ทริปนี้...เพราะใจมันเซเลยเทกันไปสิมิลันตามแบบฉบับสาวโสด ว่างทั้งงาน ว่างทั้งคนข้างกาย เหงาใจเบอร์นี้ เลยต้องชวนแก๊งเพื่อนสาวไปตามหาหัวใจไกลถึงสิมิลัน และอีกหนึ่งภารกิจคือการสานฝันวัยเด็กให้เป็นจริง ด้วยการแปลงร่างเป็นนางเงือกน้อย นอนโต้คลื่น สยายครีบ สะบัดหาง นอนสวยอยู่บนโขดหิน
“ฉันจะไปเป็นนางเงือกที่สิมิลัน!”
การเดินทางไปสิมิลัน (จ.พังงา) นั้นง่ายมาก ๆ ... บินไปเลยค่ะ พวกเราตัดสินใจนั่งจองตั๋วเครื่องบินไปลงที่ภูเก็ต เช่ารถตู้ส่วนตัวพร้อมคนขับไว้ 3 วัน 2 คืน (6,000 บาท/3 คน) แล้วแพลนไปทัวร์เมืองภูเก็ต และค้างคืนในตัวเมืองหนึ่งวัน รุ่งเช้าวันที่สองเดินทางไปท่าเรือที่พังงา นั่งเรือไปเกาะสิมิลัน 1 วัน วันที่สามเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ ค่ะ
ว่าแล้วก็เปิดแอป Traveloka ตีตั๋วกรุงเทพฯ – ภูเก็ต ทันที ได้ตั๋วราคาเบา ๆ เที่ยวขาไปจาก Thai Lion Air และขากลับจาก Air Asia ค่ะ จุดเด่นของ Traveloka ที่น่าประทับใจสุด ๆ คือ
จองตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ – ภูเก็ต ราคาเบาๆ ที่ Traveloka คลิกที่นี่
หลังจากจองตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็ทำการจองที่พักกับ Traveloka กันต่อ พวกเรา สาว สาว สาว เลือกนอนห้องเดียวกันแบบ Triple Room With Breakfast ที่โรงแรมบลูมังกี้ เบดแอนด์เบรคฟาสต์ (ได้ราคา 1,445.40 บาท /481.8 บาทต่อคนเอง ถือว่าคุ้มสุด ๆ สำหรับโรงแรมใหม่ ดีไซน์เก๋ สะอาด ตั้งอยู่ในเมือง สะดวกในการเดินทางไปที่เที่ยวต่าง ๆ หรือถ้าเดินทางไปพักเป็นคู่ ราคาโปรโมชั่นที่พักของ Traveloka ก็ยังไม่ถึงพันนะ)
เช็คราคาโรงแรมบลูมังกี้ เบดแอนด์เบรคฟาสต์ ดูโปรโมชั่น จองห้องว่าง ที่ Traveloka คลิกที่นี่
นั่งวิปัสสนาอยู่บนเครื่องบินไม่ถึง 2 ชั่วโมง พวกเราก็ถึงเมืองภูเก็ต คนขับพร้อมรถตู้มารอเราที่สนามบิน หลังจากขนสัมภาระขึ้นรถ ก็พากันไปแวะเดินเล่นพักผ่อน ยืดเส้นยืดสายที่หาดทรายแก้ว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดของเกาะภูเก็ต มีลักษณะเป็นหาดทรายขาวทอดยาวลิบตา หาดที่นี่สงบมาก เหมาะมาพักกาย พักใจสำหรับคนรักสันโดษ
เดินเล่นสักพัก ท้องเริ่มร้อง จึงพากันไปฝากท้องที่จ่วนเฮี้ยง ร้านติ่มซำเก่าแก่ 100 ปี แห่งเมืองภูเก็ต แม้ว่าเราเดินทางมาช่วงสาย ๆ แต่คนที่ร้านก็ยังแน่นอยู่เลยค่ะ มีคนเดินทางมาที่นี่ไม่ขาดสาย อร่อยทุกเมนู และราคาน่ารักค่ะ สาวกติ่มซำห้ามพลาด!
หลังจากอิ่มกันแล้ว พวกเราก็ไปตะลุยย่านเก่าเมืองเก่าภูเก็ต หรือชิโนโปรตุกีส ซึ่งมีอาคารที่ผสมผสานเอาความเป็นศิลปะตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน รายล้อมอยู่ทั่วบริเวณ สีสันสดใสโดดเด่นจนเป็นเอกลักษณ์ของเมืองภูเก็ตเลยก็ว่าได้ ใครชอบถ่ายรูป รับรองว่าได้รูปภาพสวย ๆ กลับไปอวดเพื่อน ๆ ใน social network ได้ตลอดทั้งปีเลยล่ะค่ะ
เดินเหนื่อยแล้ว...ขอนั่งพักบนรถ TAXI แป๊ปนึง!
ทั้งสีรถ สีตึก... สดใสน่ากิน เอ้ย! น่ามองมาก ๆ เลย เดินชมเมืองได้สักพัก ก็เริ่มหิวอีกแล้ว ถึงเวลาชิมของดีเมืองภูเก็ตซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปเลยค่ะ นั่นก็คือ “โลบะ”
โลบะเป็นอาหารพื้นเมืองของภูเก็ตที่นิยมทานเป็นของว่าง โดยมีส่วนประกอบหลักของเมนู คือ เนื้อหมู หัวหมู และเครื่องในหมู เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด และปิดท้ายด้วยขนมหวาน “ลูกชก” แนะนำว่าต้องลองอย่างแรง!
เดินทางมาถึงเมืองภูเก็ตทั้งที เราก็ต้องไปกราบไหว้เคารพสักการะพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี หรือ พระใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่เห็นได้รอบเกาะภูเก็ต ประดิษฐานอยู่ที่เขานาคเกิด ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของภูเก็ต
ข้างบนสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเกาะภูเก็ต...
เราไม่ได้บังวิวนะ! เพราะเรานี่แหละวิว (^///^)
จากนั้นก็มาแวะชะโงกทัวร์ที่จุดชมวิวกะรนกันสักหน่อย โดยจุดชมวิวกะรนจะอยู่ระหว่างกะตะน้อยและหาดในหาน ที่พีคสุดคือสามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวถึง 3 อ่าว คือ อ่าวกะตะน้อย อ่าวกะตะ และอ่าวกะรนได้เลย
ช่วงเย็น พวกเราตัดสินใจไปดูพระอาทิตย์ตกที่แหลมพรมเทพ จุดชมพระอาทิตย์ตกก่อนใครในสยามประเทศ แน่นอน! จะพลาดไปได้อย่างไร พวกเราไปนั่งรอชมพระอาทิตย์ตกตั้งแต่ห้าโมงเย็นเลยค่ะ คนเริ่มเยอะแล้ว จับจองที่นั่งหามุมดี ๆ กันค่อนข้างลำบาก (นี่ว่านี่รีบแล้วนะ) แต่โชคก็เข้าข้างพวกเรา!
ช่วงขณะหนึ่งที่นั่งชมพระอาทิตย์ดวงโตค่อย ๆ หายลับไปจากริมขอบฟ้า ฉันก็ตระหนักได้ว่า “ชีวิตคนเรามีขึ้น ก็ต้องมีลง มีสว่างสดใส ก็ต้องมีช่วงเวลาที่มืดมนเช่นกัน” เหมือนดวงอาทิตย์ดวงนี้ และวันพรุ่งนี้ เมื่อถึงเวลา มันก็จะกลับมาสว่างไสวอีกครั้ง!
หลังจากตะลุยเมืองภูเก็ตมาทั้งวัน พวกเรากลับไปพักผ่อนที่โรงแรมบลูมังกี้ เบดแอนด์เบรกฟาสต์ ที่ได้จองไว้ โรงแรมที่นี่ใหม่ สะอาด และมีมุมเก๋ ๆ ให้ถ่ายรูปอีกด้วย ถูกใจสาย Selfie แน่นอน
หลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม ก็เดินทางสู่ท่าเรือ จ.พังงา กันตั้งแต่เช้ามืด โดยใช้เวลาเดินทางจากภูเก็ตสู่พังงาประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อไปสมทบกับคณะทัวร์ที่ท่าเรือ เมื่อพร้อมก็ออกเดินทางไปยังเกาะสิมิลัน (แนะนำว่าใครเมาเรือก็พกยาแก้เมาเรือมาด้วยนะคะ)
หมู่เกาะสิมิลัน จริง ๆ มี 9 เกาะ เรียงจากเหนือมาใต้ คือ เกาะบอน เกาะบางู เกาะสิมิลัน เกาะปายู เกาะห้า เกาะเมียง เกาะปาหยัน เกาะปายัง และเกาะหูยง
หลังจากเดินทางออกจากท่าเรือได้ไม่นาน เราแวะดำนำกันตามหมู่เกาะ แดดค่อนข้างร้อน (แนะนำให้พกครีมกันแดดมาด้วยนะคะ โบกเข้าไปเลยค่ะ โบกหนา ๆ โบกแน่น ๆ) แต่แค่จุ่มหน้าลงน้ำ วรรคทองในวรรณคดีเรื่องอิเหนาก็ดังขึ้นมาเลย “น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว” แต่ที่นี่ไม่มีดอกบัวนะ จะมีก็แต่ดอกไม้ทะเลและปะการังที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก หมู่ปลาสีสันสดใส ตระการตามาก ๆ ดูคล้ายเรากำลังว่ายอยู่ในตู้ปลาขนาดยักษ์เลย
ว่ายน้ำเล่นกับเต่าทะเล!
และที่เกาะสิมิลัน เราสามารถขึ้นไปชมวิวจากจุดชมวิวได้ค่ะ
และในที่สุด Mission Completed!
กว่าจะได้ภาพนางเงือกสวย ๆ ดูความทุ่มเทของไกด์ซะก่อน!
ท่องทะเลกันถึงช่วงบ่าย ก็ถึงเวลาเดินทางกลับสู่ท่าเรือพังงา ก่อนเดินทางกลับสู่ที่พัก ระหว่างทาง เราไปไหว้พระเพื่อความเป็นศิริมงคลที่วัดสุวรรณคูหา ซึ่งมีจุดเด่นที่มีองค์พระตั้งตระหง่านอยู่กลางถ้ำที่เต็มไปด้วยหินงอก หินย้อย งดงามและแปลกตามาก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะบูชาบ้างประปราย
พวกเราเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ ถึงจะไม่ได้คนดามใจในทริปนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร เราจะพากันเซไปทริปอื่น... จนกว่า Mission จะ Completed! ;)