0

Traveloka TH

25 May 2022 - 2 min read

พาไปเยือน 15 เมืองน่าเที่ยวสุดประทับใจ ในฝรั่งเศส

จองตั๋วเครื่องบินแล้วไปเที่ยวต่างประเทศกันดีกว่า เพราะช่วงนี้เริ่มมีประเทศมากมายที่ทยอยเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่อาจจะมีบางประเทศที่จะต้องทำวีซ่าถึงจะบินไปได้ ซึ่ง “ฝรั่งเศส” ก็เป็นหนึ่งในลิสต์ตัวเลือกนั้น หากคุณอยากไปเที่ยวยุโรป ไม่ต้องรีรอเลย เพราะแค่เดินทางไปทำวีซ่า เข้าไปในแอพจองตั๋วเครื่องบิน Traveloka Travel & Lifestyle Supper app จองจบครบในที่เดียว ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และที่เที่ยว เท่านี้ก็เตรียมตัวพร้อมที่จะไปเที่ยวกันได้แล้ว ทั้งนี้เราก็ได้ลิสต์ 15 เมืองน่าเที่ยวที่สุดแสนประทับใจ มาให้สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าบินไปฝรั่งเศส แล้วจะไปเที่ยวเมืองไหนดี

เช็คราคา ตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศส ราคาพิเศษ

15 เมืองน่าเที่ยวสุดประทับใจในฝรั่งเศส

1. ปารีส (Paris)

จองตั๋วเครื่องบิน Traveloka Travel & Lifestyle Super App แล้วไปเที่ยวปารีสกัน ปารีสนั้นเป็นหลวงของประเทศฝรั่งเศส เชื่อว่านักเดินทางส่วนใหญ่ เมื่อไปเที่ยวฝรั่งเศสก็มักที่จะเริ่มต้นที่เมืองนี้ เพราะถือว่าเป็นฮับใหญ่ มีไฟลท์บินต่อไปยังเมืองอื่นในฝรั่งเศสด้วยเช่นเดียวกัน นอกจาปารีสจะมีที่เที่ยวสวยๆ มีโบสถ์ที่เต็มไปด้วยความร่ำรวยทางด้านสถาปัตยกรรมแบบโกธิค หรือเรเนสซองส์ ยังมีที่เที่ยวพระราชวัง หรือใครจะเดินเล่นชมเมือง ก็มีความน่าสนใจ และสวยงาไม่แพ้กัน นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านหนังสือ หรือพิพิธภัณฑ์ด้วย

2. นีซ (Nice)

อยากไปพักร้อน ได้ฟีลนอนริมชายหาด อาบแดด ชมเมืองสวยๆ ของฝรั่งเศส “นีซ (Nice)” เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่อยากให้ปักหมุดกันเอาไว้เลย เพราะนีซเป็นเมืองดังทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ถือว่าเป็นเมืองสวรรค์ตอนใต้ มีความสำคัญตรงที่เป็นเมืองหลวงของแคว้น Cote D' Azur อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 5 ของฝรั่งเศสด้วย ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่เมื่ออยากจะพักร้อน หรือเดินทางไปเที่ยว มักจะเดินทางไปเที่ยวนีซ นอกเหนือจากชายหาด ร้านอาหาร จุดชมวิวสวยๆ ยังมีพิพิธภัณฑ์ และที่เที่ยวนีซอีกมากมายที่รอคุณอยู่

3. บอร์โด (Bordeaux)

หนึ่งในสิ่งที่ขึ้นชื่อของฝรั่งเศส ก็คือ “ไวน์” และถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มไวน์เป็นพิเศษ อยากมาลองชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาเที่ยวบอร์โด (Bordeaux) กันได้เลย เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องไร่องุ่น และมีทริปให้คุณเลือกซื้อทริปแบบวันเดย์ทริปสำหรับชิมไวน์กันโดยเฉพาะเลยหล่ะ ด้วยความที่มีไร่องุ่นมากมายกว่าแสนแห่ง รับรองว่าคุณจะได้ชิมไวน์คุณภาพดีกันจนจุใจ นอกเหนือจากนั้นเมืองบอร์โด ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมากกว่าครึ่งเมือง ดังนั้นจึงมีที่เที่ยวน่าสนใจมากมายอีกนอกเหนือจากไร่องุ่นอันโด่งดัง

4. ตูลูส (Toulouse)

แนะนำอีกหนึ่งเมืองทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ก็คือ “ตูลูส (Toulouse)” ที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเครื่องบิน และเป็นสำนักใหญ่ อีกทั้งโรงงานของแอร์บัส ภายในเมืองตูลูสจึงมีพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเครื่องบิน ที่ถือว่าใหญ่ และน่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกเหนือจากนั้นเมืองตูลูส ยังได้รับการขนานนามว่า เป็นเมืองสีชมพู "La Ville Rose" เพราะว่าอิฐที่ใช้ในการก่อสร้างตึกต่างๆ เมื่อยามต้องแสงแดด จึงเกิดเป็นภาพมหานครสีชมพูอันงดงาม ด้านในเมืองจะถูกแบ่งโซนต่างๆ ออกมาเป็นอย่างดี ทั้งโซนเมืองเก่า ที่อยู่อาศัย ร้านค้า และโซนอุตสาหกรรม

6. ลียง (Lyon)

จองตั๋วเครื่องบินไปฝรั่งเศส แล้วบินต่อไปเที่ยวลียงกันดีกว่า สำหรับลียงก็เป็นอีกหนึ่งเมืองที่สำคัญของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางตะวันออกกลางของประเทศ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 เป็นรองก็แค่ปารีส และมาร์แซยแต่เพียงเท่านั้น ด้วยความเก่าแก่ลียงมีประวัติความเป็นมาย้อนกลับไปมากกว่า 2,000 ปี ดังนั้นที่เที่ยวต่างๆ ภายในลียงจึงเต็มไปด้วยตึกโบราณ ปราสาท และโบสถ์ บรรยากาศของเมืองเต็มไปด้วยความคลาสสิก ให้คุณได้เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีเบื่อ นอกจากนั้นลียงยังมีวิวสวยๆ เพราะเป็นเมืองที่มีแม่น้ำสองสายอย่าง Rhone และ Saone มาบรรจบกันพอดี

7. สตราสบูร์ก (Strasbourg)

เห็นชื่อเมืองนี้แล้วคงจะคุ้นหูคุ้นตากันบ้าง เพราะ “สตราสบูร์ก (Strasbourg)” เป็นหนึ่งในเมืองขึ้นชื่อ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ได้รับการขนานนามให้เป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของสหภาพยุโรป อยู่ใกล้กับประเทศเยอรมนี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อเดินทางไปเที่ยวสตราสบูร์ก ก็มักที่จะเดินทางต่อไปยังเยอรมนีด้วย เมื่อคุณไปเที่ยวสตราสบูร์ก จะเห็นได้ถึงความเป็นเมืองเก่า กลิ่นอายของความเป็นยุคกลางยังแฝงอยู่ในทุกอย่าง ไฮไลท์ของสตราสบูร์กไม่ใช่แค่มีที่เที่ยวน่าสนใจ และอยู่ในเขตเมืองเก่า ยังมีตลาดคริสมาสต์ที่เก่าแก่ และมีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปด้วย หากไปเที่ยวช่วงปลายปี หรือคริสมาสต์ แนะนำห้าพลาดสตราสบูร์กเลย

8. โกลมาร์ (Colmar)

มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวฝรั่งเศสแล้ว อีกหนึ่งเมืองที่อยากจะแนะนำ และไม่อยากให้พลาดเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ “โกลมาร์ (Colmar)” อยู่ในแคว้นอาลซัส ของประเทศฝรั่งเศส และได้รับสมญานามให้เป็น “เส้นทางไวน์ของอาลซัส (capitale des vins d'Alsace)” เต็มไปด้วยประวัติการทำไวน์ที่เก่าแก่ และมีไวน์ขึ้นชื่อระดับโลก นับว่าเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ใครชื่นชอบการดื่มไวน์ ก็ไม่ควรพลาดอีกเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นโกลมาร์ยังเต็มไปด้วยความงดงาม ราวกับเป็นเมืองที่หลุดมาจากในเทพนิยาย ทั้งยังถูกนำไปเป็นแรงบันดาลใจของการ์ตูนชื่อดังอย่าง Beauty and The Beat ด้วย

9. มาร์เซย (Marseille)

เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของฝรั่งเศส ก็คือเมือง “มาร์เซย” แห่งนี้นี่เอง โดดเด่นด้วยความเป็นเมืองท่าที่เป็นศูนย์การทางการค้าที่สำคัญของฝรั่งเศส หากคุณเที่ยวเมืองอื่นจนเบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ไปเที่ยวมาร์เซย คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับเมือสวยริมทะเลเมดิเตอร์เนียน ที่อัดแน่นไปด้วยความเป็นวัฒนธรรม ได้รับการบุกเบิกมาตั้งแต่ก่อนปีคริสตกาลมากกว่า 600 ปี ความน่าสนใจก็คือมีที่เที่ยวอันเป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมนีโอไบเซนไทน์ (Neo-Byzantine) เป็นที่ตั้งของโบสถ์อันเก่าแก่อย่าง มหาวิหารนอเทรอดาม เดอ ลา การ์ด (Notre-Dame de la Garde) ที่มีอายุมากกว่า 800 ปี และอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้คุณตกหลุมรักมาร์เซยอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเลยหล่ะ

10. ช็องปาญ (Champagne)

มาเที่ยวถึงฝรั่งเศสทั้งที หากไม่ได้มาเยือนถิ่นดินแดนทำไวน์ หรือแชมเปญอันเก่าแก่ขึ้นชื่ออย่างแคว้น “ช็องปาญ (Champagne)” ก็ดูเหมือนจะมาไม่ถึง! ให้คุณได้ลิ้มรสแชมเปญคุณภาพดี พร้อมกับมีทริปที่ให้คุณได้ตระเวณไปชิมตามไร่องุ่น หรือชิมแชมเปญเลิศรสมากมาย ความโดดเด่นของแชมเปญ จะเป็นเหมือนกับไวน์ขาว แต่จะมีฟอง มักจะเปิดดื่มในช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองชัยชนะ หรือช่วงเวลาแห่งการยินดี สังสรรค์ จากตอนแรกที่เมืองนี้ผลิตแค่ไวน์แดง และไวน์ขาวแต่เพียงเท่านั้น ความน่าสนใจของช็องปาญ นอกจากเรื่องไวน์แล้ว ธรรมชาติ และที่เที่ยวเด่นของเมืองนี้ก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน

11. คานส์ (Cannes)

เมืองคานส์นี้ไม่ได้มีดีแค่การจัดเทศกาลหนังนานาชาติแต่เพียงเท่านั้น อยากให้ลองบินไปเที่ยวคานส์กัน เพราะว่าคานส์เป็นเมืองทางตอนใต้แสนสวยอีกเมืองหนึ่ง อยู่ภายในแคว้นเฟรนช์ริเวียรา (France Riviera) อยู่ติดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เหมาะกับการพักร้อนอีกหนึ่งเมือง ด้วยความที่เมืองคาน์สมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้มาเที่ยวกันได้ทั้งปี มีทั้งโซนชายหาดส่วนตัว และชายหาดสาธารณะ ให้คุณได้มาใช้วันหยุดพักร้อน นอนอาบแดด ทำกิจกรรมชายหาดแบบชิลล์ กันที่คานส์ และมีเทศกาลหนังชื่อดังระดับโลกคือ เทศกาลหนังเมืองคานส์

12. ชาโมนิกส์ (Chamonix)

เอาใจคนที่ชอบเล่นสกี หรือว่าอยากชมวิวสวยๆ ของเทือกเขามงบล็อง (Mont-Blanc) กันบ้าง ซึ่งอันที่จริงแล้วเมืองนี้มีชื่อเต็มว่า เมืองชาโมนิกซ์-มงบล็อง (Chamonix-Mont-Blanc) ได้รับสมญานามว่าเป็น "The White Lady" เพราะว่ามีเทือกเขาอันเลื่องชื่อที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ให้ได้ไปเที่ยวชมวิวหิมะสวยๆ มีชายแดนติดกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี ขึ้นชื่อด้วยสกีรีสอร์ท หรือถ้าหากใครที่อยากขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปชมความงดงามของเทือกเขาด้านบน ก็สามารถขึ้นไปได้ แต่อยากให้ลองเช็คสภาพอากาศ ไปเที่ยวในวันที่ท้องฟ้าโปร่งโล่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

13. โพรวองซ์ (Provence)

ไม่เอ่ยถึง “โพรวองซ์ (Provence)” เลยก็คงไม่ได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามมาก คนส่วนใหญ่เมื่อมาเยือนฝรั่งเศส ก็มักจะลิสต์โพรวองซ์ไว้เป็นหนึ่งในเมืองที่ต้องมาเยือน ด้วยความที่มีธรรมชาติเยอะ เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า และทุ่งดอกไม้ ทำให้โพรวองซ์มีอากาศที่บริสุทธิ์ ความโดดเด่นของโพรวองซ์ก็คือทุ่งลาเวนเดอร์ ที่เมื่อเข้าสู่เดือนกรกฎาคม คุณจะเห็นทุ่งลาเวนเดอร์อันสวยงาม ไกลสุดลูกหูลูตา เป็นสีม่วงสวยงาม นอกจากนั้นเมืองนี้ยังมีของฝากจากลาเวนเดอร์ให้คุณได้เลือกซื้อกลับบ้าน อาทิ สบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำหอม และอื่นๆ อีกมากมาย

14. เบอร์กันดี (Burgundy)

เอาใจนักท่องเที่ยวที่ชอบดื่มไวน์กันอีกหนึ่งแคว้น อันเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และเก่าแก่มาก อันที่จริงแล้วเบอร์กันดี มีอีกหนึ่งชื่อที่เป็นภาษาฝรั่งเศสก็คือ Bourgogne อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส สำหรับแคว้นนี้เป็นแคว้นที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์มาก ใครจองตั๋วเครื่องบินไปเบอร์กันดี หรือจะนั่งรถไฟ TGV ไปเที่ยว อย่าลืมแวะชิมไวน์แสนเลื่องชื่อ เนื่องจากแคว้นนี้เต็มไปด้วยไร่องุ่น และสถานที่ผลิตไวน์ แถมบรรยากาศของเมืองเก่ายังเต็มไปด้วยความโรแมนติก เบอร์กันดีจะอยู่ติดกับชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้นจึงสามารถข้ามไปเที่ยวต่อที่เจนีวาได้ด้วย

14. แรนส์ (rennes)

Scenic view of the town of Rennes, the capital of French Brittany

ถ้าอยากชมความร่ำรวยทางด้านสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ ก็ต้องปักหมุดไว้ที่ “แรนส์ (rennes)” หนึ่งในเมืองขึ้นชื่อของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางแคว้นตะวันออกของบริททานี (Brittany) และอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ภายในเมืองนี้จะเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่มีสถาปัตยกรรมแบบเรเนซองส์ ให้คุณได้สัมผัสถึงความร่ำรวยของสถาปัตยกรรมตั้งแต่ในสมัยก่อน นอกจากนั้นเขตเมืองเก่า หรืออาคารมากมายยังมีกลิ่นอายของความเป็นฝรั่งเศสแบบดั้งเดิม ที่สุดของเมืองสุดคลาสสิก ที่แม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่คุณจะประทับใจอย่างแน่นอน

15. บลัว (Blois)

ขอปิดท้ายกันด้วยเมืองบลัว (Blosi) เป็นเมืองน่ารักสุดแสนจะโรแมนติก เต็มไปด้วยความคลาสสิกของอาคารบ้านเรือนที่ยังคงเห็นความเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เป็นที่ประทับของหลุยส์ที่ 12 ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศฝรั่งเศส หากใครได้ไปเยือนเมืองลัวร์แล้ว อยากให้ลองได้ไปเที่ยวที่ ประสาทพระราชวังแห่งบัวส์(Royal chateau of Blois) ปราสาทที่อยู่ทางลุ่มแม่น้ำลัวร์ หรือว่าจะใช้เวลาแห่งวันหยุดไปเดินเล่นตามถนนหนทางในเมืองลัวร์ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่าทำเมื่อไปเยือนเมืองบลัวแห่งนี้ อยากไปเที่ยวเมืองสุดคลาสสิกอีกหนึ่งเมือง ขอให้ลิสต์บลัวเอาไว้ได้เลย

รับรองเลยว่าคุณจะสุดฟินไปกับเมืองสวยๆ มากมายของฝรั่งเศสแน่นอน แนะนำว่าให้ลิสต์เมืองเหล่านี้เอาไว้ จากนั้นก่อนเตรียมตัวไปเที่ยวที่ไหน หรือจองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka ให้ไปเช็คมาตรการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศกันก่อน ไปเที่ยวฝรั่งเศสทริปหน้าจะไม่ได้สะดุด และจากนั้นก็ค่อยไปจองที่พัก ที่เที่ยวต่างๆ กับ Traveloka Travel & Lifestyle Supperapp ให้คุณได้จองทุกสิ่งภายในแอพเดียวแบบจบครบ

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร