“I got lucky finding you
I won big the day that I came across you
‘Cause when you're with me, I don't feel blue
Not a day goes by that I would not redo”
เพลงDay 1ของวงHONNEถูกเรากดฟังซ้ำไปซ้ำมาในมือถือ เพื่อซึมซับอารมณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากการรอคอยที่จะได้พบเจอกับน้องจุด(ชื่อเล่นน่ารักๆ ของฉลามวาฬที่นักดำน้ำมักจะเรียกขานกัน) ได้สิ้นสุดลงในวันที่สองของการดำน้ำลึกครั้งแรกที่ทะเลชุมพร
“Yeah, you’ll always be my day one”
'การได้พบเจอฉลามวาฬระหว่างดำน้ำ คือรางวัลพิเศษของนักดำน้ำ'เป็นคำกล่าวที่จริงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์มันเป็นของขวัญจากธรรมชาติที่แสนวิเศษที่เราอยากให้เพื่อนทุกคนได้ไปสัมผัสเรานิขอเอาหัวเป็นประกันเลย ว่าการได้เจอกับน้องจุดตัวเป็นๆ โผล่มาเองในทะเล มันเป็นอะไรในชีวิตที่ว้าวมาก!
บ่อยครั้งที่พอพูดถึงหรือนึกถึงฉลามวาฬ เราหลายๆ คนมักจะมองข้ามทะเลไทยไปโดยปริยาย ตัวเราเองก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่คิดว่าฉลามวาฬมีแต่ในทะเลต่างประเทศเท่านั้น จนวันที่เราหันมาหลงใหลชีวิตใต้ท้องทะเลจากการดำน้ำลึก ถึงได้รู้ว่า 'เฮ้ย น้องจุดก็รักประเทศไทยว่ะ!' และหนึ่งในทะเลไทยฮอตฮิตที่น้องจุดชอบเข้ามาเยี่ยมเยียนเป็นประจำทุกปี ก็หนีไม่พ้น ‘ทะเลชุมพร'
ทะเลชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นทะเลที่ตั้งอยู่ทางฝั่งอ่าวไทย หาดทรายและแหล่งใต้น้ำที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรในปี พ.ศ. 2542 ประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ รวมกันกว่า 40 เกาะ ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวเล่นได้ตั้งแต่มกราคมยาวไปจนถึงกรกฎาคม แม้ว่าช่วงกลางปีจะเป็นหน้าฝน แต่ก็ยังมาดำน้ำที่นี่กันได้นะ เพราะทะเลฝั่งอ่าวไทยจะปลอดภัยและโดนมรสุมน้อยกว่าฝั่งอันดามัน
การมาดำน้ำกับฉลามวาฬที่ทะเลชุมพร เพื่อนๆ สามารถเลือกได้ทั้งดำน้ำลึก (scuba) และดำน้ำตื้น (snorkeling) เพราะน้องจุดเป็นนักเดินทางที่ชอบว่ายน้ำขึ้นลง ไม่อยู่กับที่ บ่อยครั้งก็ชอบโผล่ขึ้นมาอวดโฉมบนผิวน้ำ ทำให้คนที่ไปดำน้ำตื้น มีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับน้อง เผลอๆ บางทีก็มากกว่าพวกไปดำน้ำลึกอย่างเราๆ ซะอีก
โดย 3 จุดหลักในหมู่เกาะชุมพรที่นักดำน้ำมักจะมีโอกาสได้เจอน้องจุดอยู่บ่อยๆ ได้แก่ จุดเรือจมเรือหลวงปราบ 741 เกาะง่ามน้อยที่เป็นจุดดำน้ำตื้นยอดนิยม และกองหินแพ
ก๊วนดำน้ำในครั้งนี้มีกัน 9 คน นำทีมตามล่า เอ๊ยตามหา โดยครูเสือ แห่งบ้าน Sevendays Diving ครูสอนดำน้ำ license PADI ของเราเอง
และการตามหาน้องจุดของเราก็เริ่มต้นขึ้น...
ทุกวัน ทริปดำน้ำของพวกเราจะเริ่มต้นขึ้นตอนประมาณแปดโมงครึ่ง เราต้องนั่งเรือลำเล็กเพื่อไปขึ้นเรือใหญ่ที่จอดอยู่นอกฝั่ง
Are you here, Captain Jack? ตลอด 2 วัน 5 ไดฟ์ พวกเราใช้ชีวิตอยู่บน ‘เรือบุหลัน (MV Bulan)’ ของ Coral Grand Diving เรือไม้สีน้ำตาลลำใหญ่ ลุคคลาสสิค มี 3 ชั้น และมีห้องแอร์ไว้ให้นอนเล่นด้วย เก๋สุดๆ
ถังอากาศ เสื้อชูชีพที่ช่วยในการลอยตัว (BCD) อุปกรณ์หายใจ (regulator) ตีนกบ หน้ากากดำน้ำ และเข็มขัดตะกั่วที่ไว้ถ่วงตัว พร้อม!
กว่าจะเจอน้องจุดได้...
การจะได้เจอฉลามวาฬตามธรรมชาติสักครั้ง จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ (ฮ่าๆ) นักดำน้ำบางคน ดำมาเป็น 100 ไดฟ์ ยังไม่เคยเจอมันสักครั้งก็มี
จะว่าไป ‘การลุ้น’ และ ‘การรอคอย’ นี่ละ คือทีเด็ดของความสุขและความตื่นเต้นของการได้พบเจอฉลามวาฬ
และในที่สุด (อยากจะสุดยาวๆ) ในไดฟ์สุดท้ายวันสุดท้าย น้องจุดของพวกเราก็ยอมโผล่ออกว่ายน้ำเล่นตรงด้านทิศตะวันตกของเกาะง่ามน้อย (บริเวณวงกลมสีเหลือง) ตรงจุดที่เรือของพวกเรากำลังจอดเฝ้าอยู่พอดี!
"ฉลามวาฬ ฉลามวาฬ” นาทีที่เสียงตะโกนของพี่คนนึงในก๊วนดำน้ำดังขึ้น ความโกลาหลบนเรือบุหลันก็บังเกิด เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนกรีดร้องโหวกเหวกด้วยความดีใจ สีหน้าแต่ละคนเกินบรรยาย และดูสติหลุดสุดๆ แต่ละคนไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรก่อนหลัง จะกินข้าวเที่ยงต่อ จะลงน้ำก่อน จะหยิบจับอุปกรณ์ หรือจะอะไรดี จนเสียงตะโกนจากครูเสือลอยมา "สน็อคเลย ลงเลย ลงเลย" แต่ละคนถึงดึงสติกันกลับมาได้
เราเลือกที่จะคว้าตีนกบ หน้ากากดำน้ำ และกล้องกันน้ำลงไป พี่อีกคนตีนเปล่า สวมแค่หน้ากากก็โดดละ ส่วนพวกพี่ที่ว่ายน้ำไม่ค่อยแข็งนักก็ตะโกนเรียกหาเสื้อชูชีพ ณ ตรงนั้นใครโดดได้โดด ใครว่ายได้ว่าย แต่ละคนตีขากันสุดพลัง
ขนาดตัวเราเองก็ไม่ได้คาดคิดเหมือนกัน ว่าความดีใจมันจะพุ่งปรี๊ดปรอทแทบแตกแบบนี้ ทั้งที่ตัวเองก็เคยไปดูฉลามวาฬมาแล้วครั้งหนึ่งที่เมืองซีบู (Cebu) ประเทศฟิลิปปินส์ แต่มันอาจเพราะการ 'รอคอย' จริงๆ นี่ล่ะ ที่ทำให้การได้เจอฉลามวาฬครั้งนี้มันรู้สึกดีกว่าครั้งนั้นเอามากๆ
แค่ดำน้ำตื้นก็รู้สึกถึงความใกล้ชิดกับน้องแล้ว ยิ่งแสงแดดส่องลงมา จุดสีขาวบนตัวของน้องก็ยิ่งสะท้อนแสงสวยงาม ตลอดเวลาที่ตีตีนกบตาม เดี๋ยวน้องก็ว่ายขึ้น เดี๋ยวน้องก็ว่ายลง แล้วก็วนไปวนมา ทำเราแทบหมดแรง
หลังจากดำน้ำตื้นอยู่ซักพัก เราก็ลากสังขารกลับมาที่เรือ จิบน้ำเปล่าเบาๆ ก่อนที่ครูเสือและคนอื่นในก๊วนจะกลับมาที่เรือเพื่อเตรียมตัวลงดำน้ำไดฟ์สุดท้าย
ไดฟ์นี้เพื่อน้อง.. ถึงเหนื่อยก็ต้องสู้ ไปค่ะ!
ว่าบนเรือโกลาหลแล้ว ใต้น้ำยิ่งชุลมุนกว่าเยอะ
4-5 เมตรคือระยะห่างที่ควรมีไว้ให้กับน้อง และที่สำคัญอย่ามัวแต่อยากได้รูปภาพที่สวยงาม จนเอาแต่สาดแสงแฟลชกล้องใส่น้อง โดยเฉพาะส่วนลูกตา นอกจากนี้ถ้าทำได้อย่าทาครีมกันแดดด้วย เพราะสารเคมีสามารถทำร้ายผิวของฉลามวาฬได้
…เมื่อน้องโผล่มามอบให้ความสุขกับเราแล้ว เราเองก็ควรที่ต้องมอบความสุขกลับให้กับน้องด้วย
โดยส่วนตัวเราชอบที่จะว่ายไปอยู่ใต้พุงน้อง ฮ่าๆ ... ชอบที่ได้เห็นฝูงเหาฉลามหรือปลาติดที่มากับน้อง และพุงน้องก็ดูเนียนและเซ็กซี่เอามากๆ
ตลอดช่วงการไดฟ์สุดท้ายคือการใช้เวลาอยู่แต่กับน้องจุด มองน้องว่ายน้ำ ตามถ่ายรูปน้อง มันเป็นอะไรที่มีความสุขเอามากๆ เป็นการปิดท้ายทริปที่รู้สึกเต็มอิ่ม เป็นการชาร์จแบตเตอรี่ชีวิตก่อนที่พรุ่งนี้จะต้องกลับไปทำงาน … นี่แหละ! พลังจากธรรมชาติ
'Hour by hour, minute by minute
I got mad love for you and you know it
I would never leave you on your own
I just want you to know
You'll always be my day one
You'll always be my day one.”
- Day 1, HONNE
บางทีก็สงสัยว่าตาเล็กๆ ของฉลามวาฬจะมองเห็นพวกเราเป็นตัวอะไร เป็นปลาขนาดใหญ่ เป็นปลาหมึก เป็นกุ้ง หรือเป็นได้แค่เหาฉลามที่วนเวียนไปวนเวียนมาอยู่รอบๆ ตัวมัน
มันจะนึกรำคาญพวกเราแค่ไหนกันนะ ... น่าคิด ☺
รายละเอียดการเดินทางและค่าใช้จ่าย
แพลนการเที่ยวดำน้ำ 3 วัน 2 คืน
12 พ.ค. : ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
13 พ.ค. : ดำน้ำ 3 ไดฟ์
13 พ.ค. : ดำน้ำ 2 ไดฟ์ และออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ
Diving Agency
Sevendays Diving : สำหรับใครที่สนใจอยากไปรวมทริปดำน้ำหาน้องจุดที่ชุมพร หรือที่อื่นๆ หรือสนใจอยากเรียนดำน้ำลึก สามารถติดต่อที่นี่ได้เลย
Page : http://www.sevendaysdiving.com/
Facebook : https://www.facebook.com/Sevendays-diving-188041851241900/
IG : https://www.instagram.com/sevendaysdiving/
การเดินทาง
เราเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาเมื่อยก้นกันอยู่ราวๆ 6 - 7 ชั่วโมง โดยใช้เส้นถนนเพชรเกษม หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 วิ่งผ่านนครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงสี่แยกปฐมพร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองชุมพร
ถนนเส้นหนึ่งในช่วงจังหวัดเพชรบุรีที่เราอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ขับผ่านกันคือเส้นทางลัด 'นาเกลือ-บางตะบูน' อ.บางแหลม ซึ่งเป็นถนนเลียบเลาะชายฝั่งทะเลอ่าวไทยที่สามารถไปทะลุออกยังชายหาดชะอำได้ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ขับมาจากทางถนนพระราม 2 ผ่านอำเภอมหาชัย ข้ามแม่น้ำท่าจีนและแม่น้ำแม่กลอง ให้สังเกตป้ายบอกทางบ้านคลองโคลนที่มีปั๊มน้ำมัน ปตท. ตั้งอยู่หัวมุม แล้วให้ขับเบี่ยงซ้าย และเลี้ยวซ้ายเข้าไป
ตลอดข้างทางของเส้นทางลัดนี้เพื่อนๆ จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวบ้านริมปากอ่าวและนาเกลือที่เรียงรายยาวไปตลอดสองข้างทาง แม้วันนี้ฝนจะตก และเห็นได้แค่ 'เกลือหลังฝน' มันก็ยังสวย
แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่มีเวลาไปดำน้ำลึกมากกว่าเรา หรือแค่อยากไปดำน้ำตื้น เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้นั่งเครื่องบินไปกันเถอะ มันสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และดีต่อก้นกว่ากันเยอะ ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเช็ครอบบินและจองตั๋วเครื่องบินไปชุมพรได้ที่ Traveloka วันหนึ่งก็มีกันหลายเที่ยวกันอยู่นะ
เช็คราคาและจองตั๋วเครื่องบินไปชุมพร ที่ Traveloka คลิกที่นี่
ที่พัก
สำหรับที่พัก เราขอแนะนำบริเวณ ‘หาดทุ่งวัวแล่น’ เราชอบที่นี่เพราะค่อนข้างเงียบสงบ หาดนี้ไม่มีเก้าอี้ผ้าใบ ไม่มีกิจกรรมทางน้ำอย่างเช่นบานาน่าโบ๊ท หรือเจ็ทสกีให้เล่น ทำให้ที่นี่เหมาะแก่ใครที่อยากจะมาใช้เวลาเงียบๆ ชิลล์ๆ อยู่บนหาดที่มีทรายนิ่มละเอียดและน้ำใส มองไปก็เห็นปลาเล็กปลาน้อยว่ายอยู่
ที่พักของเราชื่อ ‘ทะเลใส’ ติดถนน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหาดทุ่งวัวแล่น เป็นห้องพักในราคาสบายกระเป๋าที่เพื่อนๆ สามารถหาส่วนลดดีๆ จากเว็บ Traveloka ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/talaysai-hotel-thungwualaen-1000000547853ราคาห้องช่วงโปรโมชั่นในเว็บไซต์จะอยู่ที่ประมาณ 700-800 บาท นอกจากทะเลใสก็ยังมีโรงแรมอื่นๆ แถวนั้นที่น่าสนใจให้เลือกอีกมากมาย ลองเข้าไปหาดูรีวิวและจองในเว็บ Traveloka กันได้
เช็คราคาที่พักในชุมพร ที่ Traveloka คลิกที่นี่
ค่าใช้จ่าย 3 วัน 2 คืน
ทั้งหมดไม่รวมค่าน้ำมันรถอยู่ที่ประมาณ 9,100 บาทต่อคน แบ่งเป็น
- ค่าทริปดำน้ำ 5 ไดฟ์ 2 วัน รวมที่พัก 2 คืน โดย Sevendays Diving = 7,900 บาทต่อคนต่อวัน
- ค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำลึก = 400 บาทต่อคนต่อวัน
- ค่าอุทยาน = 200 บาทต่อคนต่อวัน
ในส่วนค่าน้ำมันไปกลับ ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท
และสำหรับใครที่อยากเพิ่มไดฟ์ดำน้ำ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 500-700 บาทต่อไดฟ์
ขอบคุณเพื่อนๆ สำหรับการติดตามทริปในครั้งนี้นะ
ครั้งหน้าเราจะหาทริปสนุกๆ มาเล่าให้อยากไปกันอีก สัญญา ☺
เรื่องและภาพโดย
Afootofwanderlust
Facebook : https://www.facebook.com/afootofwanderlust/
Instagram : https://www.instagram.com/afootofwanderlust/
Website : http://afootofwanderlust.blogspot.com/