พอพูดถึงวัฒนธรรมจีน หลายคนอาจนึกถึงภาพคลาสสิกอย่างวัดมังกรทอง เป็ดปักกิ่ง หรือชุดจีนสีแดงแต่จริงๆ แล้ววัฒนธรรมจีน มีอะไรมากกว่านั้นเยอะมาก ทั้งลึกซึ้ง ยาวนานกว่าหลายพันปี และแฝงด้วยความหมายในทุกแง่มุมของชีวิต
วัฒนธรรมของจีนนั้นไม่ได้อยู่แค่ในพิธีกรรมใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับเรื่องราวใกล้ตัวอย่างวิถีการกิน ความเชื่อเรื่องโชคลาง ความสัมพันธ์ในครอบครัว การแต่งกาย ไปจนถึงมารยาทในการอยู่ร่วมกับคนอื่น เรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมที่แทรกซึมอยู่ในทุกจังหวะชีวิตเลยก็ว่าได้
วันนี้ Traveloka ขอพาทุกคนไปดูว่าวัฒนธรรมจีนมีอะไรบ้าง เจาะลึกวัฒนธรรมจีนในมุมต่างๆ แบบเข้าใจง่าย ช่วยให้ทุกคนเตรียมตัวเที่ยวจีนรอบหน้าได้อินขึ้นและสนุกขึ้น!
จองตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปจีนกับ Traveloka
1. ประเพณีจีนและเทศกาลจีน
หนึ่งในเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนและประเพณีจีน ที่หลายคนหลงรัก คือความหลากหลายของเทศกาลที่ทั้งสนุก มีความหมาย และอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความเชื่อดั้งเดิมที่สืบต่อกันมานานกว่าพันปี เทศกาลจีนไม่ใช่แค่ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง แต่ยังสะท้อนหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมจีนอย่างความกตัญญู ความผูกพันในครอบครัว และการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว เทศกาลและประเพณีสำคัญๆ ของจีนได้แก่
ตรุษจีน เทศกาลปีใหม่จีนที่ใหญ่ที่สุดของปี ตรงกับช่วงปลายมกราคมถึงต้นกุมภาพันธ์ ทุกบ้านจะรวมญาติกันกลับไปไหว้บรรพบุรุษ รับพรจากผู้ใหญ่ แจกอั่งเปา แต่งบ้านด้วยสีแดง จุดประทัด และกินอาหารมงคล เป็นช่วงที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่น ความเคารพ และการเริ่มต้นสิ่งใหม่อย่างเป็นสิริมงคล
ใครที่มองหาที่เที่ยวตรุษจีนสามารถ อย่าลืมแวะอ่าน รีวิว 15 ที่เที่ยวรับตรุษจีน แก้ปีชง เพิ่มแต้มบุญ เทศกาลไหว้พระจันทร์ ตรงกับคืนพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 8 ตามปฏิทินจีน บรรยากาศโรแมนติกแบบอบอุ่น ครอบครัวจะออกมานั่งชมจันทร์ กินขนมไหว้พระจันทร์ และส่งต่อความคิดถึงถึงคนที่อยู่ไกลบ้าน ถือเป็นเทศกาลที่สะท้อนความสัมพันธ์ในครอบครัวได้สวยงามที่สุดของจีนเลย
เทศกาลเช็งเม้ง มักจัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เป็นวันที่ลูกหลานจะกลับไปทำความสะอาดสุสานบรรพบุรุษและไหว้ขอพร เพื่อแสดงความกตัญญูและระลึกถึงรากเหง้าของตัวเอง เป็นหนึ่งใน พิธีกรรมของจีนที่แสดงออกถึงความผูกพันของครอบครัวแบบรุ่นสู่รุ่น
เทศกาลเรือมังกรหรือเทศกาลบ๊ะจ่าง (Dragon Boat Festival) หนึ่งในเทศกาลที่สนุกสุดๆ กับการแข่งเรือมังกรกลางแม่น้ำ เพื่อรำลึกถึงกวีผู้รักชาติ ชวีหยวน ที่เสียสละตัวเองเพื่อชาติ ในบ้านคนจีนจะทำบ๊ะจ่างหรือข้าวห่อใบไผ่ กินร่วมกันเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
เทศกาลกินเจ จัดขึ้นในเดือน 9 ตามปฏิทินจีน เป็นช่วงที่คนจีนงดเนื้อสัตว์เพื่อชำระล้างร่างกายและจิตใจ พร้อมรักษาศีลให้บริสุทธิ์ เชื่อว่าการกินเจช่วยเสริมบุญ เสริมบารมี และดึงดูดพลังดีเข้าชีวิต เหมาะกับทั้งสายบุญและสายเฮลตี้
นอกจากเรื่องเทศกาลแล้ว คนจีนยังผูกพันกับศาสตร์อย่างฮวงจุ้ยอย่างแน่นแฟ้นเลย ตั้งแต่การจัดบ้าน วางเตียง ไปจนถึงการเลือกวันแต่งงาน ทุกอย่างล้วนคำนึงถึง พลังชี่ ที่ชาวจีนเชื่อว่าจะนำโชคลาภ สุขภาพ และความเจริญมาให้ ถือเป็นอีกหนึ่งแง่มุมที่แทรกอยู่ในวัฒนธรรมจีนในชีวิตประจำวันอย่างแนบแน่น และน่าสนใจสุด ๆ
2. ปรัชญาและความเชื่อ
ถ้าให้เปรียบวัฒนธรรมจีนเป็นต้นไม้ใหญ่ ปรัชญาและความเชื่อ ก็คงเป็นเหมือนดินดีๆ ที่หล่อเลี้ยงให้ต้นไม้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะความเชื่อเหล่านี้ไม่ใช่แค่หลักคำสอนเก่าๆ แต่คือสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในวิถีชีวิตของชาวจีน มานานกว่าพันปี ไปดูกันว่าความเชื่อที่ชาวจีนยึดถือ มีอะไรบ้าง
ขงจื๊อ (Confucius) ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของจีนที่วางรากฐานเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และความสัมพันธ์ในครอบครัว แนวคิดของขงจื๊อสะท้อนชัดในระบบครอบครัวจีน เช่น การเคารพผู้ใหญ่ ลูกหลานต้องดูแลพ่อแม่เมื่อชรา และให้ความสำคัญกับการศึกษา เพราะเชื่อว่าเป็นหน้าที่และเกียรติของครอบครัว
ลัทธิเต๋า (Taoism) เชื่อในการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ไหลไปเหมือนสายน้ำคือแก่นของลัทธินี้ ความเชื่อนี้ยังปรากฏในหลายแง่มุมของชีวิต เช่น การตกแต่งบ้านให้โปร่ง โล่ง และสมดุลตามหลักหยินหยาง
หยินหยาง พลังตรงข้ามที่ต้องสมดุลกัน หยินคือความสงบ เย็น มืด ส่วนหยางคือความร้อน กระฉับกระเฉง และสว่าง แนวคิดนี้ยังใช้ในการจัดวางข้าวของในบ้าน เลือกอาหารให้ร่างกายสมดุล และเป็นหัวใจของหลายศาสตร์ในจีน เช่น ฮวงจุ้ยและแพทย์แผนจีนอีกด้วย
พุทธศาสนาแบบมหายาน เป็นอีกหนึ่งศาสนาหลักที่คนจีนศรัทธา โดยเฉพาะในวัดสำคัญอย่างวัดเส้าหลิน หรือวัดลามะในปักกิ่ง ศาสนาพุทธแบบจีนมีบทบาทในพิธีกรรมของจีนหลายอย่าง เช่น การไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา และการสวดมนต์ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
เทพเจ้าจีน พูดถึงวัฒนธรรมจีนจะไม่พูดถึงเทพเจ้าก็คงไม่ได้! เพราะชาวจีนผูกพันกับเทพเจ้ามานาน เชื่อว่าเทพเจ้าคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้อง คุ้มครอง และดึงดูดพลังดีๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งเทพเจ้าจีนมีหลากหลาย และแต่ละองค์ก็มีหน้าที่เฉพาะ เช่นเจ้าแม่กวนอิม คือเทพีแห่งความเมตตา คนจีนไหว้เพื่อขอพรเรื่องความสงบ สุขภาพ และความรัก เจ้าพ่อเสือหรือเทพเจ้าผู้คุ้มครอง ป้องกันภัย และให้โชคลาภ เทพเจ้ากวนอู เทพแห่งความซื่อสัตย์และความกล้าหาญ นิยมบูชาในหมู่พ่อค้าและผู้ประกอบธุรกิจ เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ที่มักถูกบูชาในช่วงตรุษจีนเพื่อเปิดรับเงินทอง แทบทุกบ้านของชาวจีนจะมี หิ้งเทพเจ้า ที่จุดธูปบูชากันเป็นประจำ เพื่อเสริมพลังดีๆ ให้กับชีวิตและครอบครัว บางครอบครัวยังมีการจัดโต๊ะไหว้ทุกเทศกาลสำคัญอีกด้วย
ความเชื่อในชีวิตประจำวัน เรื่องเล็กๆ อย่างเลขก็สำคัญมากในความเชื่อของชาวจีน เช่นเลข 4 คือสิ่งต้องห้ามเพราะออกเสียงคล้ายคำว่าตาย หรือเลข 8 กลายเป็นเลขมงคลเพราะออกเสียงคล้ายคำว่าร่ำรวย นอกจากนี้คนจีนยังให้ความสำคัญกับฤกษ์งามยามดี เช่น การเลือกวันแต่งงาน เปิดร้าน หรือย้ายบ้าน จะต้องปรึกษาซินแสเพื่อให้ทุกอย่างอย่างราบรื่น
ของขวัญต้องห้าม รู้หรือไม่ ของขวัญบางชิ้นในสายตาชาวจีนอาจเป็นลางไม่ดี เช่น ห้ามให้ ร่ม เพราะออกเสียงคล้ายคำว่า เลิกลา หรือของมีคมเพราะสื่อถึงการตัดความสัมพันธ์ ใครจะไปจีนหรือมีเพื่อนชาวจีนอย่าลืมเช็กก่อนซื้อของฝากด้วยนะ
เช็คราคาไฟล์ทไปเซี่ยงไฮ้
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
กรุงเทพ (BKK) ไป เซี่ยงไฮ้ (SHA)
3. อาหารการกิน
ถ้าอยากเข้าใจวัฒนธรรมจีนแบบถึงราก ต้องเริ่มจากโต๊ะอาหาร เพราะวัฒนธรรมการกินของชาวจีน ไม่ใช่แค่การอิ่มท้อง แต่เป็นการแสดงความสัมพันธ์ ความใส่ใจ และความศรัทธาในธรรมชาติผ่านทุกจานที่เสิร์ฟมา
อาหารจีนดั้งเดิม มีความหลากหลายทางภูมิภาคมาก เช่น อาหารเสฉวน ที่เด่นเรื่องความเผ็ด ชา และรสจัดจ้าน ใช้เครื่องเทศอย่างพริกและพริกหอม (หม่าล่า) อาหารกวางตุ้งที่เน้นรสชาติอ่อนๆ วัตถุดิบสด เช่น ติ่มซำ เป็ดย่าง อาหารซานตงที่มีรสเค็ม มัน มักใช้ซีอิ๊วและน้ำมันหอย หรืออาหารเจียงซู ที่เน้นรสหวานนวล ใช้เทคนิคตุ๋นและเคี่ยวอย่างพิถีพิถัน
ความพิถีพิถัน ในการปรุงและจัดวางจานอาหารคือสิ่งที่สะท้อนความเป็นจีนได้ดีมากๆ เช่น การแกะสลักผัก ผลไม้ สีของอาหารต้องสมดุล หรือการใช้ส่วนผสมที่มีความหมายมงคล เช่น ปลาสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ ข้าวที่สื่อถึงความผูกพัน
อาหารตามฤดูกาล เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของหารจีน คนจีนเชื่อว่าอาหารต้องสอดคล้องกับฤดูเพื่อสมดุลร่างกาย เช่น ดื่มซุปใสร้อนๆ ในฤดูหนาว หรือทานผักเย็นในฤดูร้อน
หลักหยินหยางยังนำมาใช้กับอาหาร เช่น ร่างกายร้อน (หยาง) ควรทานอาหารเย็น (หยิน) เพื่อปรับสมดุล และในทางกลับกันเช่นกัน
มื้ออาหารในวัฒนธรรมจีนมักเป็นการทานร่วมกันบนโต๊ะกลม ทุกคนตักอาหารจากจานกลาง แสดงถึงความเสมอภาคและความเป็นครอบครัวอย่างเกลมเกลียว
มารยาทบนโต๊ะอาหาร ที่ควรรู้ก่อนเที่ยวจีนคือเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหารจีน เช่น ห้ามปักตะเกียบลงในข้าว เพราะคล้ายการไหว้ศพ ห้ามใช้ตะเกียบชี้หน้าคน หรือใช้ตะเกียบคีบอาหารให้คนอื่นโดยตรงจากปากเรา หรือ ไม่ควรพลิกปลาบนจาน เพราะคนจีนเชื่อว่าเป็นลางร้าย (โดยเฉพาะในเมืองชายทะเล)
วัฒนธรรมการชงชาและดื่มชา วัฒนธรรมการดื่มชาในจีนไม่ใช่แค่เรื่องของเครื่องดื่ม แต่คือพิธีกรรมเล็กๆ ที่สะท้อนความสัมพันธ์ ความเคารพ และวิถีชีวิตที่สงบนิ่งของชาวจีนมาตั้งแต่โบราณ ตั้งแต่การเลือกใบชา การชงอย่างพิถีพิถัน ไปจนถึงจังหวะการรินชา ทุกขั้นตอนล้วนมีความหมาย มารยาทพื้นฐานที่ควรรู้เช่น คนจีนจะรินชาด้วยมือทั้งสองข้างเพื่อแสดงความเคารพ และมักเชิญแขกดื่มก่อนเสมอ ถือเป็นมารยาทพื้นฐานที่แสดงถึงความใส่ใจและให้เกียรติกัน
4. ศิลปะและวรรณกรรม
ศิลปะและวรรณกรรมคือการแสดงออกถึงอารมณ์ ความเชื่อ และจิตวิญญาณของชาวจีนได้อย่างลึกซึ้ง ทุกลายเส้น ทุกโน้ตดนตรี และทุกบทกวี ล้วนแฝงไว้ด้วยความเชื่อ ปรัชญา และเรื่องราวทางจิตวิญญาณที่ถ่ายทอดกันมาหลายพันปี
การเขียนพู่กันจีน (Calligraphy) ไม่ได้เป็นแค่การเขียนตัวหนังสือธรรมดา แต่คือศิลปะที่ต้องใช้สมาธิ ลมหายใจ และจังหวะของมืออย่างพอดี การเขียนพู่กันจึงเป็นเหมือนการฝึกสมาธิในตัว ใครที่เคยไปเที่ยวจีนแล้วได้เห็นพู่กันสวยๆ ตามวัดหรือร้านน้ำชาน่าจะพอเห็นภาพ ว่าศิลปะแบบนี้สื่อถึงความสงบในแบบจีนได้ยังไงบ้าง
ภาพวาดจีน (Chinese Painting) หลายคนคงเคยเห็นภาพต้นไผ่ นกกระเรียน ดอกเหมย หรือสัตว์มงคล หรือภูเขาแม่น้ำ สิ่งเหล่านี้คือจิตรกรรมดั้งเดิมที่เรียบง่าย แต่มีความหมายลึกซึ้ง เช่น นกกระเรียนแทนอายุยืน มังกรหมายถึงพลังและอำนาจ ส่วนใหญ่ใช้แค่หมึกดำและพู่กัน แต่กลับให้พลังทางสายตาและความรู้สึกได้แบบลึกมาก
วรรณกรรมจีน ใครเป็นสายอ่าน ต้องลองสัมผัสวรรณกรรมจีนสักเล่ม เพราะเรื่องราวของจีนคลาสสิกนี่แหละที่สะท้อนแนวคิดลึกๆ ในสังคมได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างวรรณกรรมจีนที่หลายคนคุ้นชื่อ เช่น สามก๊ก ที่เล่าถึงกลยุทธ์ การวางแผน และการรักษาน้ำใจ ไซอิ๋ว เรื่องราวแฟนตาซีแฝงธรรมะและความศรัทธา หรือ ความฝันในหอแดง วรรณกรรมสะท้อนชีวิตรักและความซับซ้อนของชนชั้นสูงในยุคราชวงศ์ชิง วรรณกรรมจีนพวกนี้ไม่ได้อ่านแล้วจบไปแค่เท่านั้น แต่ยังฝังแน่นในขนบธรรมเนียม ความเชื่อ และแม้แต่คำสอนในครอบครัวจีนมาจนถึงทุกวันนี้อีกด้วย
ดนตรีจีน ดนตรีจีนมีเสน่ห์เฉพาะตัว เสียงอ่อนโยน ละมุน และนุ่มลึก เช่น กู่เจิง (ขิมจีน) เอ้อหู (ซอสองสาย) หรือ เซียว (ขลุ่ยไม้ไผ่) ถ้าได้ฟังสดๆ จะรู้เลยว่า เสียงดนตรีสามารถเล่าเรื่องธรรมชาติ ความรู้สึก หรืออารมณ์ได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด มักได้ยินประกอบการแสดงงิ้วจีน หรือการรำโบราณในงานเทศกาลต่างๆ
ศิลปะการตัดกระดาษ (Paper Cutting) งานฝีมือที่ใช้กระดาษสีแดงตัดเป็นลวดลายมงคล เช่น คำว่า ฟู่ (โชคลาภ) ลายมังกร ดอกไม้ ใช้ตกแต่งบ้านในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะวันตรุษจีนและวันแต่งงาน สะท้อนถึงความประณีตในรายละเอียดของวัฒนธรรมจีนในชีวิตประจำวัน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจีน แนะนำให้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ดังๆ จีน เช่น พิพิธภัณฑ์พระราชวัง (Forbidden City) พิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ หรือแกลเลอรีวัฒนธรรมพื้นบ้านในเมืองซีอาน ซึ่งล้วนถ่ายทอดความรุ่งเรืองทางศิลปะและประวัติศาสตร์วัฒนธรรมจีน ได้อย่างลึกซึ้งและดีงามมาก
5. ภาษาและการแต่งกาย
หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้วัฒนธรรมจีนน่าค้นหา ก็คือการสื่อสารผ่านภาษาและการแต่งกาย เพราะไม่ใช่แค่เรื่องภายนอก แต่ยังสะท้อนถึงรากเหง้า ความเชื่อ และอัตลักษณ์ของชาวจีนได้อย่างดี
วัฒธรรมด้านภาษาของจีน
ภาษาจีนกลาง หรือที่เราคุ้นกันว่าแมนดาริน เป็นภาษาราชการของจีน และเป็นภาษาหลักที่ใช้กันทั่วประเทศ สำหรับนักท่องเที่ยวแนะนำให้จำคำง่ายๆ ติดตัวไว้ อย่าง “หนีห่าว” (你好 - สวัสดี), “เซี่ยเซี่ย” (谢谢 - ขอบคุณ) หรือ “ตุ้ยปู้ฉี่” (对不起 - ขอโทษ) แม้จะพูดได้ไม่เยอะ แต่แค่ทักทายเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ ก็ช่วยละลายพฤติกรรมกับคนจีนได้เยอะเลยทีเดียว!
ภาษาท้องถิ่น นอกจากภาษากลาง จีนยังมีภาษาท้องถิ่นที่หลากหลาย เช่น ภาษากวางตุ้งหรือฮากกา ซึ่งยังคงใช้อยู่ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในบ้านหรือชุมชนท้องถิ่น จึงไม่แปลกที่คนจีนจากต่างมณฑลจะพูดกันคนละภาษา แต่เข้าใจกันได้ผ่านรากวัฒนธรรมเดียวกัน
การทักทายแบบจีน ก็มีความน่ารักและแตกต่างจากฝั่งตะวันตก เช่น ไม่เน้นกอดหรือจับมือแน่น แต่จะใช้วิธีพยักหน้า ทักทายด้วยถ้อยคำสุภาพ หรือการประนมมือแบบจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมที่แสดงถึงความเคารพได้ดีมาก
วัฒธรรมด้านการแต่งกายของจีน
สื้อผ้าของจีนไม่ใช่แค่สิ่งสวยๆ งามๆ แต่ยังแฝงไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และชนชั้นทางสังคมในแต่ละยุค เช่น
ชุดฮั่นฝู (Hanfu) เสื้อคลุมตัวยาว แขนกว้าง มีสายผูกด้านหน้า เป็นสไตล์ของชาวฮั่นในสมัยโบราณ ชุดนี้กำลังกลับมาเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นจีน โดยเฉพาะเวลาไปร่วมเทศกาลหรือถ่ายรูปในสถานที่ประวัติศาสตร์
ชุดฉีเผ่า (Qipao) หรือที่คนไทยเรียกว่ากี่เพ้า เป็นชุดเข้ารูปของผู้หญิงจีนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ใส่แล้วสง่างามสุดๆ โดยเฉพาะในโอกาสพิเศษหรืองานเลี้ยง
ชุดประจำเผ่า อย่างเผ่าทิเบต ยูนนาน หรือมองโกเลีย ก็มีเอกลักษณ์ เช่น การใช้ผ้าขนสัตว์ ผ้าไหม หรือผ้าฝ้ายที่เข้ากับสภาพอากาศและธรรมชาติในพื้นที่นั้นๆ
แต่งตัวยังไงให้เข้ากับวัฒนธรรมจีน?
ใครที่อยากเที่ยวจีนแบบอินกับวัฒนธรรม แนะนำให้แต่งตัวให้เหมาะกับสถานที่ เช่น
ไปวัดหรือพิธีทางศาสนา ควรแต่งตัวสุภาพ ปิดไหล่และเข่า เพื่อแสดงความเคารพ
หลีกเลี่ยงชุดขาวล้วน เพราะสีขาวในวัฒนธรรมจีนหมายถึงการไว้ทุกข์
ถ้าอยากเสริมความเฮง เลือก สีแดง ทอง หรือเหลือง เพราะเป็นสีแห่งโชคลาภ ความสุข และความรุ่งเรือง
6. สถาปัตยกรรมของจีน
วัฒนธรรมจีนไม่ได้สะท้อนแค่ในอาหาร เพลง หรือวรรณกรรมเท่านั้น แต่ยังซึมลึกอยู่ในสถาปัตยกรรมทุกหลัง ทุกเสา ทุกหลังคา ล้วนเล่าเรื่องราวความเชื่อ ปรัชญา และวิถีชีวิตของชาวจีนได้อย่างงดงามและแฝงด้วยพลังดีๆ
สถาปัตยกรรมจีนแบบดั้งเดิมจะเน้นความสมดุล ใช้เส้นสายเรียบง่ายแต่มีความหมาย เช่น ลวดลายมังกร ที่สื่อถึงอำนาจและความยิ่งใหญ่ หรือ ฟีนิกซ์ ที่แทนความโชคดีและการฟื้นคืน ส่วนสีที่ใช้บ่อยอย่างแดงและทอง ก็ไม่ได้เลือกมาเพราะสวย แต่เพราะสื่อถึงความเป็นมงคลและเสริมพลังชีวิต
ฮวงจุ้ย เป็นอีกหนึ่งแนวคิดหลักในการออกแบบในสภาปัตยกรรมจีน เช่น บ้านควรหันหน้าไปทางทิศใต้ มีภูเขาด้านหลังเป็นมังกร และแม่น้ำด้านหน้าเป็นพยัคฆ์ ตามหลักความสมดุลของพลังธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่อ วัฒนธรรมจีนในชีวิตประจำวัน มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในการเลือกทำเลที่อยู่อาศัย ธุรกิจ หรือแม้แต่หลุมฝังศพ
จุดเด่นของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ ที่เห็นได้ชัดเลยคือ หลังคาโค้งปลายเชิด ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยกันวิญญาณร้ายไม่ให้เข้ามาในบ้าน เสาค้ำไม้ที่แกะลายสวยงามและการใช้ สีแดงกับทอง ที่สื่อถึงความมงคลและอำนาจ นอกจากนี้ยังมีการวาง กำแพงและประตู เพื่อแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนตามลำดับความสำคัญในบ้านอีกด้วย
ค้นหาดีลท่องเที่ยวเด็ด ๆ จาก Traveloka
ที่เที่ยวในจีนห้ามพลาดสำหรับสายถ่ายรูปและอินวัฒนธรรม
พระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) ในปักกิ่ง ศูนย์กลางแห่งอำนาจของจักรพรรดิและแบบแผนสถาปัตยกรรมราชวงศ์จีน
กำแพงเมืองจีน สะท้อนถึงทั้ความสามารถด้านวิศวกรรม ความอดทน และความศรัทธาในการปกป้องแผ่นดิน
วัดลามะ, วัดเส้าหลิน, วัดหางซาน แสดงถึงการผสมผสานระหว่างพุทธ เต๋า และศิลปะท้องถิ่น
หมู่บ้านโบราณในอานฮุย หรือฉีโข่ว ที่ยังคงรักษาแบบบ้านเก่าที่จัดวางตามหลักฮวงจุ้ยไว้อย่างสมบูรณ์
จีนยุคใหม่กับการผสานความดั้งเดิม
แม้จะเข้าสู่ยุคโมเดิร์น แต่จีนก็ยังไม่ทิ้งกลิ่นอายของวัฒนธรรมเลย สังเกตได้จากโรงแรม ร้านอาหาร หรือคาเฟ่หลายแห่ง ที่หยิบเอาองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมจีนโบราณ มาประยุกต์เข้ากับดีไซน์ทันสมัยได้อย่างลงตัว กลายเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ๆ ที่ทั้งสวยและมีเรื่องราวให้นักท่องที่ยวได้ซึมซับ หรือแม้แต่บ้านทั่วไปหรือร้านค้าของคนจีน ยังเน้นการใช้พื้นที่เป็นลานกลาง มีทางเดินรอบ มีห้องนอนอยู่ด้านหลัง แสดงถึงการให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตเป็นครอบครัวและความเป็นส่วนตัว
วัฒนธรรมจีน ไม่ใช่แค่สิ่งที่ศึกษาหรือสัมผัสได้จากหนังสือเท่านั้น แต่มันคือสิ่งที่เรารู้สึกได้จริง ตั้งแต่การจัดบ้านตามหลักฮวงจุ้ย ไปจนถึงเสียงเจี๊ยวจ๊าวในตลาดสดกลางเมือง ทุกอย่างล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิตอยู่รอบตัว ไม่ว่าคุณจะเป็นสายกิน สายประวัติศาสตร์ สายถ่ายรูป หรือแค่ชอบดูวิถีคนท้องถิ่น วัฒนธรรมจีนก็มีอะไรให้ตกหลุมรักได้เสมอ และยิ่งรู้จักมากเท่าไหร่ การเดินทางไปเที่ยวจีนก็ยิ่งสนุกและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ใครที่พร้อมออกเดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรมจีนแล้ว อย่าลืมจองตั๋วเครื่องบินไปจีน และที่พักในจีนกับ Traveloka แอปเดียวที่รวมทุกอย่างไว้ให้ครบ ทั้งเที่ยวบิน ที่พัก และกิจกรรมเด็ดๆ ที่จะทำให้ทริปจีนครั้งนี้ อินกว่าที่เคย!
ใครกำลังหาข้อมูลเที่ยวจีนอยู่ แต่ยังไม่แน่ใจจะไปที่ไหนดี ลองตามไปเก็บไอเดียจากบทความเหล่านี้กันก่อนได้นะ