Traveloka TH
02 May 2024 - 1 min read
เกาะแบฟฟิน (Baffin Island) เป็นเกาะที่แสดงถึงพรมแดนอาร์กติกอย่างแท้จริง เพราะนอกจากเกาะแห่งนี้จะตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ขั้วโลกเหนือที่มีอากาศหนาวเย็นแล้ว เกาะแบฟฟินยังเต็มไปด้วยความขาวโพลนของหิมะ ใครที่ไปเยือนเกาะแบฟฟินต้องได้รับประสบการณ์ในการท่องเที่ยวที่ไม่เหมือนใครแน่นอน
หากใครไม่อยากพลาดประสบการณ์ในการท่องเที่ยวในแถบอาร์กติก รีบกดจองตั๋วเครื่องบินไปแคนาดาที่แอป Traveloka เพราะเราได้รวบรวมโปรโมชันราคาพิเศษ พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแอดเวนเจอร์หรือสายชิลก็ไม่ควรพลาด!
เกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศแคนาดาอย่าง “เกาะแบฟฟิน” (Baffin Island) เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก และมีพื้นที่โดยรวมกว่า 507,451 ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรเพียง 13,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่คั่นกลางระหว่างประเทศแคนาดากับประเทศกรีนแลนด์ โดยเกาะแบฟฟินมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันและธารน้ำแข็งเป็นส่วนใหญ่ นักท่องเที่ยวที่ชอบวิวสวยอลังการต้องมาเช็กอินที่เกาะแบฟฟินให้ได้
สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาแคนาดาแล้วต้องการห้องพักราคาดี พร้อมโปรโมชันโดนใจ สามารถจองโรงแรมแคนาดาผ่านทางแอป Traveloka พร้อมรับดีลห้องพักสุดพิเศษกันได้เลย
เกาะแบฟฟินมีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่เรียงซ้อนตัวกัน ทำให้มีอุณหภูมิต่ำสุดถึง -30 องศาเซลเซียส และเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอีนุยพื้นเมือง (Inuit) ที่นิยมตั้งถิ่นฐานอยู่ตามแนวชายฝั่งของเกาะแบฟฟินอีกด้วย เกาะแห่งนี้ได้ถูกตั้งชื่อตามนักสำรวจชาวอังกฤษที่มีชื่อว่า “วิลเลียม แบฟฟิน” (William Baffin) ซึ่งได้เดินเรือผ่านเกาะแห่งนี้ ในขณะที่กำลังค้นหาเส้นทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ (Northwest Passage) ในศตวรรษที่ 17
เกาะแบฟฟินตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ประเทศแคนาดา มีตำแหน่งคั่นกลางระหว่าง 2 ประเทศ คือ แคนาดาและกรีนแลนด์ อีกทั้งยังมีพื้นที่ติดกับอ่าวแบฟฟิน, คาบสมุทรคัมเบอร์แลนด์, ช่องแคบฮัดสัน และช่องแคบเดวิสเรียกได้ว่า เกาะแบฟฟินเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกเฉียงเหนือของซีกโลก และเป็นแหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวเอสกิโม (Eskimo) อีกด้วย
เกาะเเบฟฟินมีสภาพภูมิอากาศเเบบอาร์กติก ระยะเวลาของฤดูหนาวจึงยาวนานหลายเดือน สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากไปเที่ยวเกาะแบฟฟิน แนะนำว่าให้ไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ระหว่างเดือนกันยายน-เดือนตุลาคม และช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคม-เดือนสิงหาคม เนื่องจากในช่วงนี้จะมีสภาพอากาศที่อบอุ่น ไม่หนาวเย็นจนเกินไป ถือว่าเป็นฤดูท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศแคนาดา
การเดินทางไปเกาะแบฟฟินที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวสามารถไปได้ 2 วิธี ซึ่ง Traveloka ได้รวบรวมวิธีการเดินทางไปชมแหล่งธรรมชาติอันสวยงามบนเกาะแบฟฟินไว้ให้คุณแล้ว ดังนี้
การเดินทางไปเกาะเเบฟฟิน คุณสามารถเดินทางโดยบินจากประเทศไทยไปลงที่สนามบินนานาชาติแคนาดา ไม่ว่าจะเป็นสนามบินแวนคูเวอร์ (YVR), สนามบินโทรอนโตเพียร์สัน (YYZ) หรือสนามบินควิเบกชองเลอซาช (YQB) จากนั้นเดินทางต่อโดยใช้สนามบินภายในประเทศไปลงที่ Iqaluit International Airport (CYFB) เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเดินทางมาถึงเกาะแบฟฟินแล้ว
การเดินทางไปเกาะเเบฟฟินด้วยเรือถือเป็นตัวเลือกที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง เนื่องจากสภาพอากาศแบบอาร์กติกไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวมากนัก อีกทั้งการเดินทางด้วยเรืออาจจะมีปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุมเกิดขึ้นได้ ทั้งเรื่องสภาพอากาศ สภาพภูมิประเทศ หรือสภาพร่างกายของนักท่องเที่ยว การเดินทางไปเกาะแบฟฟินด้วยเรือจึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการเดินเรือเท่านั้น
เมื่อเดินทางมาถึงเกาะเเบฟฟินแล้ว ห้ามพลาดสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตต่าง ๆ ที่ Traveloka ได้รวบรวมมาไว้ให้คุณแล้ว เพราะที่เหล่านี้ถือเป็นจุดแลนด์มาร์กโดนใจสายแอดเวนเจอร์ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยวที่เกาะเเบฟฟินได้อย่างแน่นอน เตรียมลิสต์ที่เที่ยวให้พร้อม แล้วออกเดินทางกันได้เลย!
Auyuittuq National Park ตั้งอยู่ในภูมิภาคนูนาวุต (Nunavut) บริเวณเกาะแบฟฟิน หลายคนเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า "ดินแดนที่ไม่เคยละลาย" เพราะเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งเดียวในแคนาดาที่ตั้งอยู่ในเขต Arctic Circle ซึ่งประกอบไปด้วยหินและธารน้ำแข็งมากถึง 85% ของพื้นที่ทั้งหมด สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้จึงเป็นจุดหมายในการเดินทางของใครหลายคนทั้งสายแอดเวนเจอร์ และสายถ่ายรูปเช็กอินที่ห้ามพลาด
หมู่บ้าน Pangnirtung เป็นชุมชนขนาดเล็กที่มีชนพื้นเมืองอาศัยอยู่ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ตั้งอยู่ในเกาะแบฟฟินห่างจากเขต Arctic Circle ไปทางตอนใต้ประมาณ 50 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเล่นกิจกรรมกลางแจ้งในบริเวณชายหาดในหมู่บ้านแห่งนี้ได้ นอกจากนี้ หมู่บ้าน Pangnirtung ยังเป็นประตูทางตอนใต้ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าสู่อุทยานแห่งชาติ Auyuittuq National Park อีกด้วย
Cape Dyer ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะแบฟฟิน หากใครที่เดินทางมาเกาะแบฟฟินแล้วยังไม่รู้ว่าจะนั่งพักผ่อนที่ไหนดี ขอแนะนำว่าให้มาที่ Cape Dyer ให้ได้ เพราะสถานที่เที่ยวแห่งนี้จะทำให้คุณได้เห็นวิวมหาสมุทรขนาดใหญ่ และได้ชมบรรยากาศของธารน้ำแข็งที่เกาะแบฟฟินได้อย่างเต็มอิ่ม จนต้องหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพสวย ๆ ไว้เลยล่ะ
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะแบฟฟินแล้ว เกาะแห่งนี้ยังมีกิจกรรมมากมายที่รอให้คุณไปสัมผัสบรรยากาศอันหนาวเย็น โดยเฉพาะใครที่เป็นสายถ่ายรูปเช็กอินต้องจดเอาไว้ ในหัวข้อนี้ Traveloka ได้รวบรวมกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง!
เมื่อคุณมาถึงที่เกาะแบฟฟิน สิ่งที่ห้ามพลาดเลยคือ กิจกรรมแอดเวนเจอร์ ซึ่งคุณสามารถปีนผาบนกำแพงฟยอร์ดของแม่น้ำ Clyde, เล่นสกีท่ามกลางยอดเขาของอุทยานแห่งชาติ Auyuittuq National Park หรือเข้าร่วมการผจญภัยตามหานกฮูกหิมะและหมีขั้วโลกได้ตลอดเส้นทางการทำกิจกรรม ใครที่เป็นสายแอดเวนเจอร์ห้ามพลาดเลยนะ
หากคุณชื่นชอบในการรับประทานอาหารพื้นเมือง ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดในการไปเกาะแบฟฟิน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งตกปลาที่คุณสามารถหาปลาบริเวณริมเกาะ และสามารถทำอาหารรับประทานได้บริเวณที่พักเลยของคุณเลย นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับอาหารพื้นเมืองของเกาะแบฟฟิน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อกวางคาริบูแดดเดียว, ไส้กรอกมัสค็อกซ์, ขนมปังบันน็อค หรือมุกตุ๊ก (หนังปลาวาฬ) ใครอยากเปิดประสบการณ์ใหม่บอกเลยต้องมาให้ได้!
หากคุณต้องการศึกษาวัฒนธรรมของเอสกิโมสมัยใหม่ เกาะแบฟฟินก็มีจัดแสดงนิทรรศการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่แสดงถึงศิลปะของชาวเอสกิโมและโบราณวัตถุต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีร้านขายของที่ระลึกให้คุณสามารถเลือกซื้อผลงานศิลปะของชาวเอสกิโมกลับบ้านอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ในการท่องเที่ยวที่คุณหาจากที่ไหนไม่ได้เลยทีเดียว