กำลังวางแผนไปเที่ยวจีนอยู่รึเปล่า? ไม่ว่าจะไปเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง หรือเมืองลับๆ ที่น่าไปอย่างกุ้ยหลินหรือต้าหลี่ สิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดเลยก็คือ เตรียมอินเทอร์เน็ตให้พร้อม! เพราะถ้าไม่มีเน็ต ก็อาจจะเปิดแผนที่ไม่ได้ แปลภาษาลำบาก หรือจองรถ/ที่พักก็ไม่สะดวก จะโพสต์รูปก็อดอีก 😩
แล้วคำถามคือ จะเปิดโรมมิ่ง (Roaming) จากไทยไปเลยดีมั้ย? หรือควรซื้อซิมจีนใช้จะดีกว่า? ไหนจะมี eSIM, VPN, หรือ Pocket Wi-Fi ให้เลือกเยอะไปหมด!
บทความนี้จะพาคุณมารู้จักกับวิธีใช้เน็ตที่จีนแบบต่าง ๆ พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบให้เข้าใจง่ายๆ ตัดสินใจได้ในไม่กี่นาที แถมสิ่งที่ควรรู้เรื่องเน็ตจีน เช่น อินเทอร์เน็ตจีนบล็อกอะไรบ้าง เน็ตจีนเข้าไลน์ เฟสบุคได้ไหม
มีวิธีใช้งานอินเทอร์เน็ตอยู่หลักๆ 3 แบบที่คนไทยนิยมใช้กัน ได้แก่:
วิธีนี้ง่ายสุดแบบไม่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายเลย แค่เปิดโรมมิ่งกับเครือข่ายในไทย (อย่าง AIS / DTAC / True) ก็สามารถใช้เน็ตในจีนได้ทันทีตั้งแต่ลงเครื่อง ไม่ต้องเปลี่ยนซิม ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม
ข้อดี:
ข้อเสีย:
อีกทางเลือกยอดฮิตเลยก็คือ ซื้อซิมจีน ซึ่งมีทั้งแบบเป็นซิมจริง (ใส่เครื่อง) และ eSIM (ไม่ต้องถอดซิม แค่สแกน QR แล้วใช้ได้เลย) จุดเด่นคือราคาคุ้มกว่า Roaming มาก และเน็ตแรง เพราะเชื่อมกับเครือข่ายท้องถิ่นโดยตรง เช่น China Mobile, China Unicom, China Telecom
ข้อดี:
ข้อเสีย:
ทางเลือกสำหรับคนเดินทางเป็นกลุ่ม หรือใช้หลายอุปกรณ์ก็คือ Pocket Wi-Fi หรือ Wi-Fi พกพา เช่าเครื่องเดียว แชร์เน็ตได้หลายคน เหมาะกับคนที่ไม่อยากเปลี่ยนซิม
ข้อดี:
ข้อเสีย:
บทสรุปสั้นๆ
ถ้าเพื่อนๆ ตัดสินใจแล้วว่าไม่เปิด Roaming งั้นทางเลือกที่เวิร์กที่สุดก็คือการ “ซื้อซิมจีน” นั่นแหละ แต่เดี๋ยวก่อน! ซิมจีนก็มีหลายแบบมากเหมือนกันนะ ทั้ง ซิมการ์ดธรรมดา, ซิมจีนแบบเติมเงิน, eSIM จีน, ซิมจีนเน็ตไม่อั้น ฯลฯ แล้วจะเลือกแบบไหนดีล่ะ? มาดูกันทีละแบบเลยดีกว่า!
นี่คือซิมจีนที่ฮิตสุดๆ ในหมู่นักท่องเที่ยว เพราะราคาไม่แพง ใช้ง่าย ไม่ต้องผูกสัญญา ใช้หมดก็คือจบไป เหมาะกับคนที่ไปเที่ยวแค่ 5–15 วัน หรือแม้แต่เดินทางนานเป็นเดือนก็ยังไหว
ข้อดี:
ข้อเสีย:
สายเทคต้องรู้จัก eSIM! เพราะไม่ต้องใส่ซิมการ์ดจริงให้ยุ่งยากเลย แค่สแกน QR Code ก็เปิดใช้งานได้ทันที สะดวกมากโดยเฉพาะคนที่ใช้ iPhone รุ่นใหม่ หรือมือถือรุ่นรองรับ eSIM
ข้อดี:
ข้อเสีย:
ใครที่ห่วงว่าจะเข้า Google, LINE หรือ Facebook ไม่ได้ในจีน แนะนำให้มองหาซิมที่เขียนว่า “เล่นโซเชียลได้” หรือ “ซิมจีนพร้อม VPN” ซึ่งมักเป็นซิมที่ Route สัญญาณผ่านฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ทำให้เข้าแอปต่างประเทศได้ปกติ
ข้อดี:
ข้อเสีย:
ช่องทาง | ข้อดี | ข้อเสีย |
ซื้อซิมจีนจากไทย | สะดวกมาก สั่งล่วงหน้าได้ รับก่อนเดินทาง | อาจมีค่าจัดส่ง หรือต้องรอของ |
ซื้อที่สนามบินจีน | เลือกได้หลายแบบ มีโปรท้องถิ่น | สื่อสารกับพนักงานยาก, อาจมีขั้นตอนซับซ้อน |
ซื้อออนไลน์แบบ eSIM | ได้ QR Code ทันที ไม่ต้องรอของ | ต้องเช็กว่าเว็บเชื่อถือได้หรือไม่ |
|
|
|
สรุปสั้นๆ:
Sun, 31 Aug 2025
Shenzhen Airlines
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
เริ่มจาก THB 3,456.31
Sat, 30 Aug 2025
China Eastern Airlines
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
เริ่มจาก THB 3,674.45
Sat, 16 Aug 2025
China Southern Airlines
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
เริ่มจาก THB 3,677.43
พอรู้แล้วว่าตัวเลือกมีอะไรบ้าง ทีนี้ก็ถึงเวลาตัดสินใจแล้วล่ะว่าแบบไหนเหมาะกับเราที่สุด! มาดูกันแบบชัดๆ ว่า เปิดโรมมิ่ง กับ ซื้อซิมจีนหรือ eSIM แบบไหนเวิร์กกว่ากันสำหรับคนที่กำลังจะไปเที่ยวจีน
คุณสมบัติ | Roaming จากไทย | ซื้อซิมจีน / eSIM จีน |
ความสะดวก | ✅ ไม่ต้องเปลี่ยนซิม | ❌ ต้องเปลี่ยนซิมหรือสแกน eSIM |
ความคุ้มค่า | ❌ ราคาสูง (จ่ายรายวัน) | ✅ ประหยัด ใช้ได้นานหลายวัน |
ความเสถียรของสัญญาณ | ❌ อาจสลับเครือข่าย | ✅ เชื่อมตรงกับเครือข่ายจีน |
ใช้เบอร์ไทยได้ | ✅ รับสาย / OTP ได้ | ❌ ต้องใช้เครื่อง 2 ซิม หรือเปลี่ยนซิมไปมา |
เล่นโซเชียลได้ (Google, LINE ฯลฯ) | ✅ ถ้าเปิด VPN เอง | ✅ ถ้าเลือกซิมที่มี VPN หรือ route ฮ่องกง |
เหมาะกับใคร | คนไม่อยากยุ่งยาก ไปแค่ 2-3 วัน | คนเน้นคุ้มค่า ใช้งานเยอะ ไปหลายวัน |
|
|
|
สรุปง่ายๆ:
แม้ว่าจะเลือกวิธีใช้อินเทอร์เน็ตได้แล้ว ทั้ง Roaming หรือซื้อซิมจีน แต่มีอีกเรื่องสำคัญมากที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ จีนมีระบบ Great Firewall หรือ “ไฟร์วอลล์แห่งชาติ” ที่บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์และแอปยอดนิยมจากต่างประเทศหลายตัวเลยนะ!
แปลว่าถ้าใช้ซิมจีนทั่วไปหรือเชื่อมเน็ตจีนตรงๆ โดยไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย คุณอาจจะเข้าแอปพวกนี้ไม่ได้ทันทีนะ
VPN (Virtual Private Network) คือเครื่องมือที่ช่วยให้เรา “หลบ” ไฟร์วอลล์ของจีน และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเสมือนอยู่ประเทศอื่น ทำให้สามารถเข้า Google, LINE, Facebook ได้ตามปกติเลย
วิธีใช้งาน:
เพื่อความสะดวกสุดๆ ตอนนี้มีผู้ให้บริการหลายเจ้าที่ขายซิมจีนแบบเล่นโซเชียลได้ ซึ่งจะ Route สัญญาณผ่านฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ทำให้ไม่โดนบล็อกเลย ไม่ต้องโหลด VPN เอง
ข้อดี:
ข้อเสีย:
สรุปสั้นๆ:
การเลือกซิมจีนไม่ได้มีแค่ “ดูว่าราคาเท่าไหร่” เท่านั้นนะ! ถ้าอยากใช้งานได้แบบไม่มีสะดุด ทั้งเน็ตแรง ใช้โซเชียลได้ ไม่พลาด OTP สำคัญ หรือไม่ต้องยุ่งยากเปลี่ยนซิมบ่อย มาดูทริคพวกนี้ไว้เลย รับรองเลือกได้ถูกใจแน่นอน
ถ้าอยากใช้ eSIM เพื่อความสะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนซิมจริง ลองเช็กก่อนเลยว่าเครื่องของคุณรองรับ eSIM รึเปล่า
ถ้าไม่มั่นใจ ลองเสิร์ชว่า [ชื่อรุ่นมือถือ] รองรับ eSIM ไหม หรือดูที่การตั้งค่าเครือข่าย
คนที่ใช้มือถือแบบ 2 ซิม จะสบายมาก! เพราะสามารถ
เหมาะมากกับสายธุรกิจ หรือคนที่ต้องผูกบัญชีต่างๆ กับเบอร์ไทย เช่น LINE, ธนาคาร, OTP
ใครที่ไม่อยากโหลด VPN หรือกลัวว่าทำไม่เป็น ลองหาซิมที่เขียนไว้ชัดๆ ว่า “เล่นโซเชียลมีเดียได้”, “ซิมจีนเล่น Google / Facebook / LINE ได้” หรือ “มี VPN ในตัว” จะช่วยให้ใช้งานทุกแอปได้เลยแบบไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม
ปัจจุบันเราสามารถซื้อซิมจีนหรือ eSIM ได้ตั้งแต่ยังอยู่ที่ไทยเลย ไม่ต้องรอไปถึงสนามบินจีน ไม่ต้องเจอปัญหาภาษาหรือการตั้งค่าที่ยุ่งยาก
ช่องทางซื้อยอดฮิต:
ข้อดี:
อย่าลืมเช็กว่าแพ็กเกจที่คุณจะซื้อมี:
ถ้า... | ให้เลือก... |
มือถือรองรับ eSIM | ใช้ eSIM จีน ประหยัด + ไม่ต้องถอดซิม |
ใช้ 2 ซิมได้ | ใส่ซิมจีนคู่กับเบอร์ไทย ใช้งานลื่นๆ |
ไม่อยากยุ่งกับ VPN | เลือกซิมจีนแบบ “เล่นโซเชียลได้” |
อยากเตรียมพร้อมตั้งแต่ไทย | |
|
|
สุดท้ายนี้ ถ้าคุณเลือกซิมในการไปเที่ยวจีนได้แล้ว ก็อย่าลืมแพลนเที่ยวด้วยล่ะ ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ลองแวะเข้าไปดู 25 ที่เที่ยวจีน กันก่อนได้เลย หรือจะเริ่มจากเมืองใหญ่ ๆ ก่อนก็ได้ อ่านต่อด้านล่างได้เลยเช่นกัน!
อ่านต่อ:
พร้อมเที่ยวแล้ว ก็จองตั๋วเครื่องบินไปจีนและที่พักในจีนผ่าน Traveloka ได้เลย สะดวก จองง่าย แถมดีลเพียบ!