10 ที่เที่ยวสายธรรมชาติ เหมาะกับไปตั้งแคมป์ เดินป่า ทั่วอเมริกา

Salinla Saleylanon
15 Jun 2022 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที

เอาใจนักเที่ยวสายแคมปิ้ง ด้วยการชี้เป้าปักหมุดจุดกางเต็นท์สุดปังของดินแดนลุงแซม เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากับสารพัดสิ่งมาเยอะละ พาร่างกายไปหาธรรมชาติ นอนชมนกชมไม้ ชมดาวล้านดวงกันดีกว่า สหรัฐอเมริกานั้นแสนกว้างใหญ่ไพศาล มีอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานมากมายให้เลือกปักหลักตั้งแคมป์ มีทั้งโลเกชันรอบทะเลสาบ ริมน้ำตก ข้างลำธาร เลียบชายหาด กลางปาและหุบเขา ให้ได้จองตั๋วเครื่องบินไปตั้งแคมป์ เดินป่ากัน

ที่สำคัญช่วงนี้ธรรมชาติได้รับการฟื้นฟู กลับมาสวยงามดังเดิม หลังจากอเมริกาปิดประเทศหนีโตวิด 19 ใครมีแพลนไปท่องป่าตั้งแคมป์ คลิกจองตั๋วเครื่องบิน รถรับ - ส่งสนามบินกับซูเปอร์แอพอย่าง Traveloka Travel & Lifestyle Super App ที่มีครบทุกความสะดวกสบายที่นักเดินทางต้องการ อย่างเช่น ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก รถเช่า และอื่นๆ อีกมาก ให้คุณได้จองครบจบภายในแอพเดียวของจริง

1. มารินเฮดแลนด์ (Marin Headlands)

“มารินเฮดแลนด์” หรือ “แหลมมาริน” อยู่ห่างจากเมืองซานฟรานซิสโกเพียงไม่กี่นาที จุดเด่นของที่นี่คือความหลากหลายทางชีวภาพที่น่าทึ่ง จุดชมวิวที่สูงที่สุดของแหลมมารินอยู่ที่ “เนินเขาฮอวร์ก” (Hawk Hill) ซึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่เดือนสิงหาคมลงในเดือนธันวาคม จะมีเหยี่ยวนับหมื่นโฉบมาให้ชมกัน และยังมีจุดตั้งแคมป์์หลายจุดให้เลือก รวมทั้งเส้นทางเดินเขาและขี่จักรเลียบชายฝั่ง

2. หาดคาลาเลา (Kalalau Beach)

“หาดคาลาเลา” แห่งเกาะคาไว (Kauai Island) เปรียบได้ดังเพชรเม็ดงามของฮาวาย การเดินทางไปยังหาดนี้ถ้าไม่นั่งเรือคายัค ก็ต้องเดินไปตามเส้นทางเดินป่าที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในเส้นทางที่ยากที่สุดในหมู่เกาะฺฮาวาย ลัดเลาะไปตามหุบเขาเป็นระยะทางราว 17 กิโลเมตร การตั้งแคมป์ต้องมีใบอนุญาตและต้องจองล่วงหน้า ขยะทุกชิ้นต้องถูกนำกลับไป เพื่อคงความสวยงามให้แก่ธรรมชาติ

3. เกาะกัฟเวอร์เนอร์ส (Governors Island)

เกาะกัฟเวอร์เนอร์ส ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะแมนฮัตตัน ที่นี่เป็นด่ายทหารที่ถูกทิ้งร้างมาเนิ่นนาน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติ และเปิดให้เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยยังคงมีอาคารและสถาปัตยกรรมยุคทหารให้เยี่ยมชม ไฮไลท์ของที่นี่คือเนินเขาเทียมที่ทำด้วยวัสดุเหลือใช้จากอาคารที่มีอยู่บนเกาะ ช่วงฤดูร้อนที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาแคมป์ปิ้ง ปิกนิกและชมงคอนเสิร์ต

4. อุทยานแห่งชาติแบดแลนด์ (Badlands National Park)

อุทยานแห่งชาติแบดแลนด์ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของมลรัฐเซาท์ดาโคตา เป็นอุทยานที่เต็มไปด้วยความงดงามทางธรรมชาติ ที่มีทั้งหน้าผา ทุ่งหญ้า และทุ่งฟอสซิลของสัตว์จากยุคโอลิโกซีน หรือยุคของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นี่ยังมีเส้นทางเดินป่าที่มีหลายระดับความยาก ที่นี่มีจุดตั้งแคมป์มากถึง 6 จุด ให้นักท่องเที่ยวได้นอนดูดาวและทางช้างเผือกสุดตระการตา

5. ฟลอริด้าคียส์ (Florida Keys)

“ฟลอริดาคียส์” เปรียบเสมือนอาณาจักรปะการัง หมู่เกาะยาวกว่า 180 ไมล์ มีทั้งหมด 800 เกาะทอดยาวอยู่นอกชายฝั่งของฝั่งฟลอริดา โดยมีสะพาน 42 แห่ง เชื่อมต่อเกาะทั้งหมด ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดราว 4 ชั่วโมง โดยในระหว่างทางจะพบกับบาร์ ร้านอาหารทะเล รีสอร์ทริมชายหาด และพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติอันงดงาม และยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้เพลิดเพลิน ทั้งดำน้ำชมซากเรือ ตกปลา พายเรือคายัก และแคมป์ปิ้ง

6. อุทยานแห่งชาติอคาเดีย (Acadia National Park)

อุทยานแห่งชาติอคาเดีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี ใกล้เมืองบาร์ฮาร์เบอร์ (Bar Harbor) ของรัฐเมน เมืองท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเรื่องผืนป่าที่สวยงาม อุทยานฯ แห่งนี้ นอกจากวิวทิวทัศน์และธรรมชาติที่สวยงามเลื่องชื่อแล้ว ยังมีกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย รวมทั้งมีจุดตั้งแคมป์หลายแห่งที่ทางอุทยานฯ กำหนดไว้ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การจองตั๋วเครื่องบินอเมริกาไปเยือน คือเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม

7. อุทยานแห่งชาติเชนานโดอาห์ (Shenandoah National Park)

อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของรัฐเวอร์จิเนียที่ชื่อ “เชนันโดอาห์” ดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำตก ทิวทัศน์อันตระการตา ทุ่งดอกไม้ป่า มีเทือกเขาบลูริดจ์ (Blue Ridge Mountains) เป็นไฮไลท์ มีถนนสกายไลน์ไดรฟ์ (Skyline Drive) ระยะทางเกือบ 170 กิโลเมตร ตลอดการเดินทางมีจุดชมทิวทัศน์อันตระการตากว่า 75 แห่ง ความงดงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู มีเส้นทางปีนเขาเดินป่ายอดนิยม และมีหลายสิ่งให้สำรวจ

8. ​อนุสรณ์​สถาน​แห่งชาติ​แกรนด์​สแตร์เคสเอส​กา​ลันเต (Grand Staircase Escalante National Monument)

ที่เที่ยวสหรัฐอเมริกาชื่อดังแห่งรัฐยูทาห์ จุดเด่นของที่นี่คือหินทรายหลากสีสันรูปร่างแปลกตาที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน นอกจากความงามที่ธรรมชาติสรรสร้าง มีทะเลทรายกว้างใหญ่ให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจ ที่นี่ยังมีความสำคัญทางโบราณคดีและธรณีวิทยา เป็นแหล่งค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่อายุมากกว่า 75 ล้านปีมากกว่า 12 ชนิด ที่นี่ยังมีกิจกรรมมากมายให้ผจญภัย สายแอนเวนเจอร์ไม่ควรพลาด

9. อุทยานแห่งชาติเกรทแซนดูน (Great Sand Dunes National Park)

“กรทแซนดูน” ของรัฐโคโลราโดแห่งนี้ เป็นเนินทรายกว้างใหญ่อลังการ และสูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ อยู่ในพื้นที่ของหุบเขาหุบเขาซานหลุยส์ ในพื้นที่อุทยานยังมีความหลากหลายของทุ่งหญ้า พื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าไม้ ทะเลสาบบนเทือกเขาแอลป์ และทุ่งทุนดรา ทั้งเส้นทางปีนเขา รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งหลากหลาย เปิดตั้งแคมป์ได้ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม และต้องจองล้วงหน้าด้วย

10. หุบเขาสีเพลิง (Valley of Fire)

ที่เที่ยวสายธรรมชาติของอเมริกอันดับสุดท้ายที่สายแคมปปิ้งห้ามพลาด “หุบเขาสีเพลิง” อุทยานแห่งรัฐเนวาดาที่ขึ้นชื่อเรื่องหินทรายสีแดงที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้หุบเขาแลดูเหมือนไฟลุกโชน ที่นี่มีเส้นทางเดินป่า และภาพสกัดหินยุคโบราณให้ได้ชม จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับจากลาสเวกัส หรือจะกางเต็นท์แคมปปิ้งก็ได้เช่นกัน

เพื่อความแน่ใจว่าแต่ละสถานที่จะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ ขอแนะนำให้ตรวจสอบเว็บไซต์สำหรับจุดหมายปลายทางของคุณก่อนที่จะเยี่ยมชม เพื่อดูแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพและความปลอดภัยล่าสุด และอย่าลืมเช็กมาตรการสนามบินกันด้วยนะ

สำรวจสิ่งที่ดีที่สุดของ ประเทศไทย

กรุงเทพฯ

Thailand

ประเทศไทย

ดอนเมือง

Thailand

ภูเก็ต

Thailand
จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร