จองตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษ แล้วไปเที่ยวอังกฤษกันดีกว่า หากใครยังมีวีซ่าอังกฤษเหลือ แล้วอยากจะไปเที่ยวอังกฤษในตอนนี้ ก็สามารถจองตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษกับ Traveloka กันได้เลย เพราะอังกฤษได้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว แถมถ้าหากว่าจะบินกลับไทย แล้วฉีดวัคซีนมาครบ ก็ไม่ต้องกักตัว แค่เพียงกักตัวรอผลตรวจ COVID-19 เมื่อถึงไทย แค่นี้ก็เรียบร้อย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าสนใจ
สหราชอาณาจักร (United Kingdom) เป็นหนึ่งในประเทศแถบยุโรปที่เป็นจุดหมายยอดนิยมของนักเดินทางทั่วโลก ด้วยภูมิประเทศที่สวยงาม มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน มีความเจริญด้านวัฒนธรรม และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีทั้งเมืองใหญ่ที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยสีสัน และเมืองชนบทอันเงียบสงบ เป็นแหล่งแฟชั่นของโลก ซึ่งดึงดูดผู้คนให้มาเยี่ยมชมจำนวนมหาศาลในแต่ละปี ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันดีกว่าว่าจุดเช็คอินเด่นๆ ของที่นี่จะมีอะไรบ้าง
เช็คราคา ตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษ ราคาพิเศษ
อดีตพระราชวังหลวงและป้อมปราการ หนึ่งในสถานที่สุดหลอนของประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน พระราชวังสไตล์โรมาเนสต์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 (William I) แห่งอังกฤษ เมื่อปี 1078 เพื่อเป็นสถานที่พำนักของราชวงศ์อังกฤษ คลังอาวุธ หอเก็บเอกสาร หอดูดาว โรงกษาปณ์และคลังสมบัติ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1303 จึงได้เปลี่ยนมาเป็นที่เก็บรักษาทรัพย์สินมีค่าแห่งราชวงศ์อังกฤษ และของกำนัลที่ได้จากประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ในสมัยกลางจนถึงปี 1914
แลนด์มาร์กสำคัญใจกลางกรุงลอนดอน สะพานสไตล์วิกตอเรียนโกธิกแห่งนี้ สร้างขึ้นระหว่างปี 1886 - 1894 เพื่อการสัญจรข้ามแม่น้ำเทมส์ มีลักษณะเป็นสะพานยกและสะพานแขวนอยู่รวมกัน และมีหอคอยสะพานถึง 2 หอ อันเป็นที่มาของชื่อ “สะพานหอคอย” นับเป็นสะพานแบบเปิด - ปิดได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ฐานสะพานซึ่งมีลักษณะเป็นหอสูง เป็นที่จัดนิทรรศการเกี่ยวกับอังกฤษ และห้องอบไอน้ำสมัยวิกตอเรียน สะพานแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นจุดชมความงดงามชองกรุงลอนดอน แต่ยังเป็นจุดถ่ายภาพห้ามพลาด โดยเฉพาะการถ่ายภาพในช่วงของสะพานยกตัวขึ้น เพื่อให้เรือแล่นผ่านนั่นเอง
พระราชวังเก่าแก่ที่สุดในลอนดอน ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำเทมส์ สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 หลังจากเกิดเพลิงใหม้ครั้งใหญ่ในปี 1834 พระราชวังถูกทำลายไปเกือบหมด “ตึกรัฐสภาเวสต์มินสเตอร์” (Houses of Parliament) ก็ได้รับการสร้างใหม่ในปี 1834 โดยใช้เวลาสร้างทั้งสิ้น 30 ปี เพื่อเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของอังกฤษ มีลักษณะเป็นอาคารสีขาวโดดเด่นอันเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์อังกฤษ ภายในพื้นที่ 3 หมื่นตารางเมตร มีห้องกว่า 1,000 ห้อง มีระเบียงยาวราว 3 กิโลเมตร และมีมากกว่า 100 บันได นับเป็นหนึ่งในอาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์
นาฬิกา 4 หน้าปัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (Palace of Westminster) มีชื่อจริงว่า “หอเอลิซาเบธ” (Elizabeth Tower) สร้างขึ้นเมื่อปี1834 เพื่อฉลองฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (Elizabeth II) นับเป็นหอนาฬิกาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ชื่อ “บิกเบน” แท้จริงแล้วคือชื่อของระฆังใบใหญ่ที่สุดในบรรดาระฆัง 5 ใบ ซึ่งจะตีเป็นทำนองทุก 15 นาที เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน หน้าปัดนาฬิกาทั้ง 4 ด้านจะสว่างขึ้น สามารถมองเห็นนาฬิกาได้ไกลเป็นไมล์ๆ เลยทีเดียว
ชิงช้าสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในทวีปยุโรป ที่ความสูง 135 เมตร เป็นที่รู้จักในชื่อ “มิลเลเนียมวีล” (Millennium Wheel) ตั้งอยู่ระหว่างสะพานเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Bridge) กับสะพานฮันเกอร์ฟอร์ด (Hangerford Bridge) ด้วยโครงสร้างทั้งหมดที่ใช้โครงเหล็กรูปตัว A เป็นโครงหลักในการยึดเพึยงครึ่งเดียว ลอนดอนอายจึงได้ตำแหน่ง "ชิงช้าสวรรค์ที่ก่อสร้างด้วยโครงเหล็กค้ำข้างเดียวที่สูงที่สุดในโลก" เป็นจุดชมวิวเมืองในมุมสูงได้แบบ 360 องศา สามารถมองเห็นสถานที่สำคัญๆ ทั้งพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หอนาฬิกาบิกเบน หอคอยแห่งกรุงลอนดอน และแม่น้ำเทมส์ไหลคดเคี้ยวอยู่เบื้องล่าง ในวันที่อากาศเป็นใจมองเห็นได้ไกลถึงปราสาทวินเซอร์ ที่อยู่ไกลออกไปถึง 40 กิโลเมตร เลยทีเดียว
พระราชวังเก่าแก่อายุกว่าพันปี ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเหนือแม่น้ำเทมส์ ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันตกประมาณ 21 ไมล์ สร้างขึ้นเมื่อปี 1070 โดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 (William I) ถือเป็นปราสาทที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ยังมีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องกันมานับคั้งแต่เริ่มสร้าง มักถูกใช้เป็นที่จัดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการและส่วนพระองค์ ห้องต่างๆ ภายในตกเเต่งด้วยสถาปัตยกรรมหลากหลาย วิจิตรงดงาม ปัจจุบันสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 (Elizabeth II) ทรงเสด็จมาประทับในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ไฮไลท์ห้ามพลาดคือ พิธีเปลี่ยนเวรยามของทหารรักษาพระองค์ง ซึ่งจัดขึ้นทุกวันเวลาประมาณ 11 โมงตรง
โบสถ์เซนต์จอร์จ ตั้งอยู่ภายในพระราชวังวินด์เซอร์ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ (Edward III of England) ในช่วงศตวรรษที่ 14 โบสถ์เซนต์จอร์จ ถือเป็นศาสนาสถานที่สำคัญของพระราชวังวินด์เซอร์ เป็นสถานที่ประกอบพิธีอภิเษกสมรส และเสกสมรสของสมาชิกในราชวงศ์ อีกทั้งยังเป็นโบสถ์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษอีกด้วย การตกแต่งทั้งภายนอกและภายใจละเอียดอ่อนวิจิตรบรรจง โดยมีสถาปัตยกรรมเป็นแบบโกธิคแนวตั้ง หน้าต่างประดับประดาด้วยกระจกสีสวยงามตระการตา นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้ในช่วงที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แปรพระราชฐานประทับที่อื่น
อึกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงลอนดอน พระราชวังเก่าแก่มากกว่า 300 ปี ที่ประทับอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษ พระราชวังแห่งนี้มีพื้นที่ถึง 829,000 ตารางฟุต มีห้องทั้งหมด 775 ห้อง เปิดให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนของทุกปี สำหรับภายในที่เปิดให้เข้าชมนั้นเป็นห้องสาธารณะในพระราชวังที่สมเด็จพระราชินีและราชวงศ์ใช้รับแขก มีทั้งหมด 19 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องมีการประดับภาพผลงานศิลปะอันวิจิตรงดงาม และสมบัติของราชวงศ์หลายชิ้น ทั้งประติมากรรมและเครื่องลายคราม รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ดีที่สุดในอังกฤษ ฝรั่งเศสและอีกทั่วโลก ซึ่งหลายห้องนั้นยังคงมีการใช้งานจนถึงปัจจุบัน
สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงลอนดอน ที่เต็มไปด้วยมรดกโลก รูปปั้น งานประติมากรรม และอนุสาวรีย์ของบุคคลสำคัญต่างๆ ที่โดดเด่นที่สุดคือ “น้ำพุอนุสรณ์เจ้าหญิงไดอานา” (Diana Memorial Fountain) สร้างจากหินแกรนิตคอร์นิชขนาด 545 ชิ้น และออกแบบมาเพื่อสะท้อนชีวิตของเจ้าหญิงไดอานา นอกจากนี้ยังมีโซนสวนดอกกุหลาบอันสวยงามละลานตา และโซนสำหรับสัตว์และพืชพันธุ์หลากชนิด มีทะเลสาบให้พายเรือเล่นเพลินๆ บริเวณมุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือของไฮด์ปาร์คมีลานโล่ง ที่เรียกว่า “Speakers’ Corner” เป็นเวทีในการพูดแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะอย่างเสรี อันเป็นที่ว่าของการเรียกว่าชุมนุมเรียกร้องต่างๆ ว่า “ไฮปาร์ก” นั่นเอง
พระราชวังเคนซิงตัน เป็นสถานที่พระราชสมภพของสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรีย และเป็นที่ประทับของเจ้าหญิงไดอานา (Princess Diana) จนกระทั่งสิ้นพระชนม์ในปี 1997 ปัจจุบันเป็นที่ประทับของดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และเป็นที่ประทับของสมาชิกหลายพระองค์ของราชวงศ์อังกฤษ พระราชวังแห่งนี้มีจุดที่น่ามาชมมากมาย เช่น “คิงส์สแตร์เคส” (King’s Staircase) ซึ่งเป็นบันไดที่ผนังข้าง ๆ ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยภาพวาดสุดตระการตา ส่วน “คิงส์แกลเลอรี” (King’s Gallery) เป็นห้องเก็บภาพวาดที่สวยงามที่สุดชุดหนึ่งของราชวงศ์ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเข้าชมการจัดแสดง “Diana: Her Fashion Story” นิทรรศการแสดงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเจ้าหญิงไดอานา ที่ทั่วโลกต่างยกย่องถึงรสนิยมด้านแฟชั่นและการแต่งกายของพระองค์
พิพิธภัณฑ์บริติช หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของมนุษย์ที่สำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1759 เป็นแหล่งรวบรวมงานศิลปะโบราณจากทุกทวีป จำนวนกว่า 7 ล้านชิ้น ซึ่งล้วนมีชื่อเสียง อย่างเช่น “ศิลาโรเซตตา” (Rosetta Stone) ของอียิปต์ “รูปปั้นโมอาย” (Moai) ของอีสเตอร์ไอแลนด์ “ประติมากรรมหินอ่อนวิหารพาร์เธนอน” (The Parthenon Marbles) ของกรีซ “รอยัลเกมออฟเออร์” (Royal Game of Ur) บอร์ดเกมของเมโสโปเตเมีย และอีกมากมายในพิพิธภัณฑ์ที่ติดสถิติ Top 5 ของพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดในโลก ที่สำคัญคือชมฟรี
มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ และด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานเป็นเวลามากกว่า 9 ศตวรรษ ทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการศึกษาที่ดีที่สุด อันดับ 1 ใน 10 ของโลก และถือเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบของมหาวิทยาลัยทั่วโลก นอกจากนี้ที่นี่ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นมหาวิทยาลัยพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย รวมถึงมีระบบปฏิบัติการห้องสมุดวิชาการที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ อาคารเรียนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ จนถูกใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “แฮรีพอตเตอร์” (Harry Potter) มหากาพย์ภาพยนตร์พ่อมดอันโด่งดัง
พิพิธภัณฑ์เล็กๆ ในกรุงลอนดอน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะเป็นแหล่งรวบรวมรูปภาพ ผลงานหรือข้อมูลต่างๆ ของสุดยอดนักสืบชื่อดัง “เชอร์ล็อก โฮมส์” (Sherlock Holmes) ณ บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ (Baker Street) ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นตำแหน่งบ้านของโฺฮมส์จริงๆ นับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในโลกที่ตั้งขึ้นสำหรับตัวละครในนิยาย นอกจากนี้ขนาดของบ้านก็จำลองมาเท่ากับในนิยายเช่นกัน ภายในบ้านมีภาพเขียนของโฮล์มส์ติดอยู่มากมายตามผนัง และมีรูปปั้นตัวละครในนิยายที่จำลองเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเรื่อง อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว รวมไปถึงไปป์ และหมวกอันเป็นเอกลักษณ์ของโฮมส์นั่นเอง
หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และได้รับการยกย่องว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะชั้นนำของโลก และถือเป็นภายในจัดแสดงผลงานระดับมาสเตอร์พีซของศิลปินชื่อก้องโลกมากกว่า 2,000 ภาพ ซึ่งมีอายุนับตั้งแต่ช่วงกลางของคริสต์ศตวรรษที่ 13 อย่างเช่นภาพ “พระแม่มารีแห่งภูผา” (Virgin of the Rocks) ของ “ลีโอนาร์โดดาวินชี” (Leonardo da Vinci) “พระคริสต์ทรงพระสิริ” (Christ in Majesty) ของ “ฟราอันเจลีโก” (Fra Angelico) “ภาพเหมือนอาร์นอลฟีนี” (Arnolfini Portrait) ของโดย “แจนแวนไอค์” (Jan Van Eyck) นอกจากนี้ยังมีภาพอีกมากมายให้ผู้รักงานศิลปะได้ดื่มด่ำกันอย่างไม่รู้เบื่อ
อุโมงค์คนเดินเท้าลอดใต้แม่น้ำเทมส์ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรีนิช (Greenwich) บนฝั่งใต้ของแม่น้ำเทมส์ เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1902 มีความยาว 370.2 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 9 ฟุต ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางสำหรับคนงานที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำเทมส์ ใช้เดินทางไปทำงานบนท่าเรือลอนดอน และอู่ต่อเรือไอลย์ออฟดอกส์ (Isle of Dogs) แทนเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากที่มีราคาแพง ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการข้ามฝั่งไปยังแม่น้ำเทมส์ก็ใช้บริการนี้ได้ โดยเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง อุโมงค์นี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางปั่นจักรยานของสหราชอาณาจักร ที่เชื่อมไปอินเวอร์เนสส์ (Inverness) และโดเวอร์ (Dover) อีกด้วย
กลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่บนที่ราบซัลลิสเบอร์รี่ (Salisbury Plain) บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง มีลักษณะทั้งแนวตั้ง แนวนอน และวางซ้อนขึ้นไปข้างบน นักโบราณคดีเชื่อว่า กองหินนี้ถูกชักลากมาจาก “ทุ่งมาร์ลโบโร” (Marlborough Downs) ที่อยู่ห่างออกไป 40 กิโลเมตร เมื่อประมาณ 3,000 – 2,000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยเชื่อว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนในยุคโบราณ สโตนเฮนจ์และบริเวณโดยรอบได้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1986 และยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลางอีกด้วย
โรงอาบน้ำเก่าแก่ตั้งแต่ยุคที่โรมันกำลังเฟื่องฟู ตั้งอยู่ที่เมืองบาธ (Bath) ทางทิศตะวันตกของลอนดอน เมืองมรดกโลกที่มีลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมแบบจอร์เจียที่มีความสวยงามคลาสสิก เป็นเมืองแห่งน้ำแร่ และน้ำพุร้อน และมีโรงอาบน้ำสไตล์โรมันโบราณที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เป็นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า “Great Bath” ที่มีน้ำเป็นสีเขียวมรกต นับเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของทางตะวันตก ปัจจุบันนี้ที่นี่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความสวยงามของโรงอาบน้ำสาธารณะ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือราว 2,000 ปี มาแล้ว
หนึ่งในโบสถ์สไตล์โกธิกที่สำคัญเป็นอันดับ 2 ของยุโรป ตั้งอยู่ที่เมืองยอร์ก (York) ทางตอนเหนือของอังกฤษ มีชื่อเป็นทางการว่า "อาสนวิหารและคริสตจักรมหานครแห่งนักบุญเปโตรในกรุงยอร์ก" (The Cathedral and Metropolitical Church of St Peter in York” เป็นที่ตั้งของอัครสังฆราชแห่งยอร์ก ภายในวิหารสวยงามสุดอลังการด้วยกระจกสีมากคุณค่าที่โดดเด่นสุดๆ คือ “หน้าต่างบานใหญ่” (Great East Window) ซึ่งเป็นหน้าต่างประดับกระจกสีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนทางทิศใต้มี “หน้าต่างกุหลาบ” (Rose Window) อันโด่งดัง อีกจุดไฮไลท์แนะนำตือ หอคอยบนยอดวิหารซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดในยอร์ก เป็นจุดชมทัศนียภาพของเมืองเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์ในยุคกลาง
ปราสาทยุคกลาง ที่ถูกขนานนามว่าเป็น 1 ใน 10 ของอนุสรณ์สถานแห่งประวัติศาสตร์ชาติ ตั้งอยู่บนเนินบนโค้งแม่น้ำเอวอน (River Avon) ในเมืองวอร์วิก (Warwick) ห่างจากลอนดอนประมาณ 130 กิโลเมตร แต่เดิมเป็นป้อมไม้ สร้างโดยนักรบไวกิ้งชาวเดนมาร์ก ต่อมาพระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต (William the Conqueror) ได้บูรณะใหม่โดยปรับเปลี่ยนโครงสร้างเป็นหิน ใช้เป็นที่พำนักของขุนนางอังกฤษ จุดปักหมุดยอดนิยมอยู่ที่ หอคอยเเละเชิงเทินที่มีความสูงเกือบ 50 เมตร เป็นจุดชมวิวเมืองวอร์วิกและแม่น้ำเอวอนได้ชัดเจน
หนึ่งในสนามที่เก่าแก่ที่สุดของวงการลูกหนังโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1892 เป็นสนามฟุตบอลเหย้าของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล (Liverpool) ตั้งอยู่ในเขตแอนฟีลด์ เมืองลิเวอร์พูล สนามแอนฟีลด์ประกอบไปด้วยอัฒจันทร์ 4 ด้าน ได้แก่ สไปอันค็อป, อัฒจันทร์หลัก, เคนนี่ดัลกลิชสแตนด์ และอัฒจันทร์ฝั่งถนนแอนฟีลด์ สนามระดับ 4 ดาว แห่งนี้มีความจุทั้งสิ้น 45,276 ที่นั่ง และเคยเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 1996 ภายในสนามกีฬายังมีพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล รวมทั้งมีร้านขายของที่ระลึกให้แวะซื้อของสะสมกลับมือติดบ้านด้วย
เชื่อเถอะว่าใครที่กำลังแพลนไปเที่ยวอังกฤษ หรืออยากได้ลิสต์ที่เที่ยวอังกฤษเอาไว้เป็นตัวเลือก ปักหมุดไว้ที่แลนด์มาร์คเหล่านี้จะไม่เสียใจอย่างแน่นอน เพราะเราคัดเลือกมาแล้ว ว่ามีแต่ที่เที่ยวอังกฤษยอดฮิตที่รอให้คุณไปเยือน อย่าช้าหากใครมีวีซ่า ไปจองตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษกันได้เลย