ถ้าพูดถึงประเทศเล็ก ๆ ในยุโรปที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ เบลเยียม (Belgium) คือตัวเลือกที่น่าหลงใหลแบบเกินต้าน! แม้จะมีพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่กลับอัดแน่นไปด้วยเมืองน่าเที่ยวน่ารัก ๆ สถาปัตยกรรมสุดอลัง และวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และเยอรมันได้อย่างลงตัว เพราะพื้นที่ประเทศติดกัน ใกล้แบบนั่งรถไฟนั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ไปเที่ยวอัมสเตอร์ดัม หรือเที่ยวปารีสได้แล้ว
และแน่นอนว่าคนไทยหลายคนอาจคุ้นชื่อ “เบียร์เบลเยียม” หรือ “วาฟเฟิลเบลเยียม” กันมาบ้าง แต่บอกเลยว่า ประเทศนี้มีดีมากกว่านั้นอีกเยอะ! ทั้งพิพิธภัณฑ์น่าสนใจ คาเฟ่สวย ๆ ริมคลอง วิวธรรมชาติ และบรรยากาศโรแมนติกที่เหมาะกับทั้งคู่รัก เพื่อน หรือแม้แต่คนเที่ยวคนเดียว
ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปรู้จัก ที่เที่ยวในเบลเยียม ที่ห้ามพลาด ไม่ว่าจะเป็นจุดเช็กอินยอดฮิต ไปจนถึงเมืองลับที่แสนจะน่ารัก พร้อมเกร็ดเล็ก ๆ ที่จะทำให้คุณเที่ยวได้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องง้อทัวร์ เตรียมจดลิสต์ให้พร้อม แล้วไปเที่ยวเบลเยียมด้วยกันเลย!
ถ้ามาเที่ยวเมืองบรัสเซลส์แล้วไม่ได้มา Grand Place ถือว่ามาไม่ถึง! ที่นี่คือจัตุรัสกลางเมืองสุดอลังการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO จุดเด่นคืออาคารรอบจัตุรัสที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรคและโกธิก โดยเฉพาะศาลาว่าการเมืองที่สูงตระหง่านสวยงามแบบหยุดมองไม่ได้ ช่วงกลางวันก็ถ่ายรูปสวยเพราะแสงธรรมชาติดี ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีไฟประดับส่องตึกให้ดูโรแมนติกไปอีกแบบ สามารถแวะมาชม เดินเล่น ถ่ายรูป หรือดื่มกาแฟชิล ๆ ตามคาเฟ่รอบจัตุรัสได้แบบไม่มีเบื่อ และถ้าโชคดี อาจได้ชมพรมดอกไม้ (Flower Carpet) ที่จัดขึ้นทุก ๆ 2 ปีอีกด้วย!
ถึงจะตัวเล็ก แต่ชื่อเสียงไม่เล็กเลยสำหรับ Manneken Pis รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของเด็กชายกำลังฉี่ที่ตั้งอยู่ใจกลางบรัสเซลส์ ห่างจาก Grand Place แค่เดินไม่กี่นาทีเอง! ถึงแม้จะดูธรรมดาในสายตาบางคน แต่เจ้าเด็กน้อยคนนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ที่คนทั้งเมืองภูมิใจ เพราะเป็นตัวแทนของความขี้เล่นและอารมณ์ขันแบบเบลเยียม น้องมักจะถูกแต่งตัวด้วยชุดต่าง ๆ ตามเทศกาลหรือโอกาสพิเศษ มีชุดกว่า 900 ชุดให้ดูในพิพิธภัณฑ์เลยนะ หรือจะเข้าไปส่องในเว็บไซต์ของ Brussels ก็ได้ ที่นี่คือจุดเช็คอินที่สายถ่ายรูปห้ามพลาด!
เวลเปิด-ปิด: 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ฟรี
พูดถึงบรัสเซลส์แล้วไม่พูดถึง Atomium คงไม่ได้! นี่คือแลนด์มาร์กสุดล้ำที่มีรูปร่างเหมือนโมเลกุลอะตอมขนาดยักษ์ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1958 เพื่อจัดแสดงในงาน World Expo และกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โครงสร้างเหล็กสูงถึง 102 เมตร และมีลูกทรงกลม 9 ลูกเชื่อมต่อกัน คุณสามารถขึ้นลิฟต์ไปชมวิวบนจุดสูงสุดแบบ 360 องศาได้ และภายในแต่ละลูกก็มีนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ดีไซน์ และประวัติของ Atomium ด้วย มุมถ่ายรูปภายนอกสวยสุด ๆ โดยเฉพาะช่วงเย็นที่เปิดไฟตกแต่งอย่างสวยงาม เป็นที่เที่ยวที่เหมาะกับสายครอบครัว สายถ่ายรูป และคนที่ชอบความล้ำผสมศิลปะ มีเว็บไซต์ให้ซื้อตั๋วออนไลน์ด้วยนะ
เวลเปิด-ปิด: 10.00 น. ถึง 18.00 น.
ค่าเข้าชม: €16
สถานที่ประทับของราชวงศ์เบลเยียมในฤดูร้อน และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวเมืองบรัสเซลส์ที่สวยและขลังที่สุดในเมือง ภายนอกโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอคลาสสิกที่ดูสง่าและมีพลัง ส่วนภายใน (ถ้าเปิดให้เข้าชม) ก็เต็มไปด้วยห้องหรูหราที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะและของสะสมระดับพิพิธภัณฑ์ ตัวอาคารตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะ Parc de Bruxelles ซึ่งเหมาะแก่การเดินเล่นแบบชิล ๆ หากใครชอบประวัติศาสตร์ ราชวงศ์ หรือสถาปัตยกรรมคลาสสิก ที่นี่ตอบโจทย์มาก ๆ บรรยากาศสงบ ร่มรื่น เหมาะกับสายเที่ยวแบบเนิบ ๆ ถ่ายรูปได้หลายมุมเลยล่ะ!
Mont des Arts เป็นจุดชมวิวเมืองที่โรแมนติกและศิลป์สุด ๆ แห่งหนึ่งในบรัสเซลส์ ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็ก ๆ ที่เชื่อมระหว่างย่านเมืองเก่ากับย่านพิพิธภัณฑ์ ไฮไลต์คือวิวที่มองเห็นหอคอยของศาลากลางเมือง Grand Place กับสวนสวย ๆ ด้านล่างที่ออกแบบอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ไม่ว่าจะมาช่วงกลางวันหรือพระอาทิตย์ตกก็ถ่ายรูปได้สวยทุกมุม รอบ ๆ ยังรายล้อมด้วยพิพิธภัณฑ์ระดับชาติ เช่น Royal Library of Belgium, Magritte Museum และ Musical Instruments Museum เหมาะกับคนที่อยากเที่ยวแบบเดินเล่น ชมวิว พักผ่อน หรือเสพงานศิลป์แบบเต็มอิ่มในบรรยากาศสุดชิล!
เวลเปิด-ปิด: 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ฟรี
ถ้าคุณชอบช้อปปิ้ง เดินดูของสวย ๆ และเสพบรรยากาศคลาสสิกหรูหรา ต้องไม่พลาดที่นี่เลย! Galeries Royales Saint-Hubert คือแกลเลอรีช้อปปิ้งในร่มสุดหรูที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1847 และถือเป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป อาคารสไตล์เรอเนสซองส์คลาสสิกมีหลังคากระจกโค้งโปร่งแสงสวยงามมาก เหมาะกับการเดินเล่นถ่ายรูปในวันที่อากาศไม่เป็นใจ ที่นี่เต็มไปด้วยร้านช็อกโกแลตเบลเยียมชื่อดัง คาเฟ่สุดหรู ร้านหนังสือเก่า และแกลเลอรีศิลปะ เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายชิล สายชอบของพรีเมียม หรือใครที่อยากหาของฝากจากเบลเยียมเก๋ ๆ ติดมือกลับบ้าน รับรองมาแล้วจะเพลินจนลืมเวลา!
เมืองเล็ก ๆ แสนโรแมนติกในเบลเยียมที่ได้ฉายาว่า "เวนิสแห่งเบลเยียม" เพราะมีคลองเล็ก ๆ ไหลผ่านทั่วเมือง บ้านเรือนสีพาสเทลสุดน่ารัก ถนนหินโบราณ และจัตุรัสที่ยังคงกลิ่นอายยุคกลางอยู่ครบ เมืองนี้เหมาะกับการเดินเล่น ถ่ายรูป จิบช็อกโกแลตร้อน หรือขึ้นเรือชมเมืองผ่านคลองแบบชิล ๆ สุด ๆ แนะนำสำหรับสายโรแมนติก สายถ่ายรูป และคู่รักที่มองหาทริปเงียบสงบแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ บรูจส์จึงเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเบลเยียมที่ไม่ควรพลาด
ถ้าอยากหนีความวุ่นวายของเมือง แล้วหาที่เดินเล่น ชมธรรมชาติแบบมีศิลปะแทรกอยู่ทุกมุม แนะนำให้มาที่ Parc du Cinquantenaire! สวนสาธารณะขนาดใหญ่แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1880 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของประเทศเบลเยียม ไฮไลต์คือซุ้มประตูชัยขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่กลางสวน เหมือน Arc de Triomphe ฉบับบรัสเซลส์ มีสนามหญ้ากว้าง น้ำพุ และเส้นทางเดินร่มรื่น เหมาะกับการปิกนิก ถ่ายรูป หรือวิ่งออกกำลังเบา ๆ รอบ ๆ ยังมีพิพิธภัณฑ์รถยนต์และศิลปะให้นั่งเล่นเดินชมได้ด้วย ใครที่ชอบความสงบ ผสมความงามของศิลปะยุโรปแบบไม่ต้องเบียดกับคนเยอะ ๆ ที่นี่คือโอเอซิสในเมืองหลวงที่ควรแวะมาฮีลใจ!
เวลเปิด-ปิด: 6.00 น. ถึง 22.00 น.
ค่าเข้าชม: ฟรี
อีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวของเบลเยียมที่มักถูกมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วคือเพชรเม็ดงามของเบลเยียมเลย! เมืองนี้ผสมผสานทั้งความเก่าและความเท่ได้อย่างลงตัว มีทั้งปราสาทยุคกลางอย่าง Gravensteen โบสถ์สวย ๆ อย่าง St. Bavo's Cathedral และบรรยากาศริมคลองสุดชิลเหมาะกับการนั่งปล่อยใจที่คาเฟ่ริมน้ำ ชมเมือง สายประวัติศาสตร์ สายอาร์ต หรือแม้แต่ฮิปสเตอร์ก็มักจะตกหลุมรักเมืองนี้ เพราะเต็มไปด้วยร้านคูล ๆ แกลเลอรี่ และงานสตรีทอาร์ต ที่นี่มีเสน่ห์ไม่แพ้ Bruges แต่ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่า ทำให้เที่ยวได้แบบสบายใจ
เมืองเล็ก ๆ ที่น่าสนใจสุด ๆ เพราะเมืองนี้มีเส้นแบ่งประเทศที่แปลกและซับซ้อนที่สุดในโลก! เมืองนี้ตั้งอยู่ในเบลเยียม…แต่ล้อมรอบไปด้วยดินแดนของเนเธอร์แลนด์! ความสนุกคือคุณสามารถเดินข้ามประเทศได้แค่ไม่กี่ก้าว โดยที่พื้นถนนจะมีเส้นแบ่งเขตประเทศชัดเจน บางร้านหรือบ้านหลังเดียวอาจมีครัวอยู่ในเบลเยียม ส่วนห้องนั่งเล่นอยู่ในเนเธอร์แลนด์เลยก็มี! ที่นี่เหมาะกับคนที่ชอบอะไรแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร และชอบถ่ายรูปมุมเก๋ ๆ สรุปแล้วมาเที่ยวเมือง Baarle คุณจะได้เที่ยวสองประเทศในวันเดียวด้วยการเดิน และยังมีคาเฟ่น่ารัก ร้านขนม และมิวเซียมเล็ก ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบด้วยนะ!
หนึ่งในโบสถ์ที่สวยและขลังที่สุดในบรัสเซลส์คือ St. Michael and St. Gudula Cathedral โบสถ์หินขนาดใหญ่ที่มีอายุกว่า 700 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมือง โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่ดูสง่างามทั้งภายนอกและภายใน ด้านในมีหน้าต่างกระจกสี (stained glass) ขนาดใหญ่ที่บอกเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์อย่างประณีต รวมถึงออร์แกนขนาดใหญ่ และแท่นพิธีที่ประดิษฐ์อย่างวิจิตร เหมาะกับคนที่ชื่นชอบงานศิลปะเก่า ประวัติศาสตร์ยุโรป หรือใครที่มองหาสถานที่เงียบสงบเพื่อพักใจสักหน่อย แนะนำให้แวะมาชมช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ ๆ บรรยากาศจะสงบและถ่ายรูปออกมาสวยสุด ๆ
เวลเปิด-ปิด: 8.00 น. ถึง 18.00 น.
เมืองเก๋ ๆ ในเบลเยียมที่สายอาร์ต สายแฟชั่น และสายชิลไม่ควรพลาด! ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเพชร เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรระดับโลก แต่ก็ไม่ได้มีดีแค่นั้นนะ เพราะยังเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมสวย ๆ อย่างสถานีรถไฟ Antwerp Central ที่อลังการสุด ๆ และพิพิธภัณฑ์ MAS ที่รวมทั้งศิลปะและวิวแม่น้ำสุดปังไว้ในที่เดียว ใครเป็นแฟนผลงานของรูเบนส์ก็ต้องแวะ Rubenshuis ด้วยนะ ส่วนสายช้อป เราขอแนะนำย่านช้อปปิ้ง Meir ที่จะละลายทรัพย์คุณแบบไม่รู้ตัว นอกจากนั้นยังมีคาเฟ่ฮิปส์ ๆ ให้คุณได้นั่งสโลว์ไลฟ์อีกเพียบ! เมืองนี้เหมาะกับคนที่อยากได้ความคึกคักแบบมีสไตล์ เที่ยวแบบสบาย ๆ แต่ได้แรงบันดาลใจกลับไปเพียบเลยล่ะ
สำหรับสายแฮงเอาต์หรือคอเบียร์ ต้องไม่พลาด Delirium Café บาร์ชื่อดังระดับโลกที่ครองสถิติกินเนสบุ๊กจากการมีเบียร์ให้เลือกมากกว่า 2,000 ชนิด! ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Grand Place เดินมาแค่ไม่กี่นาทีก็ถึง ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น สนุกสนานในสไตล์เบลเยียมแท้ ๆ เหมาะกับนักท่องเที่ยวสายชิล สายเบียร์ หรือกลุ่มเพื่อนที่อยากมานั่งแฮงเอาต์ในบาร์เก่าแก่แต่เก๋สุด ๆ ภายในตกแต่งด้วยของสะสมเกี่ยวกับเบียร์จากทั่วโลก ใครไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังสนุกได้เพราะบรรยากาศดี เพลงเพราะ คนเฟรนด์ลี่ เป็นร้านเบียร์ในเบลเยียมที่ให้คุณสัมผัสชีวิตกลางคืนของบรัสเซลส์แบบไม่ต้องปรุงแต่งเลย!
เวลเปิด-ปิด:
ถ้าใครกำลังมองหาร้านอาหารใน Antwerp ที่ทั้งหรูนิด ๆ แต่อบอุ่นเหมือนนั่งกินข้าวบ้านเพื่อน บอกเลยว่า Brasserie Signature คือคำตอบ! ที่นี่เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศส-เบลเยียมที่พิถีพิถันสุด ๆ ทุกจานจัดมาอย่างสวยงาม รสชาติกลมกล่อม แถมวัตถุดิบยังสดใหม่ตามฤดูกาล เมนูแนะนำคือ steak tartare และ mussels with white wine sauce ที่ต้องลองให้ได้ บรรยากาศร้านตกแต่งแบบคลาสสิกผสมโมเดิร์น มีความเรียบหรูแต่นั่งสบาย เหมาะกับมื้อค่ำโรแมนติกหรือนัดพิเศษแบบเพื่อนสนิท ถ้าอยากสัมผัสเบลเยียมในมุมที่ละเมียดละไมและน่าประทับใจ ต้องมาที่นี่เลย
เวลเปิด-ปิด: 12.00 น. ถึง 23.00 น.
ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่า No Worries เพราะที่นี่คือคาเฟ่และร้านอาหารสไตล์ชิล ๆ ใน Antwerp ที่พร้อมให้คุณพักผ่อนแบบไม่ต้องคิดมาก! ร้านตกแต่งสไตล์โบฮีเมียนนิด ๆ มีมุมถ่ายรูปน่ารักเพียบ เมนูเน้นอาหารสุขภาพแบบโฮมเมด ทั้ง buddha bowls, smoothie bowls, แซนด์วิช และกาแฟดี ๆ ที่คั่วมาอย่างตั้งใจ สายวีแกนและมังสวิรัติจะหลงรักร้านนี้แน่นอน บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง เหมาะกับการมานั่งทำงานเงียบ ๆ หรือจิบกาแฟยามบ่ายกับเพื่อน ร้านตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านช้อปปิ้ง เดินมาง่าย ใครอยากเติมพลังระหว่างทริปแบบเฮลท์ตี้และน่ารัก ต้องแวะ No Worries สักครั้ง
เวลเปิด-ปิด:
เหมาะกับ: กลุ่มเพื่อน สายอาร์ต สายคอนเทนต์ คู่รัก
OPO Hotel คือหนึ่งในโรงแรมบูติกที่น่ารักที่สุดใน Brussels! ด้วยการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างมินิมอล โมเดิร์น และความอบอุ่นแบบยุโรป ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาพักในบ้านดีไซน์เก๋ของเพื่อนที่มีรสนิยมสุด ๆ ห้องพักสะอาด เรียบแต่มีดีเทลที่น่าประทับใจ เช่น แสงธรรมชาติ เฟอร์นิเจอร์ไม้ และของตกแต่งสไตล์ local บริการก็เป็นกันเองสุด ๆ และสามารถให้คำแนะนำเรื่องการเที่ยวได้ดีมาก ทำเลของโรงแรมก็ถือว่าเงียบสงบ เดินทางง่าย เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบโรงแรมที่มีเอกลักษณ์ และสัมผัสบรรยากาศแบบ local design
เหมาะกับ: ครบครัว คู่รัก สายติดแกลม สายรักสบาย
สำหรับสายพักหรูแบบคุ้มค่า แนะนำ DoubleTree by Hilton Brussels City ที่ตั้งอยู่ใกล้ทั้งสวนสาธารณะและสถานีรถไฟ Botanique บรรยากาศโรงแรมคือเรียบหรู ดูโปรเฟสชันนอลแต่ไม่แข็งเกินไป ห้องพักกว้าง สะดวกสบาย เตียงนุ่มสุด ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จุดเด่นอีกอย่างคือการบริการที่อบอุ่นตั้งแต่หน้าเคาน์เตอร์ จนถึงตอนเช็กเอาต์ และอย่าลืมรับคุกกี้ช็อกโกแลตชิ้นโตตอนเช็กอินที่เป็นเอกลักษณ์ของ DoubleTree ด้วยนะ! เหมาะกับนักเดินทางที่ต้องการความสบาย บริการดีเยี่ยม และโลเคชั่นที่เงียบสงบแต่เดินทางง่าย
เหมาะกับ: สายชิล สายเที่ยวคนเดียว ครอบครัว สายรักความสะดวกสบาย สายคุมบัจเจต
ใครมองหาที่พักทำเลดีใจกลาง Brussels ต้องไม่พลาด ibis Brussels off Grand Place เพราะอยู่ห่างจากจัตุรัส Grand Place แค่ไม่กี่ก้าว เดินทางสะดวกมาก ไม่ว่าจะมาจากสนามบินหรือสถานีรถไฟกลาง ห้องพักอาจจะไม่ได้กว้างมาก แต่จัดสรรพื้นที่ได้ดี สะอาด และมีครบทุกอย่างที่จำเป็น แถมยังมีเสียงกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีด้วยนะ เหมาะมากกับคนที่เน้นโลเคชั่น เดินเที่ยวสะดวก และพักผ่อนแบบเรียบง่าย ราคาไม่แรง
การเดินทางจากไทยไปเบลเยียม (Belgium) ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจาก สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ในกรุงเทพฯ ไปยัง สนามบิน Brussels (BRU) โดยมีทั้งเที่ยวบินตรงและต่อเครื่องให้เลือก:
สายการบิน Thai Airways มีบริการบินตรงจาก กรุงเทพฯ → Brussels Airport (BRU) ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง
หากไม่มีไฟลต์ตรงหรืออยากเลือกตั๋วราคาถูกกว่านิดหน่อย ก็มีหลายสายการบินให้เลือก เช่น:
เวลารวมประมาณ 14–18 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาต่อเครื่อง
เช็คราคาตั๋วเครื่องบินไปเบลเยียมกับ Traveloka
คนไทยที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวเบลเยียมจำเป็นต้องขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) เพราะเบลเยียมเป็นหนึ่งใน 27 ประเทศสมาชิกเขตเชงเก้นในยุโรป
⏳ เวลาพิจารณาวีซ่า
ขึ้นอยู่กับสไตล์การเที่ยวและบรรยากาศที่อยากได้ เลยเพราะแต่ละฤดูจะมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกัน เราสรุปให้เลือกง่าย ๆ ตามนี้เลย
อุณหภูมิ: 10–18°C
ทำไมถึงน่าไป:
อุณหภูมิ: 18–27°C
ทำไมถึงน่าไป:
อุณหภูมิ: 8–18°C
ทำไมถึงน่าไป:
อุณหภูมิ: 0–6°C
ทำไมถึงน่าไป:
ไปเที่ยวเบลเยียมให้สนุก ไม่หลง ไม่งง ต้องมีการวางแผนดี ๆ เรารวม เคล็ดลับการวางแผนเที่ยวเบลเยียม แบบเข้าใจง่ายให้แล้ว พร้อมลุยแน่นอน 🇧🇪✈️
เบลเยียมมีเมืองน่าเที่ยวหลายเมือง ถ้ามีเวลาน้อย แนะนำเน้น:
💡 เลือก 2–3 เมือง ถ้าไป 5–7 วันกำลังดี ไม่เหนื่อยจนเกินไป
👉 ซื้อบัตร “Belgian Rail Pass” ถ้าเดินทางข้ามเมืองหลายรอบ
จะช่วยให้เดินทางง่าย ขนกระเป๋าสบาย โดยเฉพาะถ้าเน้นใช้รถไฟไปเที่ยวเมืองอื่น ๆ ต่อ เช่น เที่ยวเยอรมัน
👉 ลองกิน “วาฟเฟิล เบียร์ ช็อกโกแลต” ร้านโลคัลที่คนท้องถิ่นนิยม