Summer is calling! ช่วงเวลาของซัมเมอร์มาถึงแล้ว ทริปนี้เราขอออกไปตะลุยเที่ยวกระบี่ พักผ่อนแบบชิล ๆ กันเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ในงบราคาประหยัดกับ Budget ไม่ถึง 6,000 ต่อคนก็เที่ยวคุ้มเก็บครบทุกสถานที่ไฮไลท์ บอกเลยว่าใครก็สามารถตามไปได้แบบชิล ๆ สนุกสนานได้ครบทุกอารมณ์อย่างแน่นอน แต่ก่อนจะไปก็อย่าลืมฟิตหุ่นเตรียมคอลเลคชั่นบิกินี่ไปโพสท่าถ่ายรูปกันริมทะเลท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามกันด้วยละ รับรองว่างานนี้ได้รูปกลับมาสร้างคอนเทนต์เรียกยอดไลค์กันได้อย่างรัว ๆ แน่นอน ว่าแล้วไม่รอช้า รีบเก็บกระเป๋าแล้วหนีร้อนไปลงใต้ ไปเที่ยวทะเลให้ชุ่มฉ่ำเย็นใจกันเลยดีกว่า
เคยไหม? แพลนทริปทีไร ก็ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนให้ไม่เกินงบ!
ลองใช้ Discover จาก Traveloka ช่วยแพลนทริปแบบมือโปร ไม่ว่าจะเที่ยวที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ไม่เกินงบแน่นอน พร้อมตัวช่วยแนะนำตั๋วเครื่องบินราคาถูก ลองใช้กันได้เลย
การเดินทางจากกรุงเทพฯ-กระบี่
เพื่อให้การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังกระบี่ เป็นเรื่องที่ง่าย รวดเร็ว และสะดวกในราคาอันคุ้มค่า ทริปนี้เราจึงเลือกเดินทางโดยนั่งเครื่องบินด้วยการจองผ่านแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Traveloka เพราะเห็นว่าเขามักจะมีตั๋วราคาโปรโมชันเด็ด ๆ มาให้เราอยู่เสมอ แถมขั้นตอนในการจองยังง่ายมาก ๆ อีกด้วย เพียงดาว์นโหลดแอปพลิเคชันและกดคลิกเลือกจุดหมายปลายทาง พร้อมทั้งระบุวันเวลาที่ต้องการ ราคาของสายการบินต่าง ๆ ก็จะโหลดขึ้นมาให้เราได้เลือกกัน แต่ถ้าใครยังรู้สึกไม่พอใจกับราคาที่เห็น เราขอแนะนำให้ลองตั้งค่า Price Alerts เอาไว้ เพราะเจ้าฟีเจอร์นี้จะช่วยแจ้งเตือนราคาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินต่าง ๆ ตามเรทราคาที่เราระบุไว้ เพียงเท่านี้แหละ คุณก็จะได้ตั๋วไปเที่ยวกระบี่ในราคาสุดคุ้มแบบฉบับที่คุณต้องการแล้ว
การเดินทางเข้าเมืองจากสนามบินนั้นสามารถทำได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
เอาล่ะหลังจากจองตั๋วเครื่องบินและเลือกวิธีการเดินทางกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรามาวางแผนการเดินทางคร่าว ๆ ของเราทริปนี้กันเลยดีกว่าว่า 3 วันที่กระบี่เราจะไปปักหมุดเที่ยวไหนกันบ้าง
Day 1 : กระบี่ ซินตา เฮ้าส์ >> ราชรสติ่มซำ >> น้ำตกร้อน >> THE HUB Café >> ถนนคนเดินกระบี่
Day 2 : เกาะห้า >> เกาะรอก >> อ่าวปิเละ
Day 3 : สระมรกต >> วัดถ้ำเสือ >> Urban cafe & Bed
Day 1 : วันแรกของการเดินทางในกระบี่
หลังจากที่เครื่องบินได้แลนด์ดิ้งลงสู่ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่แล้ว เราก็มุ่งหน้าไปยังที่พักเพื่อเก็บกระเป๋าและทำการเช็กอินกัน ซึ่งในครั้งนี้เราได้เลือกพักที่กระบี่ ซินตา เฮ้าส์ (Krabi Cinta House) ห้องพักที่อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 2.2 กิโลเมตร และห่างจากสนามบิน 15 กิโลเมตร แถมราคาต่อคืนยังน่ารักมาก ๆ เพียง 800-900 บาทเท่านั้น
พอเก็บสัมภาระต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อย เราก็เดินทางเข้าเมือง เพื่อไปหาอะไรทานลงท้องกันสักหน่อย ซึ่งร้านที่เราไปฝากท้องกันเป็นมื้อแรกมีชื่อว่า ราชรสติ่มซำ ร้านติ่มซำสไตล์กวางตุ้งที่โดดเด่นในเรื่องของรสชาติและเครื่องเน้น ๆ โดยเราสามารถเลือกติ่มซำที่ต้องการได้เลย มีทั้ง ขนมจีบหน้าต่าง ๆ ฮะเก๋า ซาลาเปาหลากหลายไส้ กุยช่าย ลูกชิ้นปลา เบคอนพันเห็ด หมึกนึ่งมะนาว ปลานึ่งซีอิ๊ว หอยอบชีส เต้าหู้ยัดไส้ ห่อหมกทะเล ซี่โครงนึ่งเต้าซี่ ตลอดไปจนถึงไข่ตุ๋น มะระยัดไส้ กุ้งอบวุ้นเส้น และไข่หวานยำสาหร่าย
นอกจากนี้ยังเมนูอาหารเช้าอีกหลายเมนูให้เลือกชิม พร้อมทั้งเครื่องดื่มร้อน-เย็นอีกมากมายที่คุณสามารถเลือกทานได้อย่างจุใจ โดยเขาบอกกันว่าร้านนี้เป็นตำนานติ่มซำที่เล่าขานเลื่องลือในเรื่องของความอร่อยของรสชาติ พอเราได้ลองทานแล้วถึงกับต้องยกนิ้วให้เลย เพราะมันเด็ดสมคำร่ำลือจริง ๆ
ขอบคุณภาพจาก facebook.com/radcharod1/
หลังจากทานกันจนอิ่มท้องเราก็เดินทางต่อไปประมาณชั่วโมงกว่า เพื่อไปเช็กอินกันที่ น้ำตกร้อน หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว Unseen ของจังหวัดกระบี่ที่นักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก โดยน้ำตกแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของน้ำแร่จากธรรมชาติที่ไหลหลั่นลงมาจากเนินเขา ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะมานั่งแช่น้ำเพื่อสุขภาพกันโดยเฉพาะ เพราะเขาว่ากันว่าน้ำตกแห่งนี้ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย และช่วยบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดหลัง และโรคที่เกี่ยวกับผิวหนังได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังถูกโอบล้อมไปด้วยป่าไม้เขียวขจีน้อยใหญ่มากมายที่ให้ความร่มรื่นต่อผู้มาเยือน โดยเราสามารถลงเล่นน้ำคลายร้อนกันได้อย่างชื่นใจ แต่เนื่องจากทางเราไม่ได้เอาชุดไปเปลี่ยน ก็ขอแค่เดินชมบรรยากาศรอบ ๆ และซึมซับกับความงดงามของธรรมชาติพอหอมปากหอมคอก็รู้สึกชื่นใจมากแล้วล่ะ
เมื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติโดยรอบกันอย่างพอใจแล้ว เราก็ขอแวะเข้าไปเช็กอินกันที่ THE HUB Café ที่โดดเด่นในเรื่องของวิวและธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยหุบเขา และวิวสวนปลาม์ โดยภายในมีการตกแต่งอย่างเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น ให้ความรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้มาเยือน
ซึ่งร้านนี้เขาก็มีเมนูอาหารสไตล์อิตาเลียนและอาหารไทย รวมถึงขนมเบเกอร์รี่และเครื่องดื่มร้อนเย็นต่าง ๆ มากมายให้ได้ลิ้มลองกัน ซึ่งเราก็ได้สั่งน้ำผลไม้โซดากับขนมเค้กหนึ่งชิ้นมานั่งทานกันแบบชิล ๆ
หลังจากนั้นก็ออกเดินกันต่อ ในเย็นวันนี้เรากะว่าจะไปเดินเล่นกันที่ ถนนคนเดินกระบี่ เพื่อหาอะไรทาน พร้อมซึมซับไปกับบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวเมืองกระบี่กัน ซึ่งถนนคนเดินที่นี่ก็ไม่ต่างจากที่อื่นมากนัก เต็มไปด้วยร้านค้าและร้านขายของมากมายอย่างละลานตา ทั้งอาหารเมนูคาวหวาน อาหารทะเลย่างสด รวมถึงเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงของฝากที่ระลึก
ซึ่งเราก็ได้เดินชมและหาอะไรทานไปเรื่อย ๆ ก็คิดว่าน่าจะต้องกลับที่พักเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปตะลุยต่อกันในวันพรุ่งนี้แล้ว เพราะพรุ่งนี้เช้าเราจะออกไปเที่ยวเกาะและดำน้ำ คิดว่าน่าจะต้องใช้พลังมากกันเลยทีเดียว จึงขอตัวไปชาร์จพลังกันก่อนนะทุกคน
DAY 2 : วันที่สองของการเดินทางในกระบี่
เสียงนาฬิกาดังแต่เช้าทำให้เราต้องลุกขึ้นตื่นมาเตรียมพร้อมออกเดินทางไปท่องเที่ยวในเช้าวันที่สองกับการพาทุกคนออกเดินทางไปดำน้ำชมความสวยงามของเกาะภายในจังหวัดกระบี่ ซึ่งจะมีที่ไหนกันบ้างก็เตรียมตัวออกเดินทางไปลุยกับเรากันได้เลย
หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาขึ้นเรือเพื่อออกเดินทางไปยัง เกาะห้า หนึ่งในหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่แตกออกมาเป็นเกาะยิบย่อยกว่า 5 เกาะที่จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป โดยบริเวณเกาะแห่งนี้นิยมเป็นจุดดำน้ำดูปะการังที่เหล่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พากันมาแวะชื่นชมฝูงปลา และปะการังที่สวยงามใต้ท้องทะเลอันอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
ดำน้ำชมความงดงามกันไปประมาณ 20 นาทีได้ก็จะถึงเวลาออกเรือ เพื่อนำทุกท่านไปยังจุดดำน้ำที่ต่อมาอย่าง เกาะรอก อีกหนึ่งในหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องของการดำน้ำชมปะการังใต้ท้องทะเลที่งดงามจนได้สมญานามว่าเจ้าหญิงแห่งทะเลอันดามัน เพราะไม่ว่าจะด้วยความใสสะอาดของทะเลแล้วยังมีแนวชายฝั่งสีขาวสะอาดตารอคอยให้เหล่านักท่องเที่ยวได้มาดื่มด่ำทั้งในน้ำและบนบกได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นความงดงามของเมืองไทยที่สัมผัสได้อย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว
เดินเที่ยวเล่นและดำน้ำเสร็จกันไปเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาพาทุกคนไปชื่นชมอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ อ่าวปิเละ หนึ่งในอ่าวชื่อดังประจำจังหวัดกระบี่ที่ไม่ว่าใครเดินทางมาก็ต้องมาแวะเที่ยวชมและถ่ายรูปกันที่จุดนี้ แนะนำเลยว่าหากใครมาแล้วต้องห้ามพลาด เพราะความงดงามของน้ำทะเลสีฟ้าครามจนทำให้คุณสามารถมองเห็นข้างล่างได้ จะทำให้คุณยิ่งตกหลุมรักทะเลไทยของเราอย่างถอนตัวไม่ขึ้นกันไปเลย
หลังจากเที่ยวเล่นดำน้ำกันมาทั้งวันแล้วก็ได้เวลากลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรมก่อนจะเริ่มต้นเช้าวันใหม่ของวันสุดท้ายของการเดินทาง ซึ่งในวันพรุ่งนี้นั้นเราจะพาทุกคนไปตะลุยในตัวเมืองกระบี่กันว่าจะมีสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดไหนกันบ้าง เพราะฉะนั้นวันนี้ทางเราก็ขอตัวกลับพักผ่อนกันก่อนดีกว่า แล้วเจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ค่าทุกคน
DAY 3 : วันที่สามของการเดินทางในกระบี่
อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สามอันสดใสโดยในวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปชมความสวยงามของธรรมชาติกันที่ สระมรกต สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่เปิดให้คุณได้เข้ามาศึกษาเส้นทางธรรมชาติ และสัมผัสไปกับอากาศอันบริสุทธิ์พร้อมทั้งเสียงธารน้ำตกสีเขียวมรกตอันงดงามที่เกิดจากแร่ธาตุทางธรรมชาติจึงทำให้บ่อน้ำที่นี่นั้นมีความใสสะอาด จนกลายเป็นที่เรียกขานกันว่า สระมรกต
เมื่อเดินเข้ามาเที่ยวชมในบริเวณสถานที่แห่งนี้แล้วจะเห็นได้ว่ามีความงดงามของต้นไม้สีเขียวขจีอย่างมากโอบอุ้มสถานที่แห่งนี้ไว้จึงทำให้บรรยากาศภายในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว แนะนำเลยว่าหากใครที่อยากมาพักผ่อนหย่อนใจ หรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการเที่ยวทะเลแล้วละก็สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ที่แห่งนี้เลย
หลังจากชมความงดงามของธรรมชาติในเมืองกระบี่กันไปแล้วก็ได้เวลาสายบุญกันต่อที่ วัดถ้ำเสือ หนึ่งในวัดอันเลื่องชื่อของจังหวัดกระบี่ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมากราบไหว้สักการะบูชาเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆในเรื่องของโชคลาภ และเงินทองต่าง ๆ
นอกจากนี้บริเวณด้านบนของวัดถ้ำเสือที่ต้องใช้การเดินขึ้นบันไดไปกว่า 1,200 ขั้นก็จะทำให้คุณสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองกระบี่ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว ยิ่งถ้ามาในช่วงเย็น ๆ ด้วยแล้วคุณจะยิ่งสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้อย่างดงามเลยทีเดียว
ขอบคุณรูปภาพจากFacebook//Urban cafe & Bed
ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ ฯ ก็ขอพาทุกคนมาแวะพักดื่มด่ำกับกาแฟกันที่ร้าน Urban cafe & Bed ร้านคาเฟ่เมืองกระบี่ที่ตกแต่งไปด้วยบรรยากาศร้านที่เงียบสงบแต่โดดเด่นไปด้วยรสชาติละมุนของกาแฟและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่คุณสามารถมาทดลองชิมกันได้อย่างเต็มที่ และยิ่งใครเป็นสายถ่ายรูปแล้วด้วยละก็ห้ามพลาดร้านนี้เป็นอันขาดเพราะไม่ว่าจะถ่ายตามมุมร้าน หรือ เมนูอาหารต่าง ๆ ก็สวยงามจนต้องอัพลงโซเชียลกันเลยทีเดียว ว่าแล้วก็ขอตัวไปดื่มด่ำกับกาแฟและถ่ายรูปเล่นก่อนเดินทางไปสนามบินกันก่อนเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างกับการพาทุกคนไปเที่ยวกระบี่ฟีลซัมเมอร์ งบไม่ถึง 6,000 บาทคุณก็สามารถเที่ยวชมความงดงามของเมืองกระบี่ได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคา เพราะไม่ว่าจะความสวยงาม อาหาร หรือแม้แต่มิตรภาพดี ๆ ของคนบนเกาะที่เราพบเจอก็ทำให้การท่องเที่ยวของเราในครั้งนี้สนุกสนานเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เรียกได้ว่าคุณจะต้องหลงรักเมืองไทยกันเลยทีเดียว