เที่ยวจีนใช้เน็ตอะไรดี? เปิด Roaming vs. ซื้อซิมจีน เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียก่อนตัดสินใจ

Traveloka TH
20 Jul 2025 - ใช้เวลาอ่านประมาณ 1 นาที

กำลังวางแผนไปเที่ยวจีนอยู่รึเปล่า? ไม่ว่าจะไปเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง หรือเมืองลับๆ ที่น่าไปอย่างกุ้ยหลินหรือต้าหลี่ สิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดเลยก็คือ เตรียมอินเทอร์เน็ตให้พร้อม! เพราะถ้าไม่มีเน็ต ก็อาจจะเปิดแผนที่ไม่ได้ แปลภาษาลำบาก หรือจองรถ/ที่พักก็ไม่สะดวก จะโพสต์รูปก็อดอีก 😩

แล้วคำถามคือ จะเปิดโรมมิ่ง (Roaming) จากไทยไปเลยดีมั้ย? หรือควรซื้อซิมจีนใช้จะดีกว่า? ไหนจะมี eSIM, VPN, หรือ Pocket Wi-Fi ให้เลือกเยอะไปหมด!

บทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับวิธีใช้เน็ตที่จีนแบบต่าง ๆ พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบให้เข้าใจง่ายๆ ตัดสินใจได้ในไม่กี่นาที แถมสิ่งที่ควรรู้เรื่องเน็ตจีน เช่น อินเทอร์เน็ตจีนบล็อกอะไรบ้าง เน็ตจีนเข้าไลน์ เฟสบุคได้ไหม

เที่ยวจีนใช้เน็ตอะไรได้บ้าง?

มีวิธีใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่หลักๆ 3 แบบที่คนไทยนิยมใช้กัน ได้แก่:

1. เปิด Roaming จากไทย

วิธีนี้ง่ายสุดแบบไม่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายเลย แค่เปิดโรมมิ่งกับเครือข่ายในไทย (อย่าง AIS / DTAC / True) ก็สามารถใช้เน็ตในจีนได้ทันทีตั้งแต่ลงเครื่อง ไม่ต้องเปลี่ยนซิม ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม

ข้อดี:

ใช้งานได้เลย ไม่ต้องเตรียมซิมล่วงหน้า
ใช้เบอร์เดิม รับ OTP ได้ ใช้ LINE เบอร์ไทยได้ตามปกติ
เหมาะกับคนไปไม่นาน เช่น ทริปสั้น 3-5 วัน

ข้อเสีย:

ราคาแพงกว่าแบบอื่น ค่าบริการโรมมิ่งมักอยู่ที่ 399–799 บาท/วัน
สัญญาณอาจไม่เสถียรในบางพื้นที่ โดยเฉพาะนอกเมืองใหญ่

2. ซื้อซิมจีน (แบบซิมการ์ดหรือ eSIM)

อีกทางเลือกยอดฮิตเลยก็คือ ซื้อซิมจีน ซึ่งมีทั้งแบบเป็นซิมจริง (ใส่เครื่อง) และ eSIM (ไม่ต้องถอดซิม แค่สแกน QR แล้วใช้ได้เลย) จุดเด่นคือราคาคุ้มกว่า Roaming มาก และเน็ตแรง เพราะเชื่อมกับเครือข่ายท้องถิ่นโดยตรง เช่น China Mobile, China Unicom, China Telecom

ข้อดี:

ประหยัดกว่าเยอะ ซิมจีนราคาหลักร้อย ใช้ได้หลายวัน
เน็ตแรงกว่า Roaming เพราะเชื่อมตรงกับเครือข่ายจีน
มีแพ็กเกจให้เลือกหลายแบบ ทั้งเน็ตไม่อั้น หรือจำกัดตามปริมาณ

ข้อเสีย:

ต้องถอดซิมไทยออก (เว้นแต่ใช้มือถือ 2 ซิมหรือ eSIM)
ใช้เบอร์จีน หรือไม่มีเบอร์เลย อาจพลาด OTP จากไทย
บางซิมเข้าแอปโซเชียลไม่ได้ ถ้าไม่มี VPN

3. ใช้ Pocket Wi-Fi (เสริม)

ทางเลือกสำหรับคนเดินทางเป็นกลุ่ม หรือใช้หลายอุปกรณ์ก็คือ Pocket Wi-Fi หรือ Wi-Fi พกพา เช่าเครื่องเดียว แชร์เน็ตได้หลายคน เหมาะกับคนที่ไม่อยากเปลี่ยนซิม

ข้อดี:

แชร์เน็ตได้หลายอุปกรณ์
ไม่ต้องเปลี่ยนซิม
บางเครื่องมีแบตสำรองในตัว

ข้อเสีย:

ต้องพกเครื่องเพิ่มอีกชิ้น
ถ้าลืมชาร์จหรือแบตหมด = ไม่มีเน็ต
ราคาเฉลี่ยพอๆ กับ Roaming ถ้าเดินทางคนเดียว

บทสรุปสั้นๆ

ไปคนเดียว / เน้นความสะดวก ➡️ เปิด Roaming
ไปนาน / อยากประหยัด ➡️ ซื้อซิมจีนหรือ eSIM
ไปหลายคน ➡️ แชร์ Pocket Wi-Fi คุ้มสุด

ซื้อซิมจีนแบบไหนดี? (เลือกยังไงให้เหมาะกับเรา)

ถ้าเพื่อนๆ ตัดสินใจแล้วว่าไม่เปิด Roaming งั้นทางเลือกที่เวิร์กที่สุดก็คือการ “ซื้อซิมจีน” นั่นแหละ แต่เดี๋ยวก่อน! ซิมจีนก็มีหลายแบบมากเหมือนกันนะ ทั้ง ซิมการ์ดธรรมดา, ซิมจีนแบบเติมเงิน, eSIM จีน, ซิมจีนเน็ตไม่อั้น ฯลฯ แล้วจะเลือกแบบไหนดีล่ะ? มาดูกันทีละแบบเลยดีกว่า!

1. ซิมจีนแบบเติมเงิน

นี่คือซิมจีนที่ฮิตสุดๆ ในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะราคาไม่แพง ใช้ง่าย ไม่ต้องผูกสัญญา ใช้หมดก็คือจบไป เหมาะกับคนที่ไปเที่ยวแค่ 5–15 วัน หรือแม้แต่เดินทางนานเป็นเดือนก็ยังไหว

ข้อดี:

ราคาถูกมาก เริ่มต้นแค่หลักร้อย
เลือกแพ็กเกจได้หลากหลาย เช่น 7 วัน / 15 วัน / 30 วัน
ใช้งานง่าย ไม่ต้องเปิด VPN ถ้าเลือกแบบเล่นโซเชียลได้
บางเจ้าส่งซิมให้ถึงบ้านก่อนเดินทาง

ข้อเสีย:

ต้องถอดซิมไทยออก อาจพลาด OTP หรือสายจากไทย
ถ้าใช้งานเยอะเกินแพ็กเกจ ต้องเติมเงินหรือซื้อใหม่

2. eSIM จีน

สายเทคต้องรู้จัก eSIM! เพราะไม่ต้องใส่ซิมการ์ดจริงให้ยุ่งยากเลย แค่สแกน QR Code ก็เปิดใช้งานได้ทันที สะดวกมากโดยเฉพาะคนที่ใช้ iPhone รุ่นใหม่ หรือมือถือรุ่นรองรับ eSIM

ข้อดี:

ไม่ต้องถอดซิมไทย (ใช้ได้พร้อมกันทั้งเบอร์ไทยและเบอร์จีน)
ซื้อออนไลน์ได้ทันที บางเจ้าส่ง QR มาในไม่กี่นาที
ประหยัดพื้นที่ ไม่ต้องพกซิมสำรอง

ข้อเสีย:

มือถือบางรุ่นยังไม่รองรับ eSIM
ต้องเช็กให้ดีว่าเครือข่ายของ eSIM ใช้งานในจีนได้จริง
ราคาอาจสูงกว่าซิมจริงเล็กน้อย

3. ซิมจีนเล่นโซเชียลได้ (มี VPN ในตัว)

ใครที่ห่วงว่าจะเข้า Google, LINE หรือ Facebook ไม่ได้ในจีน แนะนำให้มองหาซิมที่เขียนว่า “เล่นโซเชียลได้” หรือ “ซิมจีนพร้อม VPN” ซึ่งมักเป็นซิมที่ Route สัญญาณผ่านฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ทำให้เข้าแอปต่างประเทศได้ปกติ

ข้อดี:

เข้าใช้งาน Google, YouTube, LINE, Facebook ได้เลย
ไม่ต้องโหลด VPN เพิ่มให้ยุ่งยาก

ข้อเสีย:

ราคาจะสูงกว่าซิมจีนทั่วไปเล็กน้อย
บางเจ้ามีข้อจำกัดเรื่องความเร็วในบางช่วงเวลา

4. ซื้อซิมจีนที่ไทย vs ซื้อที่จีน

ช่องทาง

ข้อดี

ข้อเสีย

ซื้อซิมจีนจากไทย

สะดวกมาก สั่งล่วงหน้าได้ รับก่อนเดินทาง

อาจมีค่าจัดส่ง หรือต้องรอของ

ซื้อที่สนามบินจีน

เลือกได้หลายแบบ มีโปรท้องถิ่น

สื่อสารกับพนักงานยาก, อาจมีขั้นตอนซับซ้อน

ซื้อออนไลน์แบบ eSIM

ได้ QR Code ทันที ไม่ต้องรอของ

ต้องเช็กว่าเว็บเชื่อถือได้หรือไม่

สรุปสั้นๆ:

ถ้าเน้น คุ้มค่า ประหยัด ใช้งานทั่วไป ➡️ ซิมจีนแบบเติมเงิน
ถ้าเน้น สะดวก ไม่อยากเปลี่ยนซิม ➡️ eSIM จีน
ถ้าอยาก เล่นโซเชียลได้ในจีน ➡️ เลือกซิมที่มี VPN หรือ Route ผ่านฮ่องกง

เช็คราคาไฟล์ทไปเซี่ยงไฮ้

Sun, 31 Aug 2025

Shenzhen Airlines

กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)

เริ่มจาก THB 3,456.31

Sat, 30 Aug 2025

China Eastern Airlines

กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)

เริ่มจาก THB 3,674.45

Sat, 16 Aug 2025

China Southern Airlines

กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)

เริ่มจาก THB 3,677.43

เปรียบเทียบ Roaming vs. ซิมจีน (ข้อดี-ข้อเสีย)

พอรู้แล้วว่าตัวเลือกมีอะไรบ้าง ทีนี้ก็ถึงเวลาตัดสินใจแล้วล่ะว่าแบบไหนเหมาะกับเราที่สุด! มาดูกันแบบชัดๆ ว่า เปิดโรมมิ่ง กับ ซื้อซิมจีนหรือ eSIM แบบไหนเวิร์กกว่ากันสำหรับคนที่กำลังจะไปเที่ยวจีน

🔍 ตารางเปรียบเทียบ Roaming vs. ซิมจีน

คุณสมบัติ

Roaming จากไทย

ซื้อซิมจีน / eSIM จีน

ความสะดวก

✅ ไม่ต้องเปลี่ยนซิม

❌ ต้องเปลี่ยนซิมหรือสแกน eSIM

ความคุ้มค่า

❌ ราคาสูง (จ่ายรายวัน)

✅ ประหยัด ใช้ได้นานหลายวัน

ความเสถียรของสัญญาณ

❌ อาจสลับเครือข่าย

✅ เชื่อมตรงกับเครือข่ายจีน

ใช้เบอร์ไทยได้

✅ รับสาย / OTP ได้

❌ ต้องใช้เครื่อง 2 ซิม หรือเปลี่ยนซิมไปมา

เล่นโซเชียลได้ (Google, LINE ฯลฯ)

✅ ถ้าเปิด VPN เอง

✅ ถ้าเลือกซิมที่มี VPN หรือ route ฮ่องกง

เหมาะกับใคร

คนไม่อยากยุ่งยาก ไปแค่ 2-3 วัน

คนเน้นคุ้มค่า ใช้งานเยอะ ไปหลายวัน

🟢 สรุปข้อดีของ Roaming

สะดวกสุดๆ ไม่ต้องเตรียมอะไรล่วงหน้า
ใช้เบอร์เดิม รับสาย รับ OTP ได้ตลอด
เหมาะกับคนที่ต้องติดต่อธุรกิจระหว่างอยู่ที่จีน

🔴 ข้อเสียของ Roaming

ค่าใช้จ่ายสูงมากถ้าใช้หลายวัน (บางรายคิดเป็นรายวันหรือ MB)
บางพื้นที่สัญญาณไม่เสถียร เพราะเชื่อมผ่านพาร์ตเนอร์เครือข่าย

🟢 สรุปข้อดีของซิมจีน / eSIM

ประหยัดมาก ใช้งานได้หลายวันในราคาหลักร้อย
เน็ตแรง เชื่อมกับเครือข่ายท้องถิ่นโดยตรง
มีแพ็กเกจหลากหลาย เลือกได้ตามสไตล์การใช้งาน

🔴 ข้อเสียของซิมจีน / eSIM

ใช้เบอร์ไทยไม่ได้ (เว้นแต่มีเครื่อง 2 ซิม)
ต้องเลือกให้ดีว่าเข้าโซเชียลได้ไหม (หรือมี VPN มาให้หรือเปล่า)
มือถือบางรุ่นยังไม่รองรับ eSIM

สรุปง่ายๆ:

ถ้าเน้น สะดวก ไม่อยากยุ่งยากเลย ➡️ เปิด Roaming ไปจบ
ถ้าเน้น คุ้มค่า ใช้งานเน็ตเยอะ ➡️ ซิมจีน หรือ eSIM คือคำตอบ
ถ้าอยากได้ทั้งสองอย่าง ➡️ ใช้ eSIM สำหรับเน็ต + ซิมไทยในเครื่อง 2 ซิม ก็โอเคสุด!

ใช้เน็ตที่จีน ต้องระวังอะไรบ้าง?

แม้ว่าจะเลือกวิธีใช้อินเทอร์เน็ตได้แล้ว ทั้ง Roaming หรือซื้อซิมจีน แต่มีอีกเรื่องสำคัญมากที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ จีนมีระบบ Great Firewall หรือ “ไฟร์วอลล์แห่งชาติ” ที่บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์และแอปยอดนิยมจากต่างประเทศหลายตัวเลยนะ!

🔍 แอป/เว็บไซต์ยอดนิยมที่ถูกบล็อกในจีน

Google / Gmail
YouTube
Facebook
Instagram
LINE
Messenger
Twitter
TikTok เวอร์ชันอินเตอร์ (ใช้ได้เฉพาะ Douyin ที่เป็นเวอร์ชันจีน)

แปลว่าถ้าใช้ซิมจีนทั่วไปหรือเชื่อมเน็ตจีนตรงๆ โดยไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย คุณอาจจะเข้าแอปพวกนี้ไม่ได้ทันทีนะ

🔐 แล้วจะแก้ยังไง? ใช้ VPN สิ!

VPN (Virtual Private Network) คือเครื่องมือที่ช่วยให้เรา “หลบ” ไฟร์วอลล์ของจีน และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเสมือนอยู่ประเทศอื่น ทำให้สามารถเข้า Google, LINE, Facebook ได้ตามปกติเลย

วิธีใช้งาน:

ดาวน์โหลดแอป VPN จากไทยก่อนเดินทาง
แนะนำ VPN ที่ใช้ได้ดีในจีน เช่น ExpressVPN, Surfshark, Astrill
อย่ารอโหลดตอนถึงจีน เพราะจีนบล็อก VPN หลายตัวใน App Store และ Google Play

💡 หรือจะเลือก "ซิมจีนที่มี VPN ในตัว" ก็ได้

เพื่อความสะดวกสุดๆ ตอนนี้มีผู้ให้บริการหลายเจ้าที่ขายซิมจีนแบบเล่นโซเชียลได้ ซึ่งจะ Route สัญญาณผ่านฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ทำให้ไม่โดนบล็อกเลย ไม่ต้องโหลด VPN เอง

ข้อดี:

เปิดใช้ได้ทันที เข้า Facebook, LINE ได้เลย
เหมาะกับคนที่ไม่ถนัดเรื่องเทคนิค หรือไม่อยากยุ่งกับ VPN

ข้อเสีย:

ราคาสูงกว่าซิมจีนทั่วไปเล็กน้อย
บางซิมอาจจำกัดความเร็วถ้าใช้งานหนักมาก

📌 ข้อควรระวังอีกนิด

อย่าใช้ VPN ที่ไม่ปลอดภัยหรือฟรีแบบไม่น่าเชื่อถือ เพราะเสี่ยงข้อมูลหลุด
ถ้าใช้ eSIM ต้องแน่ใจว่าแพ็กเกจนั้นรองรับการเข้าแอปต่างประเทศ
บางแอปจีน เช่น WeChat, Alipay, Baidu Map ใช้ได้ปกติในจีนโดยไม่ต้อง VPN

สรุปสั้นๆ:

อยากใช้ Google, LINE, IG ในจีน ➡️ เตรียม VPN ล่วงหน้า
หรือเลือกซิมจีนที่ “เล่นโซเชียลได้” จะง่ายและสะดวกกว่ามาก

ทริคการเลือกซิมจีนให้คุ้มค่า

การเลือกซิมจีนไม่ได้มีแค่ “ดูว่าราคาเท่าไหร่” เท่านั้นนะ! ถ้าอยากใช้งานได้แบบไม่มีสะดุด ทั้งเน็ตแรง ใช้โซเชียลได้ ไม่พลาด OTP สำคัญ หรือไม่ต้องยุ่งยากเปลี่ยนซิมบ่อย มาดูทริคพวกนี้ไว้เลย รับรองเลือกได้ถูกใจแน่นอน

1. มือถือคุณรองรับ eSIM ไหม?

ถ้าอยากใช้ eSIM เพื่อความสะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนซิมจริง ลองเช็กก่อนเลยว่าเครื่องของคุณรองรับ eSIM รึเปล่า

iPhone XR ขึ้นไป ส่วนใหญ่รองรับ
Samsung, Google Pixel รุ่นใหม่ๆ ก็ใช้ได้เช่นกัน
มือถือจีนบางรุ่น (เช่น Xiaomi, Huawei) บางรุ่นยังไม่รองรับ eSIM

ถ้าไม่มั่นใจ ลองเสิร์ชว่า [ชื่อรุ่นมือถือ] รองรับ eSIM ไหม หรือดูที่การตั้งค่าเครือข่าย

2. ถ้ามือถือรองรับ 2 ซิม = ได้เปรียบ

คนที่ใช้มือถือแบบ 2 ซิม จะสบายมาก! เพราะสามารถ

ใส่ซิมจีนเพื่อใช้อินเทอร์เน็ต
และยังคงใช้ซิมไทยรับสาย/OTP ได้ตลอด

เหมาะมากกับสายธุรกิจ หรือคนที่ต้องผูกบัญชีต่างๆ กับเบอร์ไทย เช่น LINE, ธนาคาร, OTP

3. เลือกซิมจีนแบบ “เล่นโซเชียลได้” ถ้าไม่อยากยุ่งกับ VPN

ใครที่ไม่อยากโหลด VPN หรือกลัวว่าทำไม่เป็น ลองหาซิมที่เขียนไว้ชัดๆ ว่า เล่นโซเชียลมีเดียได้”, “ซิมจีนเล่น Google / Facebook / LINE ได้” หรือ “มี VPN ในตัว” จะช่วยให้ใช้งานทุกแอปได้เลยแบบไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม

4. ซื้อซิมจีนจากไทย สะดวกกว่าเยอะ

ปัจจุบันเราสามารถซื้อซิมจีนหรือ eSIM ได้ตั้งแต่ยังอยู่ที่ไทยเลย ไม่ต้องรอไปถึงสนามบินจีน ไม่ต้องเจอปัญหาภาษาหรือการตั้งค่าที่ยุ่งยาก

ช่องทางซื้อยอดฮิต:

Shopee, Lazada (แนะนำร้านที่มีรีวิวเยอะ / เป็นร้าน Official)
เว็บผู้ให้บริการซิมท่องเที่ยว เช่น Airalo, Sim2Fly, TravelSim, AIS, DTAC

ข้อดี:

ได้รับซิมก่อนเดินทาง ทดสอบเครื่องได้ล่วงหน้า
ถ้าเป็น eSIM มักจะได้ QR Code ทางอีเมลทันที
มีโปรหลายแบบให้เลือกเปรียบเทียบง่าย

5. เปรียบเทียบก่อนซื้อเสมอ

อย่าลืมเช็กว่าแพ็กเกจที่คุณจะซื้อมี:

เน็ตความเร็วเท่าไหร่? (4G / 5G / จำกัดความเร็วไหม?)
ใช้ได้กี่วัน?
เล่นโซเชียลได้ไหม? ต้องใช้ VPN เองหรือไม่?
รองรับเมืองที่จะไปเที่ยวไหม?

🎯 สรุปทริคสั้น ๆ

ถ้า...

ให้เลือก...

มือถือรองรับ eSIM

ใช้ eSIM จีน ประหยัด + ไม่ต้องถอดซิม

ใช้ 2 ซิมได้

ใส่ซิมจีนคู่กับเบอร์ไทย ใช้งานลื่นๆ

ไม่อยากยุ่งกับ VPN

เลือกซิมจีนแบบ “เล่นโซเชียลได้”

อยากเตรียมพร้อมตั้งแต่ไทย

สุดท้ายนี้ ถ้าคุณเลือกซิมในการไปเที่ยวจีนได้แล้ว ก็อย่าลืมแพลนเที่ยวด้วยล่ะ ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ลองแวะเข้าไปดู 25 ที่เที่ยวจีน กันก่อนได้เลย หรือจะเริ่มจากเมืองใหญ่ ๆ ก่อนก็ได้ อ่านต่อด้านล่างได้เลยเช่นกัน!

อ่านต่อ:

พร้อมเที่ยวแล้ว ก็จองตั๋วเครื่องบินไปจีนและที่พักในจีนผ่าน Traveloka ได้เลย สะดวก จองง่าย แถมดีลเพียบ!

ในบทความนี้

• เที่ยวจีนใช้เน็ตอะไรได้บ้าง?
• 1. เปิด Roaming จากไทย
• 2. ซื้อซิมจีน (แบบซิมการ์ดหรือ eSIM)
• 3. ใช้ Pocket Wi-Fi (เสริม)
• ซื้อซิมจีนแบบไหนดี? (เลือกยังไงให้เหมาะกับเรา)
• 1. ซิมจีนแบบเติมเงิน
• 2. eSIM จีน
• 3. ซิมจีนเล่นโซเชียลได้ (มี VPN ในตัว)
• 4. ซื้อซิมจีนที่ไทย vs ซื้อที่จีน
• เปรียบเทียบ Roaming vs. ซิมจีน (ข้อดี-ข้อเสีย)
• 🔍 ตารางเปรียบเทียบ Roaming vs. ซิมจีน
• 🟢 สรุปข้อดีของ Roaming
• 🔴 ข้อเสียของ Roaming
• 🟢 สรุปข้อดีของซิมจีน / eSIM
• 🔴 ข้อเสียของซิมจีน / eSIM
• ใช้เน็ตที่จีน ต้องระวังอะไรบ้าง?
• 🔍 แอป/เว็บไซต์ยอดนิยมที่ถูกบล็อกในจีน
• 🔐 แล้วจะแก้ยังไง? ใช้ VPN สิ!
• 💡 หรือจะเลือก "ซิมจีนที่มี VPN ในตัว" ก็ได้
• 📌 ข้อควรระวังอีกนิด
• ทริคการเลือกซิมจีนให้คุ้มค่า
• 1. มือถือคุณรองรับ eSIM ไหม?
• 2. ถ้ามือถือรองรับ 2 ซิม = ได้เปรียบ
• 3. เลือกซิมจีนแบบ “เล่นโซเชียลได้” ถ้าไม่อยากยุ่งกับ VPN
• 4. ซื้อซิมจีนจากไทย สะดวกกว่าเยอะ
• 5. เปรียบเทียบก่อนซื้อเสมอ
• 🎯 สรุปทริคสั้น ๆ

เที่ยวบินที่แนะนำในบทความนี้

Sun, 31 Aug 2025
Shenzhen Airlines
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
เริ่มจาก THB 3,456.31
จองเลย
Sat, 30 Aug 2025
China Eastern Airlines
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
เริ่มจาก THB 3,674.45
จองเลย
Sat, 16 Aug 2025
China Southern Airlines
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
เริ่มจาก THB 3,677.43
จองเลย
จองโรงแรม
จองตั๋วเครื่องบิน
Things to Do
รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร