0

Traveloka TH

02 May 2024 - 1 min read

เทือกเขาร็อกกี้ (Rocky Mountains) กระดูกสันหลังของแคนาดา จุดหมายปลายทางในฝันของเหล่านักผจญภัย

เทือกเขาร็อกกี้

เทือกเขาร็อกกี้ หรือ Rocky Mountains เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินป่าและรักการผจญภัย เทือกเขาร็อกกี้มีอาณาเขตครอบคลุมตั้งแต่รัฐบริติชโคลัมเบียในแคนาดาไปจนถึงรัฐนิวเม็กซิโกในสหรัฐอเมริกา สำหรับใครที่รักการผจญภัยและอยากไปสัมผัสความสวยงามของภูมิทัศน์ ก็สามารถเดินทางไปเทือกเขาร็อกกี้ได้ด้วยการจองตั๋วเครื่องบินไปแคนาดา ผ่านแอป Traveloka แอปที่รวบรวมดีลตั๋วเครื่องบินดี ๆ จากสายการบินชั้นนำทั่วโลก

ก่อนออกเดินทาง บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเทือกเขาร็อกกี้ รวมถึงข้อมูลการเดินทางและจุดเช็กอินบนเทือกเขาร็อกกี้ที่น่าสนใจ ซึ่งจะมีรายละเอียดยังไงบ้าง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!

ทำความรู้จักเทือกเขาร็อกกี้ เทือกเขาที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางธรรมชาติและอารยธรรม

Rocky Mountains

เทือกเขาร็อกกี้ (Rocky Mountains) เป็นปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ชอบท่องเที่ยวเชิงผจญภัยอย่างการปีนเขา, การเดินป่า, การตั้งแคมป์ หรือกระทั่งการเล่นสกี เทือกเขาร็อกกี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากในช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะปกคลุม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมมาเล่นสกีกันในฤดูกาลนี้ นอกจากนี้ ในช่วงหน้าร้อนก็สามารถมาเดินป่าและเยี่ยมชมทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบหรือน้ำตกได้ ดังนั้นจึงสามารถมาท่องเที่ยวที่เทือกเขาร็อกกี้ได้ตลอดทั้งปี

ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศของอุทยานแห่งชาติที่รายล้อมไปด้วยภูเขา ทะเลสาบ และสัตว์ป่าหายากก็สามารถเลือกที่พักแคนาดาที่เดินทางไปยังเทือกเขาร็อกกี้ตามสะดวกกันได้เลย แต่ก่อนจะออกเดินทางเรามาทำความรู้จักกับเทือกเขาร็อกกี้ให้มากขึ้นกับประวัติ ที่ตั้ง รวมถึงข้อมูลทั่วไปกันก่อน ว่ามีอะไรบ้าง

ประวัติเทือกเขาร็อกกี้

เทือกเขาร็อกกี้ เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือเมื่อ 55-80 ล้านปีก่อน โดยการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือ การแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลก และการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง ได้ทำให้เกิดเทือกเขาบริเวณทิศตะวันตกบนทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งกลายมาเป็นเทือกเขาร็อกกี้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง เทือกเขาร็อกกี้ก็ยังเป็นที่อยู่อาศัยแห่งแรกของชาวอินเดียนแดงพาลีโอ และชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันอย่างอาปาเช่, อาราปาโฮ, แบนน็อก, และอื่น ๆ อีกด้วย ด้วยเหตุผลนี้จึงถือได้ว่าเทือกเขาร็อกกี้ มีความสำคัญทั้งในด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

ที่ตั้งของเทือกเขาร็อกกี้

เทือกเขาร็อกกี้ตั้งอยู่บนพื้นที่รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา และวางตัวยาวไปจนถึงรัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีพื้นที่ยาวกว่า 4,800 กิโลเมตรและครอบคลุมอาณาเขตถึง 9 รัฐ สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปยังเทือกเขาร็อกกี้สามารถเดินทางตามพิกัดนี้ได้เลย

เราสามารถเยี่ยมชมเทือกเขาร็อกกี้ได้ช่วงไหนบ้าง

อุทยานแห่งชาติประจำเทือกเขาร็อกกี้สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่เนื่องจากเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงมีช่วงที่ปิดพื้นที่บางส่วนของอุทยานตลอดทั้งปี หรือบางพื้นที่อาจปิดเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนเพื่อปกป้องทรัพยากรทางธรรมชาติของอุทยาน นอกจากนี้ ยังมีการปิดพื้นที่เนื่องจากไฟป่าและการปิด Trail Ridge Road ในช่วงฤดูหนาวอีกด้วย เนื่องจากมีหิมะปกคลุมจึงทำให้ไม่สามารถสัญจรได้

ทั้งนี้ สำหรับใครที่กังวลว่าจะไปแล้วเสียเที่ยวก็สามารถตรวจสอบการปิดพื้นที่ หรือบริเวณที่เกิดไฟป่าได้ที่ ศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยว เบอร์ 970-586-1206

เทือกเขาร็อกกี้ไม่มีเวลาปิดทำการและเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดประจำปี โดยค่าเข้าชมอุทยานนั้นเริ่มต้นที่ 15-20 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใครที่เดินทางด้วยรถส่วนตัวก็จะมีค่าบริการสำหรับรถยนต์อยู่ที่ 30-35 ดอลลาร์สหรัฐ และรถจักรยานยนต์ 20-25 ดอลลาร์สหรัฐ

สำรวจ 3 วิธีการเดินทางไปยังเทือกเขาร็อกกี้ วิธีไหนสะดวกและประหยัดเวลาที่สุด

การเดินทางไปยังเทือกเขาร็อกกี้นั้น สามารถเดินทางได้หลากหลายวิธีตามความสะดวกของนักท่องเที่ยว หากเดินทางจากประเทศไทย แนะนำให้โดยสารเครื่องบินไปยังเมือง Vancouver ก่อน เนื่องจากมีเที่ยวบินให้เลือกหลากหลาย และสามารถเดินทางต่อไปยัง เทือกเขาร็อกกี้ (Rocky Mountains) ได้หลากหลายวิธีดังนี้

การเดินทางด้วยรถไฟ

การเดินทางด้วยรถไฟไปยังเทือกเขาร็อกกี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถไฟชมวิวสุดหรูอย่าง Rocky Mountaineer หรือ VIA Rail ที่เป็นรถไฟสายหลักของแคนาดาที่เชื่อมเมือง Vancouver กับเมือง Halifax เข้าด้วยกัน ทั้งนี้ การโดยสารด้วยรถไฟสายหลักอย่าง VIA Rail จะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถสำรวจได้ทั้งสถานที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจในเส้นทาง อาทิ Cape Breton Highlands Banff และ Jasper ซึ่งเส้นทางรถไฟจาก Vancouver ไปยัง Jasper ถือเป็นเส้นทางยอดนิยมในฤดูหนาว เนื่องจากจะได้รับชมทัศนียภาพอันสวยงามที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดเส้นทาง

การเดินทางด้วยรถบัส

การเดินทางด้วยรถบัสจากเมือง Vancouver ไปยังเทือกเขาร็อกกี้นั้น จะต้องต่อเครื่องบินมายังเมือง Calgary ก่อน จากนั้นสามารถโดยสารรถบัสจากสนามบิน Calgary ต่อไปยังเมือง Banff โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งเมือง Banff เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติแบนฟ์ และใกล้กับอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ ที่อยู่บนเทือกเขาร็อกกี้นั้นเอง

การเดินทางด้วยรถยนต์

การเดินทางด้วยรถยนต์จากเมือง Vancouver ไปยังเมือง Banff จะใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง 40 นาที ถือเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกและมีความยืดหยุ่นที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวเทือกเขาร็อกกี้ โดยบนเทือกเขาร็อกกี้นั้นมีที่จอดรถให้บริการ และมีค่าที่จอดรถเพิ่มเติมอยู่ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ บนเทือกเขาร็อกกี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุดให้เที่ยวชม การเช่ารถจึงเป็นวิธีที่จะสามารถเก็บบรรยากาศ และเช็กอินตามจุดท่องเที่ยวได้สะดวกที่สุดนั่นเอง

อุทยานเทือกเขาร็อกกี้ สำคัญอย่างไรทำไมถึงเป็นเทือกเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ

นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักเดินป่าและนักผจญภัยแล้ว เทือกเขาร็อกกี้ก็ยังมีความสำคัญในด้านนิเวศวิทยา และยังเป็นเทือกเขาที่อุดมไปด้วยทรัพยากรแร่เหมืองแร่โลหะที่มีชื่อเสียงในทวีปอเมริกาเหนืออีกด้วย โดยนักนิเวศวิทยาได้แบ่งเขตทางชีวภาพของเทือกเขาร็อกกี้ออกเป็น 10 แห่ง มีทั้งบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้า บริเวณทางใต้ที่อบอุ่น และบริเวณทางเหนือของเทือกเขาที่มีอากาศหนาวเย็นกว่า ความหลากหลายทางชีวภาพนี้ทำให้เทือกเขาร็อกกี้มีพืชดอกกว่า 1,000 ชนิด และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอย่าง กวางมูส, ควายป่า, หมาป่าภูเขา, แพะภูเขา หรือหมีกริซลี่

นอกจากนี้ เทือกเขาร็อกกี้ยังอุดมไปด้วยทรัพยากรแร่โลหะ โดยเฉพาะทองคำ อันเป็นที่รู้จักตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 16 ในหมู่ชนพื้นเมืองอเมริกา ซึ่งในปัจจุบันเทือกเขาร็อกกี้ก็ยังคงอุดมไปด้วยทรัพยากรแร่และโลหะอยู่อีกมากมาย เช่น เงิน, แร่ยิปซัม, หินภูเขาไฟ, ฟอสเฟต เป็นต้น

6 จุดเช็กอินเทือกเขาร็อกกี้ มุมไหนดีกิจกรรมไหนห้ามพลาด เช็กให้ดีก่อนออกเดินทาง

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนก็อาจจะพร้อมกดจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวเทือกเขาร็อกกี้กันแล้ว แต่ก่อนออกเดินทางเรามาทำความรู้จักกับ 6 จุดเช็กอินบทเทือกเขาร็อกกี้ ที่ถ้าไม่ไปแล้วอาจจะเสียดายความสวยงามของธรรมชาติเลยก็ได้ จะมีที่ไหนบ้างไปดูกัน

Banff Gondola

Banff Gondola

Banff Gondola เป็นรถกระเช้าจากเมือง Banff ขึ้นไปยังยอดเขาซัลเฟอร์ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสสุดยอดทัศนียภาพของเทือกเขาร็อกกี้ฝั่งแคนาดาจากยอดเขาซัลเฟอร์ได้ โดยรถกระเช้าแต่ละคันจะบรรทุกผู้โดยสารได้ 4 คน และกั้นด้วยกระจกนิรภัยที่สามารถชมวิวได้ 360 องศา เมื่อถึงปลายทางบนยอดเขาซัลเฟอร์จะมีร้านขายของที่ระลึก จุดชมวิว และร้านอาหารให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

Moraine Lake

Moraine Lake

Moraine Lake เป็นทะเลสาบที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ ทะเลสาบ Moraine Lake โดดเด่นด้วยน้ำสีฟ้าสว่างที่เกิดจากการหักเหของแสงที่ตกกระทบจากตะกอนในทะเลสาบ จึงทำให้ Moraine Lake เป็นจุดเช็กอินยอดนิยมของนักท่องเที่ยวและเป็นที่นิยมของการเดินป่าอีกด้วย ช่วงเวลาที่น้ำในทะเลสาบจะมีสีฟ้าสวยงามที่สุดจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ถ้าใครจะไปเที่ยวที่ Moraine Lake แนะนำว่าให้ตรวจสอบเส้นเดินป่าของเทือกเขาร็อกกี้ก่อนไป เนื่องจากอาจจะมีการปิดพื้นที่เพื่อไม่ให้รบกวนสัตว์ป่าในบริเวณนั้น

Athabasca Falls

น้ำตกอธาบาสกา หรือ Athabasca Falls เป็นน้ำตกที่มีต้นน้ำมาจากการละลายของธารน้ำแข็งอธาบาสกา โดยตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ (Jasper National Park)บนเทือกเขาร็อกกี้ มีความสูงถึง 24 เมตร แบ่งเป็น 5 ระดับ และกว้างถึง 18 เมตร น้ำตกอธาบาสกามีกระแสน้ำเชี่ยวตลอดทั้งปีจึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มาล่องแก่ง

Columbia IceField

Columbia IceField

Columbia Ice Field เป็นทุ่งน้ำแข็งที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแบนฟ์ (Banff National Park) โดยมีพื้นที่ถึง 325 ตารางกิโลเมตร จึงถือว่าเป็นทุ่งน้ำแข็งที่ขนาดใหญ่ที่สุดบนเทือกเขาร็อกกี้ และยังมี Athabasca Glacie เป็นเนินเขาน้ำแข็งอยู่ด้านหน้าอีกด้วย บริเวณรอบ Columbia Ice Field จะมีโรงแรม, ร้านอาหาร, ร้านขายของที่ระลึก และมีนิทรรศการเกี่ยวกับ Glacier ที่สามารถเข้าชมได้ฟรี

สำหรับใครที่ต้องการเข้าไปชมทุ่งน้ำแข็ง Columbia Ice Field อย่างใกล้ชิดก็สามารถเดินเท้าไปจากถนนหรือใช้บริการทัวร์ที่จะพาเรานั่ง Ice Explorer 6 ล้อ ขึ้นไปชมทุ่งน้ำแข็งได้ นอกจากนี้ กิจกรรมไฮไลต์ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่มา Columbia Ice Field คือ การเดินบน Glacier Skywalk เพราะสามารถออกไปชมวิวแบบพาโนรามาบนพื้นสะพานที่เป็นกระจกใสได้นั่นเอง

Trail Ridge Road

Trail Ridge Road เป็นชื่อของทางหลวงที่ตัดผ่านอุทยานแห่งชาติเทือกเขาร็อกกี้ มีระยะทาง 77 กม. เริ่มต้นจากเอสเตสพาร์ค ไปยังแกรนด์เลค รัฐโคโลราโดทางตะวันตก โดย Trail Ridge Road เป็นถนนที่มีจุดสูงสุดสูงถึง 3,713 เมตร จึงถือได้ว่าเป็นถนนที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติเทือกเขาร็อกกี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นถนนที่สูงที่สุดแล้ว Trail Ridge Road ยังเป็นถนนที่เชื่อมไปยังจุดชมทิวทัศน์ Beaver Meadow ที่นักท่องเที่ยวสามารถเห็นสัตว์ป่าจากที่นี่ได้อีกด้วย

แต่ข้อควรระวังสำหรับใครที่อยากจะไปเช็กอินที่นี่คือ ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ทางอุทยานจะปิดพื้นที่บริเวณนี้เนื่องจากเป็นฤดูหนาวและมีหิมะตกหนัก จึงทำให้ไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้

Bear Lake

Bear Lake ทะเลสาบอีกแห่งหนึ่งบนเทือกเขาร็อกกี้ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเดินป่าเพราะมีระยะทางรวม 20 เมตร เป็นเส้นทางที่เดินง่าย และยังมีที่จอดรถให้บริการด้วย Bear Lake เป็นทะเลสาบที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "แคริบเบียนแห่งเทือกเขาร็อกกี้" เพราะน้ำที่อยู่ในทะเลสาบเป็นน้ำที่มีสีฟ้าเทอร์ควอยซ์อันเป็นเอกลักษณ์

นอกจากนี้ ทะเลสาบ Bear Lake ยังมีอายุมากกว่า 250,000 ปี และมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก เนื่องจากเทือกเขาร็อกกี้ มีภูมิอากาศที่หลากหลาย รวมถึงมีลักษณะภูมิอากาศแบบ Subalpine เราจึงสามารถเจอสัตว์ป่าอย่างกวางเอลก์หรือชิปมังก์ได้อีกด้วย

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร