0

Traveloka TH

06 Sep 2022 - 5 min read

แจกแพลนทริปที่เที่ยวสวิสฯ แบบจัดเต็ม ในงบไม่เกิน 30,000 บาท

การได้ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ คือทริปในฝันที่หลายคนยังลังเลที่จะปักหมุดไป เนื่องจากกังวลในเรื่องงบประมาณที่ต้องใช้นี่ละ หลังจากตามอ่านรีวิว สวิตเซอร์แลนด์ ใน pantip มานาน คราวนี้เราเลยขอนำเสนอการไปเที่ยวสวิสแบบจัดเต็มในงบที่สัมผัสได้ โดยจะออกสตาร์ทกันจากเมืองซูริคซึ่งมีไฟลท์บินให้เลือกหลากหลาย ใครสนใจลองไปจองตั๋วเครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์กับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp เอาไว้ก่อนเลยน้า ถ้าได้ตั๋วราคาประหยัดบวกกับที่เที่ยวสวิสจัดเต็มในงบไม่บานปลายที่เราเอามาฝากกัน เชื่อว่าการเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ก็จะไม่ต้องอยู่แค่ในฝันอีกต่อไป!

แพลนเที่ยวสวิสแบบประหยัด งบ 30,000 บาท

Day 1

หลังจากมาถึงเมืองซูริค แพลนเที่ยวสวิสของเราเริ่มด้วยการมุ่งหน้าไปยังเมือง Interlaken ก่อนเลยจ้ะ โดยสำหรับคนที่วางแพลนมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์นะ แนะนำว่าควรหาซื้อ Swiss Travel Pass ไว้เลยจ้า พาสสำหรับ 8 วันของทริปนี้ อยู่ที่ประมาณ 389 CHF ฟังดูแรงแต่เราว่าคุ้มน้า เพราะสามารถใช้ขึ้นได้ทั้งรถไฟ รถบัส เรือ แถมยังเข้าพิพิธภัณฑ์ได้อีกกว่า 500 แห่ง แล้วยังใช้เป็นส่วนลดกระเช้าไฟฟ้าขึ้นเขาหลายที่ได้ถึง 50% เลยด้วยละ ยิ่งแวะที่เที่ยวสวิสเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งคุ้มนะ บอกเลยว่าของมันต้องมี!

เก็บสัมภาระไว้ ณ ที่พักเสร็จสรรพ เราก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปเช็คอินกันที่ Aare Gorge เป็นที่แรก โดยใช้เวลาเดินทางจาก Interlaken ประมาณ 30 - 40 นาที ที่นี่เป็นเส้นทางเดินริมหน้าผาเลาะเลียบธารน้ำสีฟ้า ให้เราได้ชมวิวธรรมชาติสวยๆ ไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางความยาว 1.4 กิโลเมตรที่แสนจะสะดวกสบาย ใช้เวลาเดินไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็จะมาถึงทางออกกันแล้วจ้า นอกจากความสวยของทิวทัศน์สุดตระการตาแล้วนะ ความ Unseen ของที่นี่ยังอยู่บริเวณประตูเข้ารถไฟตรงทางออกนี่ละ เป็นที่เที่ยวสวิสที่สายเดินน่าจะเพลินเลยจ้า ลองแวะมาเช็คอินกัน

อัตราค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 10 CHF (หรือ 18 CHF รวมค่าชมน้ำตก Reichenbach Falls)

เวลาเปิด - ปิด : 08.30 - 17.30 น. (19 กันยายน - 1 พฤศจิกายน 2565)

จากการเดินชมวิวหน้าผา ขากลับอินเทอร์ลาเคนจะแวะเดินเล่นเมือง Brienz กันซักหน่อยก็ไม่เสียหายจ้า เบรียนซ์คือเมืองเล็กๆ แสนน่ารักที่มีบรรยากาศสบายๆ และทิวทัศน์สวยๆ ให้เราเดินชมได้เพลินๆ เลยละ ถ้ามีเวลาจะเลือกล่องเรือชมทะเลสาบแบบชิลล์ๆ กลับไปที่เมืองอินเทอร์ลาเคนแทนการนั่งรถไฟก็ยังได้นะ ได้ชมวิวสวยแปลกตาไปอีกแบบจ้า ที่สำคัญคือสามารถใช้ Swiss Pass ขึ้นได้ฟรีด้วยละ! เป็นอีกหนึ่งวิธีเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่ดีงามสุดๆ เลย

ถ้ายังไม่ล้าเกินไป แนะนำให้มาเดินเล่นชมความสวยของวิวทะเลสาบในเมืองอินเทอร์ลาเคนเป็นการปิดท้ายวันกันก็ชิลล์ดีนะ เมืองนี้มีวิวเด็ดๆ ของทะเลสาบ Thun และทะเลสาบ Brienz รายล้อมอยู่ถึงสองด้าน จึงมีวิวสวยให้ดูกันได้แบบจุใจเลยจ้า หลายคนคงเคยผ่านตารีวิว สวิตเซอร์แลนด์ ใน pantip ที่พูดถึงเมืองนี้มาบ้างแล้วละ บอกเลยว่าของเค้าดีจริงจ้ะ นี่คืออีกหนึ่งที่เที่ยวสวิสที่ต้องมาจริงๆ

Day 2

ออกสตาร์ทวันที่สองของทริปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กัน ด้วยการขึ้นรถไฟมุ่งหน้าไปยัง Lauterbrunnen หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางเทือกเขาขนาดมหึมาที่สวยเหมือนหลุดมาจากในนิทาน ไม่ว่าจะด้วยสีสันของธรรมชาติ บ้านเรือนที่แสนจะน่ารัก แล้วที่ถือเป็นไฮไลท์ก็คือน้ำตกที่มีให้ชมกันหลายแห่งเลยละ ที่พลาดไม่ได้ก็คือน้ำตก Staubbach Fall ซึ่งไหลลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 300 เมตรนะ เป็นอีกที่เที่ยวสวิสที่ต้องปักหมุดเลยจ้า รถไฟเส้นทางนี้ใช้สวิส พาสได้เลยน้า รับรองว่านี่คือคุณค่าที่คุณคู่ควร!

ที่เที่ยวสวิสพิกัดต่อมาก็คือ Murren หมู่บ้านที่อยู่ถัดจากเลาเทอร์บรุนเนินมาไม่ไกล ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ บนความสูง 1,638 เมตร และนับเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งเลยละ บรรยากาศรอบๆ ของหมู่บ้านนี้ก็โรแมนติกเว่อร์ๆ จ้า ไม่ว่าจะเป็นวิวสุดอลังการที่อยู่รอบด้าน บ้านไม้ที่สวยคลาสสิกเป็นเอกลักษณ์ สลับกับสีสันของดอกไม้ใบหญ้าและธรรมชาติงามๆ แบบเต็มตา บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งเช็คอินที่จะทำให้การมาเที่ยวสวิสของคุณ Complete แบบสุดๆ ไปเลยละ

หลังจากเดินทางฟรีกับสวิส พาสมาตลอดทาง ก็ได้เวลาควักกระเป๋าซื้อตั๋วขึ้นไปยังยอดเขา Schilthorn ซึ่งเคยใช้เป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์ James Bond ตอน On Her Majesty’s Secret Service กันแล้วจ้า จาก Murren จะมีกระเช้าไฟฟ้าพาเราขึ้นไปยังยอดเขาทุกครึ่งชั่วโมงนะ แต่ถ้าใครไม่รีบอยากชวนให้แวะลงที่สถานี Birg กันก่อนจ้ะ ที่นี่มีสารพัดไฮไลท์ให้คนรักความเสียวได้ลองกันตรงบริเวณ Thrill Walk น้า ทั้งทางเดินเลาะขอบหน้าผาที่ทำจากตะแกรงเหล็กและกระจกใส ไปจนถึงอุโมงค์และทางเดินเหล็กโปร่งที่ลอยอยู่กลางอากาศเลยละ รับรองว่านี่คือพิกัดเที่ยวสวิสที่จะทำให้คุณจำไปอีกนาน!

อัตราค่าบริการกระเช้าไฟฟ้า : 42.80 CHF (ราคาเมื่อใช้ Swiss Pass เป็นส่วนลด 50% แล้ว)

เวลาเปิด - ปิดกระเช้าไฟฟ้า : 07.25 - 16.25 น.

เร้าใจกับการแวะสถานี Birg กันจนเต็มที่ ก็ได้เวลาขึ้นกระเช้าต่อมายังยอดเขา Schilthorn ที่มีความสูง 2,970 เมตรกันแล้วจ้า นอกจากจะเห็นวิวสุดอลังการของยอดเขา Eiger Mönch และ Jungfrau อยู่ตรงหน้าอย่างแสนจะตื่นตาตื่นใจแล้วนะ บนนี้ยังมีเรื่องราวสนุกสนานเกี่ยวกับภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ให้เราได้สัมผัสกันแบบจัดเต็มเลยด้วยจ้า เป็นที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่สายธรรมชาติควรมา และสาวกเจมส์ บอนด์ทั้งหลายก็ต้องปักหมุดไป

เช็คเวลาขึ้นไปชมยอดเขาตลอดทั้งปีได้จากเว็บไซต์ : https://www.myswissalps.com/schilthorn/gettingthere

ถ้ามีเวลาเหลือนะ อยากชวนให้ใช้เวลาไฮกิ้งกันจากหมู่บ้าน Murren ไปยังหมู่บ้าน Gimmelwald กันดูจ้า ตลอดระยะทางประมาณ 2.4 กิโลเมตรของเส้นทางนี้นั้นเต็มไปด้วยทิวทัศน์สุดอัศจรรย์ของธรรมชาติแบบ 360 องศา อย่าลืมเผื่อเวลาไว้แวะถ่ายรูปกันด้วยนะ รับรองว่าจะเป็นสองกิโลเมตรที่เด็ดและเดินเพลินสุดๆ เชียวละ เป็นอีกที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งอยากบอกว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!

เวลาเปิด - ปิดกระเช้าไฟฟ้า : 06.00 - 23.45 น

Day 3

ที่เที่ยวสวิสพิกัดต่อมา ก็คือการไปเดินชมความงดงามของ Oeschinen Lake ซึ่งเป็นอีกพิกัดเด็ดที่อยู่ห่างจากเมือง Interlaken มาประมาณ 47 กิโลเมตร จากสถานีกระเช้าไฟฟ้ามีเส้นทางเดินชมธรรมชาติหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้กัน บอกเลยว่าวิวรอบด้านนั้นสวยปังทุกเส้นทางจ้า แต่ละเส้นทางจะมีระยะใกล้ไกลและความยากง่ายต่างกันนิดหน่อยนะ หรือใครไม่ใช่สายเดินเค้าก็มีรถบัสให้บริการด้วยละ ค่ารถอยู่ที่ 8 CHF จ้ะ แนะนำว่าถ้าไม่ยากเกินไปให้เดินชมวิวกันไปเรื่อยๆ จะเริ่ดกว่า มาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ทั้งที ก็ต้องเสพวิวกันให้เต็มที่สิ ถึงจะคุ้ม!

อัตราค่าบริการกระเช้าไฟฟ้า : 15 CHF (ราคาเมื่อใช้ Swiss Pass เป็นส่วนลด 50% แล้ว)

เวลาเปิด - ปิดกระเช้าไฟฟ้า : 08.30 - 17.00 น. (24 ตุลาคม - 22 ธันวาคม 2565 ปิดให้บริการ)

ชิลล์กับวิวแจ่มๆ ของทะเลสาบกันจนจุใจ ก็ได้เวลานั่งรถไฟต่อไปยังเมือง Zermatt ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญในการมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กันเลยนะ นอกจากจะเป็นหมู่บ้านสุดน่ารักล้อมรอบด้วยภูเขาเหมือนอยู่ในนิทานแล้ว ที่นี่ยังเป็นหมู่บ้านที่ปราศจากมลพิษของรถยนต์ด้วยจ้า ไฮไลท์สุดๆ ของที่นี่ก็คือการได้เห็นยอดเขา Matterhorn อันโด่งดังแบบสวยเต็มตา สำหรับคนที่อยากขึ้นไปชิลล์กับวิวสุดว้าวบนยอดเขา Matterhorn ก็สามารถขึ้นเคเบิ้ลคาร์จากเมืองนี้ได้เลยนะ บอกเลยว่านี่คืออีกที่เที่ยวสวิสที่ไม่มาไม่ได้จริงๆ

อัตราค่าบริการกระเช้าไฟฟ้าขึ้น Matterhorn : 109 CHF (ใช้ Swiss Pass ลดได้อีก 50% น้า)

เวลาเปิด - ปิดกระเช้าไฟฟ้า : 07.30 - 16.00 น.

Day 4

หลังจากฟินเต็มที่กับวิวเทือกเขาสูงอลังการ ก็ขอชวนกันเดินทางเข้าไปปักหมุดเที่ยวตัวเมืองแบบชิลล์ๆ กันที่ Lucerne ต่อเลยจ้า นี่คืออีกหนึ่งเมืองยอดฮิตของนักท่องเที่ยวไทยที่เรามักจะได้เห็นรีวิวเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ใน pantip อยู่บ่อยๆ เลยเชียวละ ลูเซิร์นคือเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์อันงดงามน่าประทับใจ รวมถึงยังมีทิวทัศน์สุดแจ่มทั้งของภูเขาและทะเลสาบให้ชมกันได้แบบเต็มๆ ตา เป็นเมืองสวยที่เหมาะกับการมาเดินเล่นแบบสบายๆ และนับเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งควรต้องมาเช็คอินกันให้ได้เชียว

หนึ่งแลนด์มาร์คที่มาเที่ยวลูเซิร์นแล้วต้องได้เห็น ก็คงเป็น The Lion Monument แห่งนี้นี่ละ นี่คืออนุสาวรีย์รูปสิงโตซึ่งมีความยาวเกือบ 10 เมตร ที่แกะสลักลงไปบนผาหินทรายใจกลางเมืองลูเซิร์น เพื่อระลึกถึงเหล่าทหารสวิสซึ่งเสียชีวิตในหน้าที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1792 ว่ากันว่านี่คืออนุสาวรีย์ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ และยังเป็นหนึ่งในชิ้นงานแกะสลักที่โด่งดังที่สุดของยุโรปเลยด้วยนะ เป็นที่เที่ยวสวิสในเมืองลูเซิร์นที่มาแล้วต้องได้แวะไปเช็คอินกัน

เวลาเปิด - ปิด : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

Chapel Bridge นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งเช็คอินซึ่งพลาดไม่ได้เมื่อไปถึงลูเซิร์นเลยละ สะพานไม้เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 14 แห่งนี้ ทอดตัวเชื่อมสองฝั่งของแม่น้ำรอยซ์เข้าไว้ด้วยกัน แม้จะเคยเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ แต่ก็มีการบูรณะตัวสะพานขึ้นมาใหม่ให้สวยไม่ต่างจากของเดิมเลยนะ มีเพียงภาพจิตรกรรมด้านในตัวสะพานที่เสียหาย แต่ก็ยังคงมีหลงเหลือให้ได้เห็นกันอยู่บางส่วนจ้า นี่คืออีกหนึ่งที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีผู้คนจากทั่วโลกแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนกันไม่ขาดสาย และควรต้องไปเช็คอินกันให้ได้ซักครั้งเลยละ

ส่งท้ายช่วงเย็นของวันด้วยการไปเดินเล่นริมทะเลสาบ Lucerne กันแบบสุดสโลว์ไลฟ์ กับบรรยากาศสุดชิลล์ของทะเลสาบที่มีน้ำสีฟ้าใส รายล้อมไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่งดงามลงตัวสุดๆ จ้า ใครอยากลงไปถีบเรือชมวิวชิลล์ๆ จากกลางทะเลสาบเค้าก็มีให้จัดกันด้วยนะ จะเดิน จะปั่น ก็เพลินทั้งนั้นจ้ะ ช่วงเย็นๆ ยิ่งโรแมนติกแบบสุดๆ เลยน้า ใครไปเที่ยวสวิสกับคนรู้ใจยิ่งพลาดไม่ได้เลยจ้า รับรองว่าแฮปปี้แน่นอน

Day 5

ออกสตาร์ทกันตอนเช้าด้วยการไปพิชิต Mount Pilatus อีกหนึ่งที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองลูเซิร์นไปแค่ประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น วิธีการเดินทางยอดฮิตก็คือการใช้บริการรถรางที่ชันที่สุดในโลกขึ้นไป แล้วใช้กระเช้าไฟฟ้าตอนขาลง ต่อด้วยรถเมล์เข้าเมืองกันแบบชิลล์ๆ นี่ละ เพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยแปลกตาแตกต่างกันไป บนยอดเขามีที่พักให้บริการด้วยนะ นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร จุดชมวิว และเส้นทางเดินเลาะริมผาที่เห็นทิวทัศน์สุดอลังการกันได้เต็มตาแบบสะใจ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวสวิสซึ่งสวยปังและเดินทางได้สะดวกมากจ้า แนะนำว่าปักหมุดมาเลย

อัตราค่าบริการขึ้น Mount Pilatus : 36 CHF (ราคาเมื่อใช้ Swiss Pass เป็นส่วนลด 50% แล้ว)

เวลาเปิด - ปิดกระเช้าไฟฟ้า : 08.30 - 16.00 น.

เวลาให้บริการรถไฟ Pilatus Bahn : 08.10 - 13.35 น.

**รถไฟ Pilatus Bahn จะปิดให้บริการช่วงฤดูหนาว ก่อนไปควรเช็คช่วงเวลาให้บริการอีกครั้งที่ https://www.pilatus.ch/en/inform/timetable

ย่านเมืองเก่าของลูเซิร์นคืออีกหนึ่งพิกัดที่เหมาะจะมาเดินเล่นกันแบบเพลินๆ เลยจ้า ไม่ว่าจะเป็นจตุรัส Hirchenplatz ซึ่งมีอาคารโบราณและภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ ศาลาว่าการเมือง โบสถ์ หอคอยและกำแพงเมืองโบราณ นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร ร้านค้า รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจ มีแรงเท่าไหร่เดินกันให้จุใจไปเลยจ้า มุมสวยๆ ที่ถ่ายรูปออกมาแจ่มๆ ก็เพียบเลยนะ เป็นอีกพิกัดเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่สวยคุ้มค่า และเหมาะจะมาเช็คอินกันให้ได้ซักครั้งเชียว

Day 6

ออกสตาร์ทกันตอนเช้าเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Mount Titlis อีกหนึ่งภูเขาซึ่งเป็นพิกัดยอดฮิตของการมาเที่ยวสวิสนั่นเองจ้า ความเริ่ดของการพิชิตยอดเขาทิตลิสนั้นเริ่มจากการที่เราจะได้ชมวิว 360 องศา ไปบนกระเช้าไฟฟ้า Rotair ซึ่งเป็นกระเช้าที่หมุนรอบตัวเองได้เป็นแห่งแรกของโลก ต่อด้วยการขึ้นไปเดินชมถ้ำน้ำแข็งบนยอดเขา ได้เช็คอินบนจุดชมวิวสวยปังสุดอลังการ และที่สำคัญคือการไปลองเดินข้ามสะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรป Titlis Cliff Walk สำหรับคนที่ชอบความท้าทายซึ่งอยากได้ประสบการณ์แบบลืมไม่ลงเลยละ เชื่อว่านี่คืออีกหนึ่งพิกัดเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่คุณจะประทับใจ

อัตราค่าบริการกระเช้าไฟฟ้าจากสถานี Engelberg - Titlis : 48 CHF (ราคาเมื่อใช้ Swiss Pass เป็นส่วนลด 50% แล้ว)

เวลาเปิด - ปิดกระเช้าไฟฟ้า : 08.30 - 17.00 น.

จากความปังของยอดเขาทิตลิส ก็ได้เวลามุ่งหน้าสู่ Zurich เป็นพิกัดต่อไป และเมื่อเก็บข้าวของกันเสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาไปเดินชมความงดงามของพื้นที่ประวัติศาสตร์ในย่านเมืองเก่าของซูริคกัน ในย่านนี้เราจะได้เดินเล่นไปตามถนนปูหินแบบโบราณ ได้ชมวิวสวยริมแม่น้ำ Limmat ได้เห็นความสวยของอาคารโบราณอย่างโรงละครโอเปร่า โบสถ์ หรือแม้กระทั่งสวนพฤกษศาสตร์ Alter Botanischer Garten อยากช้อปปิ้งในร้านค้าหรือหาของอร่อยในคาเฟ่และร้านอาหาร ย่านนี้ก็มีให้ชิลล์กันแบบจุใจ เป็นอีกพิกัดเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่เชื่อได้ว่าหลายคนน่าจะแฮปปี้แน่นอน

Day 7

ส่งท้ายทริปเที่ยวสวิสคราวนี้กันด้วยการไปชมความอลังการของ Rhine Waterfall ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเลยจ้า ด้วยความกว้างถึง 150 เมตร และสูงถึง 23 เมตร ทำให้เกิดเป็นละอองน้ำขาวฟุ้งกระจายสูงเป็นวงกว้างเห็นมาแต่ไกล ถ้าเดินชมเฉยๆ ยังไม่สะใจ จะเลือกลงเรือไปชมกันในระยะประชิดก็ได้นะ เค้ามีให้เลือกทั้งไปล่องชมน้ำตกกันใกล้ๆ หรือจะไปเปลี่ยนมุมดูกันให้สะใจบริเวณโขดหินที่อยู่กลางกระแสน้ำก็ได้จ้า ใครงบเหลือก็ลองไปจัดกันดูน้า รับรองว่าจะได้ปิดทริปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กันแบบตื่นตาตื่นใจสุดๆ ไปเลย

และนี่คือแพลนเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ในแบบฉบับเราที่ขอหยิบเอามาฝากกัน เชื่อว่าจะเป็นทริปที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศและพิกัดไฮไลท์ของที่เที่ยวสวิสในงบประมาณไม่เกินเอื้อมซักเท่าไหร่น้า ยิ่งถ้าได้จองตั๋วเครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์กับ Traveloka Travel & Lifestyle Superapp ที่มีโปรราคาดีมาให้สอยกันบ่อยๆ ก็น่าจะไปเที่ยวสวิสกันได้แบบสบายกระเป๋าขึ้นเลยละ ช่วง Sale ครั้งหน้า รอช้อนซื้อตั๋วกันไว้เลยจ้า รับรองว่าทริปในฝันจะมาถึงในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน!

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร