0

Traveloka TH

25 Jul 2018 - 9 min read

3 วัน 2 คืน ปักหมุดเที่ยวโอซาก้า ในฉบับง่ายๆ ไม่ง้อทัวร์

หากนึกถึงญี่ปุ่นแล้วคงคิดไม่ออกเลยว่า “เราควรจะไปเที่ยวที่ไหนดี” เพราะสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย และแต่ละสถานที่ก็มีความสวยงามและมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลในแบบของตนเอง เรียกได้ว่าเราสามารถท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้ทุกภูมิภาค ในฉบับที่ไม่ซ้ำกันเลยก็ว่าได้

และแล้วเราก็ได้ตัดสินใจไปเที่ยวในแถบภูมิภาคคันไซ โดยเราจะเปิดทริปด้วยการเที่ยวโอซาก้ากัน เพราะได้ยินมาว่าโอซาก้าเค้าเป็นหนึ่งในจังหวัดยอดฮิตที่เป็นเป้าหมายของการเดินทางมาท่องเที่ยวของคนนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และถือว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาคนี้ ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ อาหารที่หลากหลาย พร้อมการเดินทางที่แสนจะสะดวก แถมยังมีแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองมาเอาใจสายนักช้อปกันอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้ว ก็ตามไปดูกันเลย

จองที่เที่ยวในโอซาก้า คลิก!

เที่ยวโอซาก้า

การเดินทางไปท่องเที่ยวโอซาก้า ครั้งนี้เราได้ใช้บริการสายการบิน Air Asia และเพื่อการเดินทางที่แสนสบายในราคาสบายกระเป๋าการเดินทางครั้งนี้เราเลยเลือกจองผ่าน Traveloka เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก ที่จองง่าย จ่ายสะดวก ให้ราคาที่ถูกที่สุด พร้อมส่วนลดพิเศษมากมาย และที่สำคัญเราสามารถใช้ส่วนลดในแอปฯในการลดเพิ่มจากยอดรวมได้อีกด้วย หูยยย! เห็นราคาดีๆขนาดนี้ เราจะพลาดได้ยังไง ต้องรีบกดจองเลยดีกว่า!

จองตั๋วเครื่องบินในราคาโปรโมชั่น กับ Traveloka

เริ่มการเดินทาง

Day 1 (ดอนเมือง >> สนามบินนานาชาติคันไซ >> พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า ไคยูคัง>> ย่านช้อปปิ้งชินไซบาชิ >> ย่านโดทงโบริ)

จากสนามบินนานาชาติคันไซเราก็เดินทางมุ่งหน้าไปที่โรงแรม Claiton Shin Osaka ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Nishinakajima-Minamigata เพียงแค่ 3 นาที ด้วยการเดินเท้า มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน คุ้มค่ากับราคามาก พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใสและพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แถมบริเวณรอบๆของโรงแรมยังมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอีกด้วย

ต้องขอแนะนำก่อนเลยว่าการจองที่พักที่ติดกับสถานีรถไฟในการเดินทางเที่ยวเองถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเราเป็นอย่างมาก ดังนั้นการจองที่พักเราจึงเลือกเน้นความสะดวกและราคาที่เหมาะสมเป็นหลัก และแน่นอนว่าครั้งนี้เราก็ได้จองโรงแรมผ่าน Traveloka อีกเช่นกัน เพราะความที่แพ้โปรโมชั่นดีๆที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นที่ทำให้เรายิ้มได้สำหรับทริปนี้

เช็คราคาที่พักราคาพิเศษ กับ Traveloka

หลังจากที่เราได้ทำการเช็คอินและฝากกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย กองทัพของเราจะเคลื่อนขบวนได้ก็ต้องเดินด้วยท้อง เราก็เลยขอฝากท้องมื้อแรกตอนกลางวันที่ร้าน Kumagoro Shin-Osaka กันหน่อย มื้อนี้เราได้สั่งราเม็งกับข้าวหน้าหมูมา ซึ่งคำแรกที่เอาเข้าปาก บอกได้เลยว่ามันละมุนอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเนื้อหมู ทั้งเส้น และน้ำซุป มันอร่อยลงตัวมาก รสชาติทุกอย่างมันดูพอดีกันมาก เรียกได้ว่าเป็นอาหารมื้อแรกที่อร่อยมากๆกันเลยทีเดียว

กินเสร็จเราก็เดินทางต่อเพื่อจะไป พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า ไคยูคัง เพื่อไปตามหาน้องจุดและไปท่องโลกใต้ทะเลนั่นเอง วิธีการเดินทางก็ไม่ยากอะไร เพียงแค่นั่ง subway มาลงที่สถานี Osakako แล้วเดินต่อประมาณ 11 นาที โดยการเดินตรงไปเรื่อยๆ จะเห็น ชิงช้า Osaka Aquarium อยู่ทางซ้ายใกล้ๆกันเลยค่ะ

สถานที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/LKYmfNxzt142

ซื้อบัตรเข้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง เมืองโอซากา คลิกที่นี่!

เมื่อเดินทางถึงเราก็พุ่งไปซื้อตั๋วโดยด่วนเลย ซึ่งตั๋วสำหรับผู้ใหญ่ราคาปกติอยู่ที่ 2,300 เยน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีบัตร Amazing Pass Osaka เพียงแค่แสดงตั๋วพร้อมคูปองส่วนลดจะได้ลด 100 เยน ต่อใบ ดังนั้นเราจึงซื้อตั๋วเข้าชมได้ในราคา 2,200 เยน ต่อ ใบ

ซึ่งที่เที่ยวโอซาก้าอย่างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้า ไคยูคัง มีไฮไลท์ที่สำคัญ คือ ถ้ำทะเลอุโมงค์ใต้น้ำที่ทอดยาวกว่า 11 เมตร โดยมีฝูงปลานานาชนิดแหวกว่ายไปมา ทำให้ตัวเราดูเล็กลงไปเลย เมื่อมองดูไปเรื่อยๆเราก็พบกับเจ้าพระเอกของเรา อย่างน้องฉลามวาฬ รวมทั้งบรรดาปลากระเบน ปลาฉลาม เต่าทะเล และสัตว์ทะเลน้ำลึกอื่นๆอีกมากมาย ทำให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนได้ไปสัมผัสกับพฤติกรรมของบรรดาสัตว์น้ำที่แสนมหัศจรรย์เหล่านี้อย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียว

พอเดินมาใกล้ทางออกเราก็ได้พบกับความน่ารักของนกเพนกวินที่ยืนเรียงรายชูคอกันอยู่ในตู้กระจกอวดความน่ารักให้เราได้เห็นกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะได้พบเจอกับสิ่งมีชิวิตที่อาศัยอยู่อีกขั้วโลกนึงในใจกลางเมืองโอซาก้าแบบนี้

หลังจากที่เราท่องโลกใต้น้ำกันแล้วสถานที่ต่อไปที่เราจะไปกันก็ คือ การเดินทางไปย่านช้อปปิ้งชินไซบาชิ และ ย่านโดทงโบริ เพื่อไปเดินเล่นหาอะไรกินเป็นอาหารเย็นกัน โดยเราจะนั่ง subway ไปลงที่ สถานี Hommachi เลยค่ะ เดินตามป้ายทางออกประตู 12 ออกมาแล้วให้เดินไปทางขวามือ จะเจอถนนช้อปปิ้งยาวเป็นสายเลย

สถานที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/FXXAAjXCGh12

และนี่ก็เป็นแผนที่บรรดาร้านช้อปปิ้งคร่าวๆนะคะ ซึ่งถ้าสาวๆนักช้อปคนไหนได้ไปย่านนี้แล้วคงไม่พลาดกับการช้อปปิ้งแน่นอน เพราะย่านช้อปปิ้งอย่างชินไซบาชิเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตในโอซาก้าที่เต็มไปด้วยร้านค้าชื่อดังของโอซาก้าที่เรียงรายกันอยู่ทั้งสองข้างทางกว่า 180 ร้าน มีทั้งร้านขนมชื่อดัง ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นสุดฮิต หรือร้านของจิปาถะที่เต็มไปด้วยของกิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร

หลังจากเดินช้อปมาจนถึงเวลาเย็นก็แวะไปหาอะไรทานเล่นกันสักหน่อย และแน่นอนคะว่า ถ้าได้มาเที่ยวโอซาก้าแล้วอาหารที่ไม่ควรพลาดเลย คือ คุชิคัทสึ หรืออาหารเสียบไม้ชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่น เมนูขึ้นชื่อของโอซาก้านั่นเอง

จากเมนูที่เห็น จะมีทั้งเมนูอาหารเสียบไม้ชุบแป้งทอดที่ป็นผักและเนื้อต่างๆ เช่น กุ้ง ปลาหมึก ชีส หรือ ไข่ และที่สำคัญมารยาทในการทานคุชิคัตสึ คือ เราสามารถจิ้มน้ำจิ้มได้เพียงครั้งเดียวต่อไม้เท่านั้นนะค่ะ เนื่องจากทางร้านจะมีแค่ภาชนะใส่น้ำจิ้มเพียงถ้วยเดียวเท่านั้นสำหรับหนึ่งโต๊ะที่เราต้องใช้ร่วมกันทุกคน ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียรสชาติ คนญี่ปุ่นจึงไม่นิยมจิ้มลงไปหลายครั้งคะ

พอเดินออกจากร้าน คุชิคัทสึ แล้วเราก็ตัดสินใจจะเดินหาของทานเพิ่มกันอีกสักหน่อย บริเวณแถวนั้นจะมีร้านขายอาหารจุกจิกให้เราได้เลี่ยวตามองกันแบบเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว พอเดินไปเรื่อยๆก็ได้กลิ่นหอมอะไรอีกแล้วทางเราก็ไม่รอช้ารีบตามกลิ่นนั้นจนไปเจอกับสิ่งที่เราตามหา พอไปเห็นก็ยิ่งน่าทานเข้าไปอีก ประจวบกับการเห็นคนต่อแถวยาวๆกัน คิดในใจมันต้องอร่อยแน่เลย แล้วเราจะรอไรหละ ต่อแถวซื้อกันเลยสิจ้ะ สิ่งที่เราได้มานั้นก็คือ ทาโกยากิ อาหาร local ของญี่ปุ่นนั่นเอง

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วสำหรับรสชาติทาโกะยากิร้านนี้เราชอบมากๆเลยค่ะ เพราะด้านนอกกรอบ และด้านในนุ่มกำลังดี ที่สำคัญหนวดปลาหมึกชิ้นใหญ่ด้วย ไม่เหมือนที่เคยกินในบ้านเราเลยคะ

และค่ำคืนนี้ของเราจะไม่จบลงง่ายๆ เพราะเรายังไม่ยอมแพ้ที่จะหยุดกินเพียงเท่านี้ เมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆเราก็เห็นคนจำนวนมากยืนต่อแถวกินราเม็งกัน ซึ่งมองจากข้างนอกแล้วเค้าทำน่ากินมากเลย ทำให้เราอดใจไม่ไหวที่จะเป็นต่อแถวเข้าคิวกับเค้าด้วย

พอกินเสร็จเราก็ไปเดินย่อยด้วยการถ่ายรูปกับแลนมาร์กของโอซาก้ากัน เพราะเค้าบอกว่าถ้าได้มาเที่ยวโอซาก้าแล้วไม่ได้ถ่ายรูปคู่กับป้ายกูลิโกะ ก็เหมือนมาไม่ถึง เพราะเจ้าป้ายนี้มันกลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของความเป็นโอซาก้าไปแล้ว แต่ด้วยความที่คนยืนอออยู่ตรงสะพานเป็นจำนวนมาก เราเลยได้แค่ถ่ายเจ้าป้ายนี้มาเฉยๆคะ ซึ่งถ้ามาตอนเช้ากับตอนกลางคืนก็จะให้ฟีลที่ต่างกัน โดยตอนเช้าบรรยากาศจะค่อนข้างปลอดโปร่งถ่ายรูปเห็นได้ชัด แต่ตอนกลางคืนก็จะสวยไปอีกแบบ เพราะเค้าจะเปิดไฟแบบนี้เป็นแสงสีในยามค่ำคืนตลอดทางเลย

Day 2 (Universal Studio Japan)

หากมาเที่ยวโอซาก้า นอกจากป้ายกูลิโกะ ปราสาทโอซาก้า ย่านช้อปปิ้งย่านชินไซบาชิ และย่านโดทงโบริแล้ว Universal Studio Japan ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างนึกถึงเมื่อได้มาเยือนเมืองท่องเที่ยวอย่างโอซาก้า และแน่นอนคะว่าเราก็ไม่พลาดกับการใช้เวลาหนึ่งวันเต็มในการเดินชมและเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกกันให้จุใจกันไปเลย

ซึ่งการเดินทางไป Universal Studio ก็ไม่ยากอะไรค่ะ เพียงแค่นั่งรถไฟ Osaka Loop Line ไปลงสถานี Nishikujo แล้วต่อรถไฟสาย JR Yumesaki Line ไปลงสถานี Universal City เมื่ออกมาจากสถานีรถไฟฟ้าเราจะพบกับ Universal City Walk ที่จะเต็มไปด้วยร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกเต็มสองข้างทางให้ได้เลือกซื้อ แต่ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจซื้อของข้างนอกกันจนหมดตังซะก่อนละ เพราะเมื่อเดินไปข้างหน้าเราก็จะเจอกับทางเข้า Universal Studio Japan กันแล้ว!

สถานที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/5MqmPifs1W42

ซื้อบัตรเข้าสวนสนุกยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปน คลิกที่นี่!

โดยสวนสนุกแห่งนี้ถูกแบ่งออกทั้งหมดดป็น 9 โซน ได้แก่

1.New York

ไม่ต้องบินไปไกลถึงอเมริกา ก็มีเมืองจำลองอย่างนิวยอร์กขึ้นมาให้เราได้ไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปกันได้อย่างรัวๆ ส่วนเครื่องเล่นที่พลาดไม่ได้ของโซนนี้ คือ The Amazing Adventures of Spider-Man เพราะถือเป็นอีกเครื่องเล่นยอดนิยมจากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวเลย เนื่องจากเครื่องเล่นนี้จะให้ผู้เล่นสวมแว่น 3 มิติแล้วผจญภัยไปพร้อมๆกันเสมือนว่าเรากำลังไล่ล่าเหล่าร้ายไปกับสไปเดอร์แมนเลย

2. Hollywood

มาต่อกันที่โซน Hollywood เป็นอีกหนึ่งเมืองจำลองที่ Universal Studio เค้าได้หยิบยกมา ซึ่งเครื่องเล่นขึ้นชื่อของโซนนี้ คือ Hollywood Dream the Ride ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ค่อนข้างจะหวาดเสียวกันเลยทีเดียว นอกจากนั้นเรายังสามารถเดินเล่นกันเพลินๆให้เสมือนว่ากำลังเดินอยู่บนถนน Hollywood Walk of Fame เลยก็ว่าได้

3. Jurassic Park

สำหรับใครที่เคยดู Jurassic Park คงอดใจไม่ไหวที่เข้าจะมาท่องโลกไดโนเสาร์กัน ซึ่งภายในโซนนี้นักท่องเที่ยวสามารถพบกับไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ แถมยังสามารถตาตื่นใจไปกับการล่องเรือหนีไดโนเสาร์ที่สุดจะหวาดเสียวด้วยการดิ่งจากความสูง 25 เมตรด้วย

4.Minion Park

Minion Park เป็นโซนที่สามารถเรียกเสียงกรี๊ดจากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้อย่างเป็นจำนวนมากเนื่องจาก ความน่ารักของเหล่าสมุนมินนเนี่ยนตัวป่วนเนี่ยแหละ ที่มาสร้างสีสรรค์และรอยยิ้มของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวชวนให้ถ่ายรูปด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึก Minion Market Place ที่ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า แก้วน้ำ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คุ้กกี้ ช๊อคโกแลต ปากกา พวงกุญแจ และอื่นๆอีกมากมาย

5.Universal Wonderland

อีกหนึ่งโซนสุดโปรดของเหล่าเด็กน้อยเลยล่ะค่ะ โซนนี้เป็นโซนที่ได้รวบรวมเอาคาร์เรกเตอร์การ์ตูนสุดปังมารวมกันไม่ว่าจะเป็น Hello kitty, Sesame Street และ Snoopy ที่มาพร้อมกับเครื่องเล่นและโชว์สนุกๆ ที่มีทั้งความมุ้งมิ้งและน่ารักเต็มไปหมด

6. Lagoon

โซนนี้ถูกทำขึ้นมาเพื่อเด็กๆแฟนการ์ตูนเรื่อง ปีเตอร์แพน ซึ่งหากใครได้ดูการ์ตูนเรื่องนี้ตอนเด็กคงจะไม่พลาดที่จะแวะเวียนเข้าไปถ่ายรูปเพื่อนึกย้อนไปถึงวันวานตอนเด็กในโซนนี้กัน และไฮไลท์ที่สำคัญของโซนนี้คือ การแสดงชุดปีเตอร์แพนที่จะแสดงให้เห็นกันกลางสระน้ำขนาดใหญ่เลยคะ

7. Water World

การแสดงโชว์ชุดดุเดือดที่สนุกไม่แพ้ในหนังมาแสดงให้ชมกันสดๆร้อนๆท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกจัดขึ้นมาอย่างสมจริง ให้เราได้ลุ้นติดขอบสนามกันไปเลยคะ รับรองฉากแอ็กชั่นของที่นี่ดีงามจริงๆนะ เหมือนกับว่ากลับไปเปิดดูหนังอีกครั้งก็ว่าได้

8. Amity Village (Jaws)

อีกหนึ่งโซนกับการท่องทะเลไปกับเจ้าฉลามยักษ์อย่างหนังเรื่อง Jaws ซึ่งความสนุกและไฮไลท์ที่สำคัญของโซนนี้คือ การนั่งเรือผจญภัยในท้องทะเลที่ถูกจำลองขึ้น โดยจะมีเจ้าฉลามยักษ์คอยโผล่ออกมา ทำให้เราคอยลุ้นและตกใจกันไม่น้อย

9. The wizarding World Harry Potter

มาถึงโซนสุดท้ายกันแล้ว เชื่อว่าบรรดาพ่อมด แม่มด สาวก Harry คงไม่พลาดกับการเข้ามาในโซนนี้แน่นอน เพราะโซนนี้ถือได้ว่าเป็นโซนที่มีคนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากแต่ละจุดที่ถูกจำลองขึ้นมาจากหนังมีความสมจริงมากๆ ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านฮอกส์มี้ด (Hogsmeade) ขบวนรถไฟ Hogwarts Express ปราสาทฮอกวอตส์ อันโด่งดังเป็นฉากหลักๆและสำคัญของหนังแฮร์รี่ที่ภายในประกอบไปด้วยห้องเรียนต่างๆ ทำให้ใครที่ได้เข้าไปแล้วถึงกับต้องร้องว๊าวตลอดทางก็ว่าได้ และที่สำคัญต้องไม่พลาดกับการเล่นเครื่องเล่นที่แสนจะระทึก เร้าใจ และสนุกสุดๆในโลกเวทมนต์! อีกด้วย

หลังจากการเที่ยวชม ถ่ายรูป และเล่นเครื่องเล่นอย่างหนำใจมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาที่ขบวนพาเหรดกำลังจะเริ่มขึ้น เมื่อขบวนพาเหรดเริ่มเคลื่อนตัวออกมาเราก็ได้พบกับตัวการ์ตูนสุดน่ารักต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมินเนี่ยน เฮลโล คิตตี้ สนู๊ปปี้ และการ์ตูนดังๆอีกมากมาย ที่มาพร้อมกับความสนุกสนานและแสงสีเสียงอันตระการตา ชมไปสักพักก็หมดไปแล้ววันนึงเต็มๆกับความสนุกที่เหมือนย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

เมื่อเดินทางออกมาจาก Universal Studio ก็ถึงเวลาหาอาหารเย็นเข้าปากแล้ว และแน่นอนว่ามาถึงดินแดนแห่งปลาดิบทั้งที คงไม่พลาดที่จะหาร้านอร่อยๆกินสักหน่อย ขากลับเราเลยตัดสินใจแวะไปกินปลาดิบและซูชิกันที่ร้าน Chojiro Sushi ที่ตั้งอยู่บนสถานีรถไฟ Namba

ซึ่งร้านนี้มีเมนูที่หลากหลายให้เราได้เลือก ซึ่งเราสามารถเลือกเมนูที่อยู่บนแท็บเลตและกดสั่งเมื่อต้องการได้เลย คำแรกที่ได้ทานเข้าไปบอกได้เลยว่ารู้สึกได้ถึงความสดของเนื้อปลาตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย มันเป็นปลาดิบที่คุณภาพระดับพรีเมี่ยมในราคาที่ไม่แพงเลยก็ว่าได้ โดยรวมถือว่าทั้งคุ้มและอร่อยจุใจมากๆเลยคะ

Day 3 (Osaka Castle >> Rinku Outlet)

และแล้ววันสุดท้ายก็เดินทางมาถึง วันนี้เราเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดใสด้วยการมุ่งหน้าไปที่ปราสาทโอซาก้า อีกหนึ่งแลนมาร์คที่สำคัญของแหล่งท่องเที่ยวอย่างโอซาก้า ปราสาทโอซาก้าเป็นปราสาทที่มีความสง่างามและมีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจทำให้ใครหลายๆคนไม่พลาดที่จะมาเช็คอินเมื่อเดินทางมาถึงเมืองนี้

การเดินทางมาก็ไม่ยากอะไร เพียงแค่นั่ง subway มาลงที่สถานนี Morinomiya และเดินลัดเข้ามาทางสวนสาธารณะขึ้นมาเรื่อยๆก็จะเห็นปราสาทที่ล้อมไปด้วยต้นซากุระมากกว่า 300 ต้น ที่บานสะพรั่งเป็นสีขาว-ชมพูอ่อนสวยละลานตา ส่วนเรื่องค่าใช่จ่ายในการเข้าชมปราสาทจะตกคนละประมาณ 600เยน หรือ 180 บาทไทย

สถานที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/1M18fhDC7wy

โดยภายในปราสาทจะมีด้วยกันทั้งหมด 8 ชั้น ซึ่งในแต่ละชั้นก็จะมีเรื่องราวความเป็นมาของตัวปราสาทแห่งนี้โดยบอกเล่าผ่านจอภาพ 3 มิติ ที่ได้จำลองสถานการณ์จริงขึ้นมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้ถึงเรื่องราวต่างๆในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย และเมื่อเดินขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของตัวปราสาท เราจะเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่โอบล้อมไปด้วยสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งเราจะเห็นว่าบรรดาผู้สูงอายุและหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นจะมาเดินออกกำลังกายและเดินเล่นชมนกชมไม้ในวันหยุดเพื่อเป็นการผ่อนคลายกัน เมื่อเดินชมวิวด้านบนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ขอเดินลงมาขจัดความหิวบวกกับความร้อนและเหนื่อยด้วยการหาอะไรกิน ซึ่งบริเวณด้านล่างปราสาทที่จะมีร้านค้าต่างๆให้เราได้เลือกซื้อกัน

ก่อนที่เราจะต้องโยกย้ายกลับไปชดใช้กรรมกันต่อ ก็ขอแวะไปช๊อปกันอีกสักหน่อย เพราะก่อนถึงสนามบินนานาชาติคันไซมีแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมชื่อดังอย่าง Rinku Premium Outlet ที่มีร้านค้ากว่า 210 ร้านให้ไปละลายทรัพย์ก่อนกลับอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศภายในเอาท์เล็ตก็ดูสะอาดตา พื้นที่เดินง่ายสะดวกสบาย เหมาะแก่การเสียเงินสุดๆ

สถานที่ตั้ง : https://goo.gl/maps/eAEDKTG3Hzk

หลังจากการละลายทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลา say goodbye โอซาก้าซะแล้ว อยากจะบอกว่าโอซาก้ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย และแน่นอนว่าถ้าเรามีโอกาสเราจะกลับมาเที่ยวโอซาก้าอีกครั้งเพราะเราได้หลงรักความเป็นโอซาก้าเข้าแล้ว ซึ่งเชื่อว่าหากใครได้ลองมาก็คงตกหลุมรักโอซาก้าด้วยอีกเช่นกัน

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร