การเดินทางท่องเที่ยวมาเก๊าจะสนุกมากหากได้เที่ยวในสไตล์ของตัวเอง เพราะมาเก๊าอัดแน่นไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมและเทคโนโลยีที่น่าเยี่ยมชมอีกมากมาย หากสนใจอยากเเริ่มต้นทริปท่องเที่ยวมาเก๊าในรูปแบบที่คุณเองต้องการ แบบจัดทริปเอง เดินทางด้วยเองสนุกกว่าที่คิด และได้เที่ยวมาเก๊านราคาที่ประหยัดกว่า หากจองที่พัก ตั๋วเครื่องบินเป็นแพคเก็จ กับ Traveloka แล้วคุณจะรู้เลยว่า เที่ยวมาเก๊าด้วยตัวเองทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด
มาเก๊า เกาะเล็กๆ ที่โด่งดังไปทั่วโลก และได้รับสมญานามว่าเป็น ‘ลาสเวกัสแห่งเอเชีย’ มาเก๊าเพิ่งเข้ามาเป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีนเมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยก่อนหน้านั้น เกาะแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกสมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16 ที่นี่จึงนับได้ว่าเป็นอดีตอาณานิคมของยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดของจีน จากหมู่บ้านประมงเล็กๆ ก็ได้รับการพัฒนาโดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี ทำให้มาเก๊ามีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร และนับได้ว่าเป็นเมืองที่มีการผสมผสานกันระหว่างความเป็นตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว จนได้ชื่อว่าเป็นยุโรปที่ตั้งอยู่ใจกลางเอเชียกันเลยทีเดียว
นอกจากสองสมญานามที่กล่าวมา มาเก๊ายังได้รับฉายาว่าเป็นเมืองแห่งมรดกโลก เพราะในพื้นที่ไม่กว้างนัก เกาะนี้กลับมีมรดกโลกตั้งอยู่กว่า 30 แห่ง! และเมื่อมาเก๊าเป็นดินแดนที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความผสมผสาน อาหารจึงเป็นหนึ่งสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี เพราะมีให้ลองทั้งอาหารจีน อาหารยุโรป อาหารโปรตุเกส และอาหารประจำถิ่นที่เรียกว่าอาหาร ‘แมคกันนิส’ ซึ่งประยุกต์โดยนำวิธีการทำอาหารแบบตะวันตกมาผสมผสานกับเครื่องเทศและวัตถุดิบแบบเอเชีย นอกจากนั้น เมืองนี้ยังมีโบราณสถานสวยๆ ให้ได้เที่ยวชม รวมถึงมี ‘คาสิโน’ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของเกาะนี้โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย
เนื่องจากเป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่นัก วิธีการเดินทางในมาเก๊าจึงไม่ได้มีให้เลือกมาก โดยมีให้เลือกใช้บริการในรูปแบบของรถบัสประจำทางและรถแท็กซี่ แต่ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างครอบคลุมและสะดวกสบายทีเดียว รถบัสโดยส่วนใหญ่มีตัวเลขและตัวอักษรทั้งภาษาจีนและอังกฤษกำกับอยู่ ราคาค่อนข้างถูก ใช้งานง่าย ในขณะที่แท็กซี่มีราคาแพงกว่า สะดวกกว่า แต่คนขับสื่อสารภาษาอังกฤษได้ไม่มากนัก และสำหรับอีกหนึ่งทริคการเดินทางที่อยากแอบกระซิบคือการใช้รถบัสรับ - ส่งของคาสิโนใหญ่ๆ ซึ่งมักจะมีจุดจอดรถเพื่อรับนักท่องเที่ยวมายังคาสิโนของตนเอง และมีรถบัสจากคาสิโนไปส่งนักท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ บนเกาะ หากศึกษาเส้นทางให้ดี เราจะสามารถเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้ฟรีด้วยวิธีนี้นี่ละ อีกอย่างที่แนะนำคือการเดิน เนื่องจากบางสถานที่อยู่ไม่ไกลกันนัก และทางเท้าที่มาเก๊านับว่าค่อนข้างสะดวกสบาย จึงเหมาะแก่การเดินเล่นได้แบบเพลินๆ ในวันที่อากาศดี
เพราะเสน่ห์ของมาเก๊าคือความผสมผสาน จึงทำให้สถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะนี้มีอารมณ์ที่ค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่โบราณสถาน ศาสนสถานเก่าแก่ สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ แหล่งช้อปปิ้ง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ และสถานบันเทิงในยามค่ำคืน ซึ่งทุกที่ล้วนมีเสน่ห์น่าสนใจแตกต่างกัน และหากคุณสนใจจะวางแผนท่องเที่ยวในมาเก๊า ลองมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางและที่พักจาก Traveloka ดูสิ มีหลายตัวช่วยเลยละที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้น ลองมาดูตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในมาเก๊ากันก่อนดีกว่าว่าจะมีที่ไหนโดนใจคุณบ้าง?
หนึ่งมรดกโลกของมาเก๊าที่นับได้ว่าเป็นตราสัญลักษณ์ประจำเมืองไปแล้ว เพราะเราจะเห็นรูปซากประตูโบสถ์แห่งนี้อยู่ในทุกสื่อที่ใช้โปรโมทหรือแทบจะทุกสินค้าที่วางขายเป็นของที่ระลึกของมาเก๊า โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นใน ค.ศ.1580 และเผชิญการถูกไฟไหม้มาหลายครั้ง รวมถึงภัยทางธรรมชาติต่างๆ อีกมากมาย จนเหลือเพียงแค่กำแพงโบสถ์ด้านหน้าที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากนั้น ด้านหลังยังมีพิพิธภัณฑ์ทางศาสนา ซึ่งมีเรื่องราวของผู้ก่อตั้งโบสถ์นี้รวมถึงภาพวาดต่างๆ ไว้ให้ได้ชมกันอีกด้วย
เปิดบริการทุกวัน
ไม่มีค่าเข้า
จัตุรัสสวยใจกลางเมืองมาเก๊า บริเวณนี้รายล้อมไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรปซึ่งได้รับอิทธิพลจากสมัยที่โปรตุเกสปกครองเกาะนี้อยู่ บนพื้นจัตุรัสปูกระเบื้องเป็นลวดลายสวยงามสะดุดตา มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 3,700 ตารางเมตร และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.2005 ถือเป็นแหล่งช้อปปิ้งสำคัญที่มีสถาปัตยกรรมสวยงามสะดุดตา เรียกได้ว่าต้องห้ามพลาดการมาเยือนที่นี่ถ้าได้มาเกาะนี้เลยทีเดียว!
เปิดบริการทุกวัน
ไม่ค่าเข้า
เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่และอยู่คู่เกาะมาเก๊ามาอย่างยาวนาน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้วเรียบร้อยเช่นกัน แถมวัดนี้ยังเป็นที่มาของตำนานแห่งชื่อของเกาะมาเก๊าอีกด้วย วัดโบราณที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนแท้แห่งนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะ เป็นวัดซึ่งประดิษฐานรูปปั้นขององค์เจ้าแม่ทับทิมหรือเทพธิดาแห่งท้องทะเลซึ่งเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของประชนชนบนเกาะนี้มาอย่างยาวนาน เป็นหนึ่งวัดสำคัญที่หากมาเก๊าแล้วไม่ได้แวะมากราบสักการะ จะนับว่ามาไม่ถึงกันเลยทีเดียว
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.00 – 18.00 น.
ไม่มีค่าเข้า
นับเป็นหนึ่งคาสิโนชื่อก้องโลกอีกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ตัวอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวโรงแรมและคาสิโนนั้น มีพื้นที่รวมราว 980,000 ตารางเมตร มีความสูง 40 ชั้น ซึ่งเคยได้รับการจดบันทึกสถิติว่าเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก รวมถึงเป็นคาสิโนคอมเพล็กซ์ที่ใหญ่ที่สุดในมาเก๊าและมีโซนคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก สิ่งซึ่งเป็นภาพจำของที่นี่อย่างหนึ่งคือการตกแต่งส่วนที่เป็นห้างสรรพสินค้าให้เป็นเหมือนเมืองเวนิสในอิตาลี โดยมีการวาดรูปท้องฟ้าไว้บนเพดานและมีการจำลองคลองเล็กๆ ที่มีเรือพายกอนโดล่าไว้คอยให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย
เปิดบริการทุกวัน
ค่าบริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากนั่งเรือชมวิวรอบๆ : บุคคลทั่วไป MOP128, เด็กอายุไม่เกิน 12 ปี MOP98
ป้อมปราการเก่าแก่สีสันสดใสแห่งนี้ตั้งอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของเกาะมาเก๊า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1622 โดยชาวโปรตุเกสซึ่งปกครองเกาะนี้อยู่ในช่วงนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจถ้าเห็นความงามในสไตล์ยุโรปแปลกตา ด้านบนมีโบสถ์ขนาดเล็กซึ่งมีภาพวาดสวยงามเก่าแก่อยู่ภายใน รวมถึงยังมีบริเวณที่เป็นจุดชมวิวซึ่งในวันที่อากาศดีสามารถมองจากจุดนี้ไปเห็นชายฝั่งของประเทศจีนได้เลยทีเดียว หากไม่อยากเดินขึ้นมา ยังสามารถเลือกนั่งเคเบิ้ล คาร์จากบริเวณสวน Flora Garden ซึ่งอยู่ด้านล่างขึ้นมาได้จนถึงประมาณครึ่งทางของทางขึ้นป้อมปราการอีกด้วย และแน่นอน ... นี่คือมรดกโลกของมาเก๊าอีกหนึ่งแห่งเช่นกัน!
เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น.
ค่าบริการขึ้นเคเบิ้ลคาร์: MOP 3 ต่อเที่ยว หรือตั๋วราคาไป-กลับ MOP 5 ต่อคน (ปิดบริการทุกวันจันทร์)
เมืองจำลองขนาดใหญ่ที่รวบรวมสถานที่สำคัญในหลายมุมโลกเอาไว้ในที่เดียว โดยภายในจะแบ่งเป็นโซนหลักๆ 3 โซนด้วยกัน คือ โซน Dynasty Wharf ซึ่งจะจำลองอาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรมโบราณในยุคของราชวงศ์ถังเอาไว้อย่างสวยงาม โซน East Meets West รวบรวมอาคารสถาปัตยกรรมหลากหลายรูปแบบจากหลายประเทศเอาไว้ด้วยกัน ทั้งโคลอสเซียมจำลอง อาคารแบบอียิปต์ และอาคารสไตล์ยุโรป และโซนสุดท้ายคือโซน Legend Wharf ซึ่งเป็นพื้นที่บริการร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง โรงแรม และคาสิโน
เปิดให้บริการทุกวัน
ไม่มีค่าเข้า
แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่โต แต่มาเก๊าเป็นสถานที่ที่มีความน่าสนใจอยู่ในทุกพื้นที่ เกาะเล็กๆ แห่งนี้อัดแน่นไปด้วยแหล่งมรดกโลกและแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ มากมาย ทั้งในเชิงของวัฒนธรรมรูปแบบจีนและยุโรป ในเชิงประวัติศาสตร์ แหล่งช้อปปิ้งของกินของใช้ทั้งของพื้นถิ่นและสินค้าไฮแบรนด์ รวมถึงเป็นสถานที่ที่รวบรวมร้านอาหารอร่อยหลากหลายรสชาติ นับว่าเป็นเกาะเล็กๆ ที่ค่อนข้างครบครันและรอบด้านเลยทีเดียว หากคุณสนใจ เรามีทริปเริ่มต้นท่องเที่ยวในมาเก๊า โดยใช้เวลา 4 วัน 3 คืน มาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย เผื่อจะนำไปปรับใช้ในการวางแผนท่องเที่ยวด้วยตัวคุณเองได้แบบง่ายๆ แล้วอย่าลืมจองที่พักและตั๋วเครื่องบินแบบเป็นแพคเก็จกับ Traveloka นะ เพื่อความสะดวก ครบ จบในขั้นตอนเดียว
เริ่มต้นเสริมความเป็นสิริมงคลให้ดวงเฮงกันที่แรก ณ วัด A-Ma วัดศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ซึ่งอยู่ยั้งยืนยงเคียงคู่มากับการก่อตั้งเกาะมาเก๊ากันเลยทีเดียว วัดนี้จึงถือเป็นหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่นับว่าต้องมาเยือนกันแบบห้ามพลาด ด้านในมีสถาปัตยกรรมสวยๆ มากมาย รวมถึงมีจุดกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายจุด ให้เราได้เดินไป ไหว้ไป เอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนเลยนะ
ต่อจากวัดแรก ขอแนะนำอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ในมาเก๊าที่ไม่น่าพลาด นั่นคือวัดเจ้าแม่กวนอิม หรือ Kun Iam Temple วัดนี้มีอายุกว่า 600 ปีมาแล้ว สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 โดยด้านในเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นขององค์เจ้าแม่กวนอิมที่เชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก นอกจากนั้น ยังมีเทวรูปของเทพเจ้าจีนมากมายรอให้สักการะกันอยู่ เป็นอีกหนึ่งวัดสวยในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่ให้อีกอารมณ์ซึ่งแตกต่างจากวัดอาม่าอย่างสิ้นเชิง อย่าลืมแวะมา!
ไหว้พระกันแบบอิ่มอกอิ่มใจ ก็ได้เวลาเปลี่ยนอารมณ์ไปชมสถาปัตยกรรมแบบยุโรปกันบ้างดีกว่า แนะนำให้ไปนั่งเคเบิ้ล คาร์จากสวนสาธารณะ Flora Garden ซึ่งอยู่ไม่ไกลวัดเจ้าแม่กวนอิมเท่าไหร่นัก แล้วเดินท้าทายกำลังขาขึ้นไปชมป้อมปราการ Guia Fortress กันต่อดีกว่า ตลอดทางขึ้นจะมีจุดสวยๆ ให้ได้แวะถ่ายรูปไปพร้อมกับการเรียนรู้หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมาเก๊าไปเรื่อยๆ เป็นระยะ และเมื่อไปถึงด้านบนรับรองว่าคุ้มค่ากับการเดิน เพราะจะได้ชมวิวมุมสูงของเมืองมาเก๊ากันเป็นการเรียกน้ำย่อย ก่อนจะค่อยๆ ได้ไปชมในสถานที่จริงกันไปทีละแห่ง แถมยังได้นับว่ามาเช็คอินหนึ่งมรดกโลกบนที่สูงของมาเก๊ากันไปเรียบร้อยแล้วด้วยนะ
มื้อเย็นวันแรกในเมืองมาเก๊า แนะนำให้ไปลองเมนูจากร้านที่มีชื่ออยู่ในมิชลิน ไกด์ กันหน่อยดีกว่า ที่ร้าน Wong Kun Sio Kung ร้านนี้มีเมนูให้เลือกเพียบ! แต่ของเด็ดของดีที่อยากชวนมาลองชิมคือ บะหมี่ไข่กุ้ง บะหมี่ไข่เส้นเหนียวนุ่ม ที่ยังใช้กรรมวิธีแบบดั้งเดิมในการทำ โรยหน้ามาด้วยไข่กุ้งปรุงรสที่กินแล้วเข้ากั๊นเข้ากัน จานนี้ราคาเรียกไม่ได้ว่าถูกมาก แต่ถือว่าพอรับไหวสำหรับการได้ชิมอาหารจากร้านดังในระดับมิชลินนะ มาแล้วก็ควรลอง อ้อ ร้านนี้มีสองสาขา ลองเสิร์ชหาดูแล้วกันว่าตรงไหนอยู่ใกล้คุณ!
ประเดิมเช้าวันที่สองในมาเก๊ากันที่ The Venetian Macao แม้ในเกาะนี้จะมีคาสิโนอยู่มากมายราวกับดอกเห็ด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่นี่คือไฮไลท์ของการมาเยือนจริงๆ เพราะนอกจากจะรวบรวมร้านรวงไว้ให้ช้อปปิ้งกันเพียบแล้ว ยังมีร้านอาหารให้ได้แวะชิมของอร่อยกันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน แล้วถ้าเงินยังเหลือจากการช้อป จะลองวัดดวงเสี่ยงโชคกันซักหน่อยก็ยังได้ แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่าต้องใช้สติให้มากด้วยนะ
จากความคึกคักในเวเนเชี่ยน เปลี่ยนอารมณ์มาพักใจภายใต้ความสงบกันที่ พิพิธภัณท์ประวัติศาสตร์ไทปาและโคโลอาน (Historical Museum of Coloane and Taipa) กันดีกว่า ภายใต้ตึกสีสวยสถาปัตยกรรมงามๆ แห่งนี้ มีการรวบรวมเรื่องราวบอกเล่าประวัติและที่มาของหมู่บ้านเก่าแก่ริมชายฝั่งทะเล รวมถึงเรื่องราวในอดีตของมาเก๊าให้เราได้เรียนรู้และศึกษา เป็นหนึ่งแหล่งที่เดินเล่นได้แบบเพลินตาเพราะเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่หน้าตาสวยงามสีสดใส อยากแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันตรงไหนก็เชิญได้เลย
จากพิพิธภัณฑ์ เดินมาอีกไม่ไกลจะพบกับ หมู่บ้านไทปา (Taipa Village) ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมสวยงามในรูปแบบโคโลเนียลมากมาย และใกล้กันยังมีถนนสายอาหารสุดคึกคักซึ่งรวบรวมร้านอร่อยของย่านนี้เอาไว้เพียบ ทั้งขนม ของฝาก ของว่าง จนถึงอาหารหลักหลากหลายรูปแบบ ถ้ามีเวลาแนะนำให้ลองเดินตามหาร้าน Seng Cheong ดู ร้านนี้มีเมนูโจ๊กปูซึ่งถือเป็นเมนูเด็ดประจำร้านที่ขึ้นชื่อไปทั่วทั้งมาเก๊าว่าเด็ด ไหนๆ มาถึงถิ่นแล้วนี่นา ลองแวะหาแวะชิมกันหน่อยจะเป็นไร!
อิ่มท้องกันแล้ว ลองไปเดินเล่นใน หมู่บ้านโคโลอาน (Coloane village) ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินย่อยอาหารที่ดีเชียว หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ เงียบสงบ ตั้งอยู่ริมทะเลตอนใต้สุดของมาเก๊า บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ยังคงสไตล์แบบโปรตุเกสดั้งเดิมเอาไว้ภายใต้สีพาสเทลสุดน่ารัก เป็นอีกหนึ่งความชิลล์ๆ สบายๆ ได้อารมณ์ไปอีกแบบเลยละ
ละแวกนี้ยังมีร้านทาร์ตไข่ลอร์ด สโตว์ (Lord Stow’s Bakery) ร้านขายทาร์ตไข่ชื่อดังบนเกาะมาเก๊าซึ่งมักจะมีคนมาต่อคิวยาวเพื่อรอซื้อ ก็ทาร์ตไข่น่ะถือเป็นขนมขึ้นชื่อที่ไม่ว่าใครมาเยือนมาเก๊าก็ต้องซื้อชิม เข้าคิวหน่อยอาจจะได้ความอร่อยที่มันอเมซิ่งกว่าคนอื่นนะ!
เดินเล่นชิลล์ๆ กันกลางเมืองที่ Senado Square จัตุรัสแสนสวยที่เต็มไปด้วยร้านรวงให้กระจายรายได้กันมากมาย อยากได้ของกิน อยากได้ของใช้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ท้องถิ่นหรือแบรนด์ต่างๆ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ที่นี่รวมไว้เกือบทั้งหมด หรือถ้าไม่ใช่สายช้อป ก็ขอแนะนำว่าแค่มาเดินเล่น ถ่ายรูป ดูตึกรามบ้านช่องงามๆ พื้นถนนสวยๆ ก็คุ้มแล้วจริงๆ
ใกล้กันกับจัตุรัสเซนาโด จะเจอกับถนน Travessa da Se ถนนเล็กๆ ที่รวบรวมเอาร้านอร่อยเอาไว้มากมาย มีตั้งแต่อาหารท้องถิ่นไปจนถึงร้านระดับ Michelin Plates ไม่ว่าจะเป็นอาหารหลัก อาหารว่าง อาหารหวานคาวทั้งหลาย รวมถึงของฝากต่างๆ ก็มีให้เห็นอยู่ประปรายไปตลอดทาง เรียกได้ว่าตอนเดินเข้ามาอย่าลืมทำท้องให้ว่างเข้าไว้ จะได้ชิมได้มากที่สุดเท่าที่ต้องการ!
เดินต่อมาอีกไม่ไกล จะถึงบริเวณไฮไลท์ที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สุดพีคของการมาเยือนมาเก๊า นั่นคือ Ruins of St. Paul’s หนึ่งสัญลักษณ์สำคัญที่หากพูดถึงมาเก๊าเราจะต้องนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ เลยละ รอบข้างก่อนจะถึงบริเวณด้านหน้าของซากประตูโบสถ์ จะมีซอกเล็กซอยน้อยให้แวะเข้าไปดูมากมาย เป็นตึกสวยสีสันสดใส ถ่ายรูปสนุกเชียว
ด้านล่างบริเวณข้างซากประตูโบสถ์จะมีวัดนาจา หรือ Na Tcha Temple วัดจีนเล็กๆ ที่มีลักษณะแบบจีนโบราณซึ่งตั้งอยู่อย่างสงบเสงี่ยมใกล้ซากโบสถ์คริสต์ใหญ่โต ถือเป็นสัญลักษณ์ของของศาสนาและความเชื่อที่แตกต่างที่อยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดีเลยละ
ไม่ไกลจากซากประตูโบสถ์เซนต์พอล เราจะได้พบกับ Macau Museum หรือพิพิธภัณฑ์มาเก๊า ที่นี่จะเก็บรวบรวมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และความเป็นมาของมาเก๊าในแต่ละยุคสมัยเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังและนักท่องเที่ยวได้ทำการศึกษา และแน่นอนว่าที่นี่ก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.2005 ก็บอกแล้วว่ามรดกโลกที่นี่เค้าเยอะจริง!
ในบริเวณเดียวกันกับพิพิธภัณฑ์ จะได้พบกับป้อมปราการมองเต้ หรือ Monte Fort ซึ่งถือได้ว่าเป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดในมาเก๊า สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1616 เพื่อใช้ป้องกันโบสถ์เซนต์พอลจากเหล่าโจรสลัดที่จะบุกรุกเข้ามา และแน่นอนว่านี่เป็นมรดกโลกอีกเช่นกัน!
ปิดท้ายวันกันด้วยการชิมอาหารแมคกันนิส อาหารท้องถิ่นประจำเกาะมาเก๊าที่ไม่ควรพลาดการได้ชิม แม้จะมีให้เลือกหลายร้าน แต่เราขอหยิบยกร้าน Makok Meng Ke มาแนะนำ ด้วยเพราะขึ้นชื่อว่ามีเมนูให้เลือกหลากหลาย รสชาติดี และที่สำคัญราคาไม่แรงเกินไป ไหนๆ มาถึงถิ่นแล้วนี่นา ไม่ชิมก็จะเหมือนว่ามาไม่ถึงละนะ
แวะเดินเล่นรับลมชิลล์ๆ กันที่ Macau Fisherman’s Wharf ใครชอบถ่ายรูป ใครชอบเป็นนางแบบ รับรองว่าถูกใจกับที่นี่แน่นอน เพราะมีหลายมุมให้ได้เลือกเก็บภาพกันแบบสุดเพลิน แถมถ้าเดินเล่นกันเมื่อยแล้ว ยังมีร้านอาหารมากมายให้ได้เติมพลังพักขา หรือจะช้อปปิ้งฆ่าเวลากันต่ออีกนิดก็ยังไหว
ชมวิวสูงแบบ 360 องศาของมาเก๊ากันก่อนกลับซะหน่อยเป็นไร บนความสูง 223 เมตรของ Macau Tower หอคอยสูงแห่งเมืองมาเก๊าที่มองเห็นเด่นเป็นสง่าจากหลายมุมของเมือง ด้านบนมีกิจกรรมท้าความเสียวให้ลองมากมาย ถ้าใครไหวก็เชิญเลย!
ปิดท้ายทริปกันที่การแวะชมรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม หรือ Kun Iam Statue รูปปั้นสวยสง่าที่มีความสูงกว่า 24 เมตร โดยทำทางเดินยื่นเข้าไปในทะเลยาวถึง 60 เมตร ด้วยรูปแบบที่ผสานกันระหว่างศิลปกรรมแบบยุโรปและจีน ความสวยงามโดดเด่นทำให้ที่นี่กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่ต้องแวะมา เพราะว่ากันว่านี่คืออีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของมาเก๊าเลยทีเดียว บริเวณด้านล่างมีการจัดแสดงเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับองค์เจ้าแม่กวนอิมให้ได้ดูได้ศึกษา และที่สำคัญ ว่ากันว่านี่คือรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิมที่ไม่ได้หันหน้าออกสู่ทะเลองค์เดียวของโลกเลยนะ