ประเทศอิตาลี (Italy) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป ซึ่งมีลักษณะเป็นคาบสมุทรทรงคล้ายรองเท้าบูท และมีเกาะใหญ่ 2 เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ เกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย ทั้งนี้ประเทศอิตาลีถูกโอบล้อมด้วยทะเลทุกทิศทาง ยกเว้นทางทิศเหนือที่ติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และประเทศออสเตรียโดยมีเทือกเขาแอลป์เป็นตัวกั้นแบ่งเขตประเทศ พื้นที่ร้อยละ 75 ของอิตาลีเป็นภูเขาและที่ราบสูง เป็นประเทศมีมีทะเลสาบปล่องภูเขาไฟมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก มีเทือกเขาแอพเพนไนน์ และภูเขามอนต์ บรานซ์ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปพาดผ่านทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ

ประเทศอิตาลีเป็นประเทศแห่งประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก มีเมืองหลวงคือกรุงโรม (Rome) ประชากรในประเทศหรือที่เรียกกันว่าชาวอิตาเลียน มีการสืบเชื้อสายมาจากคนในสมัยโรมันโบราณ ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ มีภาษาทางการคือภาษาอิตาลี นอกจากนี้ประเทศยังมีเมืองสำคัญอื่นๆ ที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคยกันดี เช่น มิลาน เวนิส ตูริน ฟลอเรนซ์ เนเปิลส์ เป็นต้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางไปยังประเทศอิตาลีจะได้สัมผัสกับสถานที่ทางประวัติศาสตร์ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่อันทรงคุณค่าของโลก เช่น โคลอสเซียม (Colosseum) มหาวิหารแพนธีออน (Pantheon) น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) เป็นต้น นอกจากนี้สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างแกรนด์คาแนล (Grand Canal) คลองในเวนิสบรรยากาศดีที่มีบริการล่องเรือกอนโดล่าจนโด่งดังไปทั่วโลก อาหารสไตล์อิตาเลียนอย่างพิซซ่าและสปาเก็ตตี้ก็เป็นอาหารที่โด่งดังไปทั่วโลก รวมไปถึงงานศิลปะและแฟชั่นต่างก็เป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือน ทั้งนี้สำหรับคนไทยที่ต้องการไปเที่ยวประเทศอิตาลีสามารถจองตั๋วเครื่องบินไปอิตาลีได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยวที่มีสายการบินจากทั่วโลกคอยให้บริการ โดยคนไทยที่ต้องการไปเที่ยวประเทศอิตาลีจำเป็นจะต้องทำวีซ่าก่อนการเดินทาง ระยะเวลาในการพำนักสูงสุดในประเทศคือ 90 วัน.

สกุลเงิน

ประเทศอิตาลีใช้สกุลเงินยูโร (EUR) โดย 1 ยูโร มีค่าประมาณ 35 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2562) 

ฤดูกาลของประเทศอิตาลี

 ประเทศอิตาลีแบ่งฤดูกาลออกเป็น 4 ฤดู ได้แก่

ฤดูใบไม้ผลิ ( 21 มีนาคม - 20 มิถุนายน)อุณหภูมิประมาณ 7 – 14 องศาเซลเซียส มีอากาศค่อนข้างเย็นสลับฝนตกหนัก ดอกไม้เริ่มออกดอกให้นักท่องเที่ยวได้ชม

ฤดูร้อน (21 มิถุนายน - 20 กันยายน)อุณหภูมิประมาณ 20 - 30 องศาเซลเซียสมีอากาศร้อนและแดดแรง มีช่วงเวลากลางวันที่ยาวนาน

ฤดูใบไม้ร่วง (21 กันยายน - 20 ธันวาคม)อุณหภูมิประมาณ 7 – 13 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสลับฝนตก แต่ฝนตกไม่หนักเท่าฤดูใบไม้ผลิ เป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวพืชผล เนื่องจากมีผลไม้ เช่น องุ่น เกาหลีออกมาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชม

ฤดูหนาว (21 ธันวาคม - 20 มีนาคม)อุณหภูมิประมาณ 0 – 12 องศาเซลเซียส มีหิมะตก มีช่วงเวลากลางคืนที่ยาวนาน ท้องฟ้ามืดเร็ว ประมาณ 16.00 น.

ภูมิภาคของประเทศอิตาลี

ประเทศอิตาลีมีทั้งหมด 20 แคว้น แบ่งออกเป็น 15 แคว้น และ 5 แคว้นปกครองตนเอง แต่ละแคว้นจะแบ่งการปกครองออกเป็นจังหวัด แต่ละจังหวัดจะแบ่งออกเป็นเทศบาล นอกจากนี้ยังมีรัฐอิสระอีก 2 รัฐที่รวมอยู่ในประเทศอิตาลีด้วย คือ ซานมารีโนและนครรัฐวาติกัน

1. อาบรุซโซ (Abruzzo)

2. บาซีลีคาตา (Basilicata)

3. คาลาเบรีย (Calabria)

4. คัมปาเนีย (Campania)

5. เอมีเลีย-โรมัญญา (Emilia-Romagna)

6. ฟรียูลี-เวเน็ตเซียจูเลีย (Friuli-Venezia Giulia)

7. ลาซีโอ (Lazio)

8. ลีกูเรีย (Liguria)

9. ลอมบาร์ดี (Lombardy)

10. มาร์เก (Marche)

11. โมลีเซ (Molise)

12. ปีเยมอนเต (Piemonte)

13. ปุลยา (Puglia)

14. ซาร์ดิเนีย (Sardinia)

15. วัลเลดาออสตา (Valle d'Aosta)

16. ทัสกานี (Tuscany)

17. เตรนตีโน-อัลโตอาดีเจ (Trentino-Alto Adige)

18. อุมเบรีย (Umbria)

19. ซิซิลี (Sicily)

20. เวเนโต (Veneto)

สนามบินสำคัญของอิตาลี

ประเทศอิตาลีมีสนามบินไม่ต่ำกว่า 35 แห่ง อาทิ

1. สนามบินเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci International Airport) หรือสนามบินโรม เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ให้บริการเที่ยวบินไปยังกรุงโรม ประเทศอิตาลีและภูมิภาคโดยรอบ

2. สนามบินนานาชาติมาร์โค โปโล (Venice Marco Polo Airport) เป็นสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินไปยังกรุงเวนิส ประเทศอิตาลี

3. สนามบินมิลาโนมัลเปนซา (Milano-Malpensa) หรือสนามบินมิลาน เป็นสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ทางตอนเหนือของประเทศ ให้บริการเที่ยวบินไปยังเมืองมิลานและแคว้นลอมบาร์ดี

4. สนามบินฟลอเรนซ์ (Florence Airport) เป็นสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินไปยังเมืองฟรอเรนซ์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นทัสกานี

การเดินทางไปอิตาลี

• ระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ บินตรงไปยังอิตาลีใช้ระยะเวลาประมาณ 11 ชั่วโมง 30 นาที
• สายการบินยอดนิยมในการจองตั๋วเครื่องบินไปประเทศอิตาลี เช่น การบินไทย (Thai Airways)สายการบินเอทิฮัด (Etihad)สายการบินเอมิเรตส์ (Emirates)สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ (Singapore Airlines) สายการบินกาตาร์แอร์เวย์ (Qatar Airways) เป็นต้น

การเดินทางในประเทศอิตาลี

เครื่องบิน สายการบินภายในประเทศที่สำคัญของอิตาลี ได้แก่ สายการบินฟลายแอร์วัน สายการบินอลิตาเลีย และสายการบิน เมริเดียนาโดยลงจอดตามสนามบินหลักๆ เช่น กรุงโรม,   ปิซา, มิลาน, โบโลญญ่า, เจนัว,เนเปิลส์,  เวนิซ และปาแลร์โม   

รถไฟความเร็วสูง (Eurostar Italia)  รถไฟขบวนสีแดงคาดสีเทา มีหลายสายให้เลือกใช้บริการ ได้แก่ 

• Frecciarossaเชื่อมเมืองต่างเข้าด้วยกันตั้งแต่เหนือจรดใต้ ขบวนที่เร็วที่สุดวิ่งจากมิลานถึงโรมระยะทาง 580 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น
• Frecclargentoเชื่อมกรุงโรมสู่เวนิช - เวโรนา ในเส้นทางสายเหนือ ด้วยความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
• Frecclabiancaวิ่งด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มต้นวิ่งจากมิลาน – เวนิซ - อูดีเน, มิลาน – เจนัว - โรม แลพโรม -บารี 
• La Frecceเป็นรถไฟที่วิ่งออกจากโรมวิ่งตรงสู่เมืองต่างๆ ที่ไม่ไกลมากนัก อาทิ เปรูจา, อังโกนา และโพเทนซา

รถไฟระหว่างเมือง เป็นรถไฟวิ่งเชื่อมเมืองต่างๆ เข้าด้วยกัน นอกจากเส้นทางสายหลักที่รถไฟยุโรสตาร์อิตาเลียวิ่งอยู่ หรือบางทีก็วิ่งทับเส้นทางกัน แต่ใช้รางแยกกันและจอดตามสถานีรายทางในเมืองเล็กๆ ด้วย  

รถไฟท้องถิ่น มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค เช่น เอสเปรสโซ เรจาเนโร ดีเร็ตโต หรืออินเตอร์เนโจนาเล วิ่งเชื่อมเมืองใหญ่กับเมืองเล็กในแต่ละท้องถิ่น 

รถไฟกลางคืนหรือรถนอน ในอิตาลีมีขบวนรถนอนวิ่งให้บริการหลายเส้นทาง ส่วนใหญ่เชื่อมเมืองทางเหนือและทางใต้  

รถไฟระหว่างประเทศรถไฟอิตาลีที่วิ่งจากเมืองต่างๆในอิตาลีสู่เมืองอื่นของประเทศต่างๆ ในยุโรป ได้แก่ รถไฟ Cisalpino มีเส้นทางที่วิ่งจากฟลอเรนซ์โบโลญญาสู่เจนีวา – บาเซิล - เบิร์น - ซูริคและลูเซิร์นในสวิตเซอร์แลนด์, สตุตการ์ทในเยอรมัน นอกจากนี้ยังมีรถไฟของประเทศอื่นวิ่งเข้ามาในอิตาลีด้วย เช่น รถไฟ TGV ของฝรั่งเศสวิ่งระหว่างมิลานสู่ปารีส

รถไฟใต้ดินมีสายสำคัญ 2 เส้นทางคือ Metro A สายสีส้ม และ Metro B สายสีน้ำเงิน วิ่งเป็นแนวเส้นทางตัดกันรูปตัว X เป็นระยะทางประมาณ 41.5 กิโลเมตร มีรถวิ่งทุกๆ 5-10 นาที   

รถราง หรือ ระบบ Tram ให้บริการเหมือนรถไฟใต้ดินทุกอย่าง เพียงแต่วิ่งอยู่รอบนอกเมือง ใหม่กว่า และอยู่บนดิน วิ่งเรียบไปกับผิวถนนเลย โดยมีราคา, บัตรโดยสารแบบเหมาจ่ายเหมือนกัน และการใช้งานเหมือนกัน

รถบัสประจำทาง มีให้บริการหลายบริษัทด้วยกัน มีหลากหลายเส้นทางครอบคลุมทุกพื้นที่ของอิตาลี มีตั้งแต่รถตู้ที่วิ่งระหว่างหมู่บ้านในชนบท และรถบัสขนาดใหญ่ระหว่างเมืองหลักๆ  

รถแท็กซี่ ต้องไปขึ้นที่ป้ายจอดคิวแท็กซี่ คิดค่าโดยสารตามระยะทาง และหากมีกระเป๋าสัมภาระจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่ม วันหยุดราชการและหลัง 4 ทุ่ม ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม  

เรือโดยสาร เรือข้ามฟากขนาดใหญ่ให้บริการระหว่างเกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนีย ส่วนเรือข้ามฟากขนาดเล็กจะล่องตามหมู่เกาะเล็กๆ   นอกจากนี้ยังมีเรือข้ามฟากเดินทางข้ามคืน มีห้องพักให้บริการบนเรือด้วย โดยเรือข้ามฟากเกือบทั้งหมดมีบริการขนส่งรถยนต์

เทศกาลสำคัญในอิตาลี

1. เทศกาลคาร์นิวัล : เทศกาลหน้ากากที่จัดขึ้นในเมืองเวนิส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1268 เพื่อเฉลิมฉลองก่อนเริ่มวันถือศีลของชาวคริสต์หรือ 40 วันก่อนถึงวันอีสเตอร์ ประมาณปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเราจะได้ชมขบวนพาเหรดหน้ากากและการแต่งกายชุดแฟนซี การประกวดขบวนพาเหรด การประกวดการแต่งกาย คอนเสิร์ต ฯลฯ ที่จัดขึ้นตามเมืองต่างๆ เช่น เมืองเวนิส เป็นต้น

2. เทศกาลอีสเตอร์ : เทศกาลที่มีการเดินขบวน Good Friday แห่ไปทั่วเมือง จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงเมษายน ภายในงานมีการการเฉลิมฉลอง โดยพระสันตะปาปาจะมีกระแสรับสั่งถึงผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ในวันอาทิตย์อีสเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวคริสต์รอคอย

3. เทศกาลศิลปะและดนตรี : เนื่องจากประเทศอิตาลีเป็นประเทศแห่งศิลปะและวัฒนธรรม ดังนั้นจึงมีการจัดเทศกาลนี้ขึ้นเพื่อเป็นการรวมตัวของเหล่าศิลปินด้านเพลงและนักออกแบบ โดยงานจะถูกจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน ที่เมืองฟลอเรนซ์ แคว้นทัสกานี

สถานที่เที่ยวสำคัญในอิตาลี

1. โคลอสเซียม (Colosseum) ตั้งอยู่ที่กรุงโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.72 โดยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน โคลอสเซียมเป็นสนามกีฬาทรงโค้งเป็นวงกลม ก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ มี 4 ชั้น สามารถจุคนได้ถึงประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบทางระบายน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำขังในสนามขณะฝนตก ทั้งนี้โคลอสเซียมถือเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย

2. มหาวิหารแพนธีออน (Pantheon) มหาวิหารอายุกว่า 2,000 ปี สร้างขึ้นโดย Marcus Vipsanius Agrippa เป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพ โดดเด่นการออกแบบสุดน่าทึ่งเนื่องจากไม่มีเสาค้ำกลางมหาวิหารเพื่อรับน้ำหนัก ส่วนด้านหน้ามหาวิหารมีเสาหินแกรนิตขนาดใหญ่วางเรียงหน้าอาคาร มีหลังคาสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หลังคาโดมพร้อมช่องวงกลมขนาดใหญ่กลางมหาวิหารเพื่อให้แสงผ่านเข้ามา ซึ่งเรียกช่องนี้ว่าโอคูลุส หรือดวงตาสวรรค์ที่เชื่อมระหว่างพระเจ้าและมนุษย์

3. น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) น้ำพุสไตล์บาโรคที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในกรุงโรม สูง 25.9 เมตร กว้าง 19.8 เมตร บริเวณกลางน้ำพุมีรูปปั้นแกะสลักเทพเจ้าเนปจูนและไทรทัน ซึ่งเป็นเทพแห่งท้องทะเล ทั้งนี้มีความเชื่อว่าหากยืนหันหลังแล้วใช้มือขวากำเหรียญโยนลงไปในน้ำแล้วอธิษฐานจะได้กลับมายังประเทศอิตาลีอีกครั้ง

4. แกรนด์คาแนล (Grand Canal) เป็นคลองที่ชื่อดังของเวนิสที่นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือกอนโดล่ารับบรรยากาศพร้อมชมความงดงามของพระราชวัง โบสถ์ สถาปัตยกรรมบ้านเมืองสีสันสวยงามบริเวณสองฝั่งคลอง ซึ่งบ้านแต่ละหลังยังคงความงดงามตามแบบฉบับเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี

5. มหาวิหารฟลอเรนซ์ (Florence Cathedral) เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่อันดับที่ 4 ของทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในเขตจัตุรัสเปียซซ่า เดล ดูโอโม ของเมืองฟลอเรนซ์ มีอายุกว่า 800 ปี ซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก โดดเด่นด้วยโดมสีส้มขนาดใหญ่ บริเวณด้านหน้าโบสถ์เป็นหินอ่อนสีขาว ตกแต่งด้วยหินแกะสลักสีชมพู และเขียว มีภาพโมเสกเหนือซุ้มประตู มีหอระฆังสูง 85 เมตรอยู่บริเวณด้านข้าง ภายในมีกระจกหน้าต่างหลากสีที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อดังหลายท่านในยุคเรอเนสซอง เช่น ลอเรนโซ กีแบร์ติ และโดนาเทลโล เป็นต้น

เคล็ดลับการเดินทางไปอิตาลี

ประเทศอิตาลีใช้กระแสไฟฟ้าแบบ 230 โวลต์ ใช้ปลั๊กไฟ 2 แบบ คือ เแบบหัวกลม 3 ขา และแบบมีหัวกลมคู่กับคลิปสำหรับกราวด์ 1 ด้าน

ประมาณปลายเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนตุลาคม (Daylight Saving time) เวลาในประเทศอิตาลีช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง

ประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงปลายเดือนมีนาคม เวลาช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง

มิลานคือเมืองแห่งแฟชั่น ดังนั้นจึงเป็นเมืองช็อปปิ้งหลักของประเทศ

เมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องหนัง ซึ่งเป็นของฝากสำคัญของประเทศอีกด้วย