แม่ฮ่องสอนนั้นได้รับฉายาว่าเป็น ‘เมืองสามหมอก’ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ในวงล้อมของขุนเขาเกือบทุกด้าน ที่นี่จึงมีอากาศที่สดชื่นเย็นสบายอยู่เกือบตลอดทั้งปี แล้วยิ่งลมหนาวเริ่มโชยมาแบบนี้ รับรองเลยว่าที่นี่ต้องชิลล์เว่อร์! ทริปนี้เราเลยอยากชวนไปปักหมุดพิกัดสุดชิลล์ 3 แลนด์มาร์คหลักของแม่ฮ่องสอน เอาไว้นอนดูดาว แล้วตื่นเช้ามาฟินกับทะเลหมอกกันแบบจุกๆ สะใจ ให้มันสโลว์ไลฟ์แบบสุดๆ ไปเลย ไม่โม้แล้วดีกว่า เอาเป็นว่าไปดูกันเลยว่าชิลล์ขนาดไหน ใครสนใจตามมาได้เลยเน้อ
ทริปนี้เราเลือกจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka เพราะนอกจากจะมีตั๋วราคาโปรโมชั่นมาให้ไม่ขาดแล้วเนี่ย ยังมี Feature ใหม่ให้กดเทียบราคาตั๋วโปรโมชั่นของแต่ละสายการบินได้อีก! ทั้งประหยัดทั้งสะดวกแบบนี้ใครสนใจ ก่อนไปเที่ยวเชียงใหม่เราเอาวิธีใช้มาให้ดูตรงนี้แล้ว #Travelokaเทียบแล้วเที่ยวเลย
เราเลือกออกสตาร์ทจากสนามบินเชียงใหม่แล้วเช่ารถขับต่อมา ส่วนหนึ่งก็เพราะเที่ยวบินหาง่ายและมีให้เลือกเยอะกว่า แต่อีกส่วนก็เพราะอยากสนุกกับสารพัดทางโค้งที่มุ่งหน้าสู่แม่ฮ่องสอน แถมยังแวะเที่ยวจุดที่อยากแวะได้แบบสบายๆ ตามใจเราด้วย พิกัดแรกที่แวะยืดเส้นยืดสายไปพร้อมกับการชมวิวสวยๆ ก็คือที่เขื่อนแม่งัด ซึ่งมีวิวสวยของผืนน้ำกว้างท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมอยู่รอบๆ หลายคนบอกว่าที่นี่ให้อารมณ์คล้ายๆ กับปางอุ๋งผสมเขื่อนเชี่ยวหลาน ใครชอบฟีลนี้มานอนค้างกันซักคืนก็เริ่ดนะ หรือจะแค่แวะมาลงเรือไปนั่งชิลล์กินอาหารในแพด้านในก็ได้ เลือกตามใจเลยจ้า
ดื่มด่ำกับความสวยของเขื่อนแม่งัดพร้อมกับจัดอาหารมื้อใหญ่กันไปแบบจุกๆ แล้ว ก็ได้เวลามุ่งหน้าสู่พิกัดปลายทางของเราในวันนี้ นั่นก็คือที่อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ที่ครั้งนี้เราตั้งใจมานอนค้างเพื่อจะได้เสพความชิลล์ของวิวกันแบบเต็มๆ ตา ที่สำคัญคือการได้มาปักหมุดนอนดูดาวในยามค่ำคืน แล้วตื่นมาฟินกับทะเลหมอกในยามเช้าที่มีวิวแจ่มๆ ของดอยหลวงเชียงดาวเป็นแบ็คกราวนด์ลิบๆ อยู่ด้านหลัง ที่นี่มีให้นอนทั้งบ้านพักอุทยานฯ แบบสะดวกสบาย หรือใครอยากได้ฟีลธรรมชาติมากกว่านั้นก็กางเต็นท์นอนไปเลยจ้า ทั้งสะดวกและสบาย รับรองได้ว่าฟิน!
เช้าวันต่อมา เรามุ่งหน้าต่อไปยังน้ำตกหมอกฟ้า น้ำตกสวยแปลกตาที่มีความสูงของสายน้ำซึ่งไหลลงมากว่า 30 เมตร เมื่อไปยืนดูใกล้ๆ ขอบอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจเชียวละ ที่นี่สามารถลงเล่นน้ำได้นะ แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าเป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่จะอนุญาตหรือไม่ เพราะถ้าเป็นช่วงน้ำหลากจะค่อนข้างอันตราย ถ้าอยากลงเล่นน้ำต้องเลี่ยงหน้าฝนหน่อยเด้อ
จากน้ำตกหมอกฟ้า เราก็มุ่งหน้าออกนอกเชียงใหม่ไปยังอำเภอยอดฮิตอย่างปาย เมืองน้อยๆ ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิลล์ๆ เพียบจ้ะ เช็คอินที่พักกันเสร็จสรรพก็แวะไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันซักหน่อยดีกว่า โดยเราเลือกปักหมุดมุ่งหน้าไปที่วัดน้ำฮู ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองปาย ไฮไลท์ของการไหว้พระที่นี่อยู่ที่การได้มากราบเจ้าพ่ออุ่นเมือง ซึ่งมีอายุกว่า 500 ปี โดยมีความมหัศจรรย์อยู่ตรงที่ด้านในของเศียรพระซึ่งเปิดได้นั้นจะมีน้ำขังอยู่ด้านในตลอดเวลาโดยไม่มีใครรู้ว่ามาจากไหน นอกจากนั้นยังเชื่อกันว่าวัดนี้เป็นที่เก็บพระเกศาและอัฐิของพระสุพรรณกัลยาเอาไว้ด้วยนะ ที่สำคัญคือเดินทางง่ายเพราะอยู่ในตัวเมืองปายเลยเด้อ มาถึงแล้วอย่าพลาดเชียว
รูปจาก https://web.facebook.com/Romance-Another-story-in-Pai--314340591928200/
เสร็จสรรพกับการไหว้พระ ก็ได้เวลาขับรถออกมานอกตัวเมืองปายอีกนิด ไปยังพิกัดที่สายชิคต้องแฮปปี้ กับการวาร์ปไปอยู่ที่ Romance Farm ฟาร์มแกะสุดน่ารักที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่ชนบทในต่างประเทศ กับโรงนาสไตล์ตะวันตกที่เรียบง่ายซึ่งด้านในเปิดเป็นคาเฟ่สุดน่ารัก ให้เราได้ออเดอร์ขนมและเครื่องดื่มมากินกันแบบสุดชิลล์ ด้านนอกคาเฟ่เป็นทุ่งหญ้าและฟาร์มเพาะปลูกพร้อมเหล่าบรรดาแกะ กระต่าย เป็ด ไก่ วัว และม้า อ้อ … ใครอยากลองขี่ม้าก็มาหัดได้ที่นี่ด้วยเด้อ ถือว่าเป็นอีกที่ในปายซึ่งให้อารมณ์ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในละแวกนี้ มาปายแล้วควรปักหมุดไว้นะ รับรองว่าที่นี่คูล
ในตัวอำเภอปายมีที่พักให้เลือกกันเพียบ หลากหลายทั้งสไตล์และราคาให้เลือกกันได้ตามอัธยาศัย ในปายนั้นมีที่เที่ยวให้แวะเช็คอินกันได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดชมทะเลหมอกในยามเช้า หรือหมู่บ้านชาวจีนยูนนานที่อาหารอร่อยแปลกลิ้นเชียวละ ที่พลาดไม่ได้ก็คือการไปเดินเล่นในถนนคนเดินปายที่บอกได้เลยว่าน่ารักและชิลล์เว่อร์ เชื่อว่าสายช้อปต้องแฮปปี้ เพราะที่นี่มีข้าวของแฮนด์เมดทั้งแบบเก๋ๆ ฮิปๆ ทันสมัย และที่เป็นงานสไตล์ชาวเขาจากฝีมือชาวบ้านในท้องถิ่น ปิดท้ายที่ของกินอีกเพียบสารพัดเมนู มานอนที่ปาย ไม่มีคำว่าเบื่ออย่างแน่นอน
เช้าต่อมา เราบอกลาความชิคของเมืองปาย เพื่อมุ่งหน้าไปสัมผัสความแอดเวนเจอร์ในถ้ำลอด ที่อำเภอปางมะผ้า ซึ่งต้องใช้วิธีนั่งแพตามกระแสน้ำเข้าไปชมภายในถ้ำ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ถ้ำใหญ่ ด้านในของถ้ำนี้นับเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของประเทศไทยด้วยนะ เพราะมีการค้นพบโบราณวัตถุมากมาย โดยสันนิษฐานกันว่าถ้ำนี้มีอายุกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ความคลาสสิกอยู่ตรงที่ต้องใช้ตะเกียงในการเดินชมความสวยของถ้ำด้านใน ให้ฟีลผจญภัยหน่อยๆ ก็สนุกดีนะ
จากอำเภอปางมะผ้า เราขอมุ่งหน้าไปกราบนมัสการองค์พระธาตุดอยกองมูกันเป็นพิกัดต่อไป วัดนี้ถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ที่อยู่คู่กับเมืองแม่ฮ่องสอนมาอย่างยาวนาน ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานองค์พระธาตุของพระโมคคัลลานะ พระสาวกขององค์พระพุทธเจ้า ที่มีการอัญเชิญมาจากประเทศเมียนมาร์ ซึ่งอยู่ด้านในองค์เจดีย์สีขาวที่สร้างในสไตล์มอญ วัดนี้สวยเด่นด้วยศิลปะแบบมอญและไทยใหญ่ ซึ่งเน้นใช้สีขาวสะอาดตาและดูสวยไปอีกแบบ แถมด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บนภูเขา จึงสามารถใช้เป็นจุดชมวิวตัวเมืองแม่ฮ่องสอนในมุมสูงได้อีกด้วยนะ นับเป็นพิกัดที่ต้องแวะมา ไม่งั้นคือพลาดจริงๆ
จากวัดพระธาตุดอยกองมู เรามุ่งหน้าสู่พิกัดสุดท้ายของวัน นั่นคือปางอุ๋ง เพื่อสัมผัสกับวิวสวยที่ให้กลิ่นอายโรแมนติก เหมือนที่หลายคนขนานนามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย และแน่นอนว่าต้องขอปิดท้ายด้วยการนอนเต็นท์สูดอากาศเย็นๆ แสนบริสุทธิ์ของที่นี่ด้วยซักคืน ตกค่ำก็นั่งดูดาวสวยเต็มท้องฟ้า ตื่นมาก็ได้ไปสดชื่นกับการล่องแพ สัมผัสแสงเช้าที่สวยกระแทกใจท่ามกลางไอหมอกที่ลอยกรุ่นอยู่เหนือผิวน้ำไปอีก สำหรับเรา นี่คือการปิดทริปแม่ฮ่องสอนที่ดีงามน่าประทับใจ เรียกว่าแทบไม่อยากกลับบ้านกันเลยเชียวละ!
แม่ฮ่องสอนคือจังหวัดที่มีธรรมชาติสวยชนะเลิศไม่แพ้ที่ไหน ใครที่รักความเรียบง่าย ไม่พลุกพล่าน ในบรรยากาศของเมืองเล็กท่ามกลางขุนเขาอันยิ่งใหญ่ ชอบอากาศเย็นสบาย และรักการท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ไม่เร่งรีบ นี่คือพิกัดที่คุณต้องปักหมุดมา ยิ่งตอนนี้เข้าหน้าหนาวแล้วจ้า นับว่าเป็นช่วงพีคของการมาแอ่วเหนือแล้วเน้อ ลองหาเวลามา road trip ชิลล์ๆ แบบเราดูซักที รับรองได้ว่าต้องแฮปปี้แน่นอน