‘ปารีส’ ดินแดนในฝันสุดโรแมนติกที่หลายคนอยากไปสัมผัสกันซักครั้ง ว่ากันว่าถึงทุกอย่างในโลกจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แต่ปารีสก็ยังคงเป็นเมืองที่มีมนตร์ขลังดึงดูดนักเดินทางได้เสมอ ถ้าอยากไปเช็คอินปารีสกันแบบสบายๆ วันนี้เราเตรียมแพลนเที่ยวปารีสมาให้แล้วจ้า รับรองว่าได้เที่ยวกันแบบชิลล์ๆ แต่ก็ยังเก็บเกี่ยวที่เที่ยวซึ่งเป็นแลนด์มาร์คปารีสได้อย่างครบครัน ที่สำคัญอย่าลืมไปจองตั๋วเครื่องบินปารีสกับ Traveloka ด้วยนะ ตั๋วโปรฯ ดี มีให้เลือกกันแบบละลานตา รับรองว่าต้องได้เที่ยวปารีสในราคาที่โดนใจกันแน่นอน

เช็คราคา ตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศส ราคาพิเศษ

ออกสตาร์ทพิกัดแรกในปารีสกันที่ โบสถ์ Sainte - Chapelle โบสถ์แสนสวยบนเกาะกลางแม่น้ำแซนที่อยู่ใจกลางเมือง ที่นี่เป็นโบสถ์ในนิกายโรมันคาทอลิกในสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิกน่าตื่นตา ที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เก็บเครื่องมือทรมานพระเยซู ซึ่งเป็นของสะสมที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงเก็บรวบรวมมาไว้ได้ถึงประมาณ 30 ชิ้น และหนึ่งในนั้นคือมงกุฎหนามของพระเยซู แต่เกือบทั้งหมดได้สูญหายไปในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งส่วนที่เหลืออยู่ไม่กี่ชิ้นนั้น ภายหลังถูกย้ายไปเก็บรักษาที่โบสถ์นอร์ทเทรอดามแทนจ้า แต่ถึงยังไงโบสถ์นี้ก็ยังคงงดงามน่าตะลึงอยู่ดีนะ มาปารีสแล้วต้องแวะเลย

ไม่ไกลจากแซงต์ - ชาแปลเท่าไหร่ ก็จะเจอกับ สะพาน Pont Neuf ซึ่งเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดในปารีส โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1578 และใช้เวลาสร้างเกือบ 30 ปีเลยเชียวละ เรื่องความสวยงามเก่าแก่ก็น่าสนใจแล้วนะ แต่อีกหนึ่งทีเด็ดของสะพานนี้ก็คือตำนานความเชื่อซึ่งดึงดูดคู่รักจากทั่วโลกให้แวะมา ว่ากันว่าถ้าควงคู่กับคนรู้ใจมาอธิษฐานให้สมหวังในรัก แล้วทำการคล้องกุญแจกันที่สะพานนี้ จากนั้นให้โยนลูกกุญแจลงแม่น้ำแซนไป จะทำให้ความรักของคุณคงอยู่ไปตลอดกาลเลยนะ จะจริงแท้แค่ไหนต้องมาลองกันเองเด้อ

Musee d’Orsay คือพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแซน ซึ่งเก็บรวบรวมชิ้นงานศิลปะทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสเอาไว้ให้เราได้ชมกัน เดิมทีที่นี่เคยเป็นสถานีรถไฟมาก่อนนะ แต่ในตอนหลังนั้นมีผู้โดยสารคับคั่งจนเกินไป จึงมีการเปลี่ยนบทบาทหน้าที่มาใช้เป็นพิพิธภัณฑ์แทนจ้า ในนี้มีชิ้นงานศิลปะสารพัดแขนงให้ชมกันมากกว่า 2,000 ชิ้นเลยนะ ถึงจะไม่ใช่สายอาร์ตก็บอกเลยว่ามาเดินดูกันได้แบบเพลินๆ จ้า ชิ้นงานงามๆ ในสถานที่สวยๆ ยิ่งมีคนรู้ใจมาเดินด้วย ยิ่งโรแมนติกสุดๆ เลยละ

เราชวนมาเดินเล่นปิดท้ายวันแรกในปารีสกันที่ จตุรัส Place de la Concorde จตุรัสแห่งประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส จตุรัสนี้ยังเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิสก์ที่มีอายุกว่า 3,000 ปี ซึ่งเคยตั้งอยู่ที่หน้าทางเข้าวิหารอามอน เมืองลักซอร์ โดยเสานี้เป็นของขวัญที่อียิปต์ส่งมอบให้ฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1829 ด้วยการนำลงเรือมา เป็นอีกแลนด์มาร์คในปารีสที่ควรมาเช็คอินกัน

ประเดิมเช้าวันต่อมาด้วยการไปเช็คอินอีกหนึ่งแลนด์มาร์คหลักของฝรั่งเศสกันที่ Château de Versailles ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองปารีสมาเกือบๆ 20 กิโลเมตรเท่านั้นจ้า แวร์ซายส์นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในพระราชวังที่งดงามที่สุดในโลก ด้านในมีห้องกว่า 700 ห้อง เตาผิงกว่า 1,200 เตา หน้าต่างกว่า 2,000 บาน รวบรวมชิ้นงานศิลปะล้ำค่าทั้งภาพวาดและงานแกะสลักเอาไว้กว่า 20,000 ชิ้น ใช้เวลาสร้างกว่า 30 ปี โดยใช้แรงงานช่างกว่า 30,000 คน สวนด้านนอกของที่นี่ก็ยังมีชื่อเสียงเรื่องความงามในระดับโลกอีกเช่นกันนะ เริ่ดขนาดนี้จะพลาดการมาเช็คอินที่นี่ได้ยังไง!

จากแวร์ซายส์ จุดหมายต่อไปขอชวนไปดื่มด่ำบรรยากาศความชิคคูลของปารีสกันที่ ย่าน Montmartre ซึ่งเป็นย่านสำคัญบรรยากาศเก๋เว่อร์ทางตอนเหนือของปารีส บนเนินเขาความสูง 130 เมตรแห่งนี้ นับเป็นพื้นที่ก่อกำเนิดงานศิลปะและศิลปินชื่อดังมากมายในอดีต ปัจจุบันย่านนี้เต็มไปด้วยร้านอาหาร ไนท์คลับ และสถานบันเทิงยามค่ำคืนแบบจัดเต็มจ้า อยากชิลล์ในฟีลปารีสแบบเต็มที่ พลาดย่านนี้ไม่ได้เลยละ

Sacred Heart Basilica คือสถานที่ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘หัวใจอันศักดิ์สิทธิ์ของปารีส’ เลยละ ที่นี่เป็นวิหารซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาในย่านมงต์มาร์ต บนความสูงประมาณ 130 เมตร ด้านในโบสถ์มีชิ้นงานโมเสกซึ่งใช้เวลาสร้างกว่า 10 ปี ตัววิหารสีขาวสะอาดโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล ด้านหน้าวิหารใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและชมวิวเมืองปารีสในมุมสูงได้แบบเต็มๆ ตา เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ต้องมาเช็คอินกัน

ปิดท้ายเย็นวันที่สองในปารีสด้วยการมาชิลล์เสพวิวสวยๆ รอบเมืองกันกับการ ล่องเรือในแม่น้ำ Seine ซึ่งมีให้เลือกกันหลายรอบและหลายระยะเวลา ถ้าเอาแบบกำลังสบายก็เลือกล่องซักหนึ่งชั่วโมงก็ได้จ้า โดยในหนึ่งรอบเราจะได้ชมสถานที่สำคัญหลักๆ ของปารีสกันในอีกมุมนะ ไม่ว่าจะเป็นหอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์ออร์แซ หรือแม้กระทั่งมหาวิหารนอร์ทเทรอดามซึ่งกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง ช่วงเย็นๆ แบบนี้ บอกเลยว่าอากาศดี แถมบรรยากาศก็โรแมนติกเชียวละ เป็นอีกไฮไลท์ที่เพลินมากจ้า ไม่เชื่อมาลองเลย

ประเดิมเช้าวันที่สามกันที่ Louvre Museum พิพิธภัณฑ์ชื่อก้องโลกที่คนมาปารีสทุกคนต้องมา ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นั้นเก็บรวบรวมชิ้นงานศิลปะล้ำค่าเอาไว้กว่า 400,000 ชิ้น ซึ่งนำมาจัดแสดงไว้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่บางส่วนที่พูดถึงนี้ก็ฟาดไปราวๆ 40,000 ชิ้นกันแล้วจ้า ชิ้นงานหลักๆ ที่พลาดไม่ได้ก็ต้องเป็นภาพเขียนโมนาลิซ่า งานประติมากรรมแกะสลัก Venus de Milo และยังมีชิ้นงานเด็ดๆ อีกมากมาย หลายชิ้นไม่ต้องเป็นสายอาร์ตก็น่าจะเคยผ่านตากันมาบ้างละนะ ส่วนใครเป็นคนรักงานศิลปะ แนะนำให้เดินกันไปแบบยาวๆ เท่าที่จะทำได้เลยจ้ะ รับรองว่าฟินน้ำตาไหลแน่นอน

ต่อกันด้วยอีกหนึ่งไฮไลท์ซึ่งถือว่าพลาดไม่ได้อย่าง หอ Eiffel สัญลักษณ์หลักที่ไม่ใช่เฉพาะของปารีสเท่านั้นนะ แต่จะเรียกว่านี่คือโลโก้ของฝรั่งเศสที่คนทั่วโลกจะนึกถึงก็ว่าได้ แค่แวะมาถ่ายรูปเช็คอินแล้วเดินเล่นเก็บภาพเก็บบรรยากาศรอบๆ ก็เพลินแล้วจ้า แต่ถ้าอยากสัมผัสความเป็นไอเฟลให้เต็มที่ แนะนำให้ตีตั๋วขึ้นไปด้านบนกันด้วยนะ ทั้งหมดจะแบ่งเป็น 3 ชั้น โดยมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก จุดชมวิว และบาร์ เปิดให้บริการกันในแต่ละชั้นด้วยจ้ะ ถ้าไม่รีบ แนะนำให้ขึ้นมาดื่มด่ำวิวสวยของปารีสกันบนยอดไอเฟลเลยนะ รับประกันว่าถึงใจแน่นอน

เก็บแลนด์มาร์คหลักในปารีสกันมาแล้วสองที่ จะพลาด ประตูชัย Arc de Triomphe แห่งนี้ได้ยังไงกันล่ะ? เพราะนี่คืออีกหนึ่งโลโก้ของปารีสที่ทุกคนต้องมา ประตูชัยแห่งนี้มีอายุกว่า 200 ปี ใช้เวลาสร้างกว่า 30 ปีเลยเชียวละ โดยนโปเลียนได้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ในการสดุดีเหล่าทหารฝรั่งเศสที่ร่วมรบเพื่อป้องกันประเทศ หากเข้าไปดูใกล้ๆ จะเห็นผลงานประติมากรรมเด็ดๆ ที่งดงามมากมาย ความเก๋ก็คือประตูชัยยังเป็นเหมือนศูนย์กลางของถนนสายสำคัญอีก 12 สายในปารีสด้วยจ้า เวลามองจากด้านบนลงมาจะเหมือนมีรัศมีกระจายตัวออกไปรอบๆ เลยละ ปักหมุดจ้ะ พลาดไม่ได้เลย

ต่อจากประตูชัย เสต็ปถัดไปที่อยู่ในละแวกเดียวกันก็คงหนีไม่พ้นการไปเดินเล่นบน ถนน Champs - Elysees ซึ่งนับเป็นสวรรค์ของคนรักการช้อปปิ้งเหล่าสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย ถนนสายสั้นๆ ระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตรแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลกสายหนึ่งเลยด้วยนะ ถึงจะไม่ได้มาช้อปบรรดาสินค้าไฮแบรนด์ทั้งหลาย หรือไม่ได้มาเสพความอร่อยในร้านอาหารที่หรูหรา ก็มาเดินเล่นซึมซับบรรยากาศแบบปารีสให้เต็มอิ่มกันได้จ้า ช่วงนี้เค้ามีโครงการปรับภูมิทัศน์ถนนให้สวยกว่าที่เคยเพื่อเตรียมตัวรับโอลิมปิก 2024 ด้วยนะ เสร็จเมื่อไหร่รับรองว่ายิ่งแจ่มกว่าที่เคยแน่นอน

เช้าวันที่ 4 ในปารีส ขอชวนไปเช็คอินกันที่ Luxembourg Gardens and Palace อดีตพระราชวังของสมเด็จพระราชินีในพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ซึ่งทุกวันนี้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นที่ทำการของวุฒิสภา ด้านในพระราชวังยังมีห้องที่ตกแต่งหรูหรางดงามและชิ้นงานจิตรกรรมแสนสวยให้ชมกันมากมาย แถมรอบตัวพระราชวังยังเป็นสวนสวยเนื้อที่ราว 145 ไร่ ซึ่งมีทั้งต้นไม้ ดอกไม้ โรงละครหุ่นกระบอก น้ำพุ หอดูดาว และชิ้นงานประติมากรรมสวยๆ ให้เดินดูกันแบบจุใจ ใครชอบเดินเล่นในสวนท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ นะ บอกเลยว่าต้องมาโดน

กระชากฟีลกันอีกครั้ง เพื่อกลับมาชมความงดงามอลังการแสนเจริญหูเจริญตาของ Palais Garnier โรงโอเปร่าที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจในสถาปัตยกรรมสไตล์บาโร้ก ด้านในมีชิ้นงานศิลปะสวยๆ ให้ชมกันมากมาย ทั้งงานแกะสลักหินอ่อน งานจิตรกรรมบนฝาผนังและเพดาน รวมถึงการตกแต่งด้วยแชนเดอร์เลียสุดหรูหรา แถมยังมีมุมสวยที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกมากมายดูไม่หวาดไม่ไหวเลยจ้า เป็นอีกพิกัดที่ไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

ก่อนโบกมือลาปารีส ขอเอาใจสายช้อปกันอีกครั้งด้วยการไปเช็คอินที่ ห้าง Galeries Lafayette ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่กลางเมืองที่หลายคนยกให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งเช็คอินสำคัญของปารีสด้วยจ้า ด้วยพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร กับร้านขายสินค้าแบรนด์ดังจากทั่วโลกอีกกว่า 3,500 ร้าน ภัตตาคารหรูหราสไตล์ปารีสอีกหลายสิบร้าน รวมถึงอีกสารพันสินค้าที่น่าสนใจ รับประกันว่าจะเป็นการส่งท้ายทริปที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของปารีสแบบแน่นๆ เลยละ ใครเป็นสายช้อปการันตีว่าเต็มอิ่มแน่นอน

เชื่อว่าแพลน 4 วัน 3 คืนในปารีสคราวนี้ จะทำให้คุณได้สัมผัสความฟินกับแลนด์มาร์คสำคัญในปารีสกันแบบเต็มอิ่มแน่นอนเลยละ ใครมีเวลาไม่มากแต่อยากเสพบรรยากาศแบบปารีสกันให้จุใจ เอาแพลนนี้ไปปรับใช้กันได้เลยน้า รับรองว่าจะได้ชิลล์กันแบบเต็มที่โดยไม่ต้องใช้เวลายาวนานเกินไป ขอให้เที่ยวปารีสกันได้แบบสาแก่ใจจ้า เชื่อว่าจะเป็นอีกทริปที่น่าประทับใจแน่นอน