ 600 เยน มีตู้ขายของที่ระลึกที่สามารถใส่ชื่อของคุณและวันที่ได้ ต้องจ่ายด้วยเหรียญเท่านั้น ให้พกเหรียญสำรองมาด้วย! ในช่วงเย็นพระอาทิตย์จะตกฝั่งทะเลสาปชูเซนจิ (ทิศตรงข้ามกับน้ำตก) เป็นวิวธรรมชาติน่าหลงไหลที่ไม่ควรพลาด จึงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
การเดินทาง: นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō ไปลงที่ Chuzenji Onsen ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
ค่าเข้าชม: ฟรี *มีค่าใช้จ่ายหากต้องการใช้บริการลิฟต์ไปยังจุดชมวิว
สะพานไม้สีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้าฟุตาระซัง และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง Nikko สะพานชินเคียวเชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งของแม่น้ำ Daiya-gawa มีความเชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่แบ่งเส้นเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตัวสะพานถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น และยังถูกลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ตั้งแต่ปี 1999 ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง จะกลายเป็นที่เที่ยวที่มีเสน่ห์สุด ๆ ด้วยฉากหลังเป็นภูเขาอันยิ่งใหญ่ที่รายล้อมด้วยใบไม้เปลี่ยนสี
การเดินทาง: ลงสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō Station หรือสถานี JR Nikko จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที
ทะเลสาบที่เงียบสงบบนเขานันไต ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ ซึ่งเกิดจากการปะทุของ ภูเขานันไต กว่า 20,000 ปีก่อน เป็นหนึ่งในที่เที่ยว Nikko ที่ได้รับความนิยมในทุกฤดูกาล มีจุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวทะเลสาปและ Landscape ทั้งหมดได้แบบ 360 องศา และยังมีเส้นทางสำหรับเดินป่า (Trekking) ที่มีความยาวประมาณ 25 กิโลเมตรสำหรับสายลุยอีกด้วย ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี รอบ ๆ ทะเลสาปจะถูกย้อมไปด้วยใบไม้มีแดงส้ม ทำให้บรรยากาศโรแมนติกถึงขั้นสุด ต่างจากฤดูอื่น ๆ หรือถ้ามาเที่ยวในช่วงหน้าหนาว ทะเลสาปชูเซ็นจิก็เหมาะกับผู้ที่มองหาที่เที่ยว Nikko ในหน้าหนาวที่เงียบสงบ
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1617 โดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นกว่า 127,000 คน เพื่ออุทิศแด่โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu) คุณจะได้เห็นลวดลายและรายละเอียดที่แสนวิจิตรงดงามทั่วทั้งบริเวณศาลเจ้า ช่น ลิงสามตัว ประตูโยเมมง รูปปั้นแมวหลับ Nemurineko และ เจดีย์ 5 ชั้น เป็นหนึ่งในที่เที่ยว Nikkoที่งดงาม และได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกที่หนึ่งของญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ Nikko
เวลาเปิด-ปิด: 9.00 น. ถึง 17.00 น. (พฤศจิกายน - ธันวาคม 9.00 น. ถึง 16.00 น.)
การเดินทาง: อยู่ห่างจากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko โดยใช้เวลาเดิน 30-40 นาที หรือโดยสารรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō 10 นาที
ค่าเข้าชม:
สถานที่ท่องเที่ยวแนวธีมพาร์คที่จำลองชีวิตยุคเอโดะได้อย่างสมจริงเหมือนหลุดกลับไปยุคนั้นจริง ๆ มีทั้งหมู่บ้านนินจา หมู่บ้านซามูไร เป็นที่เที่ยว Nikko ที่เต็มไปด้วยการแสดง การแต่งกายย้อนยุค และกิจกรรมสนุกมากมาย คุณสามารถเช่าชุดกิโมโนแล้วเดินเล่นที่นี่ได้ทั้งวัน นอกจากนั้นก็ยังมีร้านอาหาร และร้านของฝากจำนวนมาก เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงกลายเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัว
เวลาเปิด-ปิด: 09.00-17.00 น. (20 มี.ค.-30 พ.ย.) และ 09.30-16.00 น. (ธ.ค.-19 มี.ค.)
*ปิดทุกวันพุธ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และช่วงปิดเทอม)
*ปิดวันวันอังคารบางวัน และอาจมีการปิดทำการเป็นระยะเวลานานเพื่อซ่อมบำรุง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว แนะนำให้เช็คก่อนเดินทาง
การเดินทาง:
ค่าเข้าชม: 5,800 เยน (5,000 เยนหลัง 14.00 น. ในฤดูร้อนหรือ 13.00 น. ในฤดูหนาว)
*เครื่องเล่นและประสบการณ์บางอย่างอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
หมู่บ้านออนเซ็นท่ามกลางหุบเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องเทศกาลคะมะคุระ (Kamakura Festival) ที่จะมีการระดับไฟในฤดูหนาว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น! และสาเหตุที่เมือง Nikko ถูกเรียกอีกชื่อว่า เมืองแห่งออนเซ็น ก็เพราะเป็นเมืองที่มีภูมิศาสตร์อยู่กลางหุบเขา เวลาหิมะตกในหน้าหนาวจึงหนาวมาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนมักสร้างบ่อออนเซ็นไว้แช่หลาย ๆ แห่ง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว คุณสามารถแช่ออนเซ็นร้อน ๆ กลางหุบเขาหิมะขาวโพลน บรรยากาศสุดโรแมนติกได้ที่นี่ เป็นประสบการณ์แฟนตาซีในแบบญี่ปุ่น ๆ ที่ลืมไม่ลงแน่นอน เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่เที่ยว Nikko หน้าหนาว ที่เงียบสงบและมีเอกลักษณ์ ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
วัดรินโนจิเป็นวัดพุทธสำคัญในที่เที่ยว Nikko ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 8 โดยท่านโชโด โชนิน (Shodo Shonin) ซึ่งคือพระสงฆ์ชาวพุทธ ผู้เผยแพร่ศาสนาพุทธให้กับเมือง Nikko ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลักต่างๆ รวมถึง พระพุทธรูปพันมือและ พระพุทธรูปที่มีศีรษะเป็นม้า และมีสวนญี่ปุ่นให้เดินชม เหมาะกับผู้ที่สนใจด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม
เวลาเปิด-ปิด: 08.00 น. ถึง 17.00 น. (เปิดถึง 16.00 น. ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม)
การเดินทาง: อยู่ห่างจากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko โดยใช้เวลาเดิน 30-40 นาที หรือโดยสารรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō 10 นาที (ใกล้กับศาลเจ้าโทโชกุ)
ค่าเข้าชม:
ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 782 โดยท่านโชโด โชนิน (Shodo Shonin) พระภิษุกสงฆ์ ผู้นำศาสนาพุทธในเมือง Nikko สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้า 3 องค์ ได้แก่ โอกูนินูชิ (Okuninushi), ทาโงริฮิเมะ (Tagorihime), และอาจิซูกิตากาฮิโกเนะ (Ajisukitakahikone) ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุเป็นร้อย ๆ ปี ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาขอพรเรื่องสุขภาพและครอบครัว นักท่องเที่ยวสามารถเดินจากศาลเจ้าโทโชกุมาได้ง่าย
เวลาเปิด-ปิด: 8.00 น. ถึง 17.00 น. (เมษายนถึงตุลาคม) และ 9.00 น. ถึง 16.00 น. (พฤศจิกายนถึงมีนาคม)
การเดินทาง: อยู่ห่างจากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko โดยใช้เวลาเดิน 30-40 นาที หรือโดยสารรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō 10 นาที (ใกล้กับศาลเจ้าโทโชกุ)
ค่าเข้าชม: 300 เยน
สำหรับสายลุยที่ร่างกายอยากปะทะหิมะ เราขอแนะนำ Nikko Yumoto Ski Area ลานสกีขนาดย่อมในย่านยุโมโตะออนเซ็น เหมาะสำหรับมือใหม่และครอบครัวที่ต้องการเล่นหิมะ Snow Board และเล่นสกีในบรรยากาศสบาย ๆ เพราะสโลปไม่ชันมาก แถมยังมีบริเวณเนินเล็ก ๆ สำหรับเด็ก ๆ ด้วย เช่าอุปกรณ์เล่นสกีแบบครบชุดได้ที่นี่เลย เป็นที่เที่ยวหน้าหนาว ที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเล่นสกีแล้วจบด้วยการแช่ออนเซ็นอุ่น ๆ ก่อนนอนฟิน ๆ
หุบเหวที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟนีนตาอิ มีแมน้ำ Daiya-gawa ไหลผ่าน มีบรรยากาศร่มรื่น ป่ามีความอุดมสมบรูณ์เป็นอย่างมาก มีมอสปกคลุมอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ โดยรวมแล้วทำให้รู้สึกเหมือนมีมนต์เหมือนหลุดเข้าไปอีกมิติ และภาพจำของที่นี่เป็นรูปปั้นหิน Jizō ที่เรียงรายกันโดยมีผ้าสีแดงตัดกับสีเทาของหินและธรรมชาติโดยรอบ มีความเชื่อว่ารูปปั้นเหล่านี้จะคอยปกป้องนักเดินทางและวิญญาณที่หลงทาง รับรองว่าถ้าคุณได้ไปเยี่ยมชมคันมันกาฟุจิ คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังงานจากรูปปั้นเหล่านั้นเลยแหละ
การเดินทาง: จากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko ให้ขึ้น รถบัส Tobu ที่มุ่งหน้าไปยัง Chuzenji Onsen แล้วลงที่ป้าย Tamozawa จากนั้นเดินต่ออีก 10 นาที
หมู่บ้านออนเซ็นที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคินุงาวะ มีเรียวกังใหญ่ ๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำจำนวนมาก และมีบ่ออนเซ็นหลายแห่ง ในบริเวณตัวเมืองมีบ่อออนเซ็นสาธารณะเล็ก ๆ ให้นั่งแช่เท้าแก้หนาว และยังมีเส้นทางธรรมชาติสำหรับเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติที่สวยงาม เป็นที่เที่ยวที่เหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Edo Wonderlandและ Tobu World Square ทำให้เป็นที่เที่ยวที่ครบทั้งการท่องเที่ยวและการพักผ่อน
เทศกาลหน้าหนาวชื่อดังของเมือง Nikko ที่พลาดไม่ได้! จัดขึ้นเพียงปีละครั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่หมู่บ้านยูนิชิงาวะออนเซ็น (Yunishigawa Onsen) ซึ่งชื่อเทศกาล Kamakura ถ้าแปลเป็นไทยจะหมายความว่า “กระท่อมน้ำแข็ง” เทศกาลนี้จึงมีการจัดวางกระท่อมที่ทำจากน้ำแข็งเล็ก ๆ ซึ่งจุดไฟอยู่ด้านในเพื่อให้แสงสว่างท่ามกลางหิมะขาวโพลน วางเรียงรายนับร้อยกระท่อมอยู่เต็มหมู่บ้าน แถมยังมีกระท่อมน้ำแข็งขนาดใหญ่ให้คุณได้เข้าไปนั่งเล่น ทานอาหารได้อีกด้วย
การเดินทาง: นั่งรถไฟไปจนถึงสถานี Yunishigawa Onsen แล้วขึ้นรถบัสต่ออีกประมาณ 25 นาที
ร้านซูชิติดกับทะเลสาปชูเซนจิ บรรยากาศน่ารัก เป็นกันเอง ราคาไม่แพงมาก มีคุณลุงคอยคัดวัตถุดิบเพื่อทำเมนูซูชิ และคุณป้าคอยดูแลครัวร้อน พร้อมบริการลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน อาหารทะเลมีความสด อร่อย โดยเฉพาะเมนูหอยเชลล์ (อย่าลืมสั่งล่ะ) แถมคุณป้ายังสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ด้วย ทำให้มีนักท่องเที่ยวได้ไปลิ้มลองอาหารร้านนี้กันจำนวนมาก เป็นร้านขึ้นชื่อร้านหนึ่งใน Nikko ที่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น
เวลาเปิด-ปิด: 11:30–14:00 และ 17:30–21:00
คาเฟ่สุดชิค ที่มีบรรยากาศหรูหราและเงียบสงบ ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน ขอแนะนำให้คุณพักจิบชา กาแฟ และทานเค้กที่นี่เพราะเป็นร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งภายในร้าน และภายนอกร้าน ซึ่งมีสวนเล็ก ๆ ที่ถูกจัดอย่างสวยงามและมีน้องม้ายืนต้อนรับอยู่ด้านนนอก นอกจากนั้นยังเป็นร้าน Pet-friendly อีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด: 11.00 น. ถึง 16.00 น. (ปิดทุกวันพฤหัส)
ระดับ: 3 ดาว
เหมาะกับ: สายรักธรรมชาติ รักความสงบเงียบ สายแช่ออนเซ็น ครอบครัว สายดื่ม
เรียวกังติดริมทะเลสาปชูเซนจิ ทำให้สามารถเห็นวิวทะเลสาปอันยิ่งใหญ่ได้จากหน้าต่างห้องพัก แต่ถ้าไม่มีบัตเจตสำหรับห้องใหญ่ละก็ คุณยังมีตัวเลือกเป็นเตียงเดี่ยวในห้องพักรวมอีกด้วยนะ ที่นี่มีทั้งออนเซ็นแบบในร่มและกลางแจ้ง แถมมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำอีกมากมาย เช่น ปิงปอง บอร์ดเกม ห้องอ่านหนังสือ สำหรับสายดื่ม มี Welcome Drink เช่น สาเก เหล้า เบียร์ ให้บริการช่วง 15.00 น. ถึง 22.00 น.
ระดับ: 4 ดาว
เหมาะกับ: สายรักธรรมชาติ รักความสงบเงียบ สายแช่ออนเซ็น ครอบครัว
โรงแรมสี่ดาวขนาดใหญ่ติดริมแม่น้ำคุนิกาวะ สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำที่รายล้อมด้วยต้นไม้และหุบเขาได้จากทั้งห้องพักและจากออนเซ็น ซึ่งมีทั้งบ่อแบบในร่มและกลางแจ้ง ห้องพักกว้างขวาง สะอาด ดีไซน์มีเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น และห้องน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่
Japan
Kinugawa Plaza Hotel
Nikko-shi
See Price
เที่ยวได้ทุก ๆ ฤดู แต่คำถามคือ คุณอยากเห็น Nikko ในเวอร์ชั่นไหนล่ะ? ในแต่ละฤดู บรรยากาศของธรรมชาติ ภูเขา ทะเลสาบ และสถานที่ท่องเที่ยว ก็จะแตกต่างกันออกไปอย่างมีเอกลักษณ์ แต่ฤดูยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันจะเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาว
ฤดูใบไม้ใบเปลี่ยนสี (ต้นเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน) บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เพราะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งเมือง Nikko จะถูกระบายด้วยสีแดงส้มของต้นไม้
ฤดูหนาว (ปลายเดือนมกราคม-ต้นเดือนมีนาคม) ด้วยความที่เมืองนี้ดังเรื่องออนเซ็น หนาวหน้าจึงเป็นฤดูที่ควรมาพักผ่อนแช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะขาวโพลน แถมมีเทศกาลหิมะประดับไฟ ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ หนึ่งปีมีครั้งเท่านั้น
สามารถบินจากไทยไปยังเมืองโตเกียวโดยเลือกสนามบินได้ 2 แห่ง แล้วแต่ความสะดวกต่อแพลนการเที่ยวของคุณ ได้แก่ สนามบินนาริตะ (NRT) หรือ สนามบินฮาเนดะ (HND) จากนั้นสามารถต่อ JR เพื่อเดินทางไปยังเมือง Nikko ด้วยสถานีปลายทาง JR Nikko ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Tobu Nikko ไปที่ Chuzenji Onsen ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ราคาประมาณ 1250 เยน
แนะนำให้ซื้อ Nikkō Pass (All Area) ของ Tobu Railway Pass นี้ครอบคลุมทั้งค่ารถไฟ + รถบัส + ส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ใน Nikko
Wed, 10 Sep 2025
Greater Bay Airlines
Bangkok (BKK) to Tokyo (NRT)
Start from THB 2,714.24
Tue, 9 Sep 2025
Thai Lion Air
Bangkok (DMK) to Tokyo (NRT)
Start from THB 4,105.95
Wed, 10 Sep 2025
Tigerair Taiwan
Taipei (TPE) to Tokyo (NRT)
Start from THB 2,949.40