0

Warum L.

05 Aug 2020 - 2 min read

หนีร้อนไปพักใจเที่ยวภูเก็ต 3 วัน 2 คืน ทำอะไรได้บ้าง

จังหวัดน่าเที่ยวที่ติดอันดับต้น ๆในประเทศไทยคงจะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจาก “ภูเก็ต”เพราะไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือเกาะต่าง ๆที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความใสและความสวยงามของธรรมชาติแล้วยังมีเมืองเก่าสุดชิคที่น่าค้นหา ตลอดไปจนถึงร้านอาหารและคาเฟ่หลากหลายแห่งที่ผู้คนต่างรีวิวและให้เป็นเสียงเดียวกันว่าเด็ดสมคำร่ำลือ!ซึ่งทางเราได้ยินแบบนี้แล้วจึงตัดสินใจเปิดแพลนเที่ยวภูเก็ตเป็นเวลา 3 วัน 2 คืนกันสักหน่อย เพราะตอนนี้ร่างกายต้องการชาร์จแบตและเติมพลังมาก ๆมาดูกันเลยดีกว่าว่าการหนีร้อนไปพักใจที่ภูเก็ตในครั้งนี้เราไปไหนทำอะไรกันบ้างเผื่อเพื่อน ๆคนไหนรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานก็สามารถเดินตามรอยการออกไปเปิดทริปในครั้งนี้ของเราได้ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่า

เช็คราคา ตั๋วเครื่องบินไปภูเก็ต ราคาพิเศษ

แพลนเที่ยวภูเก็ต 3 วัน 2 คืน

การเดินทางไปภูเก็ต

การเดินทางไปภูเก็ตสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกันซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ มาให้ดังต่อไปนี้

ทางรถยนต์ - สามารถเดินทางจากกรุงเทพด้วยรถยนต์โดยใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) หลังจากนั้นให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และข้ามสะพานสารสินเข้าสู่จังหวัดภูเก็ต
ทางรถไฟ - สามารถนั่งรถไฟจากกรุงเทพ เพื่อไปลงที่สถานีรถไฟพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากนั้นสามารถนั่งรถประจำทางโดยสารเพื่อเดินทางต่อไปจังหวัดภูเก็ต
ทางรถโดยสารประจำทาง - การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางสารสามารถเลือกได้ทั้งแบบธรรมดาและแบบรถโดยสารปรับอากาศ โดยสามารถขึ้นได้จากสถานีขนส่งสายใต้ ที่ถนนบรมราชชนนี
ทางเครื่องบิน - สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบินนั้นค่อนข้างที่จะสะดวก และเหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาอย่างจำกัด เนื่องจากภายในหนึ่งวันมีเที่ยวบินไปลงภูเก็ตวันละหลายเที่ยว อีกทั้งยังสามารถเลือกสายการบินที่ต้องการจากกรุงเทพสู่ท่าอากาศยานภูเก็ตได้อีกด้วย

โดยครั้งนี้เราก็ได้เลือกเดินทางโดยเครื่องบินด้วย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ผ่านแอปพลิเคชัน Traveloka เพราะ Traveloka มักจะมีโปรโมชั่นพิเศษๆจากบางกอกแอร์เวย์สมาเสมอๆเนื่องจากเป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนาน เพียงเลือกวัน - เวลาในการเดินทางตามต้องการและเลือกช่องทางการชำระเงินที่สะดวกเพียงเท่านี้ก็ออกเดินทางกันได้แล้ว

การเดินทางท่องเที่ยวในภูเก็ตวันที่ 1

หลังจากที่เราได้จองตั๋วเป็นอันเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเตรียมแพ็กกระเป๋าและมุ่งหน้าสู่จังหวัดภูเก็ตจังหวัดที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น“ไข่มุกแห่งอันดามัน” ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และวิถีชีวิตคนต่างวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นทั้งไทย จีนและมุสลิมที่อยู่ร่วมกันจนเกิดเป็นความแตกต่างทางประเพณีที่ผสมผสานเข้าอย่างลงตัว

พอออกจากสนามบินภูเก็ตเราก็เดินทางไปที่ร้านอาหารที่มีชื่อว่า ร้านตู้กับข้าว เพื่อไปลิ้มลองรสชาติของอาหารใต้แบบดั้งเดิมกันสักหน่อยซึ่งจากที่เราได้ลองอ่านรีวิวมาเขาบอกว่าเมนูที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ แกงปูใบชะพลู และหมูฮ้อง เพราะสองจานนี้ถือเป็นเมนู recommendedที่ควรไปลิ้มลองเป็นอย่างมาก

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/tukabkhao

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/tukabkhao

หรือหากใครอยากลองชิมอาหารเมนูจานอื่นก็สามารถเลือกได้อย่างตามใจชอบไม่ว่าจะเป็น ต้มส้มภูเก็ตปลาย่าง, ฟักทองผัดกะปิกุ้งแห้ง, น้ำพริกปลาฉิ้งฉ้าง/ระกำและปิดท้ายล้างปากกันด้วยของหวานอย่าง พุดดิ้งอินทผาลัมที่บอกเลยว่ากลมกล่อมมากเลยทีเดียว แถมราคายังไม่แพงอีกด้วยถือว่าเป็นอาหารมื้อแรกในภูเก็ตที่ประทับใจสุด ๆ

ซึ่งจากสนามบินก็สามารถมาร้านตู้กับข้าวได้ง่ายๆ ถ้าใช้ บริการรถรับส่งสนามบิน ของ Traveloka เรียกรถจากสนามบินไปที่ไหนก็ได้ สะดวก สบาย และมีราคาพิเศษสำหรับช่วงวันแม่ด้วย

หลังจากทานอาหารเสร็จเราก็เดินถ่ายรูปชมเมืองเก่ากันสักพักซึ่ง ย่านเมืองเก่า ที่ว่านี้ก็นับเป็นหนึ่งในจุดเช็กอินและแลนด์มาร์กสำคัญที่ต้องมาเก็บภาพชิคๆ กันสักครั้ง โดยบริเวณเมืองเก่านี้เต็มไปด้วยอาคารสไตล์ชิโนโปรตุกีสตลอดสองฝั่งซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอย่างสวยงาม

พอเดินเก็บภาพอย่างจุใจแล้วทางเราก็ขอแวะทานน้ำเย็น ๆ และหาของหวานเข้าปากกันสักหน่อยเราจึงตัดสินใจเข้าไปที่ร้านคาเฟ่ที่มีชื่อว่า Refresh.tropicalcafe เพื่อเป็นการเติมเต็มความสดชื่นและซึมซับกับบรรยากาศภายในร้านที่ตกแต่งออกมาในสไตล์บาหลีอย่างน่าหลงใหล

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/refresh.tropicalcafe

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/refresh.tropicalcafe

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/refresh.tropicalcafe

เสร็จจากร้านคาเฟ่นี้เราก็มุ่งหน้าเดินทางไปกันต่อกับที่ต่อมานั่นก็คือ แหลมพรหมเทพ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินและเก็บบรรยากาศธรรมชาติเล็ก ๆน้อย ๆ ก่อนเดินทางเข้าที่พัก

ซึ่งแหลมพรหมเทพที่ว่านี้เป็นจุดชมวิวยอดฮิตและเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในประเทศไทยโดยบริเวณรอบ ๆ ถูกแวดล้อมไปด้วยต้นตาลที่ขึ้นแทรกเรียงรายอยู่ไปทั่วบริเวณจนทำให้บรรยากาศมีความชิคคูลดูเก๋อย่างบอกไม่ถูกทางเราก็ถ่ายรูปไปสักพักพระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดินแล้วในจังหวะนั้นบอกได้เลยว่าความสวยงามมันสะกดทุกสายตาจริง ๆเพราะแสงอาทิตย์ที่กำลังตกสะท้อนบนน้ำทะเลมันงดงามเป็นอย่างมากจนทำเอาใครหลายคนอดใจไม่ไหวต้องหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาแฉะภาพอย่างรัว ๆ

การเดินทางท่องเที่ยวในภูเก็ตวันที่ 2

ตื่นเช้าวันใหม่เราก็ได้รับประทานอาหารเช้ากันจากที่พักซึ่งการเดินทางท่องเที่ยววันที่ 2 ในภูเก็ตของเราเราได้ซื้อแพ็กเกจดำน้ำแบบเช้าไปเย็นกลับด้วยเรือเร็ว (speed boat)โดยเราจะไปดำน้ำกันที่เกาะราชา เกาะเฮและเกาะไม้ท่อน กับทางบริษัททัวร์ที่เราได้ทำการจองไว้

โดยทางบริษัททัวร์จะมีรถมารับเราถึงที่พักเพื่อเดินทางไปขึ้นเรือที่ท่าทางเราก็เตรียมตัวหยิบชุดว่ายน้ำกันไปอย่างพร้อมเพราะจะได้ออกไปดำน้ำ ดูปะการังและถ่ายรูปกันชิค ๆ กลับไปอัปลงไอจีกันอย่างรัว ๆบอกได้เลยว่ารอมานานแล้วกับการที่จะพาร่างกายไปสูดโอโซนกันอย่างเต็มปอด

เมื่อเรือสปีดโบ๊ทเดินทางมาถึงเกาะเฮ เขาก็จะปล่อยเราลงดำน้ำดูปะการังซึ่งน้ำที่นี่ใสมาก ๆ เราสามารถมองเห็นปลาที่แหวกว่ายไปมาใต้น้ำได้อย่างชัดเจนรับรองได้เลยว่าถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการดำน้ำอย่างแน่นอน

หรือหากใครต้องการทำกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมก็สามารถทำได้อีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การนั่งเรือกล้วย เจ็ทสกีเรือลากร่ม หรือพายเรือแคนูซึ่งกิจกรรมดังกล่าวนี้จะอยู่นอกเหนือจากราคาในโปรแกรมทัวร์ แต่ไหน ๆก็ได้มาถึงภูเก็ตทั้งทีเราก็ขอพายเรือแคนนูกันสักหน่อยเนอะ

สองชั่วโมงผ่านไปก็ถึงเวลามุ่งหน้าออกเดินทางไปกันต่อที่ เกาะราชา เพื่อไปเล่นน้ำ เที่ยวชม “อ่าวสยาม” หรือ อ่าวทือ และเพลิดเพลินไปกับการดำน้ำดูปะการังที่อุดมสมบูรณ์และปลาหลากสีสันใต้ท้องทะเลกันต่อ

เมื่อเราเดินทางถึงเกาะราชาทางทัวร์ก็ได้จัดอาหารบุฟเฟ่ต์ให้รับประทานกันที่ร้านอาหารซีวิวซึ่งถือเป็นร้านที่มีมุมที่สวยที่สุดหลังจากทานข้าวเสร็จเราก็ไปพักผ่อนตามอัธยาศัย เล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังไปเพลิน ๆซึ่งเกาะนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะบริเวณ "อ่าวสยาม”เพราะนอกจากแหล่งน้ำนี้จะอุดมสมบูรณ์แล้วบริเวณแถบนั้นยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านทำให้เราสามารถเห็นวิถีชีวิตของคนเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด

ออกเดินทางไปดำน้ำกันต่อที่เกาะไม้ท่อน เพื่อไปชมความงามของน้ำทะเลที่ยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติใต้ท้องทะเลซึ่งพี่คนขับเรือได้บอกว่าหากอากาศดี ๆเราอาจจะเจอฝูงปลาโลมาที่ว่ายเข้ามาก็เป็นได้แต่โชคก็ยังไม่เข้าข้างเราเท่าไหร่นัก เพราะน้องไม่ว่ายมาให้เห็นเลยแต่ก็ถือว่าไม่ผิดหวังที่เลือกมาทริปนี้เพราะน้ำทะเลบนเกาะนี้มันใสมากจริง ๆ

ใสจนคิดว่าไม่ต้องเสียเงินราคาแพงเพื่อเดินทางไปถึงมัลดีฟแล้วเพราะที่นี่ก็ถือเป็นสวรรค์แห่งทะเลอันดามันที่จะมากี่ครั้งก็ตกหลุมรักอย่างแน่นอน

หลังจากที่ดำน้ำทำกิจกรรมต่าง ๆ เสร็จเป็นที่เรียบร้อยเราก็ขอเดินทางกลับไปที่ท่าเรือเพื่อกลับเข้าที่พักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนที่จะออกไปหาอะไรทานเป็นมื้อเย็นกันก่อนกลับบ้านในวันถัดไป

ซึ่งบอกได้เลยว่าการมาเที่ยวพักผ่อนที่จังหวัดภูเก็ตเป็นเวลา3 วัน 2 คืนในครั้งนี้เต็มไปด้วยความประทับใจที่ถูกเติมเต็มอย่างเต็มเปี่ยมแถมยังกล้าพูดได้อย่างเต็มปากอีกว่าทะเลไทยไม่แพ้ที่ใดบนโลกนี้อย่างแน่นอน

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร