เที่ยวกรุงเทพฯ แบบสบายๆ ทริปนี้ เราอยากเที่ยวกรุงเทพมหานครดูบ้าง เพราะปกติจะนึกแต่การไปเที่ยวต่างจังหวัด เลยลองวางแผนหาวันหยุดและลองหาจองห้องพักที่อยู่ใกล้ๆ กับสถานที่ท่องเที่ยว ทำอารมณ์เหมือนเราเป็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ซึ่งก็พยายามลองหาข้อมูลต่างๆ มาหลายที่จนได้ที่พักเป็นโรงแรมซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามเยื้องๆ กับเอเชียทีคนิดนึง ทำให้สามารถที่จะเดินข้ามไปเอเชียทีคและนั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาไปเที่ยวได้สะดวก จนเกิดเป็นทริปนั่งเรือเจ้าพระยาเที่ยวกรุงเทพมหานครสุดแสนประทับใจในครั้งนี้
แม้ว่าเราจะเป็นคนไทย เกิดและโตในกรุงเทพมหานคร แต่พอได้เที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของไทยเราเองแล้วเราก็ยังสนุกและประทับใจ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมต่างชาติเขาถึงชอบที่จะมาเที่ยวบ้านเรากัน
ขอเริ่มทริปด้วย The Sunreno Service Apartment and Hotel ซึ่งเป็นที่พักที่อยู่ตรงข้ามกับเอเชียทีค เยื้องๆ นิดหน่อย เพราะทางเข้าโรงแรมอยู่ตรงข้ามกับที่จอดรถของเอเชียทีค เพียงแค่เดินข้ามถนนก็ถึงเอเชียทีคแล้วค่ะ ถือว่าเป็นตำแหน่งของที่พักที่สะดวกสบายมากๆ เพราะเราตั้งใจอยากจะหาที่พักที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว พักสะดวกสบาย หาของกินตอนเย็นๆ เดินเล่นช็อปปิ้งได้
ทางเข้าของโรงแรม เรียกได้ว่าสะดวกมากๆ กับการมาพัก แล้วข้ามไปเอเชียทีค
และสำหรับการจองในครั้งนี้เราได้จองผ่าน Travelokaเพราะว่าสามารถค้นหาที่พักแบบแผนที่ หาตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรมได้ว่าอยู่ตรงไหน และดูรายละเอียดต่างๆ จากแอพพลิเคชั่น Traveloka บนมือถือได้สะดวก ว่างตอนไหนก็หยิบโทรศัพท์มาหาข้อมูลจนได้ที่ถูกใจ ที่สำคัญมีส่วนลดให้ด้วยเพราะทราเวลโลก้าจะมีโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ บ่อยๆ เราว่าจองง่ายดี ชอบตรงที่เห็นราคาไหน ตอนเสิร์ชต่อคืนเท่าไหร่ ตอนชำระเงินก็ราคานั้นเลย สำหรับใครที่ยังไม่เคยจองผ่านทราเวลโลก้าก็สามารถโหลดแอพพลิเคชั่น Traveloka ได้ค่ะ
บรรยากาศล็อบบี้ค่ะ
เช็คราคาและจองห้องพัก The Sunreno Service Apartment and Hotel ที่ Traveloka คลิกที่นี่
เราออกจากบ้านช่วงบ่ายก็ขับรถดิ่งตรงมาโรงแรมเลย แต่ว่าแวะกินก๋วยเตี๋ยวตรงคลองเตยนิดหน่อย ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู แต่อยากบอกว่าก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟตรงคลองเตยอร่อยมาก
ขับตาม GPS มาเรื่อยๆ โรงแรมจะอยู่ซอยเจริญกรุง 91/1
เช็คอินเรียบร้อยก็ขึ้นห้อง พอเห็นห้องแล้วก็ประทับใจ ห้องกว้าง สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
ถ่ายห้องพักมาไม่เยอะนะคะ แต่ว่าสะอาด นอนสบาย มีเคาน์เตอร์ครัว มีจานชาม ชากาแฟ กระติกน้ำร้อน และมีอ่างล้างจานให้ด้วยค่ะ
ห้องน้ำสะอาด น้ำร้อนและไหลแรงดีค่ะ
โต๊ะนั่งชมวิวด้านนอกได้
วิวด้านนอก เราได้ห้องวิวที่อยู่ตรงกันข้ามกับเอเชียทีคค่ะ เห็นแม่น้ำเจ้าพระยานิดๆ เหมือนกัน
สำหรับใครที่จะเดินทางมาเอเชียทีค นอกจากจะเดินทางมาด้วยรถยนต์แล้ว ตอนเย็นๆ จะมีเรือบริการรับส่งฟรีจากท่าเรือบริเวณสะพานตากสินให้ด้วยนะค่ะ โดยสามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีสะพานตากสินแล้วต่อเรือ Shuttle Boat ของเอเชียทีค โดยเรือจะเริ่มให้บริการในช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 16.00 – 20.00 น. ทุกวันค่ะ
หลังจากได้เข้าห้อง นอนพักผ่อนแล้ว เย็นๆ ก็ออกไปเดินเล่นเอเชียทีค หาอะไรกินกัน ตอนเย็นๆ แวะมาทานที่ร้านนี้ค่ะ CheckMate จำชื่อไม่ค่อยได้ แต่บรรยากาศสบายๆ ดี มีดนตรีให้ฟัง และอาหารอร่อยดีด้วยค่ะ
สั่งอาหารมาทานกันสี่อย่าง นั่งคุยกันสบายๆ เบาๆ จานแรกเป็นข้าวผัดแกงเขียวหวานไก่ย่างนะคะ ประมาณนี้
ข้าวผัดน้ำพริกกับปลาทอด (น่าจะน้ำพริกอ่อง)
เฟรนช์ฟรายกับปลาทอดอีกเช่นกัน แต่ชอบตรงที่มีซอสให้จิ้ม อร่อยดี
และก็เบอร์เกอร์แซลมอน เห็นในภาพแล้วน่าทานดีเลยลองสั่งมาทานดูก็อร่อยดีเหมือนกันค่ะ ชอบตรงเฟรนช์ฟรายเขากรอบนอกนุ่มใน สรุปอร่อยดีค่ะ
ทานอาหารเสร็จก็มาเดินเล่นกันที่เอเชียทีค คือเราไม่ได้มานาน ผู้คนคึกคัก ร้านค้าเยอะ เดินเล่นเดินซื้อของสนุกมากเลย
บรรยากาศที่ Asiatiqueซึ่งมีทั้งร้านขายของและร้านขายอาหาร มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะเชียว คึกคักสนุกสนานมากๆ ในวันนี้
ทริปนี้กินไปเยอะมากกก ซื้อกินไปหลายอย่างเลยค่ะเพราะว่ามีร้านอาหารมาตั้งบูธหลายร้าน
เดินดูโน้นดูนี่ แวะซื้อของกิน นั่งพักบ้าง ซ็อปปิ้งด้วย ที่ช็อปปิ้งไม่ได้ถ่ายมาให้ดูเพราะมัวแต่เลือกของ แต่ก็สนุกมากๆ กับคืนนี้
เดินเล่นกินขนมจนอิ่มก็เป็นเวลากลับห้องแล้วค่ะ พรุ่งนี้เราจะได้ไปเที่ยวกันต่อ
เช้าวันต่อมาเราออกจากโรงแรมสายๆ หน่อย เดินข้ามถนนมาที่ป้ายรถเมล์ ตั้งใจว่าวันนี้จะนั่งรถเมล์ไปขึ้นเรือที่สะพานตากสิน เมื่อวานเล็งรถเมล์สาย 1 เอาไว้ ตั้งใจว่าจะนั่งรถเมล์สาย 1 ไปลงสะพานตากสิน แล้วต่อเรือเจ้าพระยาไปเที่ยววัดพระแก้ว ชมพิพิธภัณฑ์ หาของอร่อยกินแถววังหลังกันค่ะ
ซึ่งจริงๆ ก็วางแผนอยากไปหลายที่ แต่เอาจริงๆ 1 วันนี่เที่ยวไม่ครบนะคะ ยังไม่ได้ไปอีกหลายที่
รถเมล์สาย 1 นั่งไม่นาน รถไม่ติดค่ะวันนี้
นั่งมาเรื่อยๆ ก็ถึงสะพานสาทร จริงๆ แล้วสาย 1 ไปถึงท่าเตียน วัดโพธิ์ แต่ด้วยความที่อยากนั่งเรือ ไม่ได้นั่งนานเลยเลือกที่จะนั่งเรือกันค่ะ
บรรยากาศระหว่างเดินไปท่าเรือ
เดินมาถึงท่าเรือจะมีเคาน์เตอร์ขายตั๋ว วันนี้เราเลือกซื้อเคาน์เตอร์เรือธงส้ม ซึ่งการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาก็จะมีธงอยู่ 5 แบบ สีส้ม สีฟ้า สีเหลือง สีเขียว และไม่มีสี ซึ่งแต่ละธง ก็จะมีความแตกต่างกันเรื่องท่าที่จะจอดกันเล็กน้อย
ซื้อตั๋วแล้วก็รอขึ้นเรือ วันนี้คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันหยุด มีนักท่องเที่ยวมารอเรือ ต่อแถวคิวยาว อารมณ์เหมือนอยู่ต่างประเทศ มองๆ ไปรอบๆ มีแต่ต่างชาติ เราก็รอเรือกับเขาไปด้วย
รอไม่นานเรือก็มา บรรยากาศขาไปค่ะ นานๆ นั่งเรือโดยสารเจ้าพระยาทีสนุกดีเหมือนกัน ได้เห็นบรรยากาศของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายสำคัญตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันทั้งด้านการท่องเที่ยว การเดินทาง การขนส่ง เป็นความภูมิใจที่เมืองไทยของเรามีสิ่งดีๆ ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาให้
ผ่านสะพานพุทธ สะพานที่ผ่านทีไรต้องถ่ายรูปทุกครั้ง จำได้ว่าเคยอ่านประวัติศาสตร์ว่าเป็นสะพานที่สามารถเปิดให้เรือขนสินค้าขนาดใหญ่ผ่านไปได้ด้วย
และแล้วก็มาถึงท่าช้าง ตอนแรกตั้งใจว่าจะเข้าไปเที่ยววัดพระแก้วก่อน แต่หิว ไม่ได้ทานข้าวเช้า พอออกจากบริเวณท่าเรือเลยเดินลัดเลาะไปท่าพระจันทร์ ไปหาอะไรกินกัน บรรยากาศบริเวณท่าช้างนิดหน่อยค่ะ
ระหว่างเดินก็แวะซื้อของกินโน่นนี่ไปเรื่อย เริ่มด้วยขนมเบื้องของโปรด
เดินเลาะมาหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระลึกความหลัง ไม่ได้มาแถวนี้นาน เดินเข้าตรอกเล็กๆ ตรงท่าพระจันทร์เพื่อจะไปร้านอร่อยดีริมน้ำ
บรรยากาศร้านอร่อยดีริมน้ำที่ท่าพระจันทร์ ร้านตรงข้ามร้านนี้จะมีโรตีมะตะบะอร่อย เลยต้องซื้อมากินด้วย
หมูทอดจะขายอยู่ริมทาง ตรงข้ามประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย หมูทอดร้านนี้อร่อยมาก มาทีไรต้องซื้อกิน
ตามด้วยอาหารตามสั่งของทางร้าน
บรรยากาศริมน้ำตอนใกล้เที่ยงๆ นั่งทานกันไปแบบไม่เร่งรีบ ดูเรือผ่านไปผ่านมา ดูปลาเสือตอว่ายอยู่ในน้ำ
กินข้าวเสร็จก็จะเดินไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ แต่ระหว่างทางต้องแวะซื้อยาหม่องกับยาหอมเป็นของฝากให้ที่บ้านก่อน ยาหม่องกระปุกใหญ่ราคาไม่แพง มาแล้วต้องแวะซื้อ
เดินลัดเลาะริมรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มานิดหน่อยก็ถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติค่ะ
สวยงามมากๆ เลยค่ะสำหรับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ขออนุญาตถ่ายภาพมาให้ชมกันแค่ด้านนอกนะคะ ด้านในอยากให้ลองมาชมกันเองค่ะ
สำหรับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของไทย จะเปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ เวลาเปิดทำการ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.00 น.
หลังจากชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรียบร้อยใช้เวลานานพอสมควร ก็เดินมาเรื่อยๆ จนถึงทางเข้าวัดพระแก้วค่ะ
บรรยากาศด้านนอกวัดพระแก้ว
จากนั้นเราก็ไปนั่งเรือข้ามฟากท่าช้าง-วังหลัง เพื่อจะไปเดินเล่นหาของอร่อยที่วังหลังทานกันต่อค่ะ
บรรยากาศระหว่างข้ามฟากจนมาถึงท่าเรือฝั่งวังหลังค่ะ
ถึงแล้วค่ะวังหลัง ซึ่งเป็นแหล่งขายสินค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกายต่างๆ และยังมีร้านอาหารมากมายที่อร่อยและราคาไม่แพงค่ะ
เดินทะเลตามตรอกซอกซอยไปมา ตอนแรกตั้งใจว่าจะเดินไปวัดระฆังกันต่อแต่ไม่ไหวแล้วค่ะ รู้สึกเมื่อยเท้านิดหน่อยเพราะเพิ่งซื้อรองเท้าใหม่ที่เอเชียทีค ยังไม่ชินกับรองเท้าใหม่เลยตัดสินใจนั่งเรือกลับไปพักผ่อน เพราะตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว
สำหรับตอนกลับก็รอขึ้นเรือกันที่ท่าวังหลังได้เลยค่ะ เพราะเรือทุกธงสีจะมาจอดที่ท่าวังหลัง จ่ายเงินตอนผ่านประตูเข้าท่าเรือ แต่เวลาเรือมาขึ้นเรือธงสีไหนก็ได้ แค่โชว์ตั๋วแล้วจ่ายเงินเพิ่มให้กับพนักงานเก็บตังค์
รอเรือไม่นาน เรือด่วนเจ้าพระยาก็มา ที่นั่งโล่งสบายสำหรับขากลับ
บรรยากาศของแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนถึงท่าเรือสะพานตากสิน เพื่อที่จะต่อเรือของเอเชียทีคกลับกันค่ะ
ถึงท่าเรือสะพานตากสินแล้วก็เดินไปตามป้ายเพื่อไปขึ้นเรือบริการของเอเชียทีค
บรรยากาศก่อนขึ้นเรือ
หลังจากขึ้นเรือแล้วก็เก็บภาพบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
นั่งเรือไม่นานก็เห็นชิงช้าสวรรค์อยู่ไม่ไกล
จังหวะเรือต้องหันกลับไปท่าน้ำสะพานสาทร
กว่าจะถึงห้องพักก็เกือบหกโมงเย็น นอนพักผ่อน
ตื่นขึ้นมาก็ออกมาหาของกินกัน
เดินไปเดินมา มากินปิ้งย่างสไตล์เกาหลีที่ร้าน Kimju บุฟเฟต์ อิ่มอร่อยมากๆ เลยค่ะสำหรับมื้อนี้
บรรยากาศด้านนอกร้าน วันนี้คนค่อนข้างเยอะ
ทานเสร็จก็กลับห้องค่ะ ก่อนกลับห้องก็แวะถ่ายภาพเดินเล่นกันอีกสักนิด เป็นอันว่าจบเรียบร้อยสำหรับทริปนี้ ส่วนวันต่อมาเราก็ต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปทำธุระกันต่อ ทำให้ไม่ได้เที่ยวกรุงเทพฯ กันต่อ ซึ่งจริงๆ แล้วเรามีแผนจะไปเที่ยวกันอีกหลายที่ ทั้งไปเยาวราช ช็อปปิ้งที่สำเพ็ง เดินเล่นพาหุรัต ชมพิพิธภัณฑ์บางลำพู และมิวเซียมสยาม
แต่ก็ไม่เป็นไร ไว้ค่อยวางแผนมาเที่ยวกันใหม่ เป็นอันว่าประทับใจมากมายสำหรับทริปกรุงเทพฯ ครั้งนี้ ทั้งห้องพักและการท่องเที่ยว บอกได้เลยว่ากรุงเทพมหานครวันเดียวเที่ยวใหม่หมดจริงๆ ค่ะ
จบไปกับทริปแรกของปีนี้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากๆ ค่ะ ที่เข้ามารับชม