10 เมืองน่าเที่ยวสายธรรมชาติ บินไปได้แล้วตอนนี้

10 เมืองน่าเที่ยวสายธรรมชาติ บินไปได้แล้วตอนนี้ ที่คนรักธรรมชาติต้องไปให้ได้! อัปเดตที่เที่ยววิวสวย บรรยากาศดี เที่ยวสบาย ใกล้ชิดธรรมชาติสุดๆ
Traveloka TH
21 Apr 2025 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 2 นาที

ยุคนี้ใครไม่เที่ยวธรรมชาติถือว่าเอ้าท์! เพราะหลังจากที่เจอชีวิตวุ่นวายและความเหนื่อยล้ามาหลายปี หลายคนเริ่มหันหลังให้ตึกสูง รถติด และหันหน้าเข้าหาธรรมชาติที่ช่วยเยียวยาใจได้ดีกว่ายา ไม่ว่าจะเป็นป่าเขา ทะเล หมอก หรือแม้แต่แม่น้ำสายเล็ก ๆ ก็สามารถดึงพลังงานดี ๆ กลับคืนสู่ตัวเราได้แบบไม่น่าเชื่อ การออกเดินทางไปหาธรรมชาติจึงไม่ใช่แค่การ “ไปเที่ยว” แต่เป็นการ “ไปพักใจ” อย่างแท้จริง

ลองดู 10 เมืองน่าเที่ยวสายธรรมชาติ ที่บินไปได้ตอนนี้กันดีกว่า จะได้เตรียมตัวจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรมที่พัก รถเช่าและรถรับ-ส่งสนามบินกับ Traveloka ไว้ให้พร้อม เพราะไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน รถรับส่งสนามบิน หรือแม้แต่กระทั่งรถเช่าก็มี ปักหมุดจุดหมายปลายทางในฝันกันเลย หรือถ้าหากยังนึกไม่ออก เราก็ได้ลิสต์มาให้แล้วว่ามีจุดหมายปลายทางในฝันสายธรรมชาติไหนน่าสนใจบ้าง

10 เมืองธรรมชาติน่าเที่ยว

1. เมืองซานตาแมดดาเลนา (Santa Maddalena)

ซานตาแมดดาเลนา

หมู่บ้านวิวหุบเขาแสนโรแมนติกแห่งอิตาลี หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขา “โดโลไมท์” (Dolomites Mountains) ที่มีชื่อเสียงสวยงามระดับโลก จุดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คือวิวทิวทัศน์เบื้องหลังโบสถ์ ที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง นอกจากเล่นสกี ขี่ม้า และปีนเขา ที่นี่ยังมีกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีมอย่าง “สกีข้ามประเทศ” (Cross Country Skiing) อันสุดท้าทาย โดยมีจุดหมายปลายทางที่รัสเซีย

กิจกรรมแนะนำ:

เดินป่าเบาๆ ชมวิว เทือกเขา Dolomites
ถ่ายรูปโบสถ์ Church of St. Magdalena
ปั่นจักรยานผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจี
พักฟาร์มโฮมสเตย์เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 8,800 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 20–24 ชั่วโมง (บินไปยังสนามบินใกล้เคียง เช่น อินส์บรุค หรือมิวนิก แล้วต่อรถไฟหรือรถบัส)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $196 (ไป-กลับ) ​

2. เมืองปอร์โตฟิโน (Portofino)

เมืองปอร์โตฟิโน

มาต่อกันที่เมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตะวันตกของอิตาลี ที่ถูกขนานนามว่า "สวรรค์แห่งเมืองท่า" โดดเด่นด้วยบ้านเรือนหลากสีสัน ตั้งเรียงรายไปตามเชิงเขาเขียวชอุ่ม โอบล้อมอ่าวที่มีเรือยอร์ชจอดเต็มไปหมด จุดปักหมุดสำคัญคือ “โบสถ์เซนต์มาร์ติน” (St. Martin's Church) โบสถ์ขนาดกลางที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่12 ที่นี่ยังมีปราสาทและป้อมปราการโบราณให้นักท่องเที่ยวที่จองตั๋วเครื่องบินไปอิตาลี ได้ขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของท้องทะเล

กิจกรรมแนะนำ:

เดินชมท่าเรือและบ้านหลากสีสัน
ปีนเขาขึ้นไปชมวิวที่ Castello Brown
ดำน้ำตื้นหรือพายเรือคายัคที่ อ่าว Paraggi
แวะชิมไวน์ท้องถิ่นริมทะเล

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 9,170 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 21 ชั่วโมง 52 นาที (บินไปยังเจนัวหรือมิลาน แล้วต่อรถไฟหรือรถบัส)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $443 (ไป-กลับ) ​

3. เมืองฟอร์เดอฟรองซ์ (Fort de France)

เมืองฟอร์เดอฟรองซ์

เมืองหลวงแห่งเกาะมาร์ตินีก (Martinique Island) ในหมู่เกาะวินด์เวิร์ด (Windward) ทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียน แคว้นโพ้นทะเลของฝรั่งเศส นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว เมืองนี้ยังมีสถาปัตยกรรมสวยงามหลายแห่งให้เยี่ยมชม กิจกรรมแนะนำคือ ย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่บ้านเกิดของจักรพรรดินีโจเซฟีนแห่งนโปเลียน ดำน้ำดูปะการัง เดินป่าบนภูเขาไฟเปอเล (Mount Pelée) และชมความงามของเกาะไดมอนด์ (Diamond Rock)

กิจกรรมแนะนำ:

ชมวิถีชีวิตและตลาดพื้นเมือง
ปีนเขาไปยังภูเขาไฟ Mount Pelée
เดินป่าใน ป่าฝน Balata Garden
พักผ่อนที่ชายหาด Anse Mitan

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 16,300 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 24–30 ชั่วโมง (บินตรงหรือเปลี่ยนเครื่องที่ยุโรปหรืออเมริกา)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $2,480 (ไป-กลับ) ​

4. เมืองการ์มิช (Garmisch)

เมืองการ์มิช

เมืองชนบทใกล้เทือกเขาแอลป์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “เส้นทางแห่งรัก” ตั้งอยู่ทางใต้ของรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี สวยงามด้วยบรรยากาศบ้านเรือนสไตล์บาวาเรียนแท้ๆ ที่ต้องมีดอกไม้สวยๆ ที่หน้าต่างบ้าน และภาพวาดบนฝาผนังที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและแสดงถึงวิถีของชาวเมือง ทิวทัศน์งดงาม เงียบสงบ และเป็นเมืองหน้าด่านที่จะขึ้นสู่ยอดเขาซุกชปิทเซ (Zugspitze Mountain) ภูเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี

กิจกรรมแนะนำ:

ขึ้นกระเช้าไปยังยอดเขา Zugspitze
เดินเทรลที่ Partnach Gorge ช่องเขาแคบแสนสวย
เล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด (หน้าหนาว)
นั่งจิบกาแฟชมวิวทะเลสาบ Eibsee

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 9,000 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 17–20 ชั่วโมง (บินไปยังมิวนิก แล้วต่อรถไฟหรือรถบัส)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ £667 (ไป-กลับ) ​

5. เมืองฟุสเซน (Fussen)

เมืองฟุสเซน

อีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวสายธรรมชาติของเยอรมนี เมืองเล็กๆ ที่มีอายุกว่า 700 ปี อยู่ปลายแคว้นบาวาเรียของประเทศเยอรมัน ติดกับชายแดนออสเตรีย เป็นเมืองในอ้อมกอดของเทือกเขาแอลป์ สวยงามโดดเด่นด้วยธรรมชาติป่าเขา และยังมีทะเลสาบมากมายล้อมรอบ ที่สำคัญมี “ปราสาทนอยชวานชไตน์” (Neuschwanstein Castle) อันเลื่องชื่อเป็นแลนด์มาร์ก ทั้งยังมีป่าใบไม้แดงให้เดินชมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย

กิจกรรมแนะนำ:

เยี่ยมชม ปราสาท Neuschwanstein
เดินเล่นริมทะเลสาบ Alpsee
ปั่นจักรยานรอบเมืองเก่า
เข้าชมพิพิธภัณฑ์ดนตรี Museum der Stadt Füssen

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 9,000 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 17–20 ชั่วโมง (บินไปยังมิวนิก แล้วต่อรถไฟหรือรถบัส)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $463 (ไป-กลับ) ​

6. หมู่บ้านอุชกูลลี่ (Ushguli)

หมู่บ้านอุชกูลลี่

ชุมชนโบราณแห่งจอร์เจีย อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นสวาเนติบน (Upper Svaneti) ในเทือกเขาคอเคซัส (Caucasus) นับเป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์ของขุนเขาที่สวยงาม ประกอบด้วยหมู่บ้านแบบยุคกลาง ที่มีลักษณะเป็นอาคารสูงคล้ายหอคอยมากกว่า 200 หลัง ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี 1996

กิจกรรมแนะนำ:

เดินเขาสู่ธารน้ำแข็ง Shkhara Glacier
ถ่ายภาพบ้านหอคอยเก่าแก่ยุคกลาง
ขี่ม้าผ่านเส้นทางดั้งเดิม
ลองอาหารจอร์เจียแบบโฮมเมด

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 7,071 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 18–20 ชั่วโมง (บินไปยังทบิลิซี แล้วต่อรถบัสหรือรถยนต์ 4x4)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $390–$650 (ไป-กลับ)

7. เมืองฮอนเฟลอร์ (Honfleur)

เมืองฮอนเฟลอร์

เมืองชายทะเลแห่งแคว้นนอร์มังดี ฝรั่งเศส เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแซน (Saine) ความสวยงามของย่านเมืองเก่าที่โอบล้อมไปด้วยสีเขียวชอุ่มของเนินเขา ที่นี่จึงเป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าศิลปินจำนวนมาก แลนด์มาร์กเด่นคือ “โบสถ์แคทเธอรีน” (Saint Catherine Church) เป็นโบสถ์ไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ที่ยังเต็มไปด้วยสวนสวยงามที่ได้รับรางวัลจากการประกวดอีกด้วย

กิจกรรมแนะนำ:

เดินเล่นท่าเรือเก่า Vieux Bassin
ชมศิลปะที่ Musée Eugène Boudin
นั่งร้านกาแฟชมบรรยากาศยุโรปคลาสสิก
ขับรถเที่ยวเลียบชายฝั่งนอร์มังดี

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 9,761 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 19 ชั่วโมง (บินไปยังปารีส แล้วต่อรถไฟหรือรถบัส)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $556 (ไป-กลับ)

8. เมืองเซอร์แมท (Zermatt)

เมืองเซอร์แมท

เมืองตากอากาศวิวหลักล้านของสวิตเซอร์แลนด์ ที่มียอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn Mountain) เป็นไฮไลท์ จุดเด่นของภูเขานี้อยู่ตรงส่วนที่เรียกว่า “ฮอร์น” เป็นยอดแหลมคล้ายพีระมิดที่แปลกตา สูงเด่นเป็นสง่าท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ ด้วยความสูง 4,447 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล งจุดชมวิวที่สวยที่สุดของยอดเขาคือที่ “ทะเลสาบทั้ง 5” (Five Lakes Walk) ที่มองเห็นภาพสะท้อนของยอดเขาบนพื้นน้ำในทะเลสาบอย่างสวยงาม

กิจกรรมแนะนำ:

นั่งรถไฟขึ้นยอดเขา Gornergrat ชม Matterhorn
เล่นสกีระดับโลก (หน้าหนาว)
เดินป่าหรือขี่จักรยานในฤดูร้อน
พักโรงแรมไม้กลางหุบเขาพร้อมออนเซนส่วนตัว

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 9,300 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 19 ชั่วโมง (บินไปยังเจนีวาหรือซูริก แล้วต่อรถไฟ)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $482 (ไป-กลับ)

9. เมืองมงเทรอซ์ (Montreux)

เมืองมงเทรอซ์

ที่สุดของเมืองตากอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ที่ล้อมรอบด้วยไร่ไวน์ และเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง นับเป็นเมืองที่ม่ชื่อเสียงในด้านความสวยงามของธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยว และเทศกาลดนตรี ที่นี่ยังมีปราสาทชิลยอง (Chillon Castle) ที่มีประวัติยาวนานมาเกือบ 1,000 ปี ให้นักท่องเที่ยวที่จอง ตั๋วเครื่องบินไปสวิตเซอร์แลนด์ ได้ล่องเรือไปชมความสวยงามอย่างใกล้ชิด

กิจกรรมแนะนำ:

เดินเลียบทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva)
เที่ยวปราสาท Chillon Castle สุดโรแมนติก
ล่องเรือชมวิวรอบทะเลสาบ
ร่วมงาน Montreux Jazz Festival (เดือนกรกฎาคม)

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 9,389 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 17–20 ชั่วโมง (บินไปยังเจนีวาหรือซูริก แล้วต่อรถไฟ)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $450 (ไป-กลับ)

10. เมืองไรย์ (Rye)

เมืองไรย์

หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในอังกฤษ ที่มีสมญาว่า “เมืองที่เวลาลืมผ่าน” (The town that time forgot) ตัว เมืองตั้งอยู่บนเนินเขามองดูคล้ายหมู่บ้านหนังสือนิทาน ถนนทุกเส้นในเมืองสวยงาม จุดเด่นที่สุดคือถนนเมอร์เมด (Mermaid) ที่โรยด้วยก้อนกรวดแบบในอดีต เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนยุคกลาง และเป็นที่ตั้งของ “เมอร์เมดอินน์” (Mermaid Inn) ที่เชื่อว่าสร้างตั้งแต่ในยุคศตวรรษที่ 12 และมีเรื่องเล่าหลอนๆ อันน่าสะพรึง

กิจกรรมแนะนำ:

เดินเล่นย่านเมืองเก่า Mermaid Street
เยี่ยมชม Rye Castle Museum
จิบ Afternoon Tea ในบ้านเก่าอายุ 500 ปี
ขี่จักรยานชมทุ่งหญ้าและชายฝั่งธรรมชาติ

การเดินทาง:

ระยะทาง: ประมาณ 9,500 กม.
เวลาเดินทาง: ประมาณ 18–20 ชั่วโมง (บินไปยังลอนดอน แล้วต่อรถไฟหรือรถบัส)
ราคาตั๋วเครื่องบิน: เริ่มต้นประมาณ $543 (ไป-กลับ)

เมืองธรรมชาติที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักแต่ต้องไป!

ถ้าคุณเบื่อเมืองใหญ่ที่คนไปกันจนแน่น ควรลอง

Ushguli, จอร์เจีย – สัมผัสหมู่บ้านเก่าท่ามกลางธรรมชาติแท้จริง ไม่มีคาเฟ่เก๋แต่มีอากาศและความสงบที่หาซื้อไม่ได้
Rye, อังกฤษ – เมืองอังกฤษชนบทแท้ๆ ที่ยังคงวิถีแบบคลาสสิก สงบแต่เก๋
Santa Maddalena, อิตาลี – เมืองที่ยังไม่ฮิตในไทย แต่วิวดีไม่แพ้ Dolomites จุดอื่น

เคล็ดลับเตรียมตัวเที่ยวเมืองนอกสายธรรมชาติ

1. เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศ

เมืองแถบยุโรปกลางและเหนือ (อย่าง Zermatt, Garmisch, Ushguli) อากาศอาจหนาวแม้ในหน้าร้อน เตรียม เสื้อกันลม เสื้อฮีทเทค และ รองเท้าเดินป่าดีๆ ไปด้วย
เมืองชายฝั่ง (Portofino, Honfleur) หรือหมู่บ้านท่ามกลางธรรมชาติฤดูร้อน ควรเตรียมหมวก กันแดด และเสื้อผ้าระบายอากาศดี

2. วางแผนเดินทางล่วงหน้า

บางเมืองไม่มีสนามบิน ต้อง ต่อรถไฟหรือรถบัส เช่น Santa Maddalena หรือ Rye ควรจองตั๋วรถไฟล่วงหน้า และดูรอบรถให้ดี
เมืองเล็กๆ อย่าง Ushguli ต้องใช้รถ 4x4 และควรมีไกด์หรือคนท้องถิ่นช่วยนำทาง

3. จองที่พักแต่เนิ่น ๆ

เมืองเล็กที่ดังในหมู่สายเที่ยวธรรมชาติ ที่พักจะเต็มเร็วโดยเฉพาะหน้าร้อน เช่น Zermatt หรือ Montreux
ลองเลือก โฮมสเตย์หรือที่พัก eco-lodge เพื่อใกล้ชิดธรรมชาติแบบแท้จริง

4. อย่าลืมเรื่อง ซิมการ์ด / eSIM / พาวเวอร์แบงก์

เมืองธรรมชาติบางแห่งสัญญาณอาจไม่แรง อย่าลืมเตรียมแผนสำรองเวลาใช้ Google Maps หรือแปลภาษา

เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย – เมืองไหนเหมาะกับงบเท่าไร

เมือง

งบประมาณโดยเฉลี่ย (ต่อวัน)

ไฮไลต์

Santa Maddalena

3,000 – 4,500 บาท

หมู่บ้านกลางหุบเขา

Portofino

5,000 – 7,500 บาท

เมืองหรูชายฝั่งอิตาลี

Fort de France

3,500 – 5,000 บาท

ทะเลสวยแนวคาริบเบียน

Garmisch

4,000 – 6,000 บาท

สกีรีสอร์ต/เทือกเขาแอลป์

Füssen

3,000 – 4,500 บาท

ปราสาทเทพนิยาย

Ushguli

2,500 – 3,500 บาท

หมู่บ้านยุคกลาง

Honfleur

3,500 – 4,800 บาท

เมืองท่าศิลปะโรแมนติก

Zermatt

6,000 – 9,000 บาท

เมืองปลอดรถ/วิว Matterhorn

Montreux

5,000 – 7,000 บาท

เมืองดนตรีริมทะเลสาบ

Rye

3,200 – 4,500 บาท

เมืองอังกฤษสไตล์วินเทจ

💡 หมายเหตุ: ราคานี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน และเป็นราคาประมาณการจากงบแบบ backpacker – mid-range

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

Q1: ไปเมืองพวกนี้ต้องมีวีซ่าไหม?

A: ใช่ ถ้าเป็นเมืองในยุโรปต้องใช้ วีซ่าเชงเก้น (Schengen) ยกเว้นประเทศจอร์เจียที่คนไทยเข้าได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

Q2: เที่ยวแบบไม่เช่ารถได้ไหม?

A: ได้ บางเมืองเช่น Garmisch, Montreux, หรือ Füssen มีระบบขนส่งดีมาก แต่ Santa Maddalena หรือ Ushguli อาจลำบากนิดถ้าไม่มีรถส่วนตัว

Q3: เดินทางช่วงไหนดีที่สุด?

A: ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ค.-มิ.ย.) และใบไม้ร่วง (ก.ย.-ต.ค.) เป็นช่วงธรรมชาติสวยที่สุด คนไม่เยอะเท่าช่วงหน้าร้อน

Q4: เมืองไหนเหมาะกับสายถ่ายรูป?

A: Zermatt, Santa Maddalena, และ Honfleur ถ่ายรูปขึ้นทุกมุม เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร

Q5: เมืองไหนบรรยากาศโรแมนติกที่สุด?

A: Portofino, Rye และ Montreux โรแมนติกมาก เหมาะกับทริปคู่รักสุดๆ

เหนื่อยล้า เบื่อหน่าย ก็พักสายตา วางงาน แว้บไปเที่ยวบ้างไรบ้าง ออกไปเปิดโลกกว้างให้ธรรมชาติเยียวยา เตรียมเสื้อผ้า เตรียมกล้อง แล้วคลิกเข้าแอป Traveloka จองตั๋วเครื่องบินไปชมธรรมชาติที่เมืองนอกกัน

Tags:

ที่เที่ยวต่างประเทศ

ในบทความนี้

• 10 เมืองธรรมชาติน่าเที่ยว
• 1. เมืองซานตาแมดดาเลนา (Santa Maddalena)
• กิจกรรมแนะนำ:
• 2. เมืองปอร์โตฟิโน (Portofino)
• 3. เมืองฟอร์เดอฟรองซ์ (Fort de France)
• 4. เมืองการ์มิช (Garmisch)
• 5. เมืองฟุสเซน (Fussen)
• 6. หมู่บ้านอุชกูลลี่ (Ushguli)
• 7. เมืองฮอนเฟลอร์ (Honfleur)
• 8. เมืองเซอร์แมท (Zermatt)
• 9. เมืองมงเทรอซ์ (Montreux)
• 10. เมืองไรย์ (Rye)
• เมืองธรรมชาติที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักแต่ต้องไป!
• เคล็ดลับเตรียมตัวเที่ยวเมืองนอกสายธรรมชาติ
• 1. เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศ
• 2. วางแผนเดินทางล่วงหน้า
• 3. จองที่พักแต่เนิ่น ๆ
• 4. อย่าลืมเรื่อง ซิมการ์ด / eSIM / พาวเวอร์แบงก์
• เปรียบเทียบค่าใช้จ่าย – เมืองไหนเหมาะกับงบเท่าไร
• คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
• Q1: ไปเมืองพวกนี้ต้องมีวีซ่าไหม?
• Q2: เที่ยวแบบไม่เช่ารถได้ไหม?
• Q3: เดินทางช่วงไหนดีที่สุด?
• Q4: เมืองไหนเหมาะกับสายถ่ายรูป?
• Q5: เมืองไหนบรรยากาศโรแมนติกที่สุด?

บทความแนะนำ

เส้นทางเที่ยวยุโรปสุดฟินกับ 10 ประเทศในยุโรปที่ต้องไปซักครั้งในชีวิต

21 Apr 2025 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 2 นาที

15 เส้นทางนั่งรถไฟเที่ยวต่างประเทศโคตรชิลล์ วิวดีจนต้องถาม นี่ชีวิตจริงหรือหนังฟีลกู๊ด?

10 Mar 2025 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที

อัปเดตฉบับปี 2567! รายชื่อ 34 ประเทศ คนไทยเที่ยวได้เลยแบบไม่ต้องขอวีซ่า

16 Feb 2024 - ใช้เวลาอ่านไม่ถึง 1 นาที

เคาท์ดาวน์ 2023 ต่างประเทศ ที่ไหนดี? เบื่อแล้วเคาท์ดาวน์ไทย ชวนไปเริ่มปีใหม่ในต่างแดน

13 Dec 2022 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 2 นาที

9 เกาะสวย สุดฮิตน่าไปในประเทศเพื่อนบ้าน

12 Jun 2022 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 3 นาที

สวนหลวง ร.9 - สวนสาธารณะที่คุณต้องไปเยือน

20 Jun 2025 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร