ในความเงียบและแสงสว่าง: การเดินทางสู่พิพิธภัณฑ์ MACAN
ในห้องที่แสงสลัว กำแพงราวกับกลืนกินเสียงฝีเท้าของฉัน ฉันนั่งอยู่หน้ากรอบแสง ภาพเขียนสีฟ้าไม่ได้จัดแสดงอยู่เพียงลำพัง แต่มันคือลมหายใจ จากหลังกรอบ ราวกับมีชีพจรแผ่วเบากำลังเรียกหา เชื้อเชิญให้ดวงตาจมดิ่งลึกลงไป เหนือสีสันและรูปทรง สู่พื้นที่อันเงียบงันระหว่างความคิดและความรู้สึก ในความเงียบนั้น ศิลปะสื่อสารอย่างเงียบงัน
ในภาพเหมือนภาพที่สอง โลกกำลังเปลี่ยนแปลง จากความเงียบสงัดสีน้ำเงินสู่จักรวาลอันระยิบระยับ ลูกบอลแสงเต้นรำอยู่ในพื้นที่กระจกเงา ทวีคูณอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดุจดวงดาวที่ไม่ยอมดับสูญ ณ ที่นี้ เส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงและจินตนาการเลือนราง ฉันยืนอยู่ท่ามกลางภาพสะท้อนของตัวเองนับพัน ราวกับเป็นพยานถึงการดำรงอยู่อีกรูปแบบหนึ่ง สีเขียว สีม่วง และสีส้ม ผสมผสานกันเป็นซิมโฟนีแห่งแสงที่ส่องประกายผ่านดวงตาและซึมซาบสู่จิตวิญญาณ
กลับมายังพื้นที่เงียบสงบในภาพถ่ายที่สาม มีอีกร่างหนึ่งนั่งอยู่ในความเงียบเช่นเดิม มีทั้งระยะห่างและความใกล้ชิด เพราะท้ายที่สุดแล้ว ศิลปะคือกระจกที่นำพาเราเข้าใกล้ตัวเราเอง แสงเดียวกันส่องสว่าง แต่ความหมายนั้นย่อมแตกต่างกันไปสำหรับผู้ชมแต่ละคน
พิพิธภัณฑ์ MACAN ในภาพบุคคลทั้งสามภาพนี้ เป็นมากกว่าแค่สถานที่เก็บผลงาน มันคือแท่นบูชาแห่งการใคร่ครวญ เป็นห้องทดลองแห่งแสงสว่าง และเป็นเวทีสำหรับการสนทนาระหว่างมนุษยชาติและนิรันดรกาล ณ ที่นั้นเองที่กาลเวลาหยุดนิ่ง ให้โอกาสดวงตาได้มองเห็น และให้หัวใจได้เข้าใจ