ใครอยากไปเที่ยวต่างประเทศที่บรรยากาศดี ๆ ได้ถ่ายรูปสวย ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็อยากหลีกหนีความวุ่นวายจากเมืองหลวงที่แสนแออัด เราขอชวนคุณมาเที่ยว “Kamakura (คามากูระ)” เมืองเล็ก ๆ ชายทะเลที่ตั้งอยู่ในจังหวัดคานากาวะ ประเทศญี่ปุ่น อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผสานความเป็นเมืองและชนบทเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว และที่สำคัญ เดินทางสะดวกจากโตเกียวเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น !
เตรียมแพ็กกระเป๋าเยือนแดนอาทิตย์อุทัย และจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักจาก Traveloka แพลตฟอร์มที่รวบรวมไฟลต์บินและโรงแรมหลากหลายสไตล์ไว้อย่างครบครัน ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้เลย
การเดินทางไป Kamakura นั้นสะดวกสบายมาก ๆ เพียงแค่นั่งรถไฟสาย JR Yokosuka จากสถานีโตเกียวหรือชินากาวะ หรือรถไฟสาย JR Shonan-Shinjuku จากสถานีชินจูกุ โดยทั้งสองสายจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงสถานี Kamakura แล้ว ในราคาค่าโดยสาร 920 เยนหรือประมาณ 208 บาทเท่านั้น
เปิดทริปด้วยการไปสักการะพระใหญ่ไดบุตสึ (Daibutsu) ที่วัดโคโตกูอิง พระพุทธรูปสำริดกลางแจ้งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น ด้วยความสูงทั้งองค์ 13.35 เมตร และน้ำหนักที่มากถึง 93 ตัน ทำให้ที่นี่กลายเป็นไฮไลต์เด็ดของสถานที่เที่ยว Kamukura ที่ถ้าไม่แวะมาเช็กอิน ก็ถือว่ามาไม่ถึงเมือง ซึ่งนอกจากความยิ่งใหญ่และความสวยงามภายนอกแล้ว ยังน่าสนใจตรงที่นักท่องเที่ยวสามารถจ่ายค่าเข้าชม 20 เยน (ประมาณ 5 บาท) เพื่อเข้าไปดูด้านในองค์พระได้ด้วย แต่ถ้าอยากรู้ว่าข้างในมีอะไรละก็ ต้องลองไปดูด้วยตัวเองสักครั้ง !
หลังไหว้พระจนอิ่มบุญแล้วก็ถึงเวลาอิ่มท้องกันบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็มุ่งหน้าไปสู่ถนนโคมาจิโดริกันเลย ที่นี่คือถนนช้อปปิ้งยอดนิยมซึ่งเป็นหนึ่งในที่เที่ยว Kamakura ห้ามพลาด โดยจะมีร้านค้าน่ารัก ๆ เรียงรายตลอดสองข้างทาง ทั้งร้านขนม ร้านอาหาร และร้านของฝาก เดินไป ชิมไป ช้อปไป รับรองว่าเพลินจนลืมเวลากลับแน่นอน !
ใครมาถึงแล้ว เราขอแนะนำให้ลองชิมไอศกรีมชาเขียว ซึ่งมีรสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นชาแท้ ๆ กับขนมดังโงะ ขนมกินเล่นที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว เสียบไม้คล้ายลูกชิ้นปิ้ง มีหลากหลายรสให้เลือก จะซื้อกินเองหรือซื้อเป็นของฝากก็สุดปัง
ไปต่อกันที่ศาลเจ้าสึรุงะโอะกะ ฮะจิมัง ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ 1063 มาเที่ยว Kamakura 1 วันทั้งทีถ้าไม่แวะก็น่าเสียดาย เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นแล้ว ที่นี่ยังแวดล้อมไปด้วยบรรยากาศอันแสนจะสงบ ร่มรื่น ทั้งยังสวยงาม ระหว่างทางไปอาคารหลักของศาล คุณจะต้องเดินผ่านประตูโทริอิสีแดงขนาดใหญ่จำนวนมาก ท่ามกลางทิวทัศน์ของสระน้ำและดอกโบตั๋นที่จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ บอกคำเดียวว่าตระการตาจนทำเอาอยากจะนั่งชมวิวทั้งวันไม่ไปไหนเลยทีเดียว
วัดฮาเซเดระ มีชื่อเสียงจากรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม 11 เศียรที่สูงถึง 9.18 เมตร ซึ่งใครจะคาดคิดว่างานประติมากรรมพุทธศิลป์อันงดงามนี้ จะแกะสลักมาจากไม้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น ! เรียกได้ว่าน่าทึ่งสุด ๆ จนต้องมาเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสวนดอกไม้สวย ๆ โดยเฉพาะหากมาในช่วงฤดูฝนก็จะได้เห็นดอกอะจิไซ (Ajisai) หรือดอกไฮเดรนเยียบานสะพรั่งทั่วทั้งวัด มีทั้งสีม่วง ฟ้า ชมพู และขาว รับรองว่าได้รูปที่ถูกใจไปลงโซเชียลมีเดียอวดเหล่า Followers แน่นอน
หลังจากเดินเที่ยวมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาไปพักผ่อนหย่อนใจกันที่หาดยูอิกาฮามะ หาดทรายสีขาวสะอาดตาที่ทอดยาวไปตามชายฝั่ง เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยว Kamakura ที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก คุณสามารถแวะมานั่งชิล ๆ ฟังเสียงคลื่น สูดอากาศบริสุทธิ์ พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ไปพลาง เป็นการปิดท้ายวันที่สมบูรณ์แบบสุด ๆ
ก่อนกลับ อย่าลืมนั่งรถไฟสายเอโนเด็น ที่วิ่งเลียบชายฝั่งระหว่าง Kamakura และ Enoshima ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร โดยคุณจะได้ชมวิวทะเลสวย ๆ และบ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม บรรยากาศดีงามประหนึ่งได้หลุดเข้าไปในภาพยนตร์ญี่ปุ่นสักเรื่องเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ที่แสงสีทองจะสาดส่องลงมาบนผิวน้ำทะเล เป็นภาพที่สวยจับใจจนไม่อาจลืม
จะเห็นว่า Kamakura เป็นเมืองที่รวบรวมจุดเช็กอินไว้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือธรรมชาติที่สวยงามและเงียบสงบ แม้จะมีเวลาเพียงวันเดียว แต่คุณก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่ถ้าหากใครมีเวลามากกว่า 1 วัน การพักค้างคืนที่ Kamakura ก็เป็นอีกแพลนที่ควรลองเมื่อมาญี่ปุ่น เพราะจะได้สัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนและมีเวลาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เช่น เกาะเอโนชิมะ หรือเส้นทางเดินป่าเทนซุิ (Ten-en Hiking Course) ซึ่งมีทิวทัศน์สุดตระการกาของอ่าวคามากูระ แต่อย่าลืม ! จองตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่นที่แอปฯ Traveloka พร้อมรับดีลสุดพิเศษเฉพาะคุณได้แล้ววันนี้
ข้อมูลอ้างอิง: