ไหนใครจะไปเที่ยวญี่ปุ่นขอเสียงเฮหน่อย “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ!!” หวังว่าในขณะที่ทุกคนกำลังอ่านตามคงให้ความร่วมมือด้วยการชูแขนทั้งสองข้างเหยียดตึง พร้อมเงยหน้าเปล่งเสียง เฮ ออกมาดังๆ โอเค...หยุดช่วงการมโนไว้เพียงเท่านี้! มาเข้าเรี่องของเรากันดีว่า เมื่อกล่าวถึงญี่ปุ่น เชื่อว่าหลายคนที่ไปเที่ยวคงเตรียมตัวไปปลดปล่อย และเฮฮากันอย่างเต็มที่ ถึงขั้นที่ว่าต่อให้ซามูไรมาหยุดก็เอาไม่อยู่จริงๆ แต่ก่อนที่จะได้ไปสนุกอย่างเต็มอิ่มกัน ก็อย่าลืมสิ่งคัญอย่างการวางแผนเดินทาง ไม่งั้นระวังจะฮาไม่สุด หรือเฮไม่ออก เมื่อต้องเจอกับความวุ่นวาย หรือความต่างด้านภาษาซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการเสียเวลา หรือเสียเงิน เพราะดันไปเลือกวิธีที่ผิด และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มทริป เราจึงได้รวบรวมวิธีเข้าเมืองจาก สนามบินฮาเนดะ ที่จะทำให้คุณได้ไปเที่ยวฮาเฮในญี่ปุ่นให้สมสาแก่ใจมาให้
มาเริ่มกันด้วยวิธีแรกเพื่อคนที่มาเฮฮากันเป็นกลุ่มตั้งแต่ 3-7 คน ได้เดินทางเข้าตัวเมืองผ่านรถที่จองไว้ซึ่งให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง กับบริการรถรับ – ส่งสนามบินแบบจองล่วงหน้า ที่เราสามารถจองได้ไม่ว่าอยู่ไหน เพียงเข้าไปจองในเว็บไซต์ พร้อมกรอกรายละเอียดเพื่อนัดหมายการเดินทางกับคนขับ และชำระค่าบริการ ก่อนที่จะรับใบจองแบบอิเล็คทรอนิกส์เก็บไว้เป็นหลักฐาน เมื่อถึงเวลาลงเครื่องที่สนามบินฮาเนดะ เราก็แค่ลากกระเป๋า และเดินออกไปหาคนขับซึ่งมารอรับเราอยู่แล้วที่หน้าสนามบินตามเวลาที่นัดหมายไว้ ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาหาทางเข้าตัวเมืองเอง เพราะเดี๋ยวพี่คนขับจะพาไปส่งถึงที่ สะดวกสบายจนอยากอุทานเป็นญี่ปุ่นว่า สะดวกสบายจัง หรือถ้าผู้ชายก็ สะดวกสบายคุง แถมหารเงินกันแล้วก็ไม่ถือว่าแพง อีกทั้งยังมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย และคุณภาพคนขับซึ่งเขาคัดมาอย่างดีแล้วด้วย
จุดเด่น: มีรถให้เลือกหลายแบบ ราคาที่เห็นเป็นราคาสุทธิ ไม่มีการบวกเพิ่ม คนขับมีคุณภาพ และมีบริการตลอด 24 ชั่วโมง
เหมาะกับ: คนที่เดินทางมาเป็นกลุ่ม และต้องการความสะดวกสบาย ไม่อยากเสียเวลาต่อรถ และเสียแรงในการแบกกระเป๋าเดินทางไปมา
ใครที่ชอบความเร็ว หรืออยากประหยัดเวลา รถไฟก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่จะไม่มีที่นั่ง เพราะต้องไปคอยแย่งกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มา ซึ่งคิดในแง่ดีก็ได้ฟิลการเที่ยว ผจญภัยไปอีกแบบ โดยรถไฟที่จะออกจากสนามบินฮาเนดะเข้าตัวเมืองนั้นจะมีให้เลือกใช้บริการด้วยกัน 2 แบบ คือ
รถไฟรางแบบวินเทจที่มาพร้อมความเร็วแบบคลาสสิค ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท Keikyu โดยเดินทางจากสนามบินฮาเนดะไปยังสถานี Shinagawa ซึ่งเป็นสถานีที่เชื่อมต่อเส้นทางขบวนรถไฟสายต่าง ๆให้เราสามารถเปลี่ยนได้ เช่น JR Yamanote Line, Tokaido Sanyo Shinkansen Line, หรือ Oedo Line เพื่อไปยังจุดมุ่งหมาย หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Shinjuku, Tsukiji-Shijo เป็นต้น อีกทั้งยังสามารถนั่งจากสนามบินต่อไปยัง Asakusa Line สถานี Sengakuji และสถานี Yokohama ได้อีกด้วย โดยรถไฟสาย Keikyu นั้นจะเปิดให้บริการประมาณ 5.20 -24.00 น. และสามารถซื้อตั๋วได้ที่ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ หรือ Keikyu TIC service information ที่ Haneda Airport Station ซึ่งจะให้บริการตั้งแต่ 7.00-22.00 น.
จุดเด่น: ดีไซน์วินเทจ ได้สัมผัสกับบรรยากาศคลาสสิคของรถไฟญี่ปุ่น เชื่อมต่อกับขบวนรถไฟหลายสายที่สถานี Shinagawa
เหมาะกับ: คนที่อยากประหยัดเวลา ซึ่งอยากเห็นบรรยากาศญี่ปุ่นตามริมรางรถไฟ และมีสัมภาระน้อย เพราะบนรถไฟไม่มีที่เก็บให้
รถไฟรางเดียวที่มีหน้าตาคล้ายๆ BTS บ้านเรา ซึ่งเป็นรถไฟสายสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีฮาเนดะกับใจกลางเมืองโตเกียว โดยสามารถเดินทางจากสนามบินไปยังสถานี JR Hamamatsucho ซึ่งจะมีรถออกทุก 3-5 นาที ทำให้ไม่ต้องรอนาน ถือว่าสะดวก และประหยัดเวลา โดยรถไฟโตเกียวโมโนเรลนั้นจะเปิดให้บริการประมาณ 5.20-24.15 น. และสามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติบริเวณ Haneda Airport Station
จุดเด่น: สะดวก ใช้เวลารอไม่นาน และได้สัมผัสบรรยากาศบ้านเมืองญี่ปุ่นจากมุมสูง
เหมาะกับ: คนที่ชอบความเร็ว และพร้อมยืนบนรถไฟ หรือแบกลากกระเป๋าเหมือนรถไฟฟ้าบ้านเรา เพราะไม่มีที่เก็บสัมภาระให้
3.Limousine Bus
นั่งยาวๆ ชิลๆ ไม่ต้องกังวลกับการเดินทางเหมือนรถไฟที่ต้องเปลี่ยนสายรถกลางทาง ใครที่มีผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็กมาด้วย วิธีนี้ก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ควรเก็บไว้พิจารณา แถมได้ดูบรรยากาศข้างทางระหว่างเข้าตัวเมืองไปเรื่อยๆ หากมาในช่วงฤดูดอกไม้ผลิรับรองฟินไปตามๆกัน ซึ่งรถ Limousine Bus ที่ออกจากสนามบินฮาเนดะนั้นหลักๆก็มีให้เลือกใช้บริการด้วยกัน 2 อันคือ
Credit : livejapan.com
รถบัส Keikyu Limousine รถบัสสายตรงที่จะพาคุณมุ่งสู่เมืองโตเกียวโดยไม่ต้องลากกระเป๋าเปลี่ยนเส้นทางใดๆ ซึ่งจะมีจุดหมายให้เลือกหลากหลาย เช่น สถานี Shibuya, สถานี Tokyo, Ooedo Onsen Monogatari หรือ TOKYO SKYTREE TOWN เป็นต้น อีกทั้งยังตรงไป Tokyo Disney Resort ได้อีกด้วย ซึ่งครอบครัวไหนที่พาเด็กมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ทางเลือกนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยสามารถซื้อตัวได้ที่ Bus Ticket Sales Counter ใน Terminal 1 ชั้น 2 ของสนามบินฮาเนดะซึ่งรถจะออกทุก ๆ 1 ชั่วโมง
จุดเด่น: มีจุดหมายปลายทางให้เลือกหลากหลาย นั่งได้ยาวๆ ไม่ต้องคอยแบกลากกระเป๋า สามารถนั่งตรงไป Tokyo Disney Resort ได้
เหมาะกับ: คนที่ไม่รีบร้อน และมีสัมภาระจำนวนมาก เพราะเขามีพื้นที่เก็บสำภาระให้ หรือครอบครัวที่จะพาลูกหลานไปเที่ยวดิสนีย์ตั้งแต่วันแรก
Credit : facebook.com/AirportLimousineBus/
รถ Airport Limousine อีกหนึ่งรถบัสที่เป็นที่นิยมภายใต้การดูแลของบริษัท Airport Transport Service Co.,Ltd. ซึ่งจะมีจุดจอดให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น สถานี Tokyo , Ikebukuro, Shinjuku, Asakusa, Ginza, Roppongi หรือแม้กระทั่งให้บริการระหว่างสนามบินด้วยกันอย่างสนามบินนาริตะ และที่สำคัญยังมีจุดจอดถึงหน้าโรงแรมต่างๆอีกด้วย ใครที่นอนโรงแรมก็อย่าลืมลองเช็กดูว่ารถ Airport Limousine ผ่านไหม จะได้นั่งตรงยาวถึงหน้าโรงแรมเลย ไม่ต้องเหนื่อยลากกระเป๋าต่อรถหลายสาย ยิ่งมีสัมภาระเยอะตัวเลือกนี้ก็ยิ่งเหมาะเพราะเขามีพื้นที่เก็บสัมภาระให้ โดยสามารถซื้อตั๋วได้ที่ Airport Limousine Counter ที่ Terminal 1, 2, 3 ในสนามบินฮาเนดะ
จุดเด่น: มีจุดหมายปลายทางอยู่ใกล้โรงแรมหลายแห่ง สามารถนั่งตรงไปถึงโรงแรมได้สะดวกสบาย
เหมาะกับ: คนที่โรงแรมอยู่ใกล้จุดจอดรถ มีเวลาเหลือสำหรับการเดินทาง และมีสัมภาระจำนวนมาก หรือมีผู้สูงอายุไปด้วย
4.Taxi
แท็กซี่ญี่ปุ่นมีราคาสูงกว่าแท็กซี่บ้านเรามาก แต่ระยะทางระหว่างสนามบินฮาเนดะกับตัวเมืองก็ไม่ไกลมากนัก การนั่งแท็กซี่ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่โอเคอยู่ โดยแท็กซี่ในสนามบินฮาเนดะจะมีให้บริการอยู่ 2 แบบ คือ Standard Taxi ซึ่งเป็นแท็กซี่ทั่วไป และ Fixed Fare Taxi (Airport Taxi) ซึ่งมีอัตราค่าโดยสารแตกต่างกันไปตามโซนซึ่งจะตกอยู่ที่ประมาณ 6,000 -12,000 เยน โดยสามารถใช้บริการได้ที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
จุดเด่น: สะดวกสบาย คล่องตัว สามารถเลือกจุดหมายปลายทางเองได้
เหมาะกับ: คนที่เน้นความสบาย และต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่อยากมาคอยเปลี่ยนสายขบวนรถ หรือลากกระเป๋าไปมา
ในที่สุดก็หมดแล้วกับวิธีการเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินฮาเนดะ เฮ!! หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนเดินทางของทุกคน ไว้ใช้เลือกการเดินทางที่เหมาะกับตัวเอง หรือคนในทริป จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวาย ปวดหัวเอาหน้างานจนกินแรง และกินเวลาในการเที่ยว เพราะอุตส่าห์ได้มีโอกาสไปเที่ยวชาร์จแบตให้ชีวิต และปลดปล่อยความเหนื่อยล้าของตัวเองทั้งที ก็ต้องเอาให้เฮฮาสนุกสุดเหวี่ยงตั้งแต่วันแรกที่ไปเที่ยวเลยจริงไหม?