12 ที่เที่ยว Nikko พร้อมลิสต์ที่กิน ที่พักยอดนิยม [อัปเดต 2025]

จดไว้เลย 12 ที่เที่ยว Nikko ใช้ชีวิตให้ช้าลงจากความวุ่นวายในโตเกียว ไปกับวิวภูเขา ทะเลสาป และชื่นชมวัฒนธรรมของวัดเก่าแก่ รวมถึงที่พักแสนสงบสุข
Traveloka TH
23 May 2025 - 4 min read

แค่นั่งรถไฟจากโตเกียวมา 2 ชั่วโมง คุณก็จะได้พบกับเมืองแห่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของวัด และศาลเจ้าต่าง ๆ ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาและทะเลสาป เรียบง่าย และสงบสุข เพราะที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธนิกายชินโต จนได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO จะไปเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ (One Day Trip) หรือหลบหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงไปพักผ่อนที่ Nikko สัก 2-3 วันเพื่อพักจิตใจ ใช้ชีวิตให้ช้าลงก็สามารถไปที่เที่ยวที่เราลิสต์มาให้ได้ เพราะเราคัดแต่สถานที่สโลวไลฟ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมที่น่าหลงไหลเอาไว้ให้คุณแล้ว

ที่เที่ยว Nikko อัปเดทล่าสุด

1. น้ำตกเคะงน (Kegon Falls)

น้ำตกเคะงน (Kegon Falls)

น้ำตกเคะงนเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยความสูงกว่า 97 เมตร และเป็นที่เที่ยวสำคัญของ Nikko และยังเป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ไฮไลต์คือน้ำตกที่ไหลลงมาจากทะเลสาบชูเซ็นจิท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี จะงดงามเป็นพิเศษ ถ้าไม่อยากขึ้น ลงบันได สามารถใช้บริการลิฟต์ลงไป 100 เมตร เพื่อไปยังจุดชมวิว มีค่าบริการประมาณ 600 เยน มีตู้ขายของที่ระลึกที่สามารถใส่ชื่อของคุณและวันที่ได้ ต้องจ่ายด้วยเหรียญเท่านั้น ให้พกเหรียญสำรองมาด้วย! ในช่วงเย็นพระอาทิตย์จะตกฝั่งทะเลสาปชูเซนจิ (ทิศตรงข้ามกับน้ำตก) เป็นวิวธรรมชาติน่าหลงไหลที่ไม่ควรพลาด จึงเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยว

การเดินทาง: นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō ไปลงที่ Chuzenji Onsen ใช้เวลาประมาณ 50 นาที

ค่าเข้าชม: ฟรี *มีค่าใช้จ่ายหากต้องการใช้บริการลิฟต์ไปยังจุดชมวิว

2. สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)

สะพานไม้สีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้าฟุตาระซัง และเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง Nikko สะพานชินเคียวเชื่อมต่อระหว่างสองฝั่งของแม่น้ำ Daiya-gawa มีความเชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่แบ่งเส้นเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตัวสะพานถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น และยังถูกลงทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจาก UNESCO ตั้งแต่ปี 1999 ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง จะกลายเป็นที่เที่ยวที่มีเสน่ห์สุด ๆ ด้วยฉากหลังเป็นภูเขาอันยิ่งใหญ่ที่รายล้อมด้วยใบไม้เปลี่ยนสี

การเดินทาง: ลงสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō Station หรือสถานี JR Nikko จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที

ค่าเข้าชม: 300 เยน

3. ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)

ทะเลสาบที่เงียบสงบบนเขานันไต ซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขาและป่าไม้ ซึ่งเกิดจากการปะทุของ ภูเขานันไต กว่า 20,000 ปีก่อน เป็นหนึ่งในที่เที่ยว Nikko ที่ได้รับความนิยมในทุกฤดูกาล มีจุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวทะเลสาปและ Landscape ทั้งหมดได้แบบ 360 องศา และยังมีเส้นทางสำหรับเดินป่า (Trekking) ที่มีความยาวประมาณ 25 กิโลเมตรสำหรับสายลุยอีกด้วย ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี รอบ ๆ ทะเลสาปจะถูกย้อมไปด้วยใบไม้มีแดงส้ม ทำให้บรรยากาศโรแมนติกถึงขั้นสุด ต่างจากฤดูอื่น ๆ หรือถ้ามาเที่ยวในช่วงหน้าหนาว ทะเลสาปชูเซ็นจิก็เหมาะกับผู้ที่มองหาที่เที่ยว Nikko ในหน้าหนาวที่เงียบสงบ

การเดินทาง: ลงสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō Station หรือสถานี JR Nikko จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 20 นาที

4. ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)

ศาลเจ้าเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1617 โดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นกว่า 127,000 คน เพื่ออุทิศแด่โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสึ (Tokugawa Ieyasu) คุณจะได้เห็นลวดลายและรายละเอียดที่แสนวิจิตรงดงามทั่วทั้งบริเวณศาลเจ้า ช่น ลิงสามตัว ประตูโยเมมง รูปปั้นแมวหลับ Nemurineko และ เจดีย์ 5 ชั้น เป็นหนึ่งในที่เที่ยว Nikkoที่งดงาม และได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกที่หนึ่งของญี่ปุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของ Nikko

เวลาเปิด-ปิด: 9.00 น. ถึง 17.00 น. (พฤศจิกายน - ธันวาคม 9.00 น. ถึง 16.00 น.)

การเดินทาง: อยู่ห่างจากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko โดยใช้เวลาเดิน 30-40 นาที หรือโดยสารรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō 10 นาที

ค่าเข้าชม:

1,600 เยน (ศาลเจ้า)
1,000 เยน (พิพิธภัณฑ์)
2,400 เยน (ศาลเจ้าและพิพิธภัณฑ์)

5. เอโดะ วันเดอร์แลนด์ (Edo Wonderland)

เอโดะ วันเดอร์แลนด์ (Edo Wonderland)

สถานที่ท่องเที่ยวแนวธีมพาร์คที่จำลองชีวิตยุคเอโดะได้อย่างสมจริงเหมือนหลุดกลับไปยุคนั้นจริง ๆ มีทั้งหมู่บ้านนินจา หมู่บ้านซามูไร เป็นที่เที่ยว Nikko ที่เต็มไปด้วยการแสดง การแต่งกายย้อนยุค และกิจกรรมสนุกมากมาย คุณสามารถเช่าชุดกิโมโนแล้วเดินเล่นที่นี่ได้ทั้งวัน นอกจากนั้นก็ยังมีร้านอาหาร และร้านของฝากจำนวนมาก เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงกลายเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวยอดนิยมสำหรับครอบครัว

เวลาเปิด-ปิด: 09.00-17.00 น. (20 มี.ค.-30 พ.ย.) และ 09.30-16.00 น. (ธ.ค.-19 มี.ค.)

*ปิดทุกวันพุธ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์และช่วงปิดเทอม)

*ปิดวันวันอังคารบางวัน และอาจมีการปิดทำการเป็นระยะเวลานานเพื่อซ่อมบำรุง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว แนะนำให้เช็คก่อนเดินทาง

การเดินทาง:

เดินทาง 20 นาทีโดยรถบัส (มีรอบรถทุก ๆ 30 นาที) ระหว่างสถานี Kinugawaonsen และ Nikko Edomura (Edo Wonderland)
เดินทาง 30 นาทีโดยรถบัสรับส่งฟรีจาก JR Nikko ไปยัง Nikko Edomura ประมาณ 3-4 รอบต่อวัน

ค่าเข้าชม: 5,800 เยน (5,000 เยนหลัง 14.00 น. ในฤดูร้อนหรือ 13.00 น. ในฤดูหนาว)

*เครื่องเล่นและประสบการณ์บางอย่างอาจต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

6. ยูนิชิงาวะ ออนเซ็น (Yunishigawa Onsen)

ยูนิชิงาวะ ออนเซ็น (Yunishigawa Onsen)

หมู่บ้านออนเซ็นท่ามกลางหุบเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องเทศกาลคะมะคุระ (Kamakura Festival) ที่จะมีการระดับไฟในฤดูหนาว ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ จัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น! และสาเหตุที่เมือง Nikko ถูกเรียกอีกชื่อว่า เมืองแห่งออนเซ็น ก็เพราะเป็นเมืองที่มีภูมิศาสตร์อยู่กลางหุบเขา เวลาหิมะตกในหน้าหนาวจึงหนาวมาก ทำให้ชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนมักสร้างบ่อออนเซ็นไว้แช่หลาย ๆ แห่ง เพื่อเพิ่มความอบอุ่นในฤดูหนาว คุณสามารถแช่ออนเซ็นร้อน ๆ กลางหุบเขาหิมะขาวโพลน บรรยากาศสุดโรแมนติกได้ที่นี่ เป็นประสบการณ์แฟนตาซีในแบบญี่ปุ่น ๆ ที่ลืมไม่ลงแน่นอน เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่เที่ยว Nikko หน้าหนาว ที่เงียบสงบและมีเอกลักษณ์ ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปจนถึงสถานี Yunishigawa Onsen แล้วขึ้นรถบัสต่ออีกประมาณ 25 นาที

7. วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)

วัดรินโนจิเป็นวัดพุทธสำคัญในที่เที่ยว Nikko ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 8 โดยท่านโชโด โชนิน (Shodo Shonin) ซึ่งคือพระสงฆ์ชาวพุทธ ผู้เผยแพร่ศาสนาพุทธให้กับเมือง Nikko ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปแกะสลักต่างๆ รวมถึง พระพุทธรูปพันมือและ พระพุทธรูปที่มีศีรษะเป็นม้า และมีสวนญี่ปุ่นให้เดินชม เหมาะกับผู้ที่สนใจด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม

เวลาเปิด-ปิด: 08.00 น. ถึง 17.00 น. (เปิดถึง 16.00 น. ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม)

การเดินทาง: อยู่ห่างจากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko โดยใช้เวลาเดิน 30-40 นาที หรือโดยสารรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō 10 นาที (ใกล้กับศาลเจ้าโทโชกุ)

ค่าเข้าชม:

400 เยน (เฉพาะหอซันบุตสึโดะ)
900 เยน (ห้องโถงซันบุตสึโดะ และไทยูอิน )
300 เยน (บ้านสมบัติและสวนโชโยเอ็น)

8. ศาลเจ้าฟุตาระซัง (Futarasan Shrine)

ศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 782 โดยท่านโชโด โชนิน (Shodo Shonin) พระภิษุกสงฆ์ ผู้นำศาสนาพุทธในเมือง Nikko สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้า 3 องค์ ได้แก่ โอกูนินูชิ (Okuninushi), ทาโงริฮิเมะ (Tagorihime), และอาจิซูกิตากาฮิโกเนะ (Ajisukitakahikone) ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุเป็นร้อย ๆ ปี ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวญี่ปุ่นนิยมมาขอพรเรื่องสุขภาพและครอบครัว นักท่องเที่ยวสามารถเดินจากศาลเจ้าโทโชกุมาได้ง่าย

เวลาเปิด-ปิด: 8.00 น. ถึง 17.00 น. (เมษายนถึงตุลาคม) และ 9.00 น. ถึง 16.00 น. (พฤศจิกายนถึงมีนาคม)

การเดินทาง: อยู่ห่างจากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko โดยใช้เวลาเดิน 30-40 นาที หรือโดยสารรถบัสจากสถานีรถไฟ Tōbu-nikkō 10 นาที (ใกล้กับศาลเจ้าโทโชกุ)

ค่าเข้าชม: 300 เยน

9. ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (Nikko Yumoto Ski Area)

สำหรับสายลุยที่ร่างกายอยากปะทะหิมะ เราขอแนะนำ Nikko Yumoto Ski Area ลานสกีขนาดย่อมในย่านยุโมโตะออนเซ็น เหมาะสำหรับมือใหม่และครอบครัวที่ต้องการเล่นหิมะ Snow Board และเล่นสกีในบรรยากาศสบาย ๆ เพราะสโลปไม่ชันมาก แถมยังมีบริเวณเนินเล็ก ๆ สำหรับเด็ก ๆ ด้วย เช่าอุปกรณ์เล่นสกีแบบครบชุดได้ที่นี่เลย เป็นที่เที่ยวหน้าหนาว ที่ได้รับความนิยมจากทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเล่นสกีแล้วจบด้วยการแช่ออนเซ็นอุ่น ๆ ก่อนนอนฟิน ๆ

10. คันมันกาฟุจิ (Kanmangafuchi Abyss)

หุบเหวที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟนีนตาอิ มีแมน้ำ Daiya-gawa ไหลผ่าน มีบรรยากาศร่มรื่น ป่ามีความอุดมสมบรูณ์เป็นอย่างมาก มีมอสปกคลุมอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ โดยรวมแล้วทำให้รู้สึกเหมือนมีมนต์เหมือนหลุดเข้าไปอีกมิติ และภาพจำของที่นี่เป็นรูปปั้นหิน Jizō ที่เรียงรายกันโดยมีผ้าสีแดงตัดกับสีเทาของหินและธรรมชาติโดยรอบ มีความเชื่อว่ารูปปั้นเหล่านี้จะคอยปกป้องนักเดินทางและวิญญาณที่หลงทาง รับรองว่าถ้าคุณได้ไปเยี่ยมชมคันมันกาฟุจิ คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังงานจากรูปปั้นเหล่านั้นเลยแหละ

การเดินทาง: จากสถานี Tōbu-nikkō และ JR Nikko ให้ขึ้น รถบัส Tobu ที่มุ่งหน้าไปยัง Chuzenji Onsen แล้วลงที่ป้าย Tamozawa จากนั้นเดินต่ออีก 10 นาที

11. หมู่บ้านออนเซ็นคินุงาวะ (Kinugawa Onsen Village)

หมู่บ้านออนเซ็นที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำคินุงาวะ มีเรียวกังใหญ่ ๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำจำนวนมาก และมีบ่ออนเซ็นหลายแห่ง ในบริเวณตัวเมืองมีบ่อออนเซ็นสาธารณะเล็ก ๆ ให้นั่งแช่เท้าแก้หนาว และยังมีเส้นทางธรรมชาติสำหรับเดินป่าเพื่อชมธรรมชาติที่สวยงาม เป็นที่เที่ยวที่เหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Edo Wonderlandและ Tobu World Square ทำให้เป็นที่เที่ยวที่ครบทั้งการท่องเที่ยวและการพักผ่อน

12. เทศกาลหิมะ Kamakura Snow Festival

เทศกาลหน้าหนาวชื่อดังของเมือง Nikko ที่พลาดไม่ได้! จัดขึ้นเพียงปีละครั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่หมู่บ้านยูนิชิงาวะออนเซ็น (Yunishigawa Onsen) ซึ่งชื่อเทศกาล Kamakura ถ้าแปลเป็นไทยจะหมายความว่า “กระท่อมน้ำแข็ง” เทศกาลนี้จึงมีการจัดวางกระท่อมที่ทำจากน้ำแข็งเล็ก ๆ ซึ่งจุดไฟอยู่ด้านในเพื่อให้แสงสว่างท่ามกลางหิมะขาวโพลน วางเรียงรายนับร้อยกระท่อมอยู่เต็มหมู่บ้าน แถมยังมีกระท่อมน้ำแข็งขนาดใหญ่ให้คุณได้เข้าไปนั่งเล่น ทานอาหารได้อีกด้วย

การเดินทาง: นั่งรถไฟไปจนถึงสถานี Yunishigawa Onsen แล้วขึ้นรถบัสต่ออีกประมาณ 25 นาที

ร้านอาหารอร่อย ๆ ใน Nikko

Sushi Kurosaki

ร้านซูชิติดกับทะเลสาปชูเซนจิ บรรยากาศน่ารัก เป็นกันเอง ราคาไม่แพงมาก มีคุณลุงคอยคัดวัตถุดิบเพื่อทำเมนูซูชิ และคุณป้าคอยดูแลครัวร้อน พร้อมบริการลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน อาหารทะเลมีความสด อร่อย โดยเฉพาะเมนูหอยเชลล์ (อย่าลืมสั่งล่ะ) แถมคุณป้ายังสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ด้วย ทำให้มีนักท่องเที่ยวได้ไปลิ้มลองอาหารร้านนี้กันจำนวนมาก เป็นร้านขึ้นชื่อร้านหนึ่งใน Nikko ที่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น

เวลาเปิด-ปิด: 11:30–14:00 และ 17:30–21:00

NikkoSaryo

คาเฟ่สุดชิค ที่มีบรรยากาศหรูหราและเงียบสงบ ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกสบายเหมือนอยู่บ้าน ขอแนะนำให้คุณพักจิบชา กาแฟ และทานเค้กที่นี่เพราะเป็นร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งภายในร้าน และภายนอกร้าน ซึ่งมีสวนเล็ก ๆ ที่ถูกจัดอย่างสวยงามและมีน้องม้ายืนต้อนรับอยู่ด้านนนอก นอกจากนั้นยังเป็นร้าน Pet-friendly อีกด้วย

เวลาเปิด-ปิด: 11.00 น. ถึง 16.00 น. (ปิดทุกวันพฤหัส)

ที่พักแสนสงบสุขที่ Nikko

Yutorelo Nikko

ที่พักญี่ปุ่น
ที่พักญี่ปุ่น
ที่พักญี่ปุ่น
ที่พักญี่ปุ่น
ที่พักญี่ปุ่น

ระดับ: 3 ดาว

เหมาะกับ: สายรักธรรมชาติ รักความสงบเงียบ สายแช่ออนเซ็น ครอบครัว สายดื่ม

เรียวกังติดริมทะเลสาปชูเซนจิ ทำให้สามารถเห็นวิวทะเลสาปอันยิ่งใหญ่ได้จากหน้าต่างห้องพัก แต่ถ้าไม่มีบัตเจตสำหรับห้องใหญ่ละก็ คุณยังมีตัวเลือกเป็นเตียงเดี่ยวในห้องพักรวมอีกด้วยนะ ที่นี่มีทั้งออนเซ็นแบบในร่มและกลางแจ้ง แถมมีกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทำอีกมากมาย เช่น ปิงปอง บอร์ดเกม ห้องอ่านหนังสือ สำหรับสายดื่ม มี Welcome Drink เช่น สาเก เหล้า เบียร์ ให้บริการช่วง 15.00 น. ถึง 22.00 น.

Kinugawa Plaza Hotel

โรงแรมญี่ปุ่น
โรงแรมญี่ปุ่น
โรงแรมญี่ปุ่น
โรงแรมญี่ปุ่น
โรงแรมญี่ปุ่น

ระดับ: 4 ดาว

เหมาะกับ: สายรักธรรมชาติ รักความสงบเงียบ สายแช่ออนเซ็น ครอบครัว

โรงแรมสี่ดาวขนาดใหญ่ติดริมแม่น้ำคุนิกาวะ สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำที่รายล้อมด้วยต้นไม้และหุบเขาได้จากทั้งห้องพักและจากออนเซ็น ซึ่งมีทั้งบ่อแบบในร่มและกลางแจ้ง ห้องพักกว้างขวาง สะอาด ดีไซน์มีเอกลักษณ์แบบญี่ปุ่น และห้องน้ำขนาดค่อนข้างใหญ่

Japan

Kinugawa Plaza Hotel

Nikko-shi

See Price

ไปเที่ยว Nikko ช่วงไหนดี

เที่ยวได้ทุก ๆ ฤดู แต่คำถามคือ คุณอยากเห็น Nikko ในเวอร์ชั่นไหนล่ะ? ในแต่ละฤดู บรรยากาศของธรรมชาติ ภูเขา ทะเลสาบ และสถานที่ท่องเที่ยว ก็จะแตกต่างกันออกไปอย่างมีเอกลักษณ์ แต่ฤดูยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันจะเป็นช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาว

ฤดูใบไม้ใบเปลี่ยนสี (ต้นเดือนตุลาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน) บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เพราะเต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสี ทั้งเมือง Nikko จะถูกระบายด้วยสีแดงส้มของต้นไม้

ฤดูหนาว (ปลายเดือนมกราคม-ต้นเดือนมีนาคม) ด้วยความที่เมืองนี้ดังเรื่องออนเซ็น หนาวหน้าจึงเป็นฤดูที่ควรมาพักผ่อนแช่ออนเซ็นท่ามกลางหิมะขาวโพลน แถมมีเทศกาลหิมะประดับไฟ ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ หนึ่งปีมีครั้งเท่านั้น

การเดินทางจากกรุงเทพไป Nikko

สามารถบินจากไทยไปยังเมืองโตเกียวโดยเลือกสนามบินได้ 2 แห่ง แล้วแต่ความสะดวกต่อแพลนการเที่ยวของคุณ ได้แก่ สนามบินนาริตะ (NRT) หรือ สนามบินฮาเนดะ (HND) จากนั้นสามารถต่อ JR เพื่อเดินทางไปยังเมือง Nikko ด้วยสถานีปลายทาง JR Nikko ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟ Tobu Nikko ไปที่ Chuzenji Onsen ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ราคาประมาณ 1250 เยน

Tips การเที่ยว Nikko อย่างคุ้มค่า

แนะนำให้ซื้อ Nikkō Pass (All Area) ของ Tobu Railway Pass นี้ครอบคลุมทั้งค่ารถไฟ + รถบัส + ส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ใน Nikko

สุดท้ายนี้ญี่ปุ่นยังมีเมืองที่มีธรรมชาติยิ่งใหญ่ สวยงาม บรรยากาศดี และเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่อีกมากมายหลายเมือง ถ้าคุณอ่านลิสต์ที่เที่ยว Nikko ของเราแล้วเริ่มคิดอยากไปเที่ยว Nikko ขึ้นมาละก็ คุณอาจจะชอบ โยโกฮาม่า เกียวโต และนารา ด้วยก็ได้นะ! เพราะมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน

Discover flight with Traveloka

Wed, 10 Sep 2025

Greater Bay Airlines

Bangkok (BKK) to Tokyo (NRT)

Start from THB 2,714.24

Tue, 9 Sep 2025

Thai Lion Air

Bangkok (DMK) to Tokyo (NRT)

Start from THB 4,105.95

Wed, 10 Sep 2025

Tigerair Taiwan

Taipei (TPE) to Tokyo (NRT)

Start from THB 2,949.40

In This Article

• ที่เที่ยว Nikko อัปเดทล่าสุด
• 1. น้ำตกเคะงน (Kegon Falls)
• 2. สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
• 3. ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji)
• 4. ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)
• 5. เอโดะ วันเดอร์แลนด์ (Edo Wonderland)
• 6. ยูนิชิงาวะ ออนเซ็น (Yunishigawa Onsen)
• 7. วัดรินโนจิ (Rinnoji Temple)
• 8. ศาลเจ้าฟุตาระซัง (Futarasan Shrine)
• 9. ลานสกีนิกโก้ยุโมโตะออนเซ็น (Nikko Yumoto Ski Area)
• 10. คันมันกาฟุจิ (Kanmangafuchi Abyss)
• 11. หมู่บ้านออนเซ็นคินุงาวะ (Kinugawa Onsen Village)
• 12. เทศกาลหิมะ Kamakura Snow Festival
• ร้านอาหารอร่อย ๆ ใน Nikko
• Sushi Kurosaki
• NikkoSaryo
• ที่พักแสนสงบสุขที่ Nikko
• Yutorelo Nikko
• Kinugawa Plaza Hotel
• ไปเที่ยว Nikko ช่วงไหนดี
• การเดินทางจากกรุงเทพไป Nikko
• Tips การเที่ยว Nikko อย่างคุ้มค่า

Flights Featured in This Article

Wed, 10 Sep 2025
Greater Bay Airlines
Bangkok (BKK) to Tokyo (NRT)
Start from THB 2,714.24
Book Now
Tue, 9 Sep 2025
Thai Lion Air
Bangkok (DMK) to Tokyo (NRT)
Start from THB 4,105.95
Book Now
Wed, 10 Sep 2025
Tigerair Taiwan
Taipei (TPE) to Tokyo (NRT)
Start from THB 2,949.40
Book Now
Hotels
Flights
Things to Do
Always Know the Latest Info
Subscribe to our newsletter for more travel & lifestyle recommendations and exciting promos.
Subscribe