“นอร์เวย์” หนึ่งในประเทศยอดฮิตของเหล่าสายแอดเวนเจอร์ และสายรักธรรมชาติที่อยากออกเดินทางมาท่องเที่ยวในทวีปยุโรปเพื่อสัมผัสไปกับวิวทิวทัศน์โดยรอบของภูเขาสีเขียวขจี และต้นน้ำริมธารอันใสสะอาดตา รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่เรียงรายกันอย่างล้นหลามเพื่อให้คุณได้ออกมาเปิดโลกกว้างและสนุกสนานได้อย่างเต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งในวันนี้เราก็อยากจะขอพาทุกคนมาปลดล็อกการเดินทางกับการพาคุณไปตะลุยนอร์เวย์ เที่ยวนอร์เวย์แบบไม่ต้องกักตัว กับ 20 ที่เที่ยวนอร์เวย์แบบง่าย ๆ ในแบบที่เราสามารถแพ็คกระเป๋ารอวันเปิดประเทศ แต่ก่อนจะเดินทางไปก็อย่าลืมกดจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka กันก่อนนะ สามารถจองผ่านหน้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันได้อย่างง่าย ๆ แถมตอนนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ Promo Filter ที่จะช่วยหาตั๋วโปรภายในคลิกเดียว เรียกได้ว่าสะดวกกายสบายกระเป๋าเป็นที่สุด
ส่วนใครจองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ก่อนบินก็อย่าลืมไปเช็คมาตราการสนามบินที่นี่นะ
มาเริ่มกันที่สถานที่แรกของประเทศนอร์เวย์กันก่อนเลยกับ ถนนคนเดินคาร์ลโจฮันเทล แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนอร์เวย์และยังเป็นใจกลางของเมืองออสโลที่รวบรวมเหล่านักท่องเที่ยวจากทุกประเทศทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน เพื่อเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ไว้ใช้เอง และไว้สำหรับเป็นของฝากให้คนอื่น ๆ ซึ่งของยอดฮิตที่คนซื้อฝากกันจะเป็นเทียนหอม น้ำมันปลา ขนสัตว์ พวงกุญแจ และสิ่งของหลากหลายอีกมากมาย โดยต้องบอกก่อนเลยว่าสินค้าที่นี่ค่อนข้างมีราคาที่สูง ดังนั้นหากใครที่อยากมาซื้อแล้วละก็แนะนำให้มาช่วงมกราคม - กุมภาพันธ์ และเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม เพราะจะมีเทศกาลลดกระหน่ำ 50% - 70% เลยทีเดียว
นอร์เวย์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นฟยอร์ด จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่คนนิยมมากันก็คือ เกรังเกอร์ฟยอร์ด หนึ่งในฟยอร์ดที่มีความสวยงามที่สุดของประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ห่างจากเมืองออเลซุนด์ประมาณ 100 กิโลเมตร จนทำให้เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศของเทือกเขาสูงชันที่รายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มและน้ำตก Seven sister ที่สวยงามติดอันดับโลก จึงทำให้บริเวณสถานที่แห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเที่ยวชมความสวยงามและอากาศธรรมชาติกันที่จุดนี้เลย
จุดชมวิวดาล์สนิบบา หนึ่งในจุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศนอร์เวย์ ในเมือง Geiranger สถานที่ท่องเที่ยวที่นักเดินทางสามารถมาชมความงดงามของเทือกเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ และฟยอร์ดต่าง ๆ โดยรอบบนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 1,500 เมตรจึงทำให้นักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางขึ้นมาสัมผัสได้เพลิดเพลินกับความสวยงามเหมือนมองเห็นจากอีกมุมด้านบนของท้องฟ้าเลยทีเดียว แนะนำเลยว่าหากใครที่ไม่อยากพลาดความสวยงามของธรรมชาติแบบนี้แล้วละก็สามารถเดินทางมาเที่ยวชมได้ในช่วงเดือน มิถุนายน - กันยายนเท่านั้นเพราะสถานที่แห่งนี้จะสามารถเปิดให้ขึ้นในช่วงนั่นเอง
เดินทางไปท่องเที่ยวกันต่อที่สถานที่ท่องเที่ยวถัดมาในประเทศนอร์เวย์อย่าง อุทยานแห่งชาติรอนแดน ที่นับได้ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศ และเป็นหนึ่งในอุทยานที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก เนื่องจากอุทยานแห่งนี้มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบบนทิวเขาสูงที่เต็มไปด้วยหน้าผา ธารน้ำแข็ง น้ำตก และทะเลสาบรอนดวัทเนท อันสวยงามและเป็นศูนย์กลางของอุทยานที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด รวมไปถึงสัตว์ป่าอีกมากไม่ว่าจะเป็นกวางเรนเดียร์ กระต่ายป่า และสุนัขจิ้งจอกที่พร้อมเพรียงกันออกมาต้อนรับให้คุณได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของประเทศนอร์เวย์คือ ซอก์งเนฟยอร์ด หนึ่งในฟยอร์ดที่ยาวที่สุดในโลกและมีความลึกมากกว่า 1,300 เมตร โดยมีเส้นทางที่คดเคี้ยวและแคบตลอดช่วงบริเวณที่ทอดตัวยาวไปกว่า 200 กิโลเมตร จึงทำให้บริเวณนี้กลายเป็นมรดกทางธรรมชาติอันงดงามของประเทศนอร์เวย์ที่หากใครเดินทางมาก็ไม่ควรพลาดมาเล่นกิจกรรมสุดหวาดเสียวอย่างการล่องเรือเฟอร์รี่ได้ที่บริเวณฟยอร์ดแห่งนี้เลยรับรองได้ว่าคุณจะได้พบกับความสนุกสนานแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสอย่างแน่นอน
พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง เมืองออสโล จุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมเรื่องราวความเป็นมาของเรือไวกิ้งที่มีอายุยาวนานกว่า 1,000 ปี โดยเรื่องราวของไวกิ้งนั้นเกิดจากการสร้างเรือของชนเผ่าไวกิ้งที่ออกแบบรูปทรงโดยรอบให้มีความคล้ายหัวงู เพราะคนในเผ่าเชื่อว่างูจะช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายให้ได้ในตลอดการเดินทาง ดังนั้นจึงมีการสร้างรูปแบบเรือลำนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางออกทะเลในสมัยอดีต แต่ในปัจจุบันได้นำโครงสร้างเรือลำนี้มาไว้ภายใน เพื่อถ่ายทอดรูปแบบสิ่งประดิษฐ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
ท่าเรือเอเคอร์บรูค แต่เดิมนั้นเคยเป็นท่าเรืออันสำคัญของประเทศที่เปิดให้เหล่าพ่อค้าทั้งหลายเข้ามาค้าขายกันที่บริเวณนี้กันเป็นจำนวนมาก แต่แล้วได้มีการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนริมแม่น้ำชิล ๆ ที่นักท่องเที่ยวและเหล่านักราตรีทั้งหลายได้มานั่งดื่มด่ำไปกับร้านอาหารอีกมาก และบรรยากาศสุดโรแมนติกของแสงไฟและเสียงดนตรีที่เปิดคลอให้คุณได้ดื่มด่ำค่ำคืนสุดพิเศษกันที่ริมแม่น้ำแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
เมื่อเดินทางมาถึงประเทศนอร์เวย์อีกหนึ่งจุดเช็กอินเด็ดของสายคู่รักที่ไม่ควรพลาดคือ รถไฟสาย Flambana หนึ่งในเส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกที่สุดในโลกที่เปิดให้คุณได้เดินทางมานั่งเที่ยวชมความงดงามของฟยอร์ดรอบข้างตลอดสองข้างทางและวิวธรรมชาติอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น ภูเขาหิมะ น้ำตก หรือแม้แต่ธารน้ำแข็งที่ละลายตัวจนเกิดเป็นภาพวิวที่งดงาม ก็สามารถนั่งรถไฟลอดถ้ำและอุโมงค์ไปได้อย่างสวยงาม แนะนำเลยว่าหากใครที่เดินทางมาเที่ยวที่นอร์เวย์ก็ไม่ควรพลาดมานั่งรถไฟชมวิวโดยรอบที่สาย Flambana แห่งนี้เลย
ลีเซฟยอร์ด หนึ่งในภูเขาหินขนาดใหญ่กว่า 600 เมตรที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นหินผาขนาดใหญ่ที่เปิดให้เหล่าผู้กล้า และสายแอดเวนเจอร์ ได้มาเดินขึ้นเขาเพื่อไปยังจุดหมายที่มีบริเวณให้พวกเขาได้มาโดดภูเขากันได้อย่างสนุกสนาน โดยจะมีสองจุดด้วยกันคือ จุดชมวิวด้านบนสุดที่จะได้เล่นแม่น้ำและภูเขาโดยรอบ กับ จุด Base jumping ที่ใครอยากเพิ่มความสนุกสนานให้กับตัวเองมาลองท้าทายความกล้ากันได้เลยที่บริเวณจุดโดนเขาแห่งนี้นั่นเอง บอกเลยหากใครยังไม่ชำนาญดีแค่ได้ไปนั่งดูก็ถือว่าโหดแล้วเหมือนกัน
เดินทางไปกันต่อที่ มหาวิหารนิดารอส โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศนอร์เวย์ และเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีที่สืบต่อกันมาแต่เดิม ซึ่งในส่วนของตัวพระมหาวิหารแห่งนี้เปิดให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เดินทางเข้ามาเที่ยวสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิค ที่มีอายุอย่างยาวนานกว่า 1,000 ปี แต่ยังคงความงดงามของจิตรกรรมภายในไว้ได้อย่างงดงาม เพื่อทำให้เราได้เข้ามาเชยชมและสัมผัสไปกับอารยธรรมของสถานที่แห่งนี้ได้อย่างใกล้ชิด
มาถึงฟยอร์ดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศนอร์เวย์กันบ้างดีกว่ากับ ฮาร์ดังเกอร์ฟยอร์ด ที่มีทัศนียภาพอันสวยงามให้เราได้มองเห็นสองฝั่งของฟยอร์ดที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้ามากมายอันเขียวชอุ่มและดอกไม้นานาชนิดให้คุณได้เดินชื่นชมละนั่งเล่น เพื่อดื่มด่ำกับภาพบรรยากาศตรงหน้าให้ได้มากที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ในช่วงหน้าหนาวยังมีนักท่องเที่ยวมากมายที่เดินทางมาเพื่อเล่นสกีกันที่บริเวณฟยอร์ดแห่งนี้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นฤดูกาลที่หนาแน่นไปด้วยผู้คนอย่างมากเลยทีเดียว
Atlantic Ocean Road หรือ สะพานข้ามทะเลแอตแลนติกที่เปิดให้คุณได้มาขับรถผ่านเส้นทางคดเคี้ยวเพื่อข้ามทะเลที่เชื่อมต่อกับเกาะต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นถนนที่หาชมได้ยากและมีความสวยงามอย่างมากเลยทีเดียว โดยไฮไลท์เด็ดของถนนแห่งนี้ก็คือ สะพาน Storeseisundet ที่มีความยาวกว่า 260 เมตรจนทำให้เห็นออกมาเป็นส่วนเว้าโค้งได้รูปตามแนวยาวของทะเลในแบบที่น่าทึ่งสุด ๆ แต่แน่นอนเลยว่าสะพานแห่งนี้นอกจากจะเป็นสะพานที่มีความสวยงามที่สุดแล้วยังเป็นสะพานที่มีความอันตรายที่สุดในโลก เพราะตั้งอยู่ใกล้กลางแอตแลนติกอีกด้วย
สำหรับใครที่เป็นสายอาร์ตและชื่นชอบในเหล่างานศิลป์ทั้งหลายต้องไม่พลาดเดินทางมาที่ อุทยานฟรอกเนอร์ หรือ สถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะและประติมากรรมอันสวยงาม ที่สร้างขึ้นมาจากหินแกรนิตและหล่อด้วยทองแดง สำริด เพื่อให้ได้ออกมาเป็นผลงานความอลังการที่หลากหลาย โดยผลงานทั้งหมดที่บริเวณสถานที่แห่งนี้เป็นของ กุสตาฟ วิคเกอร์แลนด์ หนึ่งในปฏิมากรชื่อดังที่มีผลงานมากกว่า 200 ชิ้นภายในอุทยานแห่งนี้ให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมผลงานอันสร้างสรรค์ โดยเฉพาะผลงาน Mpnilitten ที่มีชื่อเสียงอย่างมากเลยทีเดียว
อีกหนึ่งโบสถ์ที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากนั้นก็คือ โบสถ์โรลดัล สเตฟว ที่เป็นโบสถ์ไม้อันเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 โดยในสมัยก่อนนั้นโบสถ์แห่งนี้ได้รับความนิยมจากเหล่ามิชันนารีและคนในหมู่บ้านที่ต้องการเดินทางเพื่อมาแสวงบุญเป็นอย่างมาก จึงทำให้ในปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางใจที่ทั้งชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของโบสถ์ไม้ท่ามกลางความสวยงามของภูเขาและลำธารโดยรอบนั่นเอง
Reine หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ได้รับการยกย่องจากเหล่านักท่องเที่ยวว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีความสวยงามที่สุดในประเทศ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ไปทางตอนเหนือกว่า 1,300 กิโลเมตรโดยมีสะพานเชื่อมไปยังเกาะจึงทำให้บริเวณหมู่บ้านแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบและอุดมไปด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย โดยมีอาชีพหลักเป็นการจับปลา จึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาท่องเที่ยวบริเวณหมู่เกาะแห่งนี้มักจะพักผ่อนหย่อนใจด้วยการพายเรือแคนนู และรับประทานของทะเลสด ๆ รวมไปถึงเดินขึ้นเขาเพื่อเที่ยวชมวิวรอบเกาะโดยรอบนั่นเอง
ต้องบอกเลยว่าหากใครเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศนอร์เวย์ต้องไม่พลาดเดินทางมาชมความงดงามของ อาคารไม้เก่าแก่สุดคลาสสิก 61 หลังเเห่งเมืองเบอร์เกน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากความสวยงามของอาคารบ้านเรือนที่ถูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลังและมีความหลากหลายของสีสันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขาว แดง เหลือ เขียวก็สามารถทำให้บ้านเหล่านี้เกิดเป็นความสวยงามที่มีสีสันและยังเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนในยามค่ำคืนว่ามีความงดงามคล้ายกับนิยายในหนังสือสักเล่มที่ชวนฝันถึงความสวยงามและความอบอุ่นของหมู่บ้านแห่งนี้เลยทีเดียว
ไปต่อกันที่ นอร์ทเคปสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังบนเกาะมาเกโรยา ที่มีลักษณะเป็นรูปปลายแหลมบนหน้าผาสูงที่ยื่นออกไปบริเวณนอกทะเล โดยเบื้องล่างของหน้าผาแห่งนี้เป็นท้องทะเลแบเร็นต์ที่มีความกว้างใหญ่และความสวยงามที่สุดในประเทศนอร์เวย์ จึงทำให้ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวให้เดินทางมาเยี่ยมชมความงดงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืนที่โด่งดังในช่วงหน้าร้อน และยังมีบริเวณพื้นที่ลานกิจกรรมที่จัดแสดงนิทรรศการต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาเดินเที่ยวชมประวัติความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ได้อีกเช่นเดียวกัน
เพิ่มอะดรีนาลีนของเราให้พลุ่งพล่านกันด้วยการพาทุกคนไปเที่ยวชมจุดชมวิวที่มีความสวยงามและความหวาดเสียวที่สุดในโลก เพราะบริเวณสถานที่แห่งนี้มีแผ่นหินที่ยื่นออกมาท่ามกลางอากาศที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,100 เมตร ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาอันกว้างใหญ่และทะเลสาบสีฟ้าครามอันงดงามราวกับคริสตัลอยู่บริเวณด้านล่าง ซึ่งถ้ามองดูแล้วอาจจะดูหวาดเสียวและอันตรายอย่างมาก แต่เมื่อได้ลองขึ้นมาถึงตรงนี้แล้วละก็จะลืมความน่ากลัวเพราะความสวยงามที่อยู่ตรงเบื้องหน้าเลยทีเดียว
Tromso เมืองในฝันที่เชื่อว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างอยากพากันเดินทางมาเพื่อชมปรากฏการณ์แสงเหนืออันงดงาม เพราะบริเวณสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล จึงทำให้สามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างดงามและอลังการ จนทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นจุดเช็กอินที่สำคัญ และแหล่งท่องเที่ยวแนวฮันนีมูนที่เหล่าคู่รักทั้งหลายไม่พลาดที่จะมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่ามกลางแสงเหนือที่เป็นเอกลักษณ์บริเวณสถานที่แห่งนี้เลย แนะนำเลยว่าหากใครที่เดินทางมาที่นอร์เวย์แล้วต้องไม่พลาดมาดื่มด่ำปรากฎการณ์แห่งนี้สักครั้งเลย
เดินทางมาถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายกันบ้างในประเทศนอร์เวย์อย่าง Latefossen หรือหนึ่งในน้ำตกขนาดใหญ่ในเขต Odda ของเมือง Hordaland ที่นับได้ว่าเป็นไฮไลท์เด็ดของประเทศนอร์เวย์ที่ห้ามพลาดเพราะเป็นน้ำตกที่มีความสูงกว่า 165 เมตร โดยมีลักษณะเป็นแม่น้ำสองสายที่ไหลมาบรรจบกันที่ทะเลสาบ Lotevatnet ติดกับบริเวณ Norwegiant national road 13 หนึ่งในถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยจุดพักผ่อนหย่อนใจมากมาย เรียงรายให้เหล่านักเดินทางได้มาพักผ่อนชมความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดนั่นเอง
จบไปแล้วกับการพาทุกคนไปตะลุย 20 ที่เที่ยวนอร์เวย์ที่คุณสามารถออกเดินทางไปท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วันแต่ก็ยังคงต้องระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ดังนั้นหากใครที่อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดแล้วละก็ เตรียมตัวไว้ให้ดีเพราะเปิดประเทศเมื่อไหร่เราจะไปลุยกันเลย