เชื่อว่าหลายคนที่กำลังแพลนไปเที่ยวเกาหลี คงอดไม่ได้ที่จะกังวลอยู่ลึกๆ เรื่องการผ่าน ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี (ตมเกาหลี) กลัวว่าจะถูกเรียกไปซักถามเพิ่ม หรือแย่ที่สุดคือโดนปฏิเสธเข้าเมือง แต่จริงๆ แล้ว ถ้าเตรียมตัวผ่านตมเกาหลีมาดี บอกเลยว่าไม่ยากอย่างที่คิด! วันนี้ Traveloka เลยรวบรวม 7 เคล็ดลับผ่านตมเกาหลี ที่จะช่วยให้เพื่อนๆ ผ่านด่านได้ชิลๆ โดนถามก็ตอบได้มั่นใจ เดินเข้าประเทศได้สบายใจตั้งแต่ก้าวแรกที่สนามบินอินชอนเลย!
ตม. เกาหลี คืออะไร ทำหน้าที่อะไร
ตม. เกาหลี หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี (Korean Immigration) คือหน่วยงานที่คอยดูแลและควบคุมการเดินทางเข้า–ออกประเทศเกาหลีใต้ มีหน้าที่ตรวจสอบเอกสารและสอบถามวัตถุประสงค์การเดินทางของผู้โดยสาร เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนปฏิบัติตามกฎตมเกาหลี และไม่เข้ามาทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
หน้าที่หลักของ ตม. เกาหลี ได้แก่
ตรวจสอบเอกสารสำคัญ เช่น พาสปอร์ต, ตั๋วขากลับ, หลักฐานการจองที่พัก และ เอกสารผ่านตมเกาหลี อื่นๆ
คัดกรองผู้ที่มีเจตนาไม่ถูกต้อง เช่น เข้ามาทำงานโดยไม่มีวีซ่าเกาหลี หรือใช้วีซ่าท่องเที่ยวเพื่อทำงาน
ดูแลให้ผู้เดินทางทุกคนปฏิบัติตามขั้นตอนผ่านตมเกาหลีและกฎหมายของประเทศ
เหตุผลที่บางคนอาจถูกตรวจเข้มโดย ตมเกาหลี
ไม่มีแผนการเดินทางหรือหลักฐานการท่องเที่ยวที่ชัดเจน
ไม่มีเอกสารยืนยันการเงินหรือที่พัก
เคยมีประวัติอยู่เกินกำหนดวีซ่าเกาหลี
เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจมาทำงานผิดกฎหมาย
สรุปง่ายๆ ว่า ตม. เกาหลี คือด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอเมื่อเหยียบสนามบินอินชอน และถ้าเตรียมตัวมาพร้อม ทั้งเอกสารครบ คำตอบชัดเจน ก็สามารถผ่านตมเกาหลีแบบไม่โดนถามเยอะ และเดินเข้าเมืองได้อย่างสบายใจตั้งแต่นาทีแรกแล้ว
ขั้นตอนการผ่าน ตม เกาหลี
การผ่านตมเกาหลีจริงๆ แล้วไม่ซับซ้อนอย่างที่หลายคนคิด ปกติก็มีแค่ขั้นตอนง่ายๆ ตามนี้เลย
ลงจากเครื่องแล้วเดินตามป้ายไปโซนตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี หลังจากเครื่องลงจอด ให้เดินตามป้าย “Immigration” หรือ ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี ซึ่งมีทั้งภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษ บอกเส้นทางชัดเจน เดินตามได้เลยไม่ต้องกลัวหลง
ยื่นพาสปอร์ตและเอกสารให้พร้อม เตรียมพาสปอร์ตและเอกสารผ่านตมเกาหลี ทั้งหมด เช่น ใบจองที่พัก ตั๋วเครื่องบินขากลับ หรือหลักฐานการเงิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทันที
ตอบคำถามให้ตรงและชัดเจน ถ้าโดนถามคำถาม เช่น เกี่ยวกับวัตถุประสงค์การมา ระยะเวลาที่พัก หรือที่พักอยู่ที่ไหน ให้ตอบตามความจริงและให้ตรงกับเอกสารทุกอย่าง เพื่อเลี่ยงการถูกซักถามเพิ่มเติม
สแกนลายนิ้วมือและถ่ายรูปใบหน้า เจ้าหน้าที่จะให้วางนิ้วมือลงบนเครื่องสแกน (หน้าจอมีภาษาไทย ช่วยให้เข้าใจง่าย) จากนั้นมองกล้องเพื่อถ่ายรูปใบหน้าโดยห้ามใส่หมวกหรือแว่นและสามมารถยิ้มได้เล็กน้อยแต่ไม่ให้เห็นฟัน ทั้งนี้งดใช้โทรศัพท์ในระหว่างตรวจด้วยนะ
รับสติ๊กเกอร์การเข้าประเทศ เมื่อทุกอย่างเสร็จ เจ้าหน้าที่จะติดสติ๊กเกอร์ในพาสปอร์ต ระบุวันที่ที่คุณสามารถอยู่ในเกาหลีได้จนถึงวันไหน
ไปรับกระเป๋า ผ่านขั้นตอนตมเกาหลีแล้ว ก็เดินไปยังสายพานรับกระเป๋าตามเที่ยวบินของคุณ แค่นี้ก็พร้อมออกไปเที่ยวได้เลย!
ขั้นตอนก็ง่ายๆ แค่นี้เอง แต่ถ้าอยากรู้ว่า แล้วจะทำยังไงให้ผ่านแบบชิล ๆ ไม่โดนถามเยอะ ตามไปดูทริคในผ่านตมเกาหลี ในส่วนถัดไปได้เลย!
7 ทริคผ่าน ตม เกาหลี แบบง่ายๆ เตรียมตัวมาพร้อม ก็ผ่านฉลุย!
1. ลงทะเบียน K-ETA ให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง
แม้คนไทยจะได้สิทธิ์ฟรีวีซ่าเกาหลี สำหรับการท่องเที่ยวไม่เกิน 90 วัน แต่ปัจจุบันเกาหลีได้เพิ่มขั้นตอนการเข้าประเทศให้รัดกุมมากขึ้น โดยต้องลงทะเบียน K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ล่วงหน้าก่อนเดินทาง K-ETA คือระบบลงทะเบียนออนไลน์ คล้ายการกรอกใบ ตม. ในรูปแบบดิจิทัล ใช้สำหรับคัดกรองนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางเข้าประเทศ ข้อมูลที่ต้องกรอกมีทั้ง ชื่อ–นามสกุล, รูปถ่าย, หน้าพาสปอร์ต, ข้อมูลที่พักในเกาหลี และรายละเอียดการเดินทาง เมื่อส่งข้อมูลแล้ว ระบบจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านอีเมลที่ใช้ลงทะเบียน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนลงทะเบียน K-ETA
ลงทะเบียนล่วงหน้าอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ผ่านเว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือแอป K-ETA ค่าธรรมเนียมประมาณ 10,000 วอน (ราว 300 บาท)
หากอนุมัติผ่าน จะได้รับ “ใบอนุญาตการเดินทางอิเล็กทรอนิกส์” ที่มีอายุ 2 ปี หรือเท่ากับอายุพาสปอร์ตที่เหลืออยู่ และใช้เข้าเกาหลีได้หลายครั้ง
สามารถแก้ไขข้อมูลที่พักได้ภายหลัง แต่ถ้าลงทะเบียนไม่ผ่าน ต้องยื่นขอ วีซ่าเกาหลี ที่สถานทูตเกาหลีในไทยแทน
2. เตรียมเอกสารการเดินทางให้ครบ
อีกหนึ่งเคล็ดลับผ่านตมเกาหลี ที่ช่วยให้คุณมั่นใจขึ้นเยอะ คือการเตรียมเอกสารให้พร้อมทุกอย่าง เพราะถ้าเจ้าหน้ามีคำถาม จะได้หยิบยื่นได้ทันทีแบบไม่ต้องค้นหาให้วุ่น
ผ่านตมเกาหลีใช้เอกสารอะไรบ้าง
พาสปอร์ต – ต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนจึงจะใช้เดินทางได้ และถ้าเคยมีเล่มเก่าที่เคยใช้เข้าเกาหลี แนะนำให้พกไปด้วย เพื่อแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเคยมาแล้ว
ใบอนุญาต K-ETA – ปริ้นท์หรือเก็บไฟล์ที่อนุมัติแล้วไว้ในมือถือ เพื่อใช้ยื่นที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี
ตั๋วเครื่องบินไป–กลับ – ใช้ยืนยันวันที่เดินทางไปและกลับ ว่ามาเที่ยวจริงและจะกลับตามกำหนด
หลักฐานการจองที่พัก – ครบทุกคืนตลอดการเดินทาง เพื่อยืนยันว่ามีแผนการพักอาศัยชัดเจน
เอกสารจากที่ทำงาน – เช่น จดหมายรับรองการทำงานหรือบัตรพนักงาน (ควรเป็นภาษาอังกฤษ) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
สำเนาบัญชีธนาคาร – พร้อมยอดเงินคงเหลือ เพื่อแสดงหลักฐานว่าเพียงพอต่อการใช้จ่าย
บัตรประชาชนหรือเอกสารยืนยันตัวตนอื่น ๆ – เช่น ใบขับขี่ หรือทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
เอกสารเปลี่ยนชื่อ–นามสกุล – ถ้ามี
เงินสดสกุลวอน (KRW) – แนะนำให้พกติดตัวอย่างน้อย 300,000–700,000 วอน (ราว 10,000–20,000 บาท) เพื่อยืนยันว่ามีกำลังใช้จ่ายเพียงพอตลอดทริปและสะดวกเวลาชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ
ประกันการเดินทาง แม้จะไม่บังคับ แต่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้ทั้งคุณและเจ้าหน้าที่
3. มีแผนการเดินทางชัดเจน
หนึ่งในคำถามที่มักเจอเวลาผ่านตมเกาหลี ก็คือ “ทริปนี้จะไปไหนบ้าง” ถ้าเพื่อนๆ มีแผนเที่ยวที่ชัดเจน ก็จะยิ่งช่วยให้ตอบได้อย่างมั่นใจ และทำให้เจ้าหน้าที่เห็นว่ามาเที่ยวจริง ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง
เทคนิคจัดแผนการเดินทางให้ดูน่าเชื่อถือ
ทำตารางเที่ยวรายวัน เช่น วันที่ 1 เที่ยวโซล, วันที่ 2 เกาะนามิ, วันที่ 3 พักผ่อนในปูซาน เป็นต้น
ระบุชื่อโรงแรมหรือที่พักในแต่ละคืนให้ตรงกับข้อมูลในใบจองที่พัก
ใช้รายละเอียดที่สอดคล้องกับ K-ETA และเอกสารประกอบอื่นๆ เพื่อให้ข้อมูลตรงกันทุกจุด
ถ้ามีตั๋วเข้าชมสถานที่หรือกิจกรรมที่ซื้อไว้ล่วงหน้า เช่น สวนสนุก, พิพิธภัณฑ์, หรือโชว์ ควรแนบไว้ในแผนการเดินทางด้วย
การมีแผนเที่ยวที่ชัดเจน นอกจากจะช่วยให้ผ่านตมเกาหลีแบบไม่โดนถามเยอะแล้ว ยังทำให้วางแผนเวลาในทริปได้เป๊ะ แถมไม่พลาดทุกจุดสำคัญที่ตั้งใจไปอีกด้วย
4. แต่งตัวดี สร้างความน่าเชื่อถือ
หลายคนอาจไม่คิดว่าเรื่องการแต่งกายจะมีผลต่อการผ่านตมเกาหลี แต่จริงๆ แล้วลุคแรกที่เจ้าหน้าที่เห็นก็มีส่วนช่วยสร้างความประทับใจและความน่าเชื่อถือได้ไม่น้อยเลยนะ
เคล็ดลับแต่งตัวให้ดูน่าเชื่อถือและผ่านด่านแบบชิลๆ
เลือกเสื้อผ้าที่สุภาพ เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น ถ้าไปหน้าหนาวก็ใส่โค้ทหรือแจ็กเก็ตดูพร้อมเที่ยวจริงๆ
หลีกเลี่ยงชุดที่ดูโทรมหรือไม่สุภาพเกินไป เช่น กางเกงขาสั้นเกินเข่า เสื้อกล้าม หรือรองเท้าแตะ เพราะอาจทำให้ดูไม่พร้อมสำหรับการท่องเที่ยว
ถ้าจะให้ดี เลือกโทนสีเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยและเข้ากัน จะช่วยให้ลุคดูเป็นนักท่องเที่ยวที่เตรียมตัวมาอย่างดี
แม้การแต่งกายจะไม่ใช่กฎบังคับ แต่การใส่ใจเรื่องนี้ก็ช่วยให้เพื่อนๆ ผ่านตมเกาหลีได้และลดโอกาสถูกเรียกไปซักถามได้เยอะ ที่สำคัญยังทำให้รูปถ่ายทริปออกมาสวยพร้อมลงโซเชียลตั้งแต่วินาทีแรกที่ถึงเกาหลีอีกด้วยนะ
5. ตอบคำถามให้ชัดเจนและมั่นใจ
ถ้าถามถึงทริคการตอบคำถามตมเกาหลี ให้จำหลักง่ายๆ ไว้เลย คือ ตอบกระชับและตรงกับความจริง อย่าใส่รายละเอียดเกินความจำเป็น เพราะยิ่งพูดวกวนก็ยิ่งมีโอกาสถูกถามต่อ
ตัวอย่างคำถามที่เจอบ่อย
วัตถุประสงค์การมา เช่น มาทำอะไร มาเที่ยว, มาเยี่ยมเพื่อน หรือมาทำธุระ
ระยะเวลาที่อยู่ในเกาหลี กี่วัน–กี่คืน
ชื่อโรงแรมหรือที่พักที่จองไว้
เคล็ดลับคือ พูดให้ชัด มั่นใจ ไม่ติดขัด และใช้ข้อมูลที่ตรงกับเอกสารทุกอย่าง เช่น ใบจองที่พักหรือ K-ETA เพราะถ้าข้อมูลไม่ตรงกัน อาจทำให้เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยได้ การตอบแบบนี้ถือเป็นหนึ่งในวิธีผ่านตมเกาหลี ที่ช่วยให้ขั้นตอนตรวจสอบเร็วขึ้น ผ่านด่านได้ไว และเริ่มทริปเที่ยวเกาหลีได้แบบสบายใจ
6. ฝึกภาษาอังกฤษสักนิด ก่อนถึงด่าน
แม้ว่าตมเกาหลี จะมีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่สื่อสารได้หลายภาษา แต่ส่วนใหญ่แล้ว จะต้องตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับการเดินทาง การเตรียมประโยคง่ายๆ ไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้ขั้นตอนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลี ราบรื่นและรวดเร็วขึ้น
ตัวอย่างประโยคที่ควรรู้
I’m here for travel. (ไอม์ เฮียร์ ฟอร์ แทรเวล) — ฉันมาเที่ยว
I’ll stay for 7 days. (ไอ’ล สเตย์ ฟอร์ เซเว่น เดย์ส) — ฉันจะอยู่ 7 วัน
I’m staying at [ชื่อโรงแรมหรือที่พัก] (ไอม์ สเตย์อิง แอท …) — ฉันพักที่…
ไม่จำเป็นต้องพูดเก่งหรือใช้ประโยคซับซ้อน แค่สื่อสารได้ชัดเจนและมั่นใจก็พอ แนะนำให้ซ้อมพูดหน้ากระจก หรือให้เพื่อนช่วยถาม–ตอบ เพื่อให้คุ้นชินกับสถานการณ์จริง
7. ใช้แอปช่วยแปลภาษากรณีจำเป็น
สำหรับใครที่ภาษาไม่แข็งแรง เวลาผ่านตมเกาหลี แล้วเจอคำถามที่ไม่เข้าใจ หรือเจอศัพท์ยากๆ แนะนำให้ใช้แอปช่วยแปลภาษามาเป็นตัวช่วย จะได้ไม่ต้องเดาคำตอบให้เสี่ยงโดนซักถามเพิ่ม เดี๋ยวนี้มีหลายแอปที่ใช้ง่ายและฟรี เช่น Google Translate หรือ Papago ที่ช่วยได้ทั้ง
แปลจากภาษาไทยเป็นอังกฤษหรือเกาหลี (และแปลกลับได้ทันที)
ใช้โหมดสนทนา (Conversation Mode) ให้เรากับเจ้าหน้าที่คุยโต้ตอบกันแบบเรียลไทม์
การมีแอปแปลติดเครื่องไว้ จะช่วยให้คนที่พูดหรือฟังภาษาอังกฤษ–เกาหลีไม่คล่อง สื่อสารได้ชัดเจนขึ้น แถมทำให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าเราพยายามสื่อสารอย่างถูกต้อง ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ผ่านตมเกาหลีได้ราบรื่นและสบายใจกว่าเดิม
คำถามที่ ตม. เกาหลี มักถาม
เวลาผ่านตมเกาหลี เจ้าหน้าที่อาจถามเพื่อยืนยันจุดประสงค์การเดินทางและความพร้อมของ คำถามส่วนใหญ่ไม่ยาก แค่ตอบให้ตรงกับความจริงและเอกสารที่เตรียมไปก็พอ คำถามที่พบได้บ่อยๆ เช่น
“What’s the purpose of your visit?” – มาทำอะไรที่เกาหลี?
“How long will you stay in Korea?” – จะอยู่ที่เกาหลีนานแค่ไหน?
“Where will you stay?” – พักที่ไหน?
“Do you have a return ticket?” – มีตั๋วขากลับหรือไม่?
“Who are you travelling with?” – เดินทางมากับใคร?
“Have you been to Korea before?” – เคยมาเกาหลีก่อนหรือเปล่า?
“How much money are you carrying?” – พกเงินมาเท่าไหร่?
“Can you show me your itinerary?” – ขอแผนการเดินทางได้ไหม?
“What do you do for work?” – ทำงานอะไรอยู่ที่ไทย?
“Do you have travel insurance?” – มีประกันการเดินทางหรือไม่?
“Which places will you visit?” – จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง?
“Do you know anyone in Korea?” – มีเพื่อนหรือคนรู้จักอยู่ที่เกาหลีหรือเปล่า?
“When will you leave Korea?” – วางแผนออกจากเกาหลีวันไหน?
เหตุผลที่อาจถูกปฏิเสธเข้าประเทศ
แม้จะเตรียมตัวมาดีแค่ไหน ก็ยังมีบางสถานการณ์ที่ทำให้ตมเกาหลีไม่ให้เข้า หรือถึงขั้นส่งกลับ ได้ หากเข้าเกณฑ์เหล่านี้
เอกสารไม่ครบหรือข้อมูลไม่ตรงกัน – เช่น ข้อมูลในใบจองที่พักไม่ตรงกับที่กรอกใน K-ETA หรือพาสปอร์ต ทำให้เจ้าหน้าที่เกิดข้อสงสัยได้
ไม่มีหลักฐานการเงินเพียงพอ – ไม่สามารถแสดงเงินสด บัตรเครดิต หรือสเตทเมนต์บัญชีที่ชัดเจน ว่ามีกำลังใช้จ่ายตลอดทริป
มีประวัติอยู่เกินวีซ่า – เป็นหนึ่งในเหตุผลตมเกาหลีไม่ให้เข้าที่เจอบ่อย เพราะถือว่าผิดเงื่อนไขการพำนัก
เจ้าหน้าที่สงสัยว่ามาทำงานผิดกฎหมาย – เช่น ไม่มีแผนเที่ยวชัดเจน หรือให้ข้อมูลไม่ตรงกัน อาจทำให้ถูกมองว่าเข้ามาทำงานแอบแฝง
การผ่านตมเกาหลี อาจฟังดูเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับหลายคน แต่ถ้าเตรียมเอกสารให้ครบ แต่งตัวสุภาพ มีแผนการเดินทางชัดเจน และตอบคำถามอย่างมั่นใจ โอกาสที่จะผ่านตมเกาหลีแบบไม่โดนถามเยอะก็มีสูงมาก พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีมาได้แล้ว ก็ถึงเวลาสนุกกับทริปกันแบบจัดเต็ม! ไม่ว่าจะเป็นการตะลุยแลนด์มาร์กดังๆ ทั่วประเทศ เก็บครบทั้งวิวธรรมชาติและเสน่ห์วัฒนธรรมแบบเต็มอิ่ม ลองไปดู 25 ที่เที่ยวเกาหลีที่ต้องไปสักครั้งเพื่อวางเส้นทางให้ครบทุกโซน สายช้อปปิ้งก็ห้ามพลาด 10 แหล่งช้อปปิ้งในเกาหลี ที่รวมครบทั้งย่านแฟชั่นและตลาดท้องถิ่น ส่วนสายกินต้องลอง 10 เมนูอาหารเกาหลีสุดฮิต ที่จะทำให้ทริปเที่ยวเกาหลีรอบนี้ฟินทั้งกินและเที่ยว ถ้าใครกำลังแพลนไปเกาหลีกันอยู่ ก็รีบจองตั๋วเครื่องบินไปเกาหลี โรงแรม และกิจกรรมสนุกๆ ได้เลยผ่าน Traveloka จองที่เดียวครบ จบทุกแพลน แถมมีโปรดีๆ อัปเดตตลอด บอกเลยว่าทริปนี้คุ้มตั้งแต่เริ่มต้น!