อินเดีย ประเทศที่มีเอกลักษณ์ทั้งศิลปะและวัฒนธรรม เป็นต้นกำเนิดที่สำคัญของพุทธศาสนา และยังมีอารยธรรมเก่าแก่ที่ทรงเสน่ห์ ถ่ายทอดผ่านสถาปัตยกรรมและประติมากรรมที่งดงามสุดอลังการ ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่เที่ยวอินเดียมีให้เลือกมากมาย อยากไปไหนก็เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ของคุณ แต่อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินไปอินเดียกันก่อนนะ จองตั๋วง่าย ๆ ได้ที่ Traveloka แหล่งรวมตั๋วเครื่องบินราคาถูก ได้ตั๋วแล้วก็ไปเที่ยวอินเดียกันได้เลย
เริ่มต้นชีวิตที่สดใสด้วยการท่องเที่ยวอินเดีย ดินแดนแห่งอารยธรรม ที่เที่ยวอินเดียมีมากมาย ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ เพียงออกเดินทางไปเที่ยวอินเดียคุณก็จะได้เห็นว่าประเทศนี้มีความยิ่งใหญ่มากแค่ไหน ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยว่ามีที่เที่ยวอินเดียที่ไหนน่าสนใจบ้าง
ที่เที่ยวอินเดียแห่งแรกที่มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นใครก็ต้องมาอย่าง “ทัชมาฮาล (Taj Mahal)” 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่มีความสวยงามอลังการ ถูกสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ทัชมาฮาลเกิดจากความรักและความเศร้าของจักรพรรดิซาห์ ชหาน กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์โมกุล ที่ปกครองอินเดียในช่วงศตวรรษที่ 16 พระองค์ทรงพบรักกับอรชุมันท์ พานุ เพคุม บุตรสาวของรัฐมนตรี ที่ต่อมาได้ทรงตั้งชื่อใหม่ให้ว่า มุมตัช มาฮาล
หลังจากครองคู่กันมาได้ 18 ปี มาฮาลก็ให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 ท้ายที่สุดพระนางก็ตกเลือดและสิ้นพระชนม์ นำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจแก่จักรพรรดิชาห์ ชหานเป็นอย่างมาก พระองค์จึงจมอยู่กับความเศร้านุ่มขาวห่มขาวไปนั่งรำพันถึงพระมเหสีที่ข้างหลุมศพราวกับคนเสียสติ และได้สร้างอนุสรณ์แห่งความรักนี้เอาไว้ที่ริมโค้งแม่น้ำยมุนา
จักรพรรดิซาร์ ชหานได้ทรงออกแบบการก่อสร้างทัชมาฮาลด้วยพระองค์เอง ใช้แรงงานในการก่อสร้างกว่า 20,000 คน และใช้เวลากว่า 22 ปี จนสำเร็จเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่
แต่ทว่าหลังจากนั้นพระองค์ก็ถูกราชโอรสชิงบัลลังก์ และนำตัวไปกักขังที่ป้อมเมืองอัคราซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำกับทัชมาฮาล พระองค์ยังคงรำพันถึงพระมเหสีตลอด 8 ปี จนกระทั่งในวันสุดท้ายของชีวิต พระองค์ก็เลือกที่จะจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และในที่สุดพระองค์ก็ได้ถูกฝังเคียงข้างกับพระมเหสีที่พระองค์ไม่เคยลืมเลือน
ตามรอยเส้นทางแห่งความรักของพระเจ้าชาห์ ชหานกันต่อที่ป้อมอัครา (Agra Fort) หรือป้อมแดง สัญลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ของความรักและความตาย ที่ลมหายใจสุดท้ายของพระองค์อยู่ที่นี่ ป้อมอัครา คือพระราชวังอัครา ถูกสร้างโดยราชบุตรแห่งวงศ์ศิกวะตั้งแต่ปี ค.ศ. 1080 ก่อนจะมีทัชมาฮาลเสียอีก ป้อมอัคราแห่งนี้ได้ถูกบูรณะใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1565 โดยกษัตริย์อักบาร์ สร้างด้วยหินทรายและศิลาสีแดง ลักษณะครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโค้งแม่น้ำยมุนา เป็นที่เที่ยวอินเดียที่มองเห็นทัชมาฮาลสวยที่สุด
หากใครไปเยือนกรุงเดลีต้องไม่พลาดที่จะเห็นประตูอินเดียตั้งตระหง่านใจกลางเมือง ประตูอินเดียแห่งนี้เป็นอนุสรณ์สถานของเหล่าทหารกล้าที่ได้เสียสละในการปกป้องประเทศจากอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
ประตูอินเดียแห่งนี้มีความสูง 42 เมตร สร้างด้วยหินทรายเมื่อปี ค.ศ.1931 บนประตูได้แกะสลักรายนามของทหารหาญที่เสียชีวิต และบริเวณโค้งได้ติดตั้งคบเพลิงที่ไฟไม่เคยมอดดับ เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามอินเดีย-ปากีสถาน เมื่อปี ค.ศ. 1971 ที่เที่ยวอินเดียแห่งนี้นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นความภาคภูมิใจของชาวอินเดียเลยก็ว่าได้
แลนด์มาร์คอินเดียแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองชัยปุระ (Jaipur) หรือนครสีชมพู ฮาวามาฮาล (Hawa Mahal) มีอีกชื่อว่า พระราชวังแห่งสายลม โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ สร้างขึ้นด้วยหินทรายสีแดงและสีชมพู ผสมผสานศิลปะเปอร์เซียกับโมกุลได้อย่างลงตัว อาคารแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมงกุฎของพระนารายณ์ ที่มีหน้าต่างประดับกระจกสีลวดลายฉลุงดงามกว่า 935 บาน คล้ายรังผึ้ง ที่เรียกสายลมให้พัดผ่าน เป็นที่เที่ยวอินเดียไฮไลต์ที่ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
ไหน ๆ ก็เที่ยวประตูกันแล้ว มาต่อที่อีกประตูกันดีกว่า ประตูปาตริกา หรือ The Patrika Gate ที่เที่ยวอินเดียในชัยปุระ สถาปัตยกรรมอันสวยงามหยดย้อยที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก สร้างขึ้นด้วยหินทรายสีชมพู ตกแต่งด้วยงานแกะสลัก ปูนปั้น และผลงานจิตรกรรมฝาผนังที่มีลวดลายและสีสันสวยสดงดงาม จนได้รับการยกย่องให้เป็นประตูเมืองที่สวยที่สุดในบรรดา 9 ประตูของเมืองนี้เลยเชียวล่ะ
มาต่อกันที่พระราชวังหลวง (The City Palace) ที่เที่ยวอินเดียอีกแห่งที่พลาดไม่ได้ของเมืองชัยปุระ พระราชวังแห่งนี้ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมแบบราชปุตและโมกุล มีความยิ่งใหญ่มากจนครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 7 ของใจกลางเมืองชัยปุระ ไม่ใช่แค่นั้นภายในพระราชวังยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสุดอลังการ นอกจากนี้ยังมีประตูเล็ก ๆ 4 ประตูที่แสดงถึง 4 ฤดูกาล กิมมิกน่ารักที่สวยซึ้งตรึงใจ ถ่ายรูปจุดไหนก็สวยทุกมุม
อยากไปเที่ยวแบบฟรี ๆ กันบ้างไหม นี่เลยบ่อน้ำ Chand Baori Stepwell ที่เที่ยวอินเดียที่เปิดให้เข้าฟรี แถมยังสวยอัศจรรย์ที่ใครจะไปคิดว่านี่คือบ่อน้ำ แต่บ่อน้ำนี้ไม่ใช่บ่อน้ำธรรมดา เป็นบ่อน้ำโบราณที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 10 มีความลึกที่สุดและใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมีความลึกประมาณตึก 10 ชั้น หรือ 33 เมตร มีบันไดถึง 13 ชั้น รวมแล้วกว่า 3,500 ขั้นเชียวนะ และที่สำคัญที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Batman: The Dark Knight Rises อีกด้วย
กลับมาเที่ยวชมสถาปัตยกรรมกันต่อกับป้อมแอมเบอร์ (Amber Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่ที่อยู่เมืองอาร์แมร์ ชานเมืองชัยปุระ ที่เที่ยวอินเดียขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบ Maota สร้างในสมัยศตวรรษที่ 16 โดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1
ป้อมแอบเบอร์แห่งนี้มีชื่อเสียงจากการผสมผสานศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุตเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ และความมหัศจรรย์ของป้อมแอมเบอร์ คือ ความยิ่งใหญ่ของกำแพงเมืองที่มีทั้งหมด 4 ชั้นที่อลังการมาก ๆ ส่วนวิวเหนือป้อมนั้นสวยอย่าบอกใครเลยเชียว
สำหรับสาวกผู้ชื่นชอบธรรมชาติ ชอบการปีนเขา เดินป่า ต้องไม่พลาดที่เที่ยวอินเดียแห่งนี้ สิกขิม (Sikkim) ดินแดนแห่งอ้อมกอดของเทือกเขาหิมาลัย คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติที่งดงาม และวิวทิวทัศน์สวย ๆ ตลอดการเดินทาง ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือเมืองตากอากาศชื่อดังอย่างดาร์จีลิ่ง (Darjeeling) และยอดเขาคันเช็งฌองก้า (Khangchendzonga) ที่สูง 8,598 เมตร สูงเป็นอันดับสามของโลก รองจาก Everest และ K2 เลยทีเดียว
เรายังอยู่กับแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติกันต่อกับแคชเมียร์ (Kashmir) ที่เที่ยวอินเดียที่ได้รับสมญานามว่าสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย แคชเมียร์อยู่ติดกับชายแดนปากีสถานและจีน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,000-5,000 เมตร โดยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญคือทะเลสาบคาล เมือง Sonamarg Gulmarc และ Pahagam แค่ภาพยังสวยขนาดนี้แล้วของจริงจะสวยขนาดไหน
จุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในขุนเขา ลาดัก (Ladahk) ถือเป็นสุดยอดเส้นทางท่องเที่ยวจนได้รับฉายาว่า Land of high passes มาเที่ยวที่ลาดักแห่งนี้ต้องอย่าลืมพกยาสำหรับโรคแพ้ความสูงมาด้วยนะ เพราะการเดินทางมาที่นี่จะผ่านถนนที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Khardungla pass ที่มีความสูงถึง 5,359 เมตร สูงกว่าดอยอินทนนท์บ้านเราถึง 2 เท่า
ไฮไลต์ที่สำคัญของลาดักก็คือ Nubra Valley, ทะเลสาบ Pangong, ทะเลสาบ Moriri, เมือง Lamayuru และเมืองเลห์ (Leh) ที่เที่ยวอินเดียชื่อดังที่สายแอดเวนเจอร์ไม่ควรพลาด
อีกหนึ่งที่เที่ยวอินเดียที่เหมาะสำหรับคนไทยที่ต้องการเดินตามรอยพระพุทธเจ้า กับการท่องเที่ยวสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของศาสนาพุทธอย่างพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ที่พุทธศาสนิกชนทุกคนอยากจะไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต และใครที่มาที่นี่ก็ไม่ควรพลาดที่จะนั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบที่ใต้ต้นโพธิ์ เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าได้ประทับใต้ต้นศรีมหาโพธิ์จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ที่นี่ยังมีวัดไทยพุทธคยา ที่เป็นวัดไทยแห่งแรกในอินเดียด้วยนะ
ตามรอยพระพุทธเจ้ากันต่อที่ ธัมเมกขสถูป (Dhamekh Stupa) สถานที่ที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน หรือเมืองสารนาถในปัจจุบัน ในสถานที่นี้เป็นที่กำเนิดภิกษุสงฆ์รูปแรกในพุทธศาสนาก็คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ และเกิดเป็นพระรัตนตรัยครบ 3 องค์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ จึงเกิดสังฆรัตนะขึ้นในโลก รับรองว่ามาที่นี่แล้วอิ่มบุญอิ่มใจแน่นอน
เรายังอยู่กับที่เที่ยวอินเดียที่เป็นหนึ่งในเส้นทางตามรอยพระพุทธเจ้าที่สำคัญนั่นก็คือ เมืองกุสินารา (Kusinagar) รัฐอุตรประเทศ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่นี่เนืองแน่นไปด้วยต้นสาละ โดยพระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างสถูปขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นที่บรรจุพระอัฐิของพระพุทธเจ้า ภายในพระวิหารยังมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่อยู่บนแท่นหินทรายแดงหรือเรียกว่า จุณศิลา ที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปีอีกด้วย
เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ มาเที่ยวอินเดียแล้วก็ไม่พลาดที่จะไปชมวิถีชีวิตของชาวอินเดียที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาในตำนาน แม่น้ำคงคา (Ganga River) หรือแม่น้ำแห่งความตาย ที่มีกิจกรรมมากมายให้เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นการลอยอังคาร การอาบน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต การใช้แม่น้ำคงคาสำหรับอุปโภค บริโภค รวมถึงการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามความเชื่อในศาสนาฮินดูที่ว่าแม่น้ำในเมืองพาราณสีแห่งนี้เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับส่งวิญญาณผู้ตายไปสวรรค์ถึง 200 ศพต่อวัน
และที่เที่ยวอินเดียที่ต่อไปยังคงวนเวียนอยู่กับความเชื่อทางศาสนา คราวนี้เราจะพาคุณมาชมศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาซิกซ์ที่สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาอันแรงกล้าอย่าง วิหารทองหริมันทริรสาหิบ (Harmandir Sahib) ถูกสร้างในยุคมหาราชารานจิต สิงห์ ในปี ค.ศ. 1830 วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ใจกลางเมืองอมฤตสระ (Amritsar) สร้างด้วยหินอ่อนและทองคำล้วน ๆ สายบุญต้องไม่พลาดเพราะที่นี่คือโรงทานแห่งความเมตตาอย่างแท้จริง
ป้อมปราการเมห์รานการห์ (Mehrangarh Fort) ป้อมโบราณขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดีย และยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังที่เป็นหนึ่งในสี่ของพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียอีกด้วย ป้อมแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองจูดห์ปุระ ที่สร้างขึ้นโดยมหาราชาเรา โยธา มีความสูงถึง 125 เมตร ตั้งตระหง่านบนที่ผาหินสูง ทำให้มองเห็นวิวเมืองได้ทั้งเมือง
ป้อมปราการเมห์รานการห์แห่งนี้มีไฮไลต์คือประตูชัยพล ที่แปลว่าชัยชนะ โดยมหาราชา มัน สิงห์สร้างขึ้นในโอกาสที่รบชนะกองทัพชัยปุระ และบิคาเนอร์ เวลาที่สวยที่สุดคือยามพระอาทิตย์ตกดิน แสงสวย บรรยากาศดี งดงาม ยากจะหาใครเทียบ
ไปชมถ้ำที่อินเดียกันบ้างดีกว่ากับถ้ำอชันตา (Ajanta Caves) เป็นถ้ำในพระพุทธศาสนาที่มีความงดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างก่อนคริสต์ศักราชเกือบ 200 ปี โดยเจาะภูเขาด้วยฆ้อนและสิ่วเพื่อใช้สำหรับปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างแท้จริง
ภายในถ้ำอชันตาถ้ำย่อย ๆ มากกว่า 30 ถ้ำ เรียงต่อเนื่องยาวเป็นวงโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยว อยากรู้ไหมถ้ำไหนสวยที่สุด? นี่เลยถ้ำหมายเลข 1 มีชื่อว่าถ้ำพุทธมหายาน ที่เป็นที่ตั้งของภาพวาดปัทมปาณิโพธิสัตว์และพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ศิลปะคุปตะตอนปลาย ที่เป็นภาพเขียนที่งดงามและสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยนะ
ถ้ำเอลโลร่า (Ellora Caves) ที่เที่ยวอินเดียยอดนิยมที่โด่งดังไปทั่วโลก ภายในถ้ำเอลโลร่าประกอบไปด้วยศิลปะถึง 3 ศาสนา ทั้งฮินดู พุทธ และเชน
ถ้ำเอลโลร่าเป็นหมู่ถ้ำที่มีถ่ำย่อย ๆ 100 กว่าถ้ำ แต่เขาเปิดให้เราเที่ยวแค่ 34 ถ้ำเท่านั้น สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 600-1,000 โดยถ้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือถ้ำหมายเลข 16 เรียกว่าถ้ำเขาไกรลาส ที่มีภาพแกะสลักวิจิตรงดงามที่อุทิศแด่พระศิวะ จัดเป็นประติมากรรมแกะสลักหินเพียงก้อนเดียวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับนักท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ศิลปะแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นที่สุดของความงดงามเลยก็ว่าได้
บอกลาทริปเที่ยวอินเดียสวย ๆ ด้วยแหล่งชอปปิงเมืองชัยปุระอย่าง Masala Chowk สตรีทฟู้ดสไตล์อินเดียที่มีสารพัดเมนูให้ลิ้มลอง มาที่นี่ต้องเก็บท้องไว้ลองชิมอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ ที่คุณจะได้สัมผัสกับรสชาติอาหารอินเดียขนานแท้ นั่งพักผ่อนชิล ๆ สบาย ๆ คลายความเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี และทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของอินเดียที่เราเก็บมาฝากกัน ที่เที่ยวอินเดียยังมีอีกมากมายอย่ารอช้ารีบออกไปเที่ยวกันเลย
ข้อควรรู้สำหรับการเดินทางเข้าประเทศอินเดีย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย จะต้องขอวีซ่า E-Visa ท่องเที่ยวชนิด 30 วัน สามารถพำนักในอินเดียได้ 30 วัน และเข้าออกได้ 2 ครั้ง ในรอบ 30 วัน โดยต้องดำเนินการยื่นขอวีซ่าภายใน 120 วัน ก่อนเดินทาง ซึ่งจะต้องเตรียมเอกสารดังนี้
สำหรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทางอินเดียได้ยกเลิกการแสดงผลตรวจ COVID-19 เป็นลบก่อนเดินทางเข้าประเทศอินเดีย อย่างไรก็ตามยังคงมาตรการสุ่มตรวจผู้โดยสารเพื่อหาเชื้อ COVID-19 หากพบว่าติดเชื้อจะแยกกักตัวตามมาตรการต่อไป ใครที่เที่ยวอินเดียอย่าลืมฉีดวัคซีนให้ครบและตรวจ COVID-19 ก่อนเดินทางกันนะ
หลังจากที่ได้ข้อมูลเรื่องที่เที่ยวอินเดียแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเตรียมตัวหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเทศอินเดีย เรามาเตรียมพร้อมก่อนไปเที่ยวอินเดียกันว่าต้องรู้อะไรบ้าง
อินเดีย หรือภารตะ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอินเดีย (Republic of India) เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียใต้ ประกอบด้วย 28 รัฐ และ 7 ดินแดนสหภาพ รวมทั้งหมด 35 หน่วยการปกครอง ประชากร อินเดียมีมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ประมาณ 1,400 ล้านคน
ด้านภูมิศาสตร์ของประเทศอินเดียมีอาณาเขตทิศเหนือติดกับจีน เนปาล และภูฏาน ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับปากีสถาน ทิศตะวันออกติดพม่า ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดมหาสมุทรอินเดีย และทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดศรีลังกา มีพื้นที่รวม 3,287,590 ตารางกิโลเมตร ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของโลก โดยมีเมืองหลวงคือกรุงนิวเดลี
จากประเทศไทยมีเที่ยวบินตรงไปอินเดียใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง 30 นาที สามารถขึ้นเครื่องได้ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง โดยมีสายการบินที่ให้บริการ ได้แก่ Thai Airways, Air India, IndiGo, Bangkok Airways, Thai Lion Air, AirAsia
การเดินทางท่องเที่ยวในอินเดียสามารถเดินทางได้หลากหลายเส้นทาง ทั้งบริการรถเช่า รถสาธารณะ รถไฟ แต่วิธีไปที่เที่ยวอินเดียที่สะดวกที่สุดคือรถแท็กซี่
ภาษาราชการของอินเดียมีทั้งหมด 22 ภาษา รวมภาษาฮินดีและภาษาอังกฤษที่นิยมใช้เป็นภาษาในวงราชการและธุรกิจ นอกจากนั้นยังมีภาษาท้องถิ่นอื่น ๆ อยู่หลายร้อยภาษา เช่น เบงกาลี ทมิฬ ปัญจาบี และอื่น ๆ อีกมากมาย
อินเดียใช้สกุลเงินรูปีอินเดีย (Rupee) ที่อินเดียไม่รับแลกเงินไทย จึงควรแลกเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD) ไว้แล้วค่อยไปแลกที่อินเดีย โดยอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 รูปี (INR) เท่ากับ 0.43 บาท (THB)
เวลาในประเทศอินเดียจะช้ากว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งประเทศอินเดียอยู่ในเขตเวลา Asia/Calcutta ชื่อโซนเวลา India Time (IST) ซึ่งเท่ากับ UTC+05.30 คนไทยที่เที่ยวอินเดียจึงไม่มีปัญหาเรื่องเวลาเท่าไหร่
อินประเภทเดียมีทั้งหมด 3 ฤดู ดังนี้
ไปอินเดียอย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศและที่เที่ยวอินเดียที่ไปเยือนกันนะ