“นอร์เวย์” ดินแดนในฝันของสายแอดเวนเจอร์และคนรักธรรมชาติ ใครอยากเปิดโลกในยุโรปแบบเต็มแม็กซ์ ต้องมาโดน! ที่นี่มีทั้งภูเขาสีเขียวสด ต้นน้ำใสราวกระจก และแลนด์มาร์กสุดอลังที่รอให้คุณไปเช็คอินแบบจุกๆ บอกเลยว่ามาแล้วฟินสุด! จะเดิน จะปีน จะพายเรือ หรือแค่นั่งมองวิวให้ใจละลายก็ได้หมด เตรียมแพลนให้พร้อม แล้วออกไปตะลุยนอร์เวย์กันเถอะ รับรองว่าธรรมชาติที่นี่จะขโมยหัวใจคุณไปแบบไม่รู้ตัว
Mon, 1 Sep 2025
Thai Airways
กรุงเทพ (BKK) ไป ออสโล (OSL)
เริ่มจาก THB 16,941.15
Mon, 1 Sep 2025
Qatar Airways
กรุงเทพ (BKK) ไป ออสโล (OSL)
เริ่มจาก THB 17,365.89
Sun, 31 Aug 2025
Air China
จาการ์ตา (CGK) ไป ออสโล (OSL)
เริ่มจาก THB 15,127.92
ซึ่งในวันนี้ Traveloka ขอชวนทุกคนมาปลดล็อกทริปในฝัน ตะลุยเที่ยวนอร์เวย์แบบง่ายๆ เที่ยวเองก็ได้ ไม่ยากอย่างที่คิด จัดเต็ม 20 ที่เที่ยวสุดว้าว ที่แค่แพ็กกระเป๋าก็พร้อมลุย แต่ก่อนจะออกเดินทาง อย่าลืมจอง ตั๋วเครื่องบินไปนอร์เวย์ กับ Traveloka กันก่อนน้า จองง่ายได้ทั้งเว็บและแอป สะดวกกายสบายกระเป๋าสุดๆ! แล้วไปลุยแดนไวกิ้งกันให้มันส์เลย
มาเริ่มกันที่สถานที่แรกของประเทศนอร์เวย์กันก่อนเลยกับถนนคนเดินคาร์ลโจฮันเทล แหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองนอร์เวย์และยังเป็นใจกลางของเมืองออสโลที่รวบรวมเหล่านักท่องเที่ยวจากทุกประเทศทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน เพื่อเลือกซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์ไว้ใช้เอง หรือจะซื้อเป็นของฝากให้คนอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
ซึ่งสินค้ายอดฮิตของที่เที่ยวนอร์เวย์ที่คนซื้อฝากกันจะเป็นเทียนหอม, น้ำมันปลา, ขนสัตว์, พวงกุญแจ และสิ่งของหลากหลายอีกมากมาย โดยต้องบอกก่อนเลยว่าสินค้าที่นี่ค่อนข้างมีราคาที่สูง ดังนั้นหากใครที่อยากมาซื้อแล้วละก็แนะนำให้มาช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ และเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เพราะจะมีเทศกาลลดกระหน่ำ 50%-70% เลยทีเดียว
นอร์เวย์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นฟยอร์ด จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่คนนิยมมากันก็คือ เกรังเกอร์ฟยอร์ด หนึ่งในฟยอร์ดที่มีความสวยงามที่สุดของประเทศนอร์เวย์ ด้วยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ห่างจากเมืองออเลซุนด์ประมาณ 100 กิโลเมตร จนทำให้เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศของเทือกเขาสูงชันที่รายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม และน้ำตก Seven sister ที่สวยงามติดอันดับโลก จึงทำให้บริเวณที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาชมความสวยงามและอากาศธรรมชาติกันที่จุดนี้เลย
จุดชมวิวดาล์สนิบบา หนึ่งในจุดชมวิวที่สูงที่สุดในประเทศนอร์เวย์ ในเมือง Geiranger สถานที่ท่องเที่ยวที่นักเดินทางสามารถมาชมความงดงามของเทือกเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ และฟยอร์ดต่าง ๆ โดยรอบบนความสูงเหนือระดับน้ำทะเลอยู่ที่ 1,500 เมตร จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นมาสัมผัสได้เพลิดเพลินกับความสวยงามเหมือนมองเห็นจากอีกมุมด้านบนของท้องฟ้าเลยทีเดียว แนะนำเลยว่าหากใครที่ไม่อยากพลาดความสวยงามของธรรมชาติแบบนี้แล้วละก็ สามารถเดินทางมาเที่ยวที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน-กันยายนเท่านั้น เพราะสถานที่แห่งนี้จะสามารถเปิดให้ขึ้นแค่เฉพาะช่วงนี้ของปีเท่านั้น
ถ้าคุณกำลังมองหาที่เที่ยวนอร์เวย์สำหรับดูแสงเหนือที่ไม่ใช่แค่ฟ้าเขียวๆ แต่มีวิวอลังการระดับ Epic ขอบอกต่อที่ Lofoten Islands หมู่เกาะสุดมหัศจรรย์แห่งนอร์เวย์เลย ที่นี่เต็มไปด้วยภูเขาหน้าผาสูงชัน หมู่บ้านชาวประมงสุดน่ารัก และชายหาดขั้วโลกที่สวยจนต้องขยี้ตาดูซ้ำ! แล้วลองจินตนาการดูสิว่า ท้องฟ้าสีเขียวจากออโรร่าพาดผ่านฟยอร์ดและบ้านสีแดงริมน้ำ – แค่นี้ก็ขนลุกแล้วป่ะ ถึงจะอยู่เหนือ Arctic Circle แต่ Lofoten อุ่นกว่าหลายที่ เพราะได้รับกระแสน้ำอุ่นจาก Atlantic Gulf Stream ทำให้ไม่หนาวเกินไป (เฉลี่ย -1°C ถึง 3°C) และ National Geographic และ Lonely Planet ยังต้องยกให้ที่นี่เป็นหนึ่งในโลเคชันชมออโรร่าที่สวยที่สุด
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์ที่น่าสนใจก็คือ ซอก์งเนฟยอร์ด หนึ่งในฟยอร์ดที่ยาวที่สุดในโลกและมีความลึกมากกว่า 1,300 เมตร โดยมีเส้นทางที่คดเคี้ยว และแคบตลอดช่วงบริเวณที่ทอดตัวยาวไปกว่า 200 กิโลเมตร จึงทำให้ที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้กลายเป็นมรดกทางธรรมชาติอันงดงามของประเทศนอร์เวย์ ที่หากใครเดินทางมาก็ไม่ควรพลาดมาเล่นกิจกรรมสุดหวาดเสียว อย่างการล่องเรือเฟอร์รี่ได้ที่บริเวณฟยอร์ดแห่งนี้เลยรับรองได้ว่าคุณจะได้พบกับความสนุกสนานแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสอย่างแน่นอน
พิพิธภัณฑ์เรือไวกิ้ง เมืองออสโล จุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมเรื่องราวความเป็นมาของเรือไวกิ้งที่มีอายุยาวนานกว่า 1,000 ปี โดยเรื่องราวของไวกิ้งนั้นเกิดจากการสร้างเรือของชนเผ่าไวกิ้งที่ออกแบบรูปทรงโดยรอบให้มีความคล้ายหัวงู เพราะคนในเผ่าเชื่อว่างูจะช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายให้ได้ในตลอดการเดินทาง ดังนั้นจึงมีการสร้างรูปแบบเรือลำนี้ขึ้นเพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางออกทะเลในสมัยอดีต แต่ในปัจจุบันที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้ได้นำโครงสร้างเรือลำนี้มาไว้ภายใน เพื่อถ่ายทอดรูปแบบสิ่งประดิษฐ์ที่มีมาตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
ท่าเรือเอเคอร์บรูค แต่เดิมนั้นเคยเป็นท่าเรืออันสำคัญของประเทศที่เปิดให้เหล่าพ่อค้าทั้งหลายเข้ามาค้าขายกันที่บริเวณนี้กันเป็นจำนวนมาก แต่แล้วได้มีการปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นสถานที่แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนริมแม่น้ำชิล ๆ ที่นักท่องเที่ยวและเหล่านักราตรีทั้งหลายได้มานั่งดื่มด่ำไปกับร้านอาหารอีกมาก และบรรยากาศสุดโรแมนติกของแสงไฟและเสียงดนตรีที่เปิดคลอให้คุณได้ดื่มด่ำค่ำคืนสุดพิเศษกันที่ริมแม่น้ำแห่งนี้ เรียกได้ว่าที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว
เมื่อเดินทางมาถึงประเทศนอร์เวย์อีกหนึ่งจุดเช็กอินเด็ดของสายคู่รักที่ไม่ควรพลาดคือ รถไฟสาย Flambana หนึ่งในเส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกที่สุดในโลกที่เปิดให้คุณได้เดินทางมานั่งเที่ยวชมความงดงามของฟยอร์ดรอบข้างตลอดสองข้างทางและวิวธรรมชาติอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น ภูเขาหิมะ น้ำตก หรือแม้แต่ธารน้ำแข็งที่ละลายตัวจนเกิดเป็นภาพวิวที่งดงาม ที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้สามารถนั่งรถไฟลอดถ้ำ และอุโมงค์ไปได้อย่างสวยงาม แนะนำเลยว่าหากใครที่เดินทางมาเที่ยวที่นอร์เวย์ก็ไม่ควรพลาดมานั่งรถไฟชมวิวโดยรอบที่สาย Flambana แห่งนี้เลย
ที่เที่ยวนอร์เวย์ยอดฮิตอีกแห่งก็คือ ลีเซฟยอร์ด หนึ่งในภูเขาหินขนาดใหญ่กว่า 600 เมตรที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นหินผาขนาดใหญ่ที่เปิดให้เหล่าผู้กล้า และสายแอดเวนเจอร์ได้มาเดินขึ้นเขา เพื่อไปยังจุดหมาย โดยจะมีสองจุดด้วยกันคือ จุดชมวิวด้านบนสุดที่จะได้เล่นแม่น้ำและภูเขาโดยรอบ กับ จุด Base jumping ที่ใครอยากเพิ่มความสนุกสนานให้กับตัวเองมาลองท้าทายความกล้ากันได้เลยที่บริเวณจุดโดดเขาแห่งนี้นั่นเอง บอกเลยหากใครยังไม่ชำนาญดีแค่ได้ไปนั่งดูก็ถือว่าโหดแล้วเหมือนกัน
ถ้าพูดถึง “เมืองแห่งแสงเหนือ” (City of the Northern Lights) ชื่อของ Alta, Norway ต้องติดอันดับแรก! ที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้คือหนึ่งในโลเคชันที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการล่า Aurora Borealis ด้วยโลเคชันสุดปังที่อยู่ใน Aurora Oval (จุดที่แสงเหนือเกิดบ่อยที่สุด) แถมยังมีสภาพอากาศที่เป็นใจ ท้องฟ้าปลอดโปร่งสุดๆ ทำให้คุณมีโอกาสเห็นออโรร่า เกือบทุกคืน Alta ตั้งอยู่ในเขตที่มีอากาศค่อนข้างแห้ง ไม่ค่อยมีเมฆมาก ทำให้โอกาสเห็นแสงเหนือ สูงเวอร์ Alta เป็นที่แรกของโลกที่มีหอดูแสงเหนือ (สร้างตั้งแต่ปี 1899) เพราะนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าที่นี่เป็น จุดที่ดูแสงเหนือดีที่สุด
มาถึงฟยอร์ดที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศนอร์เวย์กันบ้างดีกว่ากับ ฮาร์ดังเกอร์ฟยอร์ด ที่มีทัศนียภาพอันสวยงามให้เราได้มองเห็นสองฝั่งของฟยอร์ดที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้ามากมายอันเขียวชอุ่ม และดอกไม้นานาชนิดให้คุณได้เดินชื่นชม หรือนั่งเล่นเพื่อดื่มด่ำกับภาพบรรยากาศตรงหน้าให้ได้มากที่สุดนั่นเอง นอกจากนี้ในช่วงหน้าหนาวยังมีนักท่องเที่ยวมากมายที่เดินทางมาเพื่อเล่นสกีที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้อีกด้วย นับได้ว่าเป็นฤดูกาลที่หนาแน่นไปด้วยผู้คนอย่างมากเลยทีเดียว
ถ้าพูดถึงนอร์เวย์ คนส่วนใหญ่อาจนึกถึง Tromsø หรือ Lofoten แต่ถ้าอยากได้ฟีลแสงเหนือแบบ Exclusive ไม่วุ่นวายคนเยอะ Senja คือที่ที่ต้องไป! เกาะ Senja เป็นอัญมณีลับแห่งนอร์เวย์ที่เต็มไปด้วย ฟยอร์ดสุดอลังการ ภูเขาสูงเสียดฟ้า และธรรมชาติแบบ Arctic แท้ๆ นอกจากวิวจะโหดสวยแบบไม่เกรงใจใครแล้ว ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในจุดที่ดูแสงเหนือดีที่สุดในนอร์เวย์ด้วย โดยพื้นที่นี่มีพื้นที่ธรรมชาติอันกว้างใหญ่และห่างไกลจากแสงไฟเมืองใหญ่ ทำให้แสงเหนือชัดเต็มฟ้า ที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้คือจุดหมายปลายทางของสายล่าออโรร่าที่อยากได้วิวที่ "ธรรมชาติสร้างมาให้โหด" ไม่ว่าจะเป็นแสงเหนือเหนือฟยอร์ด วิวภูเขาที่ตัดกับทะเลอาร์กติก หรือความเงียบสงบที่ให้คุณได้ดื่มด่ำกับปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดมหัศจรรย์แบบเต็มที่
สำหรับใครที่เป็นสายอาร์ต และชื่นชอบในเหล่างานศิลป์ทั้งหลายต้องไม่พลาดเดินทางมาที่อุทยานฟรอกเนอร์ หรือ สถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะ และประติมากรรมอันสวยงาม สร้างขึ้นมาจากหินแกรนิตและหล่อด้วยทองแดง สำริด เพื่อให้ได้ออกมาเป็นผลงานความอลังการที่หลากหลาย โดยผลงานทั้งหมดที่ตั้งบริเวณที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้เป็นของ กุสตาฟ วิคเกอร์แลนด์ หนึ่งในปฏิมากรชื่อดังที่มีผลงานมากกว่า 200 ชิ้น ให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมผลงานอันสร้างสรรค์ โดยเฉพาะผลงาน Mpnilitten ที่มีชื่อเสียงอย่างมากเลยทีเดียว
อีกหนึ่งโบสถ์ที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมากนั้นก็คือ โบสถ์โรลดัล สเตฟว เป็นโบสถ์ไม้อันเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 โดยในสมัยก่อนนั้นโบสถ์แห่งนี้ได้รับความนิยมจากเหล่ามิชชันนารี และคนในหมู่บ้านที่ต้องการเดินทางเพื่อมาแสวงบุญเป็นอย่างมาก จึงทำให้ในปัจจุบันที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางใจที่ทั้งชาวบ้าน และนักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของโบสถ์ไม้ท่ามกลางความสวยงามของภูเขาและลำธารโดยรอบนั่นเอง
Reine หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวในนอร์เวย์ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ได้รับการยกย่องจากเหล่านักท่องเที่ยวว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่มีความสวยงามที่สุดในประเทศ เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงนอร์เวย์ไปทางตอนเหนือกว่า 1,300 กิโลเมตร โดยมีสะพานเชื่อมไปยังเกาะจึงทำให้บริเวณหมู่บ้านแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ และอุดมไปด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ผู้คนที่นี่มีอาชีพหลักคือการจับปลา จึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาท่องเที่ยวบริเวณหมู่เกาะแห่งนี้มักจะพักผ่อนหย่อนใจด้วยการพายเรือแคนนู รับประทานของทะเลสด ๆ รวมไปถึงเดินขึ้นเขาเพื่อเที่ยวชมวิวรอบเกาะโดยรอบนั่นเอง
ต้องบอกเลยว่ามือใหม่ไปเที่ยวนอร์เวย์ต้องไม่พลาดเดินทางมาชมความงดงามของ อาคารไม้เก่าแก่สุดคลาสสิก 61 หลัง แห่งเมืองเบอร์เกน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เนื่องจากความสวยงามของอาคารบ้านเรือนที่ถูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง และมีความหลากหลายของสีสันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขาว, แดง, เหลือ, เขียวก็สามารถทำให้บ้านเหล่านี้เกิดเป็นความสวยงามที่มีสีสัน และยังเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาทุกคนในยามค่ำคืนว่ามีความงดงามคล้ายกับนิยายในหนังสือสักเล่ม ที่ชวนฝันถึงความสวยงามและความอบอุ่นของที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้เลยทีเดียว
ถ้าพูดถึงการดู แสงเหนือ (Aurora Borealis) แล้วอยากได้โลเคชันที่อลังการระดับเวิลด์คลาส North Cape (Nordkapp), นอร์เวย์ คือต้องติดลิสต์! ที่นี่คือ "จุดเหนือสุดของยุโรป" ที่นักเดินทางทั่วโลกใฝ่ฝันจะไปเหยียบสักครั้ง! นอกจากจะได้เห็นออโรร่าเต้นระบำเต็มท้องฟ้าแล้ว วิวมหาสมุทรอาร์กติกที่ขอบฟ้าโค้งสุดลูกหูลูกตาก็ทำให้โมเมนต์นี้ พีคสุดในชีวิต หน้าหนาวที่นี่พระอาทิตย์แทบไม่ขึ้น! (Polar Night) หมายความว่าคุณมีเวลา "ล่า" แสงเหนือแบบทั้งคืนไปเลย!
เพิ่มอะดรีนาลีนของเราให้พลุ่งพล่านกันด้วยการพาทุกคนไปเที่ยวชมจุดชมวิวที่มีความสวยงามและความหวาดเสียวที่สุดในโลก เพราะบริเวณที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้มีแผ่นหินที่ยื่นออกมาท่ามกลางอากาศที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,100 เมตร ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของภูเขาอันกว้างใหญ่และทะเลสาบสีฟ้าครามอันงดงามราวกับคริสตัลอยู่บริเวณด้านล่าง ซึ่งถ้ามองดูแล้วอาจจะดูหวาดเสียวไปบ้าง แต่เมื่อได้ลองขึ้นมาถึงตรงนี้แล้วละก็จะลืมความน่ากลัว เพราะความสวยงามที่อยู่ตรงเบื้องหน้าเลยทีเดียว
Tromso เมืองในฝันที่เชื่อว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างอยากพากันเดินทางมาเพื่อชมปรากฏการณ์แสงเหนืออันงดงาม เพราะบริเวณสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล จึงทำให้สามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างดงามและอลังการ จนทำให้ที่เที่ยวนอร์เวย์แห่งนี้กลายเป็นจุดเช็กอินที่สำคัญ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวฮันนีมูนที่เหล่าคู่รักทั้งหลาย ไม่พลาดที่จะมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ท่ามกลางแสงเหนือ ที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้เลย แนะนำเลยว่าหากใครที่เดินทางมาที่นอร์เวย์แล้วต้องไม่พลาดมาดื่มด่ำปรากฏการณ์แห่งนี้สักครั้งในชีวิต
เดินทางมาถึงสถานที่ท่องเที่ยวนอร์เวย์แห่งสุดท้ายอย่าง Latefossen หรือหนึ่งในน้ำตกขนาดใหญ่ในเขต Odda ของเมือง Hordaland ที่นับได้ว่าเป็นไฮไลต์ที่เที่ยวนอร์เวย์ที่ห้ามพลาด เพราะที่นี่มีน้ำตกความสูงกว่า 165 เมตร โดยมีลักษณะเป็นแม่น้ำสองสายที่ไหลมาบรรจบกันที่ทะเลสาบ Lotevatnet ติดกับบริเวณ Norwegiant national road 13 หนึ่งในถนนสายหลักที่เต็มไปด้วยจุดพักผ่อนหย่อนใจมากมาย เรียงรายให้เหล่านักเดินทางได้มาพักผ่อนชมความสวยงามของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดนั่นเอง
✔️ ไปช่วง กันยายน - มีนาคม (หน้าหนาวโอกาสเจอสูง)
✔️ เลือกคืนที่ท้องฟ้าเคลียร์ ไร้เมฆ
✔️ ออกห่างจากแสงไฟเมือง
✔️ เช็กพยากรณ์ Aurora Forecast
การท่องเที่ยวในประเทศนอร์เวย์จำเป็นจะต้องยื่นขอวีซ่าเชงเกน เพื่อท่องเที่ยวในนอร์เวย์ ซึ่งจะพำนักได้ 90 วัน ภายในระยะเวลา 180 วัน สามารถยื่นขอวีซ่าได้ที่ศูนย์รับคำขอวีซ่าประเทศนอร์เวย์ โดยกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ ได้ที่เว็บไซต์ https://selfservice.udi.no/ ส่วนเอกสารจำเป็นที่ต้องเตรียมสำหรับยื่นขอวีซ่ามีดังนี้
ซึ่งเอกสารทุกอย่างต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับมาตรการโรคโควิด-19 นักท่องเที่ยวที่จะไปนอร์เวย์ไม่ต้องแสดงผลการฉีดวัคซีนอีกต่อไป เพียงฉีดวัคซีนครบโดสก็เดินทางไปยังที่เที่ยวนอร์เวย์ได้เลย
จุดเด่นของประเทศนอร์เวย์คือธรรมชาติและวัฒนธรรมที่งดงาม หากคุณค้นคว้าหาที่เที่ยวนอร์เวย์เรียบร้อยแล้ว ชั้นตอนต่อไปคือการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยวในนอร์เวย์ เพื่อให้ทริปของคุณสมูทมากขึ้น และข้อมูลสำคัญที่ควรรู้มีดังนี้
นอร์เวย์ (Norway) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (Kingdom of Norway) ตั้งอยู่โซนเหนือของทวีปยุโรป มีประชากรประมาณ 5,385,300 คน มีพื้นที่กว่า 385,207 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 11 เทศมณฑล และ 422 เทศบาล เมืองหลวงนอร์เวย์คือ ออสโล (Oslo) โดยมีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้
จากกรุงเทพไปนอร์เวย์เป็นการเดินทางระยะไกลจึงจำเป็นต้องต่อเครื่อง 1-2 ครั้ง ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง 5 นาที ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีสายการบินให้บริการได้แก่ Turkish Airlines, Emirates, Qatar Airways, Finnair, Swiss International Air Lines, Lufthansa, Air France และ KLM เป็นต้น
สำหรับการเดินทางไปยังที่เที่ยวนอร์เวย์สามารถได้สะดวกสบาย ทั้งเช่ารถ, เหมาแท็กซี่ หรือใช้บริการขนส่งสาธารณะไม่ว่าจะเป็น รถราง, รถเมล์ หรือรถไฟใต้ดิน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถซื้อบัตร Day Pass ในการท่องเที่ยวแบบคุ้ม ๆ ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว, โรงแรม และพิพิธภัณฑ์ในกรุงออสโล
ประเทศนอร์เวย์ใช้ภาษาราชการคือ ภาษานอร์เวย์ ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับภาษาสวีเดนและเดนมาร์ก มีการเขียน 2 รูปแบบ คือภาษาบุ๊กมอล และภาษานีน็อชก์ แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้
นอร์เวย์ใช้สกุลเงินโครนนอร์เวย์ (NOK) โดยมีอัตราและเปลี่ยนอยู่ที่ 0.30 โครนนอร์เวย์ (NOK) เท่ากับ 1 บาท (THB) ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มักนิยมใช้เงินผ่านบัตรมากกว่าแบบเงินสด
เวลาในประเทศนอร์เวย์ช้ากว่าประเทศไทยราว 6 ชั่วโมง โดยนอร์เวย์ใช้เวลามาตรฐาน GMT +01:00 เขตเวลา Europe/Oslo ชื่อโซนเวลา Central European Time
นอร์เวย์ตั้งอยู่ใกล้กับขั้วโลกเหนือ จึงทำให้มีอากาศหนาวเย็น โดยนอร์เวย์มี 4 ฤดู ดังนี้