หากคุณคือคนที่ไม่เคยฉีดโบท็อกมาก่อน แล้วกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะฉีดดีไหม? ฉีดแล้วคุ้มไหม เจ็บไหม ตรงไหนในร่างกายที่ฉีดโบท็อกได้บ้าง? แล้วมันอันตรายไหม? และที่จริงแล้วโบท็อกคืออะไร? วันนี้ Traveloka Xperience จะพาทุกคนที่ต้องการเสริมความมั่นใจให้ตนเองด้วยการฉีด โบท็อก ไปศึกษาข้อมูลกันว่าแท้จริงแล้วโบท็อกนั้นคืออะไร? มีวิธีการทำงานอย่างไร? และส่วนใหญ่นิยมฉีดโบท็อกกันที่บริเวณใดบ้าง? เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพดีที่สุด หากอยากทราบข้อมูลแล้วไปดูกันเลยค่ะ
ต้องขอเกริ่นก่อนว่าโบท็อก นั้นเป็นชื่อเรียกยี่ห้อของสารลดริ้วรอยในอเมริกาโดยชื่อของสารตัวนี้แท้จริง คือ Botulinum toxin A ซึ่งเป็นโปรตีนที่สกัดได้จากการสร้างของแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ซึ่งถ้าหากได้รับสารตัวนี้ในปริมาณที่พอดีจะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวอันเป็นผลดีกับวงการแพทย์ซึ่งเริ่มแรกได้นำสารโบท็อกซ์นี้มาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเขและพัฒนาต่อมาใช้ในวงการเสริมความงาม ช่วยให้ริ้วรอยต่างๆลดลงและทำให้ผิวหน้าดูกระชับขึ้นจึงจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันสารตัวนี้ได้ถูกนิยมนำมาฉีดเพื่อลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากหางตา หัวคิ้ว ปีกจมูก หรือบริเวณกรามนั่นเอง
โดยวิธีการทำงานของ Botox จะเริ่มขึ้นก็ต่อเมื่อแพทย์ได้ทำการฉีดโบท็อกไปที่บริเวณต่าง ๆที่คนไข้ต้องการรักษาโดยโบท็อกจะเข้าไปจับที่ปลายประสาททำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้หรือเรียกอีกอย่างว่า ฉีดโบท็อก เป็นการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลงชั่วคราวและจะทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการโดยจะเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้ภายใน 2–3 วัน หรือสำหรับริ้วรอยตื้น ๆและรอยลึกจะเริ่มเห็นผลประมาณ 7–14 วันและเมื่อฉีดไปแล้วยังสามารถแสดงอารมณ์ได้ตามปกติ เพียงแค่ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์จะหายไปหลังการฉีดผลลัพท์จะอยู่ได้นาน 6 – 8 เดือนหลังจากนั้นริ้วรอยจะกลับมาเหมือนเดิมซึ่งต้องมีการเติมโบท็อกอย่างต่อเนื่องจึงจะเห็นผลลัพท์ที่ดีที่สุด
Botox ที่นิยมฉีดกันในปัจจุบัน: ระหว่างคิ้ว, จมูก, หน้าผาก และ กราม
โบท็อกกราม ถือว่าเป็นบริเวณยอดฮิตที่หลายคนนิยมมาฉีดกันมากที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหารูปหน้าลดกราม ให้ใบหน้าเรียวสวย และช่วยให้โครงหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้นโดยลักษณะการฉีดโบท็อกบริเวณกรามนี้จะถูกประเมินขึ้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในปริมาณยาที่เหมาะสมและสัดส่วนของใบหน้าของแต่ละคนซึ่งการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นจะทำให้ผลลัพท์ออกมาดีที่สุด
จมูกถือว่าเป็นจุดเด่นของใบหน้ามากที่สุดจึงทำให้หลายคนที่คิดว่าตนเองนั้นมีปีกจมูกที่ไม่เข้ารูปต้องการแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ด้วยการฉีดโบท็อกซึ่งการฉีดโบท็อกจะช่วยลดการทำงานของปีกจมูกทำให้ดูเล็กลงและได้รูปทรงมากยิ่งขึ้นดังนั้นหากใครที่ต้องการแก้ไขปัญหาในส่วนนี้สามารถฉีด โบท็อกปีกจมูก เพื่อแก้ไขปัญหาได้
คนส่วนใหญ่นิยมฉีด โบท็อกริ้วรอย ที่บริเวณหน้าผากเพราะส่วนนี้จะเกิดรอยย่นที่เกิดจากการยักคิ้ว ขมวดคิ้ว ทำให้เห็นเป็นรอยที่ชัดเจนซึ่งการเกิดรอยที่ชัดเจนนี้เองจึงทำให้ใบหน้านั้นดูมีริ้วรอยและแก่ก่อนวัยอันควร
ดังนั้นการฉีดโบท็อกที่บริเวณหน้าผากนั้นจึงเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะเป็นการแก้ไขปัญหารอยย่นให้หายไปได้อีกทั้งยังเป็นจุดที่ฉีดแล้วได้ผลดีและอยู่ได้นานกว่าบริเวณอื่นอีกด้วยแต่อย่างไรก็ตามการฉีดโบท็อกบริเวณหน้าผากนั้นจะเจ็บกว่าบริเวณอื่นเพราะผิวหนังส่วนนี้ค่อนข้างบางมากเพราะฉะนั้นถ้าหากใครอยากฉีดโบท็อกบริเวณนี้อาจจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจยอมรับความเจ็บนิดหนึ่งค่ะ
ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณรอบดวงตาหรือหางตาที่ใครมักจะเรียกว่ารอยตีนกานั้นเกิดขึ้นมาจากการใช้กล้ามเนื้อของใบหน้าเยอะหรือช่วงอายุวัยที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งอาจเป็นปัญหาของใครหลายคนที่เห็นว่ารอยตีนการบกวนจิตใจมากเหลือเกินซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของการลดรอยตีนกาในระยะเวลาอันสั้นคือการฉีดโบท็อกเพื่อช่วยให้รอยย่นเหล่านี้หายไปโดยลักษณะการฉีดจะใช้ปริมาณยาไม่มากแต่ต้องอาศัยความต่อเนื่องนั่นเองจึงจะเห็นผลดีที่สุด
การฉีดโบท็อกบริเวณหางคิ้วเป็นอีกหนึ่งส่วนที่นิยมฉีดกันเป็นอย่างมากเพราะบางคนอาจจะกำลังประสบกับปัญหาหางคิ้วตกดังนั้นโบท็อกจึงถูกนำมาแก้ไขปัญหาในส่วนนี้เพื่อยกหางคิ้วให้เชิดขึ้น
ยี่ห้อโบท็อกที่ถูกนิยมมากที่สุดในประเทศไทยจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก Neuronox, Botulax, Aestox, Nabota จากประเทศเกาหลีที่ราคาไม่แพง ออกฤทธิ์ไวแต่มีระยะเวลาอยู่ได้สั้นกว่าโบท็อกสัญชาติอเมริกา ซึ่งมีฤทธิ์เฉลี่ยอยู่ที่ 4 - 6เดือน ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษาของแต่ละบุคคล
โบท็อก Allerganจากประเทศอเมริกา ถือว่าเป็น Originalของโบท็อกทั้งหมด ที่มีการผลิตมายาวนานกว่า 40 ปีได้ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อดีของโบท็อกยี่ห้อนี้ คือจะมีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5%ซึ่งโบท็อกที่มีความบริสุทธิ์มากจะทำให้เสี่ยงต่อการดื้อยาน้อยลงอีกทั้งยังมีการกระจายตัวของยาที่แคบทำให้แพทย์ผู้เชียวชาญสามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกได้อย่างแม่นยำมีอายุการใช้งานนานกว่าโบท็อกเกาหลีธรรมดาประมาณ 20% นั่นเอง อีกทั้งยังเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกอีกด้วยแต่ราคาก็อาจจะสูงกว่าโบท็อกยี่ห้อจากเกาหลีนิดหน่อยค่ะ สนใจฉีดโบท็อก Allergan กด!
Dysport เป็นโบท็อกสัญชาติอังกฤษที่ถูกนิยมใช้ในกลุ่มคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาลดริ้วรอยและโครงหน้าซึ่งข้อดีของโบท็อกยี่ห้อนี้ คือตัวยามีโมเลกุลเล็กกว่าโบท็อกซ์อเมริกาและโบท็อกซ์เกาหลี ทำให้กระจายตัวได้ดีกว่านอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์ Dysport มีราคาเริ่มต้นที่ 3,000-30,000 บาทขึ้นอยู่กับขนาดยาที่ใช้ และปัญหาผิวหน้าของแต่ละคนอีกด้วยค่ะ
Xeominจากประเทศเยอรมัน เป็นโบท็อกที่มีความบริสุทธ์ 100%ซึ่งเป็นตัวยาที่โมเลกุลขนาดเล็กที่สุดมีการกระจายตัวได้ดี อีกทั้งตัวยายังออกฤทธิ์ลดริ้วรอยได้นานกว่าสามารถฉีดซ้ำต่อเนื่องยาวนานได้โดยไม่ทำให้มีการดื้อต่อโบท็อกซ์ตามมาในอนาคตอีกด้วยแต่ข้อเสียคือราคาค่อนข้างสูงกว่าโบท็อกประเทศอื่นนั่นเองค่ะ
คำถามที่ถูกถามกันเข้ามามากที่สุดคือ ฉีดโบท็อกไปแล้วจะอยู่ได้กี่เดือนซึ่งการฉีดโบท็อกให้อยู่ได้นานนั้นขึ้นอยู่กับยี่ห้อและวิธีการดูแลรักษาตัวเองด้วยซึ่งการฉีดโบท็อกให้ได้ประสิทธิภาพและอยู่ได้นานที่สุดจะอยู่ที่ 4 - 6 เดือนค่ะ
อย่างที่ได้บอกไปว่าการฉีดโบท็อกนั้นสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดของทุกคนได้อีกทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ได้อีกด้วย เช่น
ถึงแม้การฉีดโบท็อกจะเต็มไปด้วยข้อดีมากมายแต่ก็มีข้อเสียและข้อควรระวังที่ทุกคนควรศึกษาให้ดีก่อนการฉีดด้วยนะคะซึ่งข้อเสียที่เห็นได้ชัดเจนของการฉีดโบท็อก คือไม่คงอยู่ถาวรต้องมีการฉีดซ้ำอยู่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับฉีดโบท็อก คืออะไร? เหมาะกับใคร จะฉีดดีไหม? สิ่งที่ต้องรู้ ข้อมูลจัดเต็มที่ Traveloka Xperience นำมาฝากทุกคนในวันนี้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ทุกคนควรศึกษาให้ดีก่อนทำการฉีดโบท็อกเพื่อเติมเต็มความมั่นใจนั่นเองค่ะ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้หญิงอย่างเราๆ ความสวยไม่มีวันสิ้นสุดหรอก ใช่ไหมล่ะค๊า หลังจากดูแลรูปหน้าให้เป๊ะปังกันแล้ว อย่าลืมดูแลเครื่องหน้าอื่นๆ เช่น ต่อขนตา ลิฟติ้งขนตา ทำเล็บ สักคิ้ว ให้วิตามินผิว และอื่นๆกันด้วยนะคะ