ลางานไปพักใจเที่ยวน่าน 3 วัน 2 คืน ฉบับคนเนิบ ๆ

Thamonwan B
10 Aug 2020 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 3 นาที

หลังจากการกักตัวอยู่บ้านมาสักพักก็ถึงเวลาที่ต้องพาร่างกายออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันให้ทั่วถึงปอด ซึ่งการออกเดินทางในครั้งนี้เราได้จัดแพลนไปเที่ยวน่านเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ในฉบับคนเนิบ ๆ เพราะจังหวัดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของความเนิบแต่อยู่ได้นาน ๆ แบบไม่รู้เบื่อ จึงทำให้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนอยากเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศและกลิ่นอายมนต์เสน่ห์ที่น่าหลงใหลด้วยตนเองสักครั้ง โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่กำลังมาถึงเป็นช่วงเวลาที่เราไม่อยากให้คุณพลาดเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นรีบกดลางานและเตรียมเก็บกระเป๋าตามเราไปได้เลย

วันที่ 1 ของการเดินทาง

เปิดทริปวันแรกด้วยการเดินทางจากกรุงเทพไปยังน่านด้วยสายการบินราคาชั้นประหยัด ซึ่งจะใช้ระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น โดยครั้งนี้เราได้จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือในขั้นตอนแสนง่าย พร้อมราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่ามาก ๆ หากใครมีแพลนเดินทางไปน่านเร็ว ๆ นี้ก็สามารถกดจองตั๋วเครื่องบินตามเราไปได้เลย

หลังจากที่เครื่องได้ landing และรับกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เราก็ได้มุ่งหน้าไปสถานที่ท่องเที่ยวแรกกันที่ วัดภูมินทร์ วัดที่แกะสลักลวดลายโดยช่างฝีมือให้ออกมาในสไตล์ล้านนาได้อย่างงดงาม ทำให้หน้าตาของพระอุโบสถและวิหารดูแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน โดยภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ โดยแต่ละองค์ได้หันพระพักตร์ออกตามประตูทั้งสี่ทิศ

อีกทั้งยังมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่เกี่ยวกับเรื่องเล่าชาดกในพุทธศาสนา และวิถีชีวิตของคนเมืองในสมัยก่อนให้เราได้ชื่นชมและเข้าใจถึงวัฒนธรรมอันงดงามได้อย่างลึกซึ้งอีกเช่นกัน

หลังจากที่เราได้กราบไหว้พระพุทธรูปและชื่นชมภาพวาดฝาผนังภายในวัดภูมินทร์เป็นที่เรียบร้อย เราก็ได้เดินข้ามถนนไปหามุมถ่ายรูปกันต่อกันที่ ซุ้มอุโมงค์ลีลาวดี ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พอเราได้เดินไปถึงก็จะเห็นถึงความสวยงามของต้นลีลาวดีที่พากันเบ่งบานสะพรั่งและโชยกลิ่นหอมหวนไปทั่วบริเวณ

ทางเราก็เดินถ่ายรูปกันอยู่สักพักท้องก็เริ่มร้องเอาซะแล้ว เราเลยตัดสินใจแวะเติมพลังกันสักหน่อย ซึ่งร้านอาหารที่เราได้เลือกกันมีชื่อว่า ครัวเฮือนฮอม ที่เสิร์ฟอาหารเหนือพื้นเมืองด้วยวัตถุดิบคุณภาพ และรสชาติอันกลมกล่อมแบบเหนือแต๊ ๆ แถมยังสามารถเลือกได้อีกว่าจะนั่งบนโต๊ะทานข้าวแบบไม้ธรรมดา หรือจะนั่งแบบขันโตกเพื่อให้ฟิลเหมือนอยู่เมืองเหนือจริง ๆ ก็ได้อีกเช่นกัน

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/pages/ครัวเฮือนฮอม

หลังจากที่ได้เติมพลังกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ได้แวะไปเช็กอินที่คาเฟ่แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า สุดกองดี คาเฟ่ ร้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันร่มรื่นของต้นไม้สูงใหญ่ และมุมถ่ายรูปที่มีการออกแบบมาอย่างไม่ซ้ำใคร แถมยังมีเมนูอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มให้เลือกทานกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ข้าวผัดหมู ข้าวไข่เจียว ฮันนี่โทสต์ ชาเขียว ชานมเย็น อิตาเลี่ยนโซดา และอื่น ๆ อีกมากมาย

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/CafeSoodgongdee/

พอกินและถ่ายรูปกันอย่างจุใจ เราก็ได้มุ่งหน้าไปยังที่พักเพื่อไปเก็บสัมภาระและเช็กอินกัน ซึ่งทริปนี้เราได้จองที่พักที่มีชื่อว่า น่าน ศรีปันนา ที่พักที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทุ่งนาสีเขียวอันเขียวชอุ่ม และต้นไม้ลำธารที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เต็มไปด้วยความร่มเย็น สดชื่น และผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ภายในห้องพักยังมีพื้นที่กว้างขวาง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ คอยให้บริการอย่างครบครัน เรียกได้ว่าตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

วันที่ 2 ของการเดินทาง

เช้าวันใหม่ของการท่องเที่ยวในน่าน วันนี้เราวางแผนที่จะไปเช็กอินกันที่ สะพานบ้านสะปัน เป็นจุดแรกที่ตั้งอยู่ในอำเภอบ่อเกลือของจังหวัดน่าน เพื่อไปถ่ายรูปแชะภาพกับวิวมหาชนที่เขาพาไปกัน เพราะเขาบอกว่าถ้าไม่ได้มาถ่ายรูปกันที่บริเวณนี้ก็เหมือนมาไม่ถึงน่านนั่นเอง

หลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางไปกันต่อที่ คาเฟ่อุ่นไออาง เพื่อไปนั่งจิบกาแฟริมน้ำที่ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมาอย่างชิล ๆ โดยจุดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้อยู่ที่การออกแบบด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลักทำให้การตกแต่งมีความกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/ounimang

ซึ่งเราก็ได้นั่งกินลมชมวิวกันอยู่สักพัก ก็ได้ออกเดินทางกันต่อ โดยสถานที่ต่อไปที่เราจะแวะไปกันก็คือ บ่อเกลือโบราณ ไฮไลท์ของเมืองน่านที่พลาดไม่ได้ เพราะเราจะได้ไปชมวิธีการต้มเกลือของชาวบ้านที่ยังคงสืบทอดภูมิปัญญาการทำเกลือโบราณเอาไว้ เพื่อนำไปปรุงอาหาร หรือนำไปสครับผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ รวมถึงการใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ

จากที่เราได้ถามคุณลุงที่กำลังต้มเกลืออยู่ แกได้เล่าถึงขึ้นตอนการทำเกลือให้เราฟัง โดยเขาจะตักน้ำเกลือขึ้นจากบ่อแล้วนำไปต้มประมาณ 4-5 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำค่อย ๆ ระเหยไปจนเกลือตกผลึก จากนั้นเขาก็จะตักเกลือใส่ตะกร้าที่แขวนไว้เพื่อสะเด็ดน้ำจนแห้งหมด และทำแบบนี้ไปมาตลอดทั้งวัน พอฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกลือที่เราทานกันมันจะผ่านวิธีการทำที่ซ้ำซ้อนมากขนาดนี้

จากบ่อเกลือเราก็ได้ขับรถมุ่งหน้าไปยังอำเภอปัวกันต่อ เพื่อไปเก็บตกไฮไลท์ของเมืองน่านกันอีกที่หนึ่ง นั่นก็คือ ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนนาสีเขียวที่ถูกแขวนไปด้วยผ้าทออันหลากสีมากมาย และมุมถ่ายรูปชิค ๆ ที่เราสามารถเลือกได้อย่างไม่ซ้ำใคร

อีกทั้งยังมีอาหารเหนือพื้นเมืองให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย ซึ่งอาหารที่ว่านี้ก็คือ ข้าวซอย และขนมจีนน้ำเงี้ยวกระดูกหมู รวมถึงเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้เราได้เลือกทานพักเหนื่อยได้อย่างชื่นใจกันอีกด้วย

หลังจากที่ได้แวะถ่ายรูป ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองเป็นที่น่าพอใจ เราก็ขอตัวเข้าที่พักกันก่อน โดยในคืนที่สองนี้เราจะไปพักกันที่ โรงเรียนชาวนาบ้านศิลาเพชร โฮมสเตย์ บ้านพักที่ตั้งอยู่กลางทุ่งนาพร้อมบรรยากาศอันเย็นสบาย ชิล ๆ แบบธรรมชาติให้เหมือนกับการมาเที่ยวเมืองน่านอย่างแท้จริง

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/homestayfarmerschool

บอกเลยว่าเป็นที่พักที่เราอยาก recommend มาก ๆ เพราะวิวทิวทัศน์และบรรยากาศรอบ ๆ มันดีงามมากจริง ๆ หากใครมาน่านก็สามารถมาพักที่นี่กันได้ รับรองว่าคุณจะได้กดชัทเตอร์กดถ่ายภาพกันอย่างรัว ๆ

วันที่ 3 ของการเดินทาง

มาถึงเช้าวันสุดท้ายของการตะลอนเที่ยวในน่าน วันนี้เราก็ได้ตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อทานอาหารเช้าตามที่ทางที่พักได้จัดไว้ให้ และเตรียมเก็บสัมภาระเข้ากระเป๋าแล้วเช็กเอ้าท์เพื่อเดินทางไปกันต่อ

โดยวันนี้เราจะแวะไหว้พระทำบุญกันก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ ซึ่งวัดที่เราจะแวะกันก็คือ วัดศรีมงคล หรือที่ชาวบ้านเรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดก๋ง

โดยวัดแห่งนี้นับว่าเป็นวัดที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวปัวมาแต่ช้านาน ซึ่งภายในวิหารหลวงจะมีองค์พระธาตุประดิษฐานเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตนั่นเอง

นอกจากนี้บริเวณด้านหลังของวัดยังมีลานชมวิวขนาดกว้างที่มาพร้อมกับทัศนียภาพที่งดงาม ของทุ่งนาเขียวขจี และทิวเขาของดอยภูคาที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมาจนเกิดเป็นภาพที่สวยงาม อีกทั้งยังมีข้าวของเครื่องใช้โบราณที่เราสามารถนำมาใช้เป็นพร็อบในการถ่ายภาพได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นพิกัดสำคัญของเมืองน่านที่พลาดไม่ได้เลย

หลังจากที่ได้กราบไหว้องค์พระธาตุ และเดินชมบรรยากาศรอบ ๆ วัดกันเสร็จ เราก็ได้มุ่งหน้าไปที่สนามบินเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพกัน

สำหรับเราแล้วการที่ได้ออกมาเจออะไรใหม่ ๆ หรือการมาพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติและหนีความวุ่นวายในตัวเมืองมันเป็นเหมือนการมาเติมพลังให้กับชีวิตได้มากขึ้นเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นใครที่อยากหลีกหนีจากโลกปัจจุบันก็ลองหาเวลาไปพักผ่อนและไปชาร์จร่างกายกันที่น่านดูได้

จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร