พาเที่ยวมัลดีฟส์เมืองไทย ระนอง ลองแล้วจะรัก แบบฉบับไม่แพง

“ระนอง” สถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสวยงามและมนต์เสน่ห์ต่าง ๆ มากมายที่เปิดให้คุณได้เข้ามาสัมผัสกันได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพูดถึงการเดินทางมาท่องเที่ยวที่ระนองแห่งนี้แล้ว สิ่งแรกที่หลายคนจะนึกถึงเลยนั่นก็คือ ทะเล เพราะต้องบอกเลยว่าจังหวัดระนองเป็นจุดท่องเที่ยวที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมากในเรื่องของท้องทะเลที่สวยงาม เพราะไม่ว่าจะน้ำทะเลที่ใสสะอาด หรือ หาดทรายที่ขาวนวลราวกับสวรรค์บนดินก็จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากที่แห่งนี้เลย วันนี้เราจึงอยากจะขออาสาพาทุกคนไปเที่ยวมัลดีฟส์เมืองไทย ที่จังหวัดระนอง จุดหมายปลายทางที่คุณจะต้องตกหลุมรักจนกลับมาซ้ำรอบสองอีกอย่างแน่นอน ว่าแล้วไม่รอช้า รีบไปตะลุยกันเลยดีกว่า

การเดินทางไปเที่ยวจังหวัดระนอง

สิ่งแรกของการเตรียมตัวออกเดินทางแน่นอนว่าต้องเป็นตั๋วเครื่องบิน โดยในครั้งนี้เราได้จองตั๋วผ่านช่องทางออนไลน์กับ Traveloka ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด็ดอย่าง Price Alerts ตัวช่วยกรองข้อมูลของราคาแต่ละสายการบิน รวมไปถึงโปรโมชั่นต่าง ๆ มาให้คุณได้เลือกซื้อกันได้อย่างคุ้มค่าคุ้มราคาในสไตล์ที่ใช่สำหรับคุณ ซึ่งขั้นตอนในการจองก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่คลิกจองตั๋วเครื่องบินระนองและเลือกวันเดินทางที่ต้องการเท่านี้ ก็สามารถชำระเงินตามช่องทางที่สะดวกและรอรับอีเมลยืนยันได้เลย

วันแรกของการเดินทาง

เริ่มต้นวันแรกของการเดินทางในเช้าวันนี้ หลังจากออกเดินทางจากกรุงเทพสู่จังหวัดระนองกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งหน้าไปรอรับรถที่เราทำการจองมา โดยเราได้เลือกเช่ารถขับกับ Traveloka ก่อนล่วงหน้า 24 ชั่วโมง เพื่อทำการยืนยันรถที่จะใช้ขับเที่ยวของเราในวันนี้ เนื่องจากในแอปมีฟีเจอร์ใหม่ดี ๆ ที่จะช่วยให้การเดินทางของคุณสามารถทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น แถมยังคุ้มค่าคุ้มราคา และง่ายดายต่อการจองในขั้นตอนต่าง ๆ อีกด้วย

หลังจากรับรถเสร็จกันไปเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาพาทุกคนไปเก็บกระเป๋าที่โรงแรมและเช็กอินให้เป็นที่เสร็จสับก่อนจะออกเดินทางไปเที่ยวกันที่สถานที่แรกกับ ภูเขาหญ้า จุดเช็กอินยอดฮิตที่สายถ่ายรูปอย่างเราไม่ควรพลาด เนื่องจากบริเวณสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่โล่งแจ้งขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยทุ่งหญ้าเนินเขาเล็กใหญ่สลับกันไปมา จนทำให้เกิดเป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงามจนน่าสะดุดตาไม่น้อยเลยทีเดียว

ซึ่งภูเขาเเห่งนี้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กเด็ดที่คนชอบถ่ายรูปอย่างเราต้องมาเก็บภาพบรรยากาศของภูเขาสีเหลืองทองอร่ามท่ามกลางพื้นที่ขนาดกว้าง ที่เราสามารถโพสท่าถ่ายรูปกันได้อย่างสนุกสนาน หรือหากใครที่อยากเก็บความทรงจำแบบโรแมนติกท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าไปแล้วละก็ สามารถมานั่งชมวิวทัศนียภาพบริเวณสถานที่แห่งนี้ในช่วงตอนเย็นได้อย่างเต็มเปี่ยมอีกเช่นกัน

เที่ยวเล่นถ่ายรูปกันที่สถานที่แรกกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มาผ่อนคลายความเมื่อยล้ากันหน่อยที่ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน หนึ่งในบ่อน้ำร้อนธรรมชาติของเมืองไทยที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสและผ่อนคลายไปกับความร้อนกว่า 65 องศา โดยบ่อน้ำร้อนนี้จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ และบำรุงผิวพรรณให้ระบบไหลเวียนเลือดของเราทำงานได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

เมื่อเดินเข้ามาเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าบริเวณสถานที่แห่งนี้มีทั้งโซนแช่เท้า และโซนแช่ตัวที่มีให้เลือกว่าเราจะแช่แบบเดี่ยว หรือ แบบรวมก็ได้ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าน้ำร้อนแห่งนี้เป็นน้ำแร่ธรรมชาติที่มีแร่ธาตุที่สำคัญ ทำให้สามารถใช้ในการรักษาบำบัดได้อีกด้วย แนะนำเลยว่าหากใครอยากแช่ออนเซ็นแล้วละก็ไม่ต้องเดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่น ก็สามารถมานอนแช่น้ำแร่ได้ที่ระนองแห่งนี้เลย

เที่ยวเล่นกันแบบจุใจไปแล้วสำหรับเช้าวันแรกก็ได้เวลาอำลาวันที่แสนสดใสของเราด้วยการพาทุกคนไปรับประทานอาหารเย็นที่ ร้านเคียงเล ที่เรียกได้ว่าเป็นร้านอาหารยอดนิยมที่ไม่ว่าใครเดินทางมาระนองแล้วละก็จะต้องแวะมารับประทานอาหารที่ร้านแห่งนี้ เพราะนอกจากวิวทิวทัศน์ของชายหาดยามเย็นโดยรอบที่สวยงามแล้ว ยังมีเมนูอาหารทะเลสด ๆ ให้เราได้เลือกสรรอย่างหลากหลายเมนู แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วย เรียกได้ว่ายกทะเลขึ้นมาให้ทานสด ๆ ในราคาย่อมเยาเลยทีเดียว ว่าแล้วก็ขอตัวไปรับประทานก่อนกลับไปพักผ่อนเตรียมลุยในวันพรุ่งนี้กันก่อนเลยทุกคน

วันที่สองของการเดินทาง

อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สองของการเดินทาง โดยในวันนี้เราจะขอพาทุกคนมารับประทานอาหารเช้ากันที่โรงแรมให้เรียบร้อยก่อนจะพาออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ความสวยงามราวเมืองมัลดีฟส์ไทยแลนด์ที่ หมู่เกาะช้างเผือก หรือ Cock Burn Island หนึ่งในหมู่เกาะอันสวยงามของประเทศพม่าที่เปิดให้พวกเราคนไทยสามารถเข้าไปเที่ยวชมความงดงามได้อย่างใกล้ชิด

ซึ่งในวันนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าเป็นการเดินทางแบบ One day trip ที่เราจะใช้เวลาทั้งวันกับสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมการดำน้ำ ชมปะการัง พายเรือ หรือแม้แต่การเที่ยวชมรอบตัวเกาะก็สามารถทำได้อย่างเต็มที่เลย

มาเริ่มด้วยสิ่งแรกที่เราจะทำเมื่อเดินทางมาถึงเกาะนั่นก็คือ การถ่ายรูปเล่นริมชายหาดที่ต้องบอกเลยว่าชายหาดที่นี่มีเนื้อละเอียดและขาวเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้ามองด้วยตาเปล่าด้วยแล้วจะเห็นเป็นหาดทรายสีขาวทอดยาวไปกับความงดงามของน้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาดตา จนอยากจะเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ให้เหมือนกับภาพที่เห็นตรงหน้าเลยทีเดียว

การเดินเที่ยวเล่นบนเกาะแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่จุดเดียว แต่เราสามารถเดินเที่ยวชมได้รอบเกาะแบบที่บอกได้เลยว่ามุมถ่ายรูปแน่น ๆ จุก ๆ กันไปเลยทีเดียว ยิ่งถ้าช่วงน้ำลงด้วยแล้วจะสามารถเดินเชื่อมไปอีกเกาะเพื่อถ่ายรูปเล่นได้อีกเช่นกัน

หลังจากถ่ายรูปเล่นเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาของการออกไปดำน้ำชมปะการังและความสวยงามของใต้ท้องทะเลที่เกาะช้างเผือกแห่งนี้ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก โดยเราสามารถดำน้ำ ชมปะการังสีสันต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงฝูงปลาที่ออกมาอวดโฉมให้เราได้ชื่นชมกันอย่างสนุกสนาน

หลังจากดำน้ำเสร็จก็แวะรับประทานอาหารกลางวันที่ทางทัวร์จัดไว้ให้ แล้วมานั่งพายเรือชมวิวรอบเกาะเล่นกันสักหน่อยเพื่อความสนุกสนานเเละเก็บกิจกรรมให้ครบ ซึ่งไม่ว่าจะดำน้ำ ถ่ายรูป หรือแม้แต่พายเรือ เมื่อได้มองตัวภาพตรงหน้าที่สวยงามของท้องทะเลแห่งนี้แล้วก็ตกหลุมรักอย่างไม่รู้ตัวเลยทีเดียว แนะนำเลยว่าหากใครที่ยังไม่เคยมาระนองต้องเดินทางมาให้ได้เลยสักครั้ง แล้วคุณจะรู้เลยว่าไม่ต้องไปถึงมัลดีฟส์ ก็มีน้ำทะเลใส ๆ มาให้เราได้เชยชมเหมือนกัน

อิ่มหน่ำสำราญไปกับการดำน้ำเที่ยวเล่นบนเกาะแสนสวยกันไปบ้างแล้ว หลังจากกลับมาพักผ่อนและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ได้เวลาของอาหารค่ำ โดยในมื้อนี้เราจะขอพาทุกคนไปรับประทานอาหารกันที่ รัชชาฟาร์ม อาหารสไตล์ออแกนิคแบบสดใหม่ที่สายรักษาสุขภาพอย่างเราต้องไม่พลาด

เนื่องจากร้านแห่งนี้คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีมาปรุงรสให้เราได้รับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย เพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนไม่ค่อยชอบรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพกันนัก เพราะรสชาติที่อาจจะไม่ถูกปาก แต่อาหารของร้านนี้รับรองได้เลยว่าจะเปลี่ยนใจคนที่ไม่ชอบทานผักให้หันมาทานได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วทางเราก็ขอตัวไปสั่งเมนูอาหารมารับประทานเติมพลังของวันนี้กันก่อนเลย

วันที่สามของการเดินทาง

และแล้วก็เดินทางมาถึงเช้าวันสุดท้ายของการเดินทางโดยในวันนี้เราจะขอพาทุกคนไปเก็บภาพบรรยากาศโดยรอบของจังหวัดก่อนกลับกันที่ บ้านร้อยปีเทียนสือ สถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดระนองได้เป็นอย่างดี เนื่องจากบริเวณบ้านแห่งนี้เป็นบ้านของนายเทียนสือ บุตรเขยของท่านเจ้าเมืองระนองที่สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2433 ทำให้มีอายุยาวนานมากกว่า 100 ปี อีกทั้งยังคงสภาพความเก่าแก่และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เข้ามาเดินเที่ยวชมความคลาสสิคของสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเพลิดเพลิน

เมื่อเดินเข้ามาถึงภายในบ้านจะเห็นได้ว่าบริเวณบ้านแห่งนี้รายล้อมไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สไตล์จีนโบราณ และกำแพงที่ตกแต่งเป็นลวดลายต่าง ๆ ให้เหล่านักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปเล่นกันได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีร้านอาหารเช้าแบบท้องถิ่นให้เราได้ชิมกันภายในบ้านหลังนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนเมืองจำลองที่ทำให้เราได้ย้อนยุคไปอยู่ในสมัย 100 ปีก่อนเลยก็ว่าได้

เที่ยวเล่นชมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในอดีตและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ กันอย่างจุใจแล้ว ก็ได้เวลาพาทุกคนไปดื่มด่ำกับกาแฟกันต่อที่ ร้านห้วยค้างคาว อีกหนึ่งจุดเช็กอินร้านเด็ดที่ใครมาระนองก็ห้ามพลาด เนื่องจากภายในร้านแห่งนี้นอกจากจะมีกาแฟสดดี ๆ แล้วยังมีการตกแต่งภายในร้าน และวิวโดยรอบของธารน้ำตกแสนเย็นสบายที่คุณสามารถมานั่งดื่มด่ำกับกาแฟไปพร้อม ๆ กับการแช่เท้าริมธารได้อย่างเต็มอิ่ม

บอกได้เลยว่าหากใครได้เข้ามาที่ร้านแห่งนี้แล้วละก็จะได้พบกับความผ่อนคลายของวิวป่าไม้โดยรอบและเสียงของสายน้ำกับความเย็นสบายที่หากใครได้มาดื่มด่ำบรรยากาศแบบนี้แล้วละก็อาจจะเผลอหลับกันได้เลยทีเดียว ว่าแล้วทางเราก็ขอตัวไปดื่มด่ำกับกาแฟและถ่ายภาพที่มุมลำธารของทางร้านก่อนออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ กันก่อนเลย

จบไปแล้วกับการพาทุกคนออกเดินทางไปท่องเที่ยวมัลดีฟส์เมืองไทยจังหวัดระนอง สถานที่ที่เต็มไปด้วยความสวยงามของท้องทะเลไทย และพม่า ที่เปิดให้คุณได้ออกมาดื่มด่ำความงดงามเหล่านี้ได้อย่างใกล้ชิด หากใครที่อยากเติมพลังให้ตัวเองในช่วงวันหยุดแบบนี้แล้วละก็สามารถออกเดินทางมาท่องเที่ยวได้ที่สถานที่แห่งนี้เลย