จอร์เจีย คือประเทศที่คนไทยไปเที่ยวกันได้แบบชิลล์ๆ เลยละ เพราะไม่ต้องขอวีซ่า แถมเค้ายังให้คนไทยแบบเราๆ เที่ยวจอร์เจียกันได้ 365 วันแบบเต็มเหนี่ยวไปเลยจ้า แล้วถ้ากำลังสงสัยว่าจะไปเที่ยวจอร์เจียเดือนไหนดี? บอกตรงนี้ว่าเริ่ดทุกฤดูเลยน้า ยิ่งใครชอบช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้องรีบจองตั๋วเครื่องบินจอร์เจียกับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp แล้วเตรียมตัวไปทัวร์จอร์เจียในฤดูแห่งสีสันที่ใกล้เข้ามากันให้ไว ส่วนใครที่อยากไปช่วงอื่น หรือยังไม่รู้ว่าไปแล้วจะทำอะไรดี มามุงตรงนี้เลยจ้า เรารวบตึงมาฝากกันแบบจุกๆ ครบๆ จบทั้งรอบปีแล้วนะ เลือกฤดูที่ชอบแล้วไปได้เลยจ้ะ เพราะอย่างที่บอกว่าไม่ต้องขอวีซ่านะ อ่ะ … ไปดู!
สำหรับสายเขียวที่ชอบการเดินเขาชมธรรมชาติ ไปเที่ยวจอร์เจียแล้วห้ามพลาดการไปหมู่บ้าน Juta เลยนะ เพราะนี่คือหนึ่งในหมู่บ้านที่ว่ากันว่าสวยที่สุดในโลกเลยเชียวละ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัสอันยิ่งใหญ่บนความสูงประมาณ 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล รอบด้านโอบล้อมด้วยเทือกเขาขนาดใหญ่ มีลำธารสายเล็กๆ ไหลผ่าน ใครรักการกางเต็นท์พกไปกางในหมู่บ้านนี้ได้เลยนะ หลายคนบอกว่าความสวยของเทือกเขาคอเคซัสนั้นชวนให้คิดถึงธรรมชาติที่สวิสกันเลยละ เส้นทางเทรกกิ้งมีให้เลือกทั้งสั้นและยาวจ้า มาจอร์เจียแล้วลองแวะมาปักหมุดกันที่เทือกเขาคอเคซัสได้เลย
เมือง Gudauri นั้นเป็นเมืองซึ่งมีสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 - 3,200 เมตร ในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมหนาตา ที่นี่จึงเป็นเมืองซึ่งรวมบรรดาสกีรีสอร์ทนานารูปแบบเอาไว้ให้คนรักการเล่นกีฬาท่ามกลางหิมะได้มาใช้บริการกัน ซึ่งจะอยู่ในช่วงประมาณเดือนธันวาคม - เมษายนของทุกปี ส่วนใครที่ไม่ถูกโรคกับอากาศหนาว เราแนะนำให้มาเช็คอินกันในช่วงอื่นๆ ของปี เพราะที่นี่จะเต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติที่สวยไปอีกแบบเลยละ ชอบแบบไหนก็จองตั๋วไปเที่ยวจอร์เจียกันช่วงนั้นเลยนะ รับรองว่าสวยทั้งปี!
เจ้าเกี๊ยวจอร์เจียหน้าตาเหมือนเสี่ยวหลงเปาที่เราคุ้นตาเมนูนี้ นับเป็นหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่เค้าเลยละ ไส้ด้านในนั้นมีให้ชิมกันทั้งเนื้อวัวและเนื้อหมูจ้า นอกจากนั้นยังมีเห็ด ชีส มันฝรั่ง และเครื่องเทศอีกหลายอย่าง จากนั้นจึงนำไปจับจีบให้สวยแล้วเอาไปนึ่งให้สุกนะ เคล็ดลับของเมนูนี้อยู่ตรงที่ด้านในมีน้ำซุปคล้ายเสี่ยวหลงเปาของเมืองจีนนั่นละ เวลากิน ชาวจอร์เจียเค้าแนะนำให้เราจับส่วนจุกคว่ำลง ก่อนจะกัดส่วนฐาน ดูดน้ำซุป กินทั้งหมดและเหลือส่วนจุกเอาไว้เพื่อใช้นับจำนวนเกี๊ยวที่กินไปจ้า อยากรู้ว่าใครเป็นแชมป์กินจุก็ดูได้จากตรงนี้นี่ละ!
นี่คือหนึ่งในพิกัดมรดกโลกที่น่าอัศจรรย์ของจอร์เจียเค้าเลยจ้า กับเมืองโบราณซึ่งสันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นมาก่อนคริสตศักราชประมาณ 1,000 ปี โดยมีเนื้อที่รวมแล้วประมาณ 40,000 ตารางเมตรกันเลยนะ ในยุครุ่งเรืองสุดๆ นั้นคาดกันว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่ถึงราวๆ 20,000 คนเลยจ้า ที่น่าสนใจคือในยุคที่ไม่มีเครื่องมือเครื่องใช้ใดๆ คนโบราณใช้อะไรในการเจาะผาหินใหญ่ให้กลายเป็นห้องต่างๆ มากมายได้อย่างน่าอัศจรรย์นี่ละ ที่นี่มีผู้คนอาศัยอยู่จนถึงช่วงศตวรรษที่ 13 เลยนะ นี่คืออีกหนึ่งไฮไลท์ที่ต้องเช็คอินกันให้ได้จ้ะเมื่อไปเที่ยวจอร์เจีย
เชื่อว่าต้องมีหลายคนเลยละ ที่มีความงดงามอลังการของโบสถ์นี้เป็นแรงบันดาลใจให้เก็บกระเป๋ามาเที่ยวจอร์เจียกัน เพราะนี่คือโบสถ์ซึ่งอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์สุดอลังการของเทือกเขาคอเคซัส ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 14 โดยใช้หินแกรนิตขนาดใหญ่ ตัวโบสถ์ตั้งอยู่บนเนินเขาที่รอบด้านเต็มไปด้วยทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวขจีแบบไม่มีอะไรมาบดบังกันเลยเชียวละ นี่คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญอันสวยงามของเทือกเขาคอเคซัสที่ห้ามพลาดของจอร์เจียเลยนะ ปักหมุดเอาไว้เลยจ้า ไม่ได้มาเห็นด้วยตาก็เหมือนยังมาไม่ถึงเด้อ
ว่ากันว่าจอร์เจียคือประเทศแรกในโลกที่เริ่มผลิตไวน์เมื่อประมาณ 8,000 ปีที่แล้วโน่นเลยจ้า และว่ากันอีกว่าทุกวันนี้ ชาวจอร์เจียยังคงใช้กรรมวิธีผลิตไวน์แบบที่เคยใช้เมื่อ 8,000 ปีที่แล้วอยู่เลยนะ! โดยพวกเค้าจะหมักไวน์ในโอ่งดินเผาที่เรียกว่า Kvevri แล้วจะเอาโอ่งนี้ไปฝังดินไว้ บางโอ่งนั้นฝังกันยาวๆ ไปกว่า 50 ปีเลยจ้า ทุกวันนี้ องค์การยูเนสโก้ยกให้วิธีการผลิตไวน์จอร์เจียเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรมไปแล้วเรียบร้อยด้วยนะ แถมชาวจอร์เจียยังนิยมดื่มไวน์ในชีวิตประจำวันกันสุดๆ เลยละ ใครเป็นคอไวน์ อยากจิบไวน์ชิวๆ ในบรรยากาศชวนฝันล่ะก็ พลาดไม่ได้ และเชื่อว่าการมาทัวร์จอร์เจียคงเหมือนอยู่บนสวรรค์อย่างแน่นอน
จะเรียกว่านี่คือหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมืองทบิลิซีซึ่งเป็นเมืองหลวงของจอร์เจียก็ว่าได้ เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นตากับภาพป้อมโบราณอายุกว่าพันปี ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูงกลางเมืองหลวงแห่งนี้กันเป็นอย่างดีเลยละ ป้อมนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณช่วงศตวรรษที่ 4 และว่ากันว่าแม้จะมีข้าศึกบุกโจมตีมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยมีใครยึดป้อมปราการแห่งนี้ได้เลยนะ สมกับชื่อที่แปลว่า ‘ป้อมซึ่งไม่สามารถทำลายลงได้’ จริงๆ เลยจ้า ป้อมนี้ยังเป็นจุดชมวิวเมืองทบิลิซีในมุมสูงที่เด็ดสุดๆ เลยด้วยนะ เป็นอีกพิกัดที่ขอบอกว่าพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงโดยเฉพาะเมื่อมาทบิลิซีแล้ว
อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของจอร์เจียที่มาถึงแล้วไม่กินไม่ได้! ก็ต้องยกให้เมนูนี้นี่ละ กับเจ้าขนมปังไซส์ใหญ่เท่าจานซึ่งตรงกลางนั้นมีการใส่ชีส เนย และไข่ไก่ลงไป วิธีกินก็ง่ายๆ เลยจ้า แค่บิขนมปังออกมาแล้วนำไปใช้คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน จิ้มเข้าปากจะได้รสชาติเค็มๆ มันๆ อร่อยเพลินเลยจ้า แม้ในปัจจุบันหลายร้านจะมีการปรับสูตร ส่วนผสม และหน้าตาให้มีความแตกต่างเฉพาะตัวมากขึ้นบ้างแล้วนะ แต่ Khachapuri แบบดั้งเดิมก็ยังถือเป็นเมนูที่ต้องมาลองดูจ้ะ ใครเป็นสายคาร์บรับรองว่าแฮปปี้แน่นอน
ถึงจอร์เจียจะโดดเด่นในเรื่องของทิวทัศน์ธรรมชาติและสถาปัตยกรรมโบราณสุดอลัง แต่บอกเลยว่าพิกัดช้อปปิ้งของที่นี่ก็ปังไม่แพ้ใครเลยเชียวละ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชื่นชอบของเก่าสุดคลาสสิกนะ รับรองว่าตลาด Dry Bridge แห่งนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนจ้า เพราะที่ตลาดนี้จะมีบรรดาผู้คนท้องถิ่นนำเอาของเก่าหรือของสะสมในบ้านมาวางขายกันอย่างละลานตา มีให้เลือกซื้อหากันทั้งของใช้ เครื่องประดับ หรือของแต่งบ้านเลยละ ราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักหมื่นเลยเชียวนะ ตลาดนี้มีทุกวันตั้งแต่สิบโมงถึงห้าโมงเย็นจ้ะ สายช้อปต้องปักหมุดเอาไว้เลย
อีกหนึ่งที่เที่ยวโบราณสถานสำคัญที่ไม่อยากให้พลาดการไปเช็คอินกันเมื่อไปเที่ยวจอร์เจีย เพราะนี่คืออีกหนึ่งชุมชนโบราณซึ่งมีการขุดเจาะผาหินเข้าไปเป็นถ้ำที่มีลักษณะคล้ายห้อง โดยที่นี่ถูกใช้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 โน่นเลยจ้า เมืองถ้ำนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่หลบการรุกรานของมองโกล โดยมีห้องมากกว่า 6,000 ห้องเลยนะ ทั้งหมดแบ่งออกเป็นชั้นถึง 19 ชั้น และว่ากันว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่กันกว่า 50,000 คนเลยเชียวละ เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่เชื่อว่ามาแล้วตื่นตาตื่นใจสุดๆ ชัวร์
หนึ่งอย่างที่ควรต้องลองชิมให้ได้เมื่อมาทัวร์ในจอร์เจียกัน ก็คือขนมหวานที่หน้าตาชวนให้คิดถึงกุนเชียงบ้านเรายังไงยังงั้นนี่ละจ้า เจ้าขนม Churchkhela นั้นคือการนำถั่วหรือผลไม้แห้งสารพัดชนิดมาร้อยเป็นเส้นยาว แล้วนำเอาลงไปชุบกับน้ำตาล น้ำผึ้ง ไวน์ และอีกหลากหลายอย่าง ก่อนจะทำให้แห้งอีกครั้งแล้วนำมาวางขาย เป็นขนมซึ่งมีรสชาติหลากหลายให้ลองชิมกันจ้า ซื้อกินเองก็ได้ ซื้อกลับมาเป็นของฝากก็เชื่อว่าน่าจะถูกใจผู้รับแน่นอนเชียวละ มาจอร์เจียแล้วอย่าพลาดโอกาสลองชิมกันเด้อ
จอร์เจียคือประเทศที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่สืบทอดกันมาสารพัดรูปแบบเลยนะ และหนึ่งในนั้นก็คือวัฒนธรรมในเรื่องของการอาบน้ำนี่ละจ้ะ ชาวจอร์เจียนั้นมีรูปแบบการอาบน้ำในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งว่ากันว่าเหมือนนำเอาวัฒนธรรมการอาบน้ำของชาวตุรกีและญี่ปุ่นมารวมกันเลยจ้า อยากรู้ว่าการอาบน้ำแร่แบบขนานแท้ของจอร์เจียนั้นเด็ดขนาดไหน ต้องไปลองกันด้วยตัวเองน้า เชื่อว่าจะเป็นอีกประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทริปนี้กันแน่นอน
อนุสรณ์สถานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงสัมพันธภาพอันดีระหว่างรัสเซียและจอร์เจียแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อคราวที่สนธิสัญญา Georgievsk มีอายุครบ 200 ปีจ้า ด้านในอนุสรณ์สถานรูปวงกลมแห่งนี้ ตกแต่งประดับประดาด้วยโมเสกหลากสีสันเป็นรูปเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญๆ ของสองประเทศเอาไว้ ส่วนด้านนอกก็สวยเว่อร์วังสะใจด้วยทิวทัศน์ของ Devil’s Valley แบบ 360 องศา แถมใกล้ๆ กันก็ยังมีร้านรวงให้ซื้อหาข้าวของท้องถิ่นกันกรุบกริบพอเพลินๆ อีกด้วยนะ เป็นอีกพิกัดที่ต้องปักหมุดไว้เลยจ้า มาถึงจอร์เจียแล้วต้องเช็คอิน
สำหรับคนรักแอ็คเซสซอรี่ส์ หรือมีสาวน้อยสาวใหญ่รอของฝากอยู่ที่บ้าน ลองไปส่องหาซื้อเครื่องประดับน่ารักๆ จากช่างฝีมือชาวจอร์เจียติดไม้ติดมือกลับกันซักชิ้นสองชิ้นดีมั้ย? Enamel Jewelry คือโลหะซึ่งถูกนำไปขึ้นรูปเป็นลักษณะหลากหลาย แล้วนำไปเพ้นท์ลวดลายต่างๆ โดยแต่ละท้องถิ่นก็จะมีลวดลายที่เป็นซิกเนเจอร์ของตัวเอง ก่อนจะนำไปเคลือบแก้วเพื่อให้เกิดความแวววาว โดยจะมีการทำเป็นเครื่องประดับหลากหลายรูปแบบเลยละ ส่วนใหญ่จะมีวางจำหน่ายตามแกลเลอรี่น้า เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของฝากที่น่าสนใจเด้อ
อีกหนึ่งพิกัดที่น่าจะถูกใจ ทั้งสายสถาปัตย์ฯ โบราณคดี และสายธรรมชาติ ก็ต้องยกให้กับหมู่บ้านนี้นี่ละ เพราะนี่คือหมู่บ้านมรดกโลกซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2,100 เมตร ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางความสวยงามอลังการของที่ราบเชิงเขา Shkhara อันเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัสอันยิ่งใหญ่ หมู่บ้านนี้มีคนอาศัยอยู่แค่ประมาณ 300 คนเท่านั้นนะ แต่มีครบครันทั้งร้านค้า โบสถ์ โรงเรียน ร้านอาหาร ไปจนถึงโรงแรมเลยจ้า เป็นอีกพิกัดที่บอกเลยว่าดีงามเชียวละ มาทัวร์จอร์เจียกันเมื่อไหร่ ใส่แพลนเอาไว้เลย
อีกชุมชนที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาคอเคซัสซึ่งทั้งงดงามและยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน ตัวอาคารส่วนใหญ่สร้างในสไตล์โบราณโดยใช้หินและไม้เป็นหลัก เอกลักษณ์หนึ่งของหมู่บ้านนี้ก็คือการที่บ้านส่วนใหญ่มีหอคอยโบราณที่มีลักษณะคล้ายกับปล่องไฟ โดยในอดีตนั้นใช้ในการขึ้นไปสอดส่องศัตรูผู้รุกรานซึ่งจะเห็นได้จากระยะไกลนั่นเองจ้า ไม่ว่าจะชอบการเดินเล่นชมเมืองกันแบบสบายๆ หรือจะเป็นสายเทรกกิ้งที่ชอบการเดินชมเขาชมป่า ก็รับรองว่าฟินถ้วนหน้ากันแน่นอนเชียวละ นี่คืออีกหนึ่งที่เที่ยวจอร์เจียที่ไม่ควรพลาดเลยนะ รับรองว่ามาแล้วจะประทับใจ
ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากความคลาสสิกของอาคารบ้านเรือนที่เห็นกันได้เกือบทุกเมืองในจอร์เจีย มาเป็นการได้เดินอยู่ท่ามกลางอาคารสูงหน้าตาล้ำสมัยซึ่งมาพร้อมกับความบันเทิงในหลากหลายรูปแบบดูบ้าง บอกเลยว่าเมืองนี้ปังมากจ้ะ! เพราะนี่คือเมืองตากอากาศริมทะเลดำที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดในจอร์เจียเลยเชียวนะ ไม่ว่าจะเป็นถนนกว้างใหญ่ ตึกสูงหน้าตาสุดล้ำ ร้านอาหารหรูหรา หรือแม้กระทั่งคาสิโน จนหลายคนตั้งฉายาให้ว่านี่คือ Las Vegas of The Black Sea กันเลยน้า ใครเป็นสายเอนเตอร์เทนพลาดไม่ได้เลยจ้า ปักหมุดมาบันเทิงกันได้เลย
แลนด์มาร์คหลักกลางเมืองทบิลิซีที่เชื่อว่าทุกคนที่ไปเที่ยวจอร์เจียแล้วมาทบิลิซีคงไม่มีทางพลาดที่เที่ยว เพราะเป็นพิกัดซึ่งโดดเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้แต่ไกล นี่คือโบสถ์คริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในจอร์เจีย และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกเลยเชียวนะ กลางวันก็สวยยิ่งใหญ่ กลางคืนก็น่าตื่นตาตื่นใจด้วยแสงไฟที่สาดส่องประดับประดา เป็นแหล่งเช็คอินสุดอลังการที่มาเช็คอินกันได้ตลอดทั้งปี โดยไม่ต้องมานั่งกังวลว่ามาเที่ยวจอร์เจียเดือนไหนดีถึงจะเห็นที่นี่ได้สวยเต็มตา จะมาช่วงไหนก็ปักหมุดกันเอาไว้เลยน้า บอกตรงนี้ว่าสวยทุกฤดู!
สำหรับสาย ig บอกเลยว่าพลาดที่นี่ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงเลยจ้า เพราะนี่คือสะพานหน้าตาสุดล้ำที่โดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองทบิลิซี ทอดตัวเชื่อมระหว่างย่านเมืองเก่าและเมืองใหม่เข้าไว้ด้วยกัน ตัวสะพานเป็นโครงสร้างเหล็กประดับกระจกใส ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลีและที่เริ่ดก็คือเค้าสร้างในอิตาลีแล้วนำใส่รถบรรทุกมาประกอบกันที่จอร์เจียนี่เลยจ้า ตัวสะพานมีความยาวประมาณ 150 เมตรนะ ช่วงกลางวันและกลางคืนจะให้บรรยากาศที่สวยแตกต่างกันด้วยละ แนะนำให้แวะมาเช็คอินทั้งสองช่วงเลย
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนรักการกินไวน์หรือไม่ แต่เมื่อได้ไปทัวร์จอร์เจียกันแล้วและอยากได้ของฝากที่ไม่ซ้ำใคร แนะนำให้ลองมองหาเจ้า Khantsi กลับมาเป็นที่ระลึกกันดูนะ เพราะนี่คือแก้วไวน์สไตล์ท้องถิ่นซึ่งทำจากเขาสัตว์เช่นแกะหรือแพะ และจะมีการนำมาตกแต่งประดับประดาด้วยโซ่หรือแผ่นเงินเข้าไปให้แลดูสวยงามและมีคุณค่า แม้ปัจจุบันชาวจอร์เจียอาจจะไม่ได้ใช้เจ้านี่เป็นภาชนะใส่เครื่องดื่มกันในชีวิตประจำวันแล้วนะ แต่ก็ยังมีการนำมาใช้งานเมื่อมีเทศกาลสำคัญๆ กันอยู่จ้า เก๋ไก๋ไม่ซ้ำที่ไหนในโลกเลยน้า เชื่อว่าคนได้รับน่าจะแฮปปี้กันแน่นอน
สำหรับคนที่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าทบิลิซีหรือจอร์เจียจะอันตรายไหม? ตอบให้ตรงนี้เลยว่าไม่จ้ะ! เพราะที่นี่เคยติดอยู่ในอันดับ 7 ของประเทศที่ปลอดภัยที่สุดในโลกมาแล้วนะ แถมที่นี่ยังมีอัตราการเกิดอาชญากรรมที่ต่ำมากด้วยจ้า อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะมาถึงกันแล้วน้า เป็นอีกช่วงที่จอร์เจียจะสวยสุดๆ เลยเชียวละ รีบจองตั๋วเครื่องบินจอร์เจียกับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app เอาไว้ได้เลยน้า ใครมองหาประเทศที่สวยแถมยังใช้งบไม่มากนัก รีบมาปักหมุดเที่ยวจอร์เจียกันเลยจ้า รับประกันว่าไม่ผิดหวังล้านเปอร์เซ็นต์!