ถ้าเอ่ยถึงชื่อเมืองเชียงคาน หลายคนคงจินตนาการได้ถึงภาพบ้านเรือนไม้แบบโบราณที่ตั้งเรียงรายเป็นหมวดหมู่ไปสองฝั่งถนน เชียงคานเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเลย ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง ความน่าสนใจอยู่ที่การเป็นเมืองซึ่งผู้คนยังคงดำรงชีวิตอยู่ในวิถีแบบเรียบง่าย ในวัฒนธรรมเดิมแบบที่เคยเป็นมา และด้วยความที่เป็นอำเภอที่อยู่ติดชายโขง ทำให้บางคนเรียกขานเชียงคานว่าเป็นเมืองพี่น้องกับเมืองหลวงพระบาง ทางฝั่งลาว เนื่องจากผู้คนในเชียงคานมีวิถีชีวิตที่ยังคงความสบาย เนิบช้า และยังมีบางวัฒนธรรมที่ยังคงสืบสานมาจากทางฝั่งลาวตั้งแต่ในยุคก่อน อย่างเช่นการตักบาตรข้าวเหนียว เป็นต้น เนื่องจากในสมัยก่อน เชียงคานเคยเป็นเมืองหนึ่งของอาณาจักรลาว แต่เนื่องจากมีเหตุสงครามหลายครั้ง ผู้คนจึงมีการโยกย้ายไปมาระหว่างพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำโขง จึงทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ผสมผสานปนเปและคล้ายคลึงกัน และวิถีชีวิตเยี่ยงนี้นี่เองที่เป็นเสน่ห์ส่วนตัวที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักความเรียบง่ายน่ารักในเมืองเชียงคาน
จากอดีตสู่ปัจจุบัน แม้จะมีหลายเสียงบอกว่าเชียงคานกำลังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่ก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่งดงามแปลกตา ตึกราบ้านช่อง รูปแบบการใช้ชีวิตของคนเชียงคาน เสน่ห์ของเมืองนั้นยากที่จะเปลี่ยนไป
เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกที่ขึ้นชื่อของอำเภอเชียงคาน โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวเชียงคานแทบทุกคนจะต้องเดินทางมายังภูทอก เพื่อสัมผัสอากาศเย็นๆ ในยามเช้า และหากโชคดีก็จะมีโอกาสได้ชมวิวทะเลหมอกอันสวยงามจากด้านบนอีกด้วย ภูทอกอยู่ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานมาเพียงแค่ราวๆ 3 กิโลเมตรเท่านั้น ด้านบนสุดของภูทอกเป็นที่ตั้งของสถานีโทรคมนาคมเชียงคาน โดยทางขึ้นสู่ภูทอกตั้งอยู่บนถนนเดียวกันกับทางไปแก่งคุดคู้ แต่มีทางเลี้ยวแยกออกมา วิธีการขึ้นไปชมทะเลหมอกและจุดชมวิวที่ด้านบนภูทอก ต้องนั่งรถกระบะที่มีไว้สำหรับรับ-ส่งนักท่องเที่ยวเท่านั้น โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจึงมักใช้วิธีเหมารถสกายแล็ปมาจากตัวเมืองเชียงคาน แล้วจึงมาต่อรถขึ้นภูที่บริเวณด้านล่าง หากโชคดีและสภาพอากาศเป็นใจ นักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพวิวสวย 360 องศาของทะเลหมอกในยามเช้าได้แบบเต็มอิ่ม แต่หากไม่ได้เห็นทะเลหมอกก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะยังมีวิวของแก่งคุดคู้และแม่น้ำโขง รวมถึงตัวเมืองเชียงคานในมุมสูงสวยแปลกตารออยู่แน่นอน หากคุณอยากมองหาที่พักใกล้ๆ กับภูทอก ตัวเลือกที่น่าสนใจมีอยู่หลายแห่ง อาทิ บ้านเอเค รีสอร์ท, ตำหนักเอก รีสอร์ท, วี 1 รีสอร์ท, เจเจ แอท เชียงคาน และไทยมณี เป็นต้น
หากอยากขึ้นไปชมทะเลหมอกบนยอดภูทอก แนะนำให้ไปในเวลา 5.30 – 8.00 น.
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีชื่อเสียงในเชียงคานนั่นคือแก่งคุดคู้ ซึ่งเป็นแก่งหินใหญ่ที่ตั้งขวางกลางแม่น้ำโขง แก่งคุดคู้อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงคานไปราวๆ 3 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นโค้งน้ำ มีพื้นที่ริมฝั่งกว้างขวาง ตัวแก่งเป็นแนวหินกลางลำน้ำ และเนื่องจากหินเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแม่น้ำมาเป็นเวลานาน จึงมีรูปร่างและสีสันแตกต่างกันไป ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านไปเพียงช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งไทยเท่านั้นเอง ซึ่งกระแสน้ำจะค่อนข้างเชี่ยวกราก ระยะเวลาที่เหมาะจะดูแก่งคุดคู้อยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม เนื่องจากเป็นช่วงหน้าแล้งที่น้ำน้อย จึงทำให้เห็นแก่งหินได้อย่างชัดเจนมากขึ้น บริเวณริมฝั่งมีบริการเรือหางยาวให้เช่าหากนักท่องเที่ยวต้องการนั่งเรือชมวิวริมฝั่งโขง รวมถึงมีร้านอาหารตั้งเรียงรายรอให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน
เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 16 ของประเทศไทย มีเนื้อที่โดยรวมประมาณ 120.84 ตารางกิโลเมตร มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน รวมถึงที่ราบสูงสลับกับยอดเขาหินทรายสูง มียอดภูเรือเป็นยอดเขาสูงสุด โดยสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,365 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญหลายสาย รวมถึงเป็นต้นทางของน้ำตกอีกมากมาย ที่มาของชื่อภูเรือนั้น มาจากชะโงกผาบนยอดดอยสูงที่ยื่นออกมา มองดูคล้ายเรือสำเภาขนาดใหญ่รวมถึงยังมีพื้นที่ราบคล้ายกับท้องเรืออีกด้วย ชาวบ้านจึงเรียกชื่อสถานที่นี้ว่าภูเรือกันเรื่อยมา บนเส้นทางเดินขึ้นสู่ยอดภูเรือ มีสภาพป่าไม้ที่หลากหลายและสวยงามแปลกตา เป็นป่าสนเขาสลับกับสวนหินตามธรรมชาติและทุ่งหญ้าเขียวขจีเป็นระยะๆ รวมถึงยังมีดอกไม้ป่าที่หายากและสวยงามอีกมากมายหลายพันธุ์ซึ่งจะพบเห็นได้ตลอดทาง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมขึ้นมาพักแรมกางเต๊นท์บนยอดภูเรือในช่วงฤดูหนาว เพื่อสัมผัสธรรมชาติอันสวยงามและอากาศเย็นจัด ซึ่งในบางคราวหากโอกาสดี นักท่องเที่ยวอาจมีโอกาสได้เห็นน้ำค้างแข็งหรือแม่คะนิ้งอีกด้วย หากสนใจอยากลองมองหาที่พักใกล้กับภูเรือ ก็นับว่ามีที่พักหลายแห่งซึ่งน่าสนใจ ตัวอย่างเช่น ไทยเลย 300 ปี รีสอร์ท, Phurua Sanctuary Resort and Spa, ระยองภูเรือรีสอร์ท, Le Bar Tarry Hotel และ ภูเรือคีรีรีสอร์ท เป็นต้น
ไฮไลท์สำคัญของการมาท่องเที่ยวที่อำเภอเชียงคาน นอกจากความสงบเรียบง่ายของวิถีชีวิตผู้คนในท้องถิ่น และธรรมชาติสวยๆ รอบด้านแล้ว คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าคือการได้มีโอกาสเดินเล่นในถนนคนเดินเมืองเชียงคาน ถนนเส้นเล็กๆ ที่สองฟากฝั่งเป็นอาคารไม้สวยๆ แบบสมัยโบราณ ถัดไปอีกนิดก็เป็นความสงบงามของแม่น้ำโขง ถนนคนเดินเชียงคานยังคงสะท้อนวัฒนธรรมหลายอย่างของผู้คนในท้องถิ่นแถบนี้ได้ดี ที่เห็นได้ชัดก็อาจจะเป็นในเรื่องของอาหารท้องถิ่นอย่างข้าวจี่ กุ้งย่าง หรืออื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีข้าวของเครื่องใช้ในรูปแบบงานฝีมือดั้งเดิม และที่ได้ผ่านการประยุกต์รูปแบบมาแล้วเพื่อให้เข้ากับความนิยมและยุคสมัย และยิ่งประกอบกับอากาศเย็นสบายในช่วงฤดูหนาวด้วยแล้วละก็ ใครที่ได้มาเดินเล่นบนถนนเส้นนี้ในช่วงนั้นถือว่าฟินเลยละ ถือว่าเป็นถนนช่วงสั้นๆ ที่อัดแน่นไปด้วยความบันเทิงในรูปแบบของวัฒนธรรมท้องถิ่นมากมาย ที่บอกได้ว่าหากได้มีโอกาสมาเยือนเชียงคาน ต้องห้ามพลาดการได้มาเดินเล่นช้อป ชม ชิลล์ บนถนนคนเดินน่ารักๆ สายนี้จริงๆ และหากคุณอยากมองหาที่พักที่น่าสนใจใกล้กับถนนคนเดินเชียงคานละก็ นับว่ามีหลายตัวเลือกที่น่าสนใจ อาทิ จำเลยรัก เชียงคาน, สุเนต์ตา โฮสเทล เชียงคาน, ไทยมณี, เชียงคานบุรี และ Poonsawasdi Hotel เป็นต้น
เปิดบริการ ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 17.00 – 22.00 น.
บางคนเรียกว่าวัดใหญ่ ถือเป็นหนึ่งในศาสนสถานที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในเชียงคาน ตั้งอยู่บนถนนชายโขง ระหว่างซอยศรีเชียงคาน 6 และ 7 สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2485 ถือเป็นวัดที่อยู่คู่เมืองเชียงคานมาอย่างยาวนาน ทุกวันพระและวันสำคัญทางพุทธศาสนา ชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวมักจะรวมตัวกันมาทำกิจกรรมทางศาสนาที่วัดนี้อยู่เป็นประจำ หลังคาพระอุโบสถมีลักษณะศิลปะกรรมเป็นแบบล้านนา ด้านในพระอุโบสถจะมีพระพุทธรูปไม้จำหลัก ปางประทานอภัย ลงรักปิดทอง สร้างตามแบบล้านช้างหรือแบบลาว ซึ่งคาดว่าจะสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 24 – 25 ซึ่งมีข้อระบุให้ผู้หญิงกราบไหว้สักการะพระพุทธรูปองค์นี้ได้ใกล้ที่สุดแค่เพียงบริเวณด้านล่างของอาสนะสงฆ์เท่านั้น ในส่วนของด้านข้างองค์พระประธานจะมี ‘ฮางฮด’ หรือ รางรด ซึ่งตัวรางจะเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ ด้านหน้าเป็นเศียรพญานาค ซึ่งรางรดนี้จะใช้ในการประกอบพิธีสรงน้ำพระผู้ใหญ่หรือเจ้าเมืองเท่านั้น นับเป็นของสำคัญที่หาชมได้ยากแล้วในยุคปัจจุบันนี้ และหากต้องการมองหาที่พักในเชียงคานซึ่งอยู่ใกล้กับวัดศรีคุณเมือง ตัวเลือกที่น่าสนใจก็มีอยู่หลายแห่ง อาทิ เฮือนคุ้มฮัก ณ เชียงคาน, มุ้ยฟัง เกสต์เฮ้าส์ และ สองผัวเมีย เกสท์เฮาส์ เป็นต้น
ถึงแม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จะไม่ได้อยู่ใกล้เมือง แต่ก็คุ้มค่าที่จะมา เนื่องจากหมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำนี้เปรียบเสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตขนาดย่อม ภายในคุณจะเห็นถึงศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทดำ ที่จะทำให้ทุกคนได้เห็น และเข้าถึงวัฒนธรรมของชาวไทดำอย่างแท้จริง ซึ่งจุดประสงค์อย่างหนึ่งที่ชาวไทดำได้เปิดหมู่บ้านแห่งนี้ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม ก็เพราะว่าอยากจะสืบสาน และอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งวัฒนธรรมไทดำนี้ให้คงอยู่สืบไป
ร้านเฮือนหลวงพระบาง เป็นร้านอาหารชื่อดังที่อยู่คู่กับเมืองเชียงคานมายาวนาน บริการอาหารหลากหลายรูปแบบ ทั้งอาหารไทย จีน ลาว และเวียดนาม ภายในและภายนอกร้าน ให้บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง ร้านเป็นแบบอยู่ใต้บ้านไม้แบบดั้งเดิม มองเห็นวิวสวยๆ ของแม่น้ำโขง เมนูแนะนำให้ลองคือ เอาะหลาม และหลนหลวงพระบาง ที่บอกเลยว่า ถ้าได้ไปถึงเชียงคาน ต้องไปลอง!
วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 - 15.00 น. และ 17.00 - 22.00 น.
โทรศัพท์: 042 - 821046, 089 - 0094345
จุ่มนัวยายพัด เป็นร้านอาหารขึ้นชื่อแห่งหนึ่งในเชียงคาน ตั้งอยู่บริเวณถนนคนเดินเชียงคาน (ถนนริมโขง) ซอย 10 จุ่มนัวเป็นอาหารพื้นเมือง ที่มีลักษณะคล้ายสุกี้ที่สามารถเลือกเส้นที่ชอบได้ตามใจ เป็นเมนูพิเศษที่สืบทอดกันมากว่า 70 ปี มีให้ชิมที่เชียงคานและโดยเฉพาะที่ร้านจุ่มนัวยายพัดเพียงที่เดียวเท่านั้น
วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.30 – 15.00 น.
โทรศัพท์: 042-822079
มาเชียงคาน ต้องลองกินข้าวปุ้นเชียงคานด้วย ร้านข้าวปุ้นน้ำแจ่ว เป็นร้านอาหารเล็กๆ ในซอยศรีเชียงคาน 14 (บน) ที่ขายเมนูท้องถิ่นฉบับดั้งเดิม ข้าวปุ้นน้ำแจ่วเป็นอาหารเฉพาะถิ่นคล้ายก๋วยเตี๋ยวน้ำใส แต่ใช้เส้นขนมจีนแทน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้าน หากอยากสั่งเมนูอื่นอย่างเกาเหลาหรือลวกจิ้มมาเพิ่มด้วยก็ไม่มีปัญหา และแน่นอนว่าหาชิมได้เฉพาะที่นี่เท่านั้น
วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 – 13.00 น.
โทรศัพท์: 083-4189809
คาเฟ่สวยแนวบูติคริมน้ำในเมืองเชียงคาน ที่นี่มีไฮไลท์ตรงที่มีการตกแต่งสวยงาม เรียบง่าย โทนสีเป็นสี earth tone ใช้ไม้เป็นหลัก ทำให้รู้สึกอบอุ่น ถ้ามองจากมุมที่เดินเข้ามาจะเห็นสีพื้นไม้คาเฟ่ตัดกันกับน้ำสีฟ้า สวยสดงดงามเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญที่ร้านนั้นมีอาหารและขนมคอยบริการ จะบอกว่าขนมเค้กอร่อยละมุนมากๆ ใครที่ได้มีโอกาสแวะไปเชียงคาน อย่างลืมแวะไปที่บ้านติดดินกันด้วยล่ะ
วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.
เบอร์โทรศัพท์: 088-0222999
ถ้าหากกำลังมองหาคาเฟ่เชียงคาน สไตล์วินเทจ ตั้งอยู่ในกลางเชียงคานติดริมน้ำโขงเลย ที่นี่เป็นคาเฟ่ในบ้านไม้ โดยบ้านไม้นั้นมีหลายชั้น คาเฟ่จะตั้งอยู่ชั้นล่างสุด เป็น open air และด้านบนได้ถูกเปิดเป็นที่พักให้คนทั่วไปเข้ามาพักได้ ที่คาเฟ่ PUDBOK COFFEE แห่งนี้ มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนมหวาน ที่ล้วนแต่น่าลิ้มลองอยู่หลายอย่าง สำหรับใครที่ชอบคาเฟ่ที่ให้ฟีลสโลไลฟ์ นั่งทำงานได้เพลินๆ สามารถมองเห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจที่หนึ่งเลย
วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 – 13.00 น.
เบอร์โทรศัพท์: 083-4189809
อิสระตามชื่อ คาเฟ่แห่งนี้เป็นร้านกาแฟเล็กๆ ที่หากคุณมีโอกาสได้เดินเล่นถนนเชียงคาน เชื่อว่าคุณน่าจะมีผ่านร้านอิสระบ้าง ที่มีขนมและเครื่องดื่มให้บริการ ตัวคาเฟ่จะเป็นเรือนไม้ริมน้ำโขง ตามสไตล์เชียงคานเลย ใครที่อยากชมการทำเครื่องดื่ม ชงชา กาแฟ ก็สามารถเลือกนั่งที่บาร์ได้ ตามผนั่งคาเฟ่ก็จะมีรูปถ่ายเก่าๆให้ได้ชมกัน ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ แก้วเครื่องดื่มของร้านจะเป็นแก้วสีขาวที่มีการเขียนตัวหนังสือบนแก้วเอง เก๋ๆไปอีกแบบ ใครได้มีโอกาสไปที่นี่ก็ล้วนแต่ติดใจในความเงียบสงบ เรียบง่าย ชิว สบาย และเพลิดเพลินกับวิวของที่นี่ทั้งนั้น
วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ยกเว้นวันพฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น.
เบอร์โทรศัพท์: 086-4783541
Cafe De River เป็นคาเฟ่สวยริมฝั่งโขง ที่เป็นเหมือนอีกหนึ่งแลนด์มาร์คในเชียงคานเลยก็ว่าได้ เพราะถ่ายรูปสวยทุกมุม! คุณสามารถมองเห็นฝั่งประเทศลาวได้โดยใกล้ ห่างแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น หลายๆคนมักชอบที่จะมาดูพระอาทิตย์ตกสวยๆที่นี่ แต่จะบอกว่า หากใครจะมานั่งตอนกลางวันทำงาน จิบกาแฟ กินขนม ก็ชิวไปอีกแบบเช่นกัน นอกจากขนมหวานและเครื่องดื่มที่ดีงามแล้ว อาหารยังรสชาติดีมากๆอีกด้วย คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ใน เชียงคานเมาท์เทนวิวรีสอร์ท ที่คนนอกสามารถเข้าไปใช้บริการได้
วันและเวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น.
เบอร์โทรศัพท์: 061-4536954
การเดินทางโดยเครื่องบิน นับว่าเป็นตัวเลือกในอันดับแรกสำหรับใครที่ไม่ชอบนั่งรถนานๆ หรืออยากจะประหยัดเวลา นำเวลาที่ต้องเสียไปกับการเดินทางนั้นไปเที่ยวดีกว่า แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปลง จ.เลย ซึ่งสำหรับใครที่อยู่กรุงเทพฯ ก็สะดวกหน่อย เพราะมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ - เลย จากนั้นก็สามารถนั่งรถต่อไปยังเชียงคานได้แล้วแต่สะดวก ถ้าเป็นรถขนส่งสาธารณะราคาจะอยู่ประมาณ 80-150 บาท หรือถ้าใครจะเช่ารถขับไปเองก็ได้
แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือๆ แต่ไม่อยากจะเสียเวลานั่งรถหลายต่อ แนะนำให้จับจองรถทัวร์นั่งตรงไปลงเชียงคานเลย ก็สะดวกไม่แพ้กัน ซึ่งรถประจำทางนี้ก็มีหลายบริษัทให้เลือกเช่นกัน ราคาก็จะเริ่มต้นอยู่ที่ 400 - 600 บาทขึ้นไป แล้วแต่ประเภทของรถประจำทาง แต่ถ้าใครอยากนั่งสบายๆ แนะนำให้เลือกประเภทรถที่เป็น VIP โดยสามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่
ในส่วนของผู้ที่ต้องการเดินทางโดยรถไฟ รถไฟก็มีเส้นทางให้บริการเช่นกัน แต่สำหรับสถานีที่จะไปลงเชียงคาน หรือลงที่ จ.เลย โดยตรงนั้นคงไม่มี หากใครอยากจะสัมผัสความสโลว์ไลฟ์ ก็แนะนำให้นั่งรถไฟไปลงที่ จ.อุดรธานี หรือนั่งไปลง จ.ขอนแก่น จากนั้นต่อรถไปยังเชียงคานก็ได้เช่นกัน สำหรับการเดินทางนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครสะดวกแบบไหน ถ้าอยากจะชมวิวธรรมชาติสองข้างทาง การนั่งรถไฟก็เป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ไม่น้อย
การเดินทางภายในเชียงคาน ส่วนใหญ่นิยมเช่ารถจักรยาน หรือเช่ารถสกายแล็ปอันเป็นรถประจำท้องถิ่น หากต้องการความสะดวกสบาย หรืออยากเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งอยู่ไกลออกไป โดยราคาขึ้นอยู่กับความพอใจในการตกลงร่วมกัน และที่นิยมที่สุดก็คือ การขับรถยนต์เที่ยวรอบเชียงคาน ก็จะมีความสะดวกสบาย เที่ยวได้แบบสะดวก และ Flexible มากๆ
- ตักบาตรข้าวเหนียว
มาเชียงคานแล้วจะพลาดไม่ได้กับกิจกรรมนี้! นี่คืออีกหนึ่งประเพณีที่ชาวเชียงคานได้สืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน และก็ยังคงปฎิบัติกันจนถึงทุกวันนี้ก็คือการ ‘ตักบาตรข้าวเหนียว’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่คุ้มค่ามากหากแลกกับการต้องตื่นแต่เช้าตรู่ เพราะคุณจะได้ตักบาตรข้าวเหนียวด้วยตัวเอง และเห็นถึงวิถีชีวิตของชาวเชียงคานให้ยามเช้า
- ปั่นจักรยาน เล่นเล่นในเมืองเชียงคาน
อีหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยคือการเดิรนเล่นในเมืองเชียงคาน ริมแม่น้ำโข่ง รอบๆข้างทางจะมีร้านอาหาร ร้านนวด คาเฟ่ และร้านขายของท้องถิ่น ของฝากที่น่ารักมากๆ โดยส่วนมากทำโดยคนท้องถิ่นเอง เหมาะอย่างยิ่งที่จะซื้อเป็นของฝาก ที่สำคัญราคาของแต่ละชิ้นก็ไม่แพงเลย ยังไงก็อย่าลืมไปอุดหนุนชาวเชียงคานด้วยนะคะ นอกจากนั้นในซอยถนนเชียงคานส่วนมากจะเป็น one way ถ้าเอารถยนต์เข้าไป อย่าลืมสังเกตดูสัญลักษณ์ป้ายดีๆก่อนล่ะ
จำนวนที่พักทั้งหมด | 100 แห่ง |
โรงแรมยอดนิยม | เชียงคาน ริเวอร์ เมาท์เทน รีสอร์ท (มาตรฐานความสะอาด SHA), โรงแรมเชียงคานริเวอร์วอล์ค |
แลนด์มาร์คยอดนิยม | โรงพยาบาลเชียงคาน, โรงเรียนเชียงคาน |