สำหรับคนที่หลงใหลบรรยากาศสวยสไตล์ยุโรปที่มีทั้งความสวยงามและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ อยากชวนให้ปักหมุดลองแวะไปเยอรมันกันดูซักที เพราะนี่คือประเทศในทวีปยุโรปที่เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตมากมาย ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันมาจนถึงยุคสงครามโลก แถมสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของที่นี่ก็สวยไม่แพ้ใครเลยด้วยนะ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งประเทศที่คุ้มค่าและคู่ควรจะมาเช็คอินซักครั้งเลยเชียวละ แล้วถ้าอยากไปชมความคลาสสิกของเยอรมัน ก็ไปจองตั๋วเครื่องบินกันได้จาก Traveloka เลยจ้า จองเสร็จก็เก็บกระเป๋ามาเที่ยวเยอรมันกันให้สาแก่ใจไปพร้อมกันได้เลย เช็คราคา ตั๋วเครื่องบินไปเยอรมัน ราคาพิเศษ

เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในเยอรมัน ซึ่งบนเกาะนั้นยังมีอุทยานแห่งชาติ Jasmund ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งอยู่ด้วยนะ นอกจากจะมีชายหาดสวยๆ และน้ำทะเลใสๆ รวมถึงรีสอร์ทที่น่าสนใจให้มาชิลล์กันหลายแห่งแล้ว เกาะนี้ยังมีธรรมชาติแสนสวยหลายรูปแบบ รวมถึงยังมีหมู่บ้านเก่าแก่หน้าตาน่ารักเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ที่สำคัญคือการเดินทางมายังเกาะนี้ที่สะดวกง่ายดายไม่ยุ่งยากด้วยนะ สายชิลล์ต้องแวะมาให้ได้เชียว

นับว่านี่คือหนึ่งในมหาวิหารที่สำคัญที่สุดของเยอรมนีก็ว่าได้ แถมยังเป็นมหาวิหารที่ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 632 ปี ว่ากันว่าที่นี่สามารถจุผู้คนได้ถึงสองหมื่นคนเลยเชียวนะ นอกจากขนาดที่ใหญ่โตสะดุดตา ด้านในมหาวิหารยังมีชิ้นงานศิลปะสไตล์กอธิกตกแต่งอยู่มากมาย รวมถึงยังมีการใช้กระจกสีในการตกแต่งช่องหน้าต่างด้านในได้อย่างงดงามเลยเชียวละ มหาวิหารแห่งนี้สามารถชมได้จากหลายมุมทั้งใกล้และไกล หอระฆังของที่นี่ยังใช้เป็นจุดชมวิวมุมสูงของเมืองโคโลญจน์ได้เป็นอย่างดีด้วยนะ เป็นอีกพิกัดที่ต้องปักหมุดมาเช็คอิน

ไฮไลท์เด็ดแห่งหนึ่งในการมาเยือนประเทศเยอรมนี ก็ต้องยกให้ที่นี่นี่ละ เพราะนี่คือปราสาทที่งดงามสะดุดตา จนวอลท์ ดิสนีย์ เลือกใช้ปราสาทนี้เป็นโลโก้บริษัทเลยนะ แถมยังนำไปเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเจ้าหญิงนิทราในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ของอีกหลายประเทศเลยด้วยจ้ะ ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1869 บนยอดเขาซึ่งสามารถมองทิวทัศน์สวยโดยรอบได้ 360 องศา สูงจากพื้นกว่า 200 เมตรเลยเชียวละ ว่ากันว่านี่คือหนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดในโลกด้วยนะ ไม่มาไม่ได้แล้วละ จริงมั้ย?

หลายคนรู้จักที่นี่ในอีกชื่อหนึ่งว่า The Devil Bridge โดยเหตุผลที่ผู้คนขนานนามสะพานนี้ว่าเป็นสะพานปีศาจก็เพราะในช่วงปี ค.ศ.1860 ซึ่งสะพานนี้ถูกสร้างขึ้นมานั้น การสร้างสะพานเป็นรูปทรงที่เรียกว่า Perfect Circle หรือสะพานที่เป็นวงกลมโดยสมบูรณ์เมื่อมองบนผิวน้ำเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ยากจนหลายคนเชื่อว่านี่คือฝีมือสร้างของปีศาจมากกว่ามนุษย์โน่นเลยละ บอกเลยว่าเป็นอีกพิกัดที่ถ่ายรูปออกมาสวยเว่อร์จ้า ปักหมุดมาให้ได้เด้อ

ประตูแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นแลนด์มาร์คหลักที่พลาดไม่ได้แห่งหนึ่งของกรุงเบอร์ลินเลยจ้า ว่ากันว่าถ้าไม่ได้มาที่นี่ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเบอร์ลินเลยเชียวนะ ตัวซุ้มประตูเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิก มีเสา 12 ต้น มีทางเข้า - ออก 5 ช่องทาง ประตูนี้สร้างขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 และได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นเอกภาพและสันติภาพของประเทศเยอรมนีด้วยนะ มาเบอร์ลินแล้วอย่าลืมแวะไป

อาคารนี้นับเป็นอนุสรณ์สถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเยอรมนี โดยช่วงหนึ่งนั้น ที่นี่ถูกใช้เป็นศูนย์กลางทางอำนาจของฮิตเลอร์ และในปัจจุบันนี้รับหน้าที่เป็นอาคารรัฐสภา ที่เก๋ก็คือการสร้างโดมแก้วหน้าตาล้ำยุคมาทำให้เกิดความคอนทราสต์กับความสง่างามของตัวอาคารสไตล์นีโอคลาสสิกแบบดั้งเดิม เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการรวมชาติและการทำงานอย่างโปร่งใส โดยประชาชนสามารถมานั่งชมการประชุมสภาได้จากโดมนี้ หรือจะมาเดินเล่นชมนิทรรศการ และชมวิวมุมสูงของเมืองเบอร์ลินกันที่นี่ก็ยังได้ เป็นอีกพิกัดที่ต้องไปเลยจริงๆ

อีกหนึ่งพิกัดสวยกลางกรุงเบอร์ลินที่อยากชวนให้แวะมา ก็คือสะพานสองชั้นหน้าตาหรูหราซึ่งสร้างข้ามแม่น้ำ Spree แห่งนี้ละจ้า ตัวสะพานด้านบนนั้นเป็นรางสำหรับรถไฟ ส่วนด้านล่างเปิดให้ยานพาหนะทั่วไปได้แล่นข้ามผ่านแม่น้ำกัน มีช่องทางคนเดินแยกต่างหากอยู่ด้านนอก นอกจากความสวยแล้วนะ สะพานนี้ยังเป็นอดีตจุดผ่านแดนระหว่างฝั่งตะวันออกและตะวันตกของเยอรมนีในยุคที่เคยแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยนะ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คเชิงสัญลักษณ์ที่รวมสองเขตแดนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วยจ้า ทั้งสวยทั้งมีเรื่องราวนะ อย่าพลาดเชียว

จตุรัสสวยใจกลางเมืองแฟรงค์เฟิร์ตซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการประจำเมืองแห่งนี้ เป็นอีกแลนด์มาร์คที่เราจะได้เห็นความงามของสถาปัตยกรรมในช่วงศตวรรษที่ 14 - 15 บอกเลยว่าสำหรับเราน่ะ เหมือนหลุดเข้าไปในเมืองนิทานเลยละ เพราะตึกรามแถวนี้น่ารักทั้งสไตล์และสีสัน ที่เริ่ดไปกว่านั้นคือจตุรัสนี้เป็นแหล่งรวมทั้งร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นอีกพิกัดที่ไม่อยากให้พลาดเลย

หมู่บ้านแสนสวยในเมือง Berchtesgaden เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของเยอรมนีซึ่งห่างจากเมือง Salzburg ของออสเตรียเพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้น Ramsau Village นั้นเป็นหมู่บ้านแสนสงบที่ตั้งอยู่ในวงล้อมของเทือกเขาบาวาเรียอัลไพน์ นอกจากบรรยากาศสบายๆ ท่ามกลางธรรมชาติแสนสวยแล้วนะ ที่นี่ยังมีไฮไลท์เป็นความน่ารักของ Parish Church of St. Sebastian โบสถ์เล็กๆ หน้าตาเรียบง่ายซึ่งโดดเด่นอยู่บนทุ่งหญ้า มีแบ็คกราวนด์เป็นขุนเขาใหญ่ มีลำธารสายน้อยๆ ไหลผ่าน รับประกันเลยละว่านี่ต้องเป็นพิกัดที่หลายคนประทับใจกันสุดๆ แน่นอน

หลายคนรู้จักที่นี่ในชื่อ Eagle’s Nest หรือรังอินทรี ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ริมผาสูง 1,834 เมตร ซึ่งมองเห็นวิวรอบด้าน 360 ในระยะไกล แต่อีกส่วนนั้นก็คงเป็นเพราะที่นี่เคยถูกใช้เป็นบ้านพักตากอากาศส่วนตัวของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ รวมถึงยังถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการแผนรบของเหล่านาซีอีกด้วยนะ บ้านนี้ใช้ทุนสร้างสูงถึง 30 ล้านไรซ์มาร์ค เพราะนอกจากตัวบ้านแล้ว ยังต้องสร้างสาธารณูปโภคมากมายมายังบริเวณนี้ ปัจจุบัน ที่นี่มีทั้งคาเฟ่และร้านขายเครื่องดื่มให้นั่งชิลล์กับวิวรอบด้านกันแบบสบายๆ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เก๋ทั้งทำเลและที่มาแบบสุดๆ ไปเลยละ

พระราชวังสไตล์บาโร้คที่เก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 แห่งนี้ สร้างขึ้นโดยได้แรงบันดาลใจบางส่วนมาจากพระราชวังแวร์ซายส์ในฝรั่งเศส ก่อนจะถูกแรงระเบิดทำลายลงไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะให้กลับมางดงามได้อีกครั้ง ที่นี่มีสถาปัตยกรรมหลายจุดให้อารมณ์เหมือนที่เราเคยเห็นในเทพนิยายเลยละ ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตูทรงมงกุฎ สวนสวย บันได น้ำพุ และอีกมากมาย เป็นอีกพิกัดที่มุมถ่ายรูปเริ่ดๆ เพียบจ้า ต้องมาให้ไวเลย

เมืองสวยทางตอนใต้ของเยอรมนีซึ่งมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน เริ่มจากตัวอาคารหน้าตาสุดคลาสสิกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1600 ซึ่งแลดูแปลกตาจนทำให้รู้สึกว่าเหมือนหลุดเข้ามาในนิทานปรัมปราที่เคยอ่านตอนเด็กๆ เลยละ ว่ากันว่าเมืองนี้เป็นศูนย์รวมของบ้านสไตล์เยอรมันแท้ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านแบบเรอเนสซองส์ตอนปลายที่สวยที่สุดในยุโรปอีกด้วยนะ แถมเค้ายังมีตลาดค้าไวน์ชื่อดังอยู่ใจกลางเมืองด้วยจ้า บอกเลยว่าเมืองนี้ถ่ายรูปออกมาปังแน่นอน

ทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่แต่สวยได้ใจแบบสุดๆ ในเมือง Berchtesgaden ทะเลสาบกลางหุบเขาแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่มีวิวงดงามน่าตื่นตา ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้รอบด้าน ผืนน้ำสีฟ้าใส เหมาะกับการจะมาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย เดินเขา พายเรือ หรือมานั่งปิกนิกกระจุ๋งกระจิ๋งในบรรยากาศสบายๆ เป็นอีกพิกัดที่มาถ่ายรูปก็ได้ มาเติมความโรแมนติกกับคนรู้ใจก็ดีงาม

ปราสาทเก่าแก่บนเนินเขากลางเมือง Cochem ทางฝั่งตะวันตกของเยอรมนี ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีบรรยากาศสงบสบายไม่หวือหวา ใจกลางเมืองนั้นตั้งอยู่ริมฝั่งเเม่น้ำ Moselle ที่ไหลเอื่อยผ่านตัวเมืองซึ่งเต็มไปด้วยอาคารหน้าตาคลาสสิกสไตล์ยุโรป มีแบ็คกราวนด์ด้านหลังเป็นภูเขาและป่าไม้เขียวขจี ตัวปราสาท Reichsburg แห่งนี้นับเป็นจุดเช็คอินยอดฮิตของตัวเมืองเลยละ เพราะสามารถมองเห็นวิวได้อย่างทั่วถึงรอบด้าน ใครชอบเดินเล่นในเมืองเล็กบรรยากาศสงบสบาย เชื่อว่าถูกใจเมืองนี้แน่นอน

เมืองชื่อยาวอ่านยาก แต่ก็ยังอยากชวนให้ไปเช็คอินให้ได้เมืองนี้ คือเมืองโบราณจากยุคกลางที่ยังคงความสวยสมบูรณ์แบบมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมือง ตัวอาคารสไตล์กอธิกและเรอเนสซองส์ที่ยังงดงามจากยุคอดีตจนถึงทุกวันนี้ ทั่วทั้งเมืองไม่ว่าจะเป็นมุมไหนก็เชิญชวนให้แวะถ่ายรูปกันไปซะหมดเลยเชียวละ เรียกว่าสวยตั้งแต่พื้นถนนที่ปูด้วยหินไปยันป้ายร้านที่อยู่ริมทาง เป็นพิกัดสวยสุดปังที่ยังไงก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

หมู่บ้านแสนสงบท่ามกลางธรรมชาติสวยได้ใจในทุกฤดู หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนความสูง 1,277 เมตร จัดเป็นหมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุดในเยอรมนีเลยจ้า และเพราะตั้งอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติจึงมีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบสุดๆ ไปเลยละ ที่นี่เปรียบเสมือนประตูเข้าสู่ป่าดำอันยิ่งใหญ่ แถมในช่วงหน้าหนาวยังเป็นพิกัดยอดฮิตในการมาเล่นสกีของบรรดาคนรักความเย็นทั้งหลายด้วยนะ จะฤดูไหนก็สวยได้ใจหมดจ้า รีบปักหมุดมาในช่วงที่ชอบกันเลย

แบล็ค ฟอเรสต์ นั้นไม่ได้เป็นแค่ชื่อเค้กนะจ๊ะ แต่ยังเป็นพื้นที่ป่าสนกว้างใหญ่ทางตะวันตกของเยอรมนีบริเวณช่วงที่เป็นรอยต่อกับประเทศฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ และเพราะที่นี่เป็นเขตป่าสนหนาแน่นผืนใหญ่จนดูเป็นสีดำพรืดเมื่อมองจากด้านบนลงมา จึงได้ชื่อว่าป่าดำตามที่เห็น ป่านี้กินพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 11,000 ตารางกิโลเมตร และมีพิกัดเด็ดๆ ให้เที่ยวชมกันมากมาย ช่วงฤดูร้อนหรือใบไม้ผลิก็จะได้เจอกับสีเขียวสบายตา ใครอยากว้าวสุดๆ ให้มาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนะ ถ้าอยากได้ฟีลโรแมนติกหรืออยากเล่นสกีมาหน้าหนาวก็คือเริ่ดสุดจ้า เลือกมาตามใจชอบกันได้เลย

ปราสาทหินทรายสีแดงบนเนินเขาซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1196 ก่อนจะถูกสร้างต่อเติม และถูกทำลายเสียหายเพราะภัยพิบัติและสงครามอีกหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะได้รับการบูรณะอย่างสมบูรณ์ในช่วงศตวรรษที่ 19 และได้รับเลือกเป็นมรดกโลกในเวลาต่อมา เพราะตั้งอยู่บนที่สูงจึงทำให้ปราสาทนี้โดดเด่นสะดุดตามาแต่ไกล ยิ่งได้แบ็คกราวนด์เป็นผืนป่าเขียวๆ ด้านหลัง ตัวปราสาทซึ่งเป็นหินสีแดงก็ยิ่งสวยปังขึ้นมาแบบทวีคูณเลยละ วิวรอบปราสาทก็โรแมนติกได้ใจไม่แพ้กันเลยด้วยนะ เชื่อว่าที่นี่จะทำให้ได้กดชัตเตอร์กันแบบไม่ยั้งแน่นอน

เกาะสวยซึ่งเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมกลางทะเลสาบ Constance ทางตอนใต้ของเยอรมนีแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างอุทิศให้แก่พระแม่มารีและเหล่านักบุญทั้งหลาย ซึ่งในตัวโบสถ์นั้นมีภาพจิตรกรรมที่วาดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 10 ให้ชมกันด้วยนะ นอกจากนั้นยังมีหมู่บ้านเก่าแก่และพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์มากด้วยจ้า รอบๆ เกาะยังมีวิวสวยๆ ให้ชมกันเพียบเลยด้วยนะ เกาะนี้เดินทางง่ายเพราะมีถนนเชื่อมต่อมาจากฝั่งเลยจ้า เป็นอีกพิกัดที่น่าสนใจและอยากชวนให้แวะมาชมกัน

เมืองทางตอนเหนือของประเทศซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Ilmenau ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกเหมือนได้นั่งไทม์ แมชชีนย้อนยุคกลับไปสมัยยุคกลาง เพราะที่นี่โด่งดังจากความสวยสมบูรณ์ของอาคารโบราณยุคกลางที่ยังคงรักษาความงดงามคงเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ในอดีตนั้นที่นี่เป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตและขายเกลือที่สำคัญที่สุดในเยอรมนี บอกเลยว่าเมืองนี้สวยน่าเดินชมกันทุกซอกทุกมุมเลยเชียวละ รับรองว่าเป็นอีกพิกัดที่จะได้ลั่นชัตเตอร์กันแบบรัวๆ อย่างแน่นอน

มาเที่ยวเยอรมันทั้งทีจะพลาด ปราสาทไรชสบวร์ก ไม่ได้เลย ปราสาทนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำโมเซล ในเมืองโคเคม (Cochem) วิวรอบ ๆ คือดีแบบเกินต้าน มีทั้งไร่องุ่น แม่น้ำ และเมืองเล็ก ๆ สไตล์ยุโรปโบราณที่ยังคงเสน่ห์ไว้อย่างครบถ้วน ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 และได้รับการบูรณะในยุคศตวรรษที่ 19 ให้กลับมางดงามอลังการอีกครั้ง ใครที่หลงใหลในโลกแฟนตาซีแบบ Game of Thrones หรือชอบกลิ่นอายยุคกลาง ปราสาทนี้คือที่เที่ยวเยอรมันที่คุณต้องมีในลิสต์

ถ้าใครชอบบรรยากาศแบบผสมผสานระหว่างยุโรปเก่าแก่กับเมืองธุรกิจสุดล้ำ แฟรงค์เฟิร์ต นี่คือเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของเยอรมันที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า แต่ขณะเดียวกันก็มีเมืองเก่า Römerberg ที่ให้ฟีลคลาสสิกสุด ๆ ที่เที่ยวเยอรมันห้ามพลาดในแฟรงค์เฟิร์ต ได้แก่ Main Tower ชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา พิพิธภัณฑ์ริมแม่น้ำ Main สำหรับสายศิลป์ Zeil Street ถนนช้อปปิ้งอันดับหนึ่งในเยอรมัน ใครว่าเมืองธุรกิจจะน่าเบื่อ? มาที่นี่แล้วคุณจะหลงรักแฟรงค์เฟิร์ตในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน!

สายไวน์ต้องกรี๊ดเพราะ Würzburg คือแหล่งผลิตไวน์ขาวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งใน เยอรมัน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องไวน์เท่านั้น เมืองนี้ยังเป็นบ้านของ พระราชวัง Würzburg Residence หนึ่งในมรดกโลกของ UNESCO ที่งดงามตระการตาสุด ๆ อย่าลืมเดินเล่นบนสะพานเก่า Alte Mainbrücke จิบไวน์ ชมวิวแม่น้ำ กับแสงพระอาทิตย์ตก มันโรแมนติกจนเหมือนหลุดเข้าไปในหนังรักฝรั่งเศสเลยล่ะ ที่นี่คือที่เที่ยวเยอรมันที่สงบแต่มีเสน่ห์มากกว่าที่คิด

พูดถึงที่เที่ยวเยอรมัน จะไม่พูดถึง มิวนิค (Munich) ได้ไง เมืองหลวงแห่งแคว้นบาวาเรียที่โด่งดังไปทั่วโลกในฐานะบ้านของ เทศกาล Oktoberfest เทศกาลเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแต่มิวนิคไม่ได้มีแค่เบียร์นะยังมี Marienplatz ลานกลางเมืองพร้อมหอนาฬิกา Glockenspiel ที่ขยับได้ English Garden สวนสาธารณะใหญ่กว่าสวนในนิวยอร์ก BMW Museum สำหรับแฟนรถหรู และแกลเลอรีศิลปะอีกเพียบ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความสนุกและศิลปวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเยอรมันที่ครบเครื่องแบบจัดเต็ม

Bamberg คือเมืองเก่าแก่ที่ยังรักษาสถาปัตยกรรมยุคกลางไว้อย่างดีเยี่ยมจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO บ้านเมืองตรงนี้เหมือนหลุดมาจากนิทานเลยจริง ๆ มีทั้งโบสถ์เก่า สะพานหิน และ ศาลากลางกลางน้ำ (Altes Rathaus) ที่เป็นไฮไลต์ของเมือง แต่สิ่งที่ทำให้ Bamberg พิเศษไม่เหมือนใครคือเบียร์ Smoked Beer หรือเบียร์รมควัน ที่หาดื่มที่อื่นไม่ได้ง่าย ๆ สายกินสายดื่มบอกเลย ฟินมาก ถ้าอยากลองอะไรที่แปลกใหม่และคลาสสิกในเวลาเดียวกัน Bamberg คือที่เที่ยวเยอรมันที่คุณควรไป

ที่เที่ยวเยอรมันที่เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความน่ารักและเป็นประตูสู่ปราสาทในฝัน Neuschwanstein Castle ใช่แล้ว ปราสาทเจ้าหญิงดิสนีย์ต้นฉบับก็ตั้งอยู่ใกล้ ๆ เมืองนี้แหละ แต่ Füssen เองก็มีดีไม่แพ้กัน ทั้งถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านค้า อาคารสไตล์บาวาเรีย ภูเขา และทะเลสาบ รอบ ๆ คือวิวพาโนรามาที่ทำให้คุณต้องหยิบกล้องมาถ่ายรูปแบบรัว ๆ ถ้าคุณอยากสัมผัสความสงบแบบยุโรปแท้ ๆ พร้อมวิวอลังการระดับเทพนิยาย Füssen คือที่เที่ยวเยอรมันที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ถ้าเยอรมันมีเมืองที่อบอุ่นและสดใสที่สุด ชื่อของ Freiburg im Breisgau ต้องมาเป็นอันดับต้น ๆ เมืองนี้ตั้งอยู่ริมขอบ ป่าดำ (Black Forest) ทางตอนใต้ของประเทศ ที่นี่เต็มไปด้วยแสงแดดเกือบตลอดปี (ในขณะที่เมืองอื่นยังหนาวอยู่ ที่นี่แดดจ้าเฉย) จุดเด่นของที่เที่ยวเยอรมันแห่งนี้คือ Freiburg Minster โบสถ์สไตล์โกธิคสุดอลังที่อยู่ใจกลางเมือง ลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านถนนคนเดิน เรียกว่า Bächle คนท้องถิ่นเชื่อว่าถ้าเดินตกบ่อนี้จะได้แต่งกับคนในเมืองนะ ตลาดของท้องถิ่นที่คึกคัก และร้านอาหารที่เน้นวัตถุดิบสดจากฟาร์ม ถ้าอยากได้เมืองบรรยากาศดี อากาศแจ่ม เดินสบาย มีทั้งความคลาสสิกและความเขียวขจี Freiburg คือ ที่เที่ยวเยอรมันที่คุณจะตกหลุมรักได้ง่ายมาก

ยินดีต้อนรับสู่เมืองที่มีโบสถ์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งใน เยอรมัน Speyer เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 2,000 ปี และเป็นบ้านของ Speyer Cathedral โบสถ์สไตล์โรมานเนสก์ที่อลังการสุด ๆ จนได้เป็นมรดกโลกของ UNESCO นอกจากโบสถ์ เมืองนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยี (Technik Museum Speyer) ที่มีทั้งยานอวกาศ เครื่องบิน เรือดำน้ำให้ชมแบบใกล้ชิด บรรยากาศริมแม่น้ำไรน์ที่โรแมนติกมาก เดินเล่นสบาย ๆ จิบกาแฟ ถ่ายรูปคือเพลิน ย่านเมืองเก่าที่มีร้านค้า คาเฟ่ และร้านเบเกอรี่แบบดั้งเดิม ถ้าคุณชอบเมืองที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับความทันสมัยแบบกลมกล่อม Speyer คืออีกหนึ่งที่เที่ยวเยอรมันที่ควรแวะสักครั้งในชีวิต

ชื่ออาจฟังแล้วแปลก ๆ แต่วิวที่เที่ยวเยอรมันที่นี่คือ ว้าว มาก Titisee คือเมืองเล็กน่ารักที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบใสกลางป่าดำ (Black Forest) เป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวเยอรมันที่คนเยอรมันเองยังชอบไปพักผ่อนกัน สิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษคือ ทะเลสาบ Titisee ที่สามารถล่องเรือ เล่นน้ำ พายเรือ หรือแค่นั่งชิล ๆ ก็ฟิน ของขึ้นชื่ออย่างนาฬิกากุ๊กกู ที่เป็นของฝากสุดฮิตจากแถบนี้ คาเฟ่ริมทะเลสาบ เสิร์ฟเค้ก Black Forest ที่ต้นตำรับสุด ๆ และในฤดูหนาว ที่นี่กลายเป็นรีสอร์ตเล่นสกีที่สวยงาม ใครที่อยากหลบความวุ่นวายมาสูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมวิวแบบพาโนรามา Titisee คือทางเลือกที่ดีงามสุด ๆ ในการเที่ยวเยอรมัน

ลองนึกภาพเมืองเล็กริมทะเลสาบที่ด้านหลังมีเทือกเขาแอลป์ แล้วใส่เรือใบสวย ๆ กับประภาคารลงไปอีกหน่อย นั่นแหละคือ Lindau เมืองในฝันริมทะเลสาบ Bodensee ซึ่งอยู่ติดพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย จุดไฮไลต์ของที่เที่ยวเยอรมันแห่งนี้คือ Lindau Harbor ที่มีสิงโตหินกับประภาคารเป็นสัญลักษณ์ เกาะกลางเมือง (Altstadt) ที่เต็มไปด้วยบ้านสีพาสเทล ร้านไอศกรีม และถนนหินแสนโรแมนติก วิวภูเขาสุดอลังในวันที่อากาศแจ่มใส เหมือนอยู่ในโปสต์การ์ดทุกมุม สำหรับคนที่มองหาที่เที่ยวเยอรมันที่ให้ทั้งธรรมชาติและบรรยากาศเมืองเก่าน่ารัก Lindau คือตัวเลือกสุดปังที่อาจทำให้คุณไม่อยากกลับเลย

ถ้าเบอร์ลินคือตัวแทนของความโมเดิร์น มิวนิคคือตัวแทนของเบียร์ ไลพ์ซิก (Leipzig) ก็คือเมืองแห่งศิลปะ ดนตรี และความครีเอทีฟแบบไม่มีกั๊ก ที่เที่ยวเยอรมันที่นี่เคยเป็นบ้านของ บาค (Johann Sebastian Bach) และมีชื่อเสียงเรื่องวงดนตรีคลาสสิก การแสดงโอเปร่า และแกลเลอรีศิลปะที่กระจายอยู่ทั่วเมือง นอกจากนี้ยังมี Panometer ภาพพาโนรามา 360 องศาในโดมยักษ์ ที่ทั้งอลังและไม่เหมือนใคร Clara-Zetkin Park สวนสีเขียวใจกลางเมือง เหมาะกับการปั่นจักรยานหรือปิคนิค Karl-Liebknecht-Straße หรือ Karli ถนนสายชิลที่รวมคาเฟ่ บาร์ และร้านหนังสืออิสระไว้ครบ ถ้าคุณชอบเมืองที่มีจิตวิญญาณศิลปิน ไม่วุ่นวายแต่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ Leipzig คือตัวแทนแห่งการเที่ยวเยอรมันในมุมมองที่คุณอาจยังไม่เคยสัมผัส

อยากสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกแบบหนังรักยุโรปไหม? มาทางนี้เลย หุบเขาไรน์ (Rhine Gorge) คือพื้นที่ที่แม่น้ำไรน์ไหลผ่านระหว่างเมือง Bingen ถึง Koblenz ความพิเศษของที่นี่คือสองฝั่งแม่น้ำที่เต็มไปด้วย ปราสาทยุคกลางกว่า 40 แห่ง หมู่บ้านน่ารัก ๆ ไร่องุ่นเขียวขจี และหน้าผาที่โอบล้อมน้ำสีฟ้าใสอย่างละมุน กิจกรรมไฮไลต์ ล่องเรือชมวิวจาก Bingen ไป Koblenz (บอกเลยว่า unforgettable experience) แวะชมปราสาท Marksburg หรือ Rheinfels ที่เหมือนหลุดจากนิยาย แวะเมือง Bacharach เมืองเล็กแสนหวานที่คนท้องถิ่นเองยังตกหลุมรัก นี่คือที่เที่ยวเยอรมันที่ไม่ใช่แค่ สวย แต่คือมหัศจรรย์ทางสายตาและจิตใจ ไปแล้วจะเข้าใจว่าทำไมเส้นทางนี้ถึงได้ชื่อว่า Romantic Rhine

ถ้าให้เปรียบเมืองเป็นคน เดรสเดน (Dresden) ก็คงเป็นหญิงสาวที่ผ่านเรื่องราวหนัก ๆ แต่กลับมายืนสวยอย่างสง่างามอีกครั้ง เดรสเดนเคยถูกทำลายยับเยินช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ถูกบูรณะอย่างพิถีพิถันจนกลับมาเป็น เพชรเม็ดงามของตะวันออกเยอรมัน จุดเด่นคือสถาปัตยกรรมบารอกและพิพิธภัณฑ์ที่อลังการมาก สถานที่เที่ยวเยอรมันที่ห้ามพลาด Zwinger Palace พระราชวังสไตล์บารอกที่งามจนแทบหยุดหายใจ Frauenkirche โบสถ์ที่ถูกสร้างใหม่แบบเป๊ะ ๆ จากเดิมที่พังหมด Brühl's Terrace ทางเดินเลียบแม่น้ำเอลเบอที่ได้ชื่อว่าระเบียงแห่งยุโรป ถ้าคุณรักเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ ประวัติศาสตร์ และความงามแบบฟื้นคืนชีพ Dresden คือที่เที่ยวเยอรมัน ที่ต้องใส่ใน Bucket List!

ถ้าคุณหลงรักความวินเทจแบบจริงจัง ต้องไม่พลาด Lübeck เมืองเล็ก ๆ ทางเหนือของเยอรมันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีแห่งเฮานเซอ (เมืองการค้าโบราณยุคกลาง) ที่นี่คือที่เที่ยวเยอรมันที่มีกลิ่นอายของศตวรรษที่ 14 ลอยอวลอยู่ทุกมุมเมือง สิ่งที่ทำให้ลือเบกค์น่าหลงใหล ประตูเมือง Holstentor แลนด์มาร์กสุดคลาสสิกที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูป บ้านเมืองอิฐแดงเรียงตัวสุดน่ารัก เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มาร์ซิแพน (Marzipan) ขนมหวานที่ทำจากอัลมอนด์บด หวานละมุน ใครมาลือเบกค์แล้วไม่ได้ลองคือพลาดสุด เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบเมืองเก่า เงียบสงบ เดินเพลิน และได้ฟีลยุโรปแท้ ๆ จนลืมหายใจ

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดจะเที่ยวเยอรมันทั้งทีไม่ไปเบอร์ลินก็เหมือนมาไม่ถึง ที่นี่คือเมืองหลวงที่ไม่เหมือนเมืองหลวง เพราะเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ เสรีภาพ ความหลากหลาย และบรรยากาศแบบศิลป์ ๆ เท่ ๆที่หาไม่ได้ในเมืองไหนอีก ไฮไลต์ของที่เที่ยวเยอรมันเมืองเบอร์ลินมีเยอะมาก Brandenburg Gate ประตูสู่ประวัติศาสตร์เยอรมัน Berlin Wall กับภาพวาด Street Art สุดโด่งดังอย่าง East Side Gallery Museum Island กลุ่มพิพิธภัณฑ์ระดับโลกกลางเมือง คาเฟ่ ฮิปสเตอร์ บาร์ลับ และย่านสุดชิคอย่าง Kreuzberg และ Prenzlauer Berg เบอร์ลินไม่ได้สวยแบบเทพนิยาย แต่มัน จริง และมีเสน่ห์ในความไม่สมบูรณ์แบบ ใครที่ชอบบรรยากาศอาร์ต ๆ สตรีท ๆ แนะนำให้ใช้เวลาที่นี่นานหน่อย เพราะคุณจะหลงรักเมืองนี้แบบไม่รู้ตัว

ทั้งหมดนี้เป็นแค่บางส่วนที่น่าสนใจในที่เที่ยวที่เที่ยวเยอรมันเท่านั้นนะ ประเทศนี้ยังมีพิกัดน่าไปโดนอีกสารพัดสถานที่เที่ยวเยอรมันกันเลยจ้า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางสายไหนก็มาแฮปปี้กันได้ทั้งหมดในที่เที่ยวเยอรมันเลยละ ที่เที่ยวเยอรมันก็คลาสสิก ธรรมชาติก็งดงาม อาหารก็อร่อย แถมยังมีพิกัดที่เที่ยวเยอรมันเด็ดๆ ให้ช้อปกันได้มากมาย เป็นประเทศที่ควรปักหมุดไปให้ได้ซักครั้งในชีวิตเลยจริงๆ