0

Thamonwan B

27 Aug 2021 - 4 min read

รีวิวพาไปเที่ยวตรัง แค่ฟังก็เพลิน

รวมเส้นทางที่เปิดให้คุณเที่ยวฟินแบบจัดเต็มในช่วงนี้! เข้ามาเช็คข้อมูลการเดินทาง พร้อมวิธีเตรียมตัวก่อนออกทริปได้ที่ Safe Travel Page คลิกเลย

หากคุ​ณมีแพลนอยากไปเที่ยวใต้ แต่ไม่อยากสร้างคอนเทนต์ซ้ำใคร วันนี้เรามีจุดหมายปลายทางใหม่แดนใต้ที่น่าสนใจไม่แพ้ภูเก็ต หรือ กระบี่ มาแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองสัมผัสไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งที่นั่นก็คือ “ตรัง” นั่นเอง หนึ่งในจังหวัดของภาคใต้ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ และกิจกรรมต่าง ๆ มากมายให้เราได้ไปผจญภัยกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยง แถมยังมีอาหารขึ้นชื่อหลากหลายอย่างให้เราได้ไปตระเวรชิมกันจนตัวแตกอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ เลยทีเดียว ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่าว่าทริป 3 วัน 2 คืนที่ตรังในครั้งนี้เราจะไปเช็กอินกันที่ไหนบ้าง

การเดินทางจากกรุงเทพ - ตรัง

การเดินทางจากกรุงเทพไปตรังนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน รถบัสโดยสารปรับอากาศ รถไฟ หรือรถยนต์ส่วนตัวที่สามารถเลือกสรรได้ตามความต้องการ แต่เพื่อเป็นการประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับตนเองและผู้ร่วมทริป เราจึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินผ่าน Traveloka เว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่มาพร้อมราคาสุดคุ้มแบบพิเศษสุด ๆ เพราะในแอปนั้นมีฟีเจอร์ Price Alert ที่ช่วยแจ้งเตือนราคาไว้ล่วงหน้าเมื่อเจอราคาตั๋วเครื่องบินจากสายการบินต่าง ๆ ทำให้เราไม่พลาดโปรโมชั่นดี ๆ นั่นเอง แถมยังจองง่าย จ่ายสะดวกด้วย เรียกได้ว่าใครจะไปไหนแอปนี้ตอบโจทย์ทุความต้องการของการเดินทางอย่างแน่นอน

Traveloka Clean Flight ให้คุณบินอย่างมั่นใจมากขึ้นในช่วง New Normal
ดูอัพเดตมาตรการป้องกัน COVID-19 จากสายการบินพร้อมข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการเดินทางได้ที่ Traveloka เลย

วันที่ 1 ของการเดินทางในตรัง

เช้าวันแรกของการเดินทางจากสนามบินดอนเมืองสู่ท่าอากาศยานตรังก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นฮึกเหิม เพราะรู้สึกไม่ได้มาเที่ยวแบบนี้นานมากแล้ว หลังมีการระบาดของโรคโควิท 19 ซึ่งพอเครื่องถึงตรังปุ๊ป เราก็พากันเดินไปรอกระเป๋าและสัมภาระที่บริเวณสายพาน ระหว่างที่รอกระเป๋าเราก็ได้โทรหาเจ้าหน้าที่เพื่อนัดสถานที่รับรถเช่าไปด้วย เพราะทริปนี้เราวางแผนกันมาว่าจะขับรถเที่ยวเอง ซึ่งเราก็ได้ใช้บริการรถเช่าขับเอง (Car rental) จากทราเวลโลก้าอีกเช่นกัน เพราะราคาคุ้มถือว่าเด็ดมาก ๆ หารกันมาก็ตกคนละไม่กี่บาท แถมอยากแวะที่ไหนก็สามารถไปได้อย่างสบาย ๆ ในสไตล์ของเรา

ซึ่งสถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ การเดินทางมุ่งหน้าไปยังที่พักเพื่อทำการเช็กอิน และเก็บสัมภาระต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อน โดยในทริปนี้เราเลือกพักที่ สิริตรัง บูทีค ที่พักในราคาหลักร้อยที่มาพร้อมกับ Facility ต่าง ๆ อย่างครบครัน

หลังจากเช็กอินเสร็จ เราก็เตรียมตัวออกไปหาอะไรอร่อย ๆ ทานกันในตัวเมือง ซึ่งร้านที่เราจะไปกันมีชื่อว่า เลตรัง ร้านติ่มซำชื่อดังที่มีอยู่หลายสาขาในเมืองตรัง ซึ่งจุดเด่นของร้านนี้คือเมนูติ่มซำที่มีให้เลือกทานอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซาลาเปาไส้ต่าง ๆ ขนมจีบ แฮ่กึ่น หอยจ๊อเนื้อปู ของทอด ตลอดไปจนถึงอาหารปักษ์ใต้รสชาติเข้มข้นจัดเต็มทุกจาน บอกได้เลยว่าอร่อยถูกใจมาก ๆ เลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/laytrang2

และที่สำคัญวัตถุดิบที่ทางร้านนำมาทำก็สดมาก ๆ เพราะได้ยินมาว่าเขาทำสดใหม่กันวันต่อวันทุกเช้า รับรองว่าใครได้ลองไปทานแล้วก็ต้องร้องว้าวตาม ๆ กันไปอย่างแน่นอน

พอทานกันจนอิ่มจุใจ เราก็มุ่งหน้าเข้าไปย่านเมืองเก่าของตรัง เพื่อไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนเมือง พร้อมทั้งชมความเจริญรุ่งเรือง และดูอาคารบ้านเรือนที่มีทั้งความวินเทจและโมเดิร์นผสมผสานกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้สิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ การถ่ายรูปกับภาพวาดตามฝาผนังที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกซอยต่าง ๆ กว่า 10 จุด เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของเมืองตรังที่ใครมาแล้วก็ต้องมาเก็บนั่นเอง

พอเดินเก็บ Street Art กันจนครบ เราก็ขอตัวไปเติมพลังกันต่อที่ร้าน 2499 เบื้องครองเมือง ร้านขนมเบื้องสูตรโบราณที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน เพราะร้านนี้จะเขาใช้เนื้อมะพร้าวผสมน้ำตาลโตนดแทนเนื้อครีม ทำให้ไม่รู้สึกเลี่ยนระหว่างทานมากเกินไป ซึ่งทางร้านก็มีให้เลือกทาน 3 ไส้ ได้แก่ ไส้เค็ม, ฝอยทอง และฝอยทองใบเตย สำหรับเราแล้วตัวแป้งนั้นกรอบอร่อยกำลังดี แถมไส้ยังเสิร์ฟมาแบบทะลักทะล้นกันอีกด้วย เรียกได้ว่า recommend สุด ๆ ไปเลยร้านนี้

ขอบคุณภาพจาก facebook.com/2499ThaiCrepe

หลังจากทานขนมเบื้องกันเสร็จ เราก็ได้เดินไปยัง คริสตจักรตรัง ซึ่งเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์สีเหลืองอร่ามตั้งเด่นอย่างน่าสะดุดตา โดยมีอายุมายาวนานกว่า 100 ปี และเป็นอีกหนึ่งในแลนด์มาร์คที่ไม่ควรพลาดในการแวะมาถ่ายรูป ซึ่งหากใครอยากได้รูปสวย ๆ กลับไปอัปลงโซเชียล ก็อย่าลืมหาสีเสื้อผ้าที่ตัดกับสีโบสถ์กันให้ดีล่ะ รับรองว่าไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก้ปังอย่างแน่นอน

พอเราถ่ายรูปกันอย่างพอใจก็เริ่มเย็นพอดี เราจึงตัดสินใจแวะหาอะไรทานเป็นมื้อเย็นในตัวเมืองแบบง่าย ๆ และมุ่งหน้ากลับเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน และเตรียมพร้อมในการเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้กันต่อ

วันที่ 2 ของการเดินทางในตรัง

เช้าวันที่สองของการเดินทางในตรัง ในวันนี้เราได้ซื้อ One day trip ทัวร์ 4 เกาะ เพื่อไปซึมซับกับบรรยากาศของธรรมชาติ และดำน้ำดูปะการังกันที่ ถ้ำมรกต(เกาะมุก) เกาะกระดาน เกาะเชือก และเกาะม้า โดยทางบริษัททัวร์ที่เราได้ซื้อแพ็กเกจทัวร์ไว้จะมารับเราที่โรงแรมเพื่อไปยังท่าเรือปากเมงแต่เช้าตรู่

และเมื่อเดินทางมาถึงท่าเรือ เราก็ได้ทำการลงทะเบียน และรอขึ้นเรือประมาณเกือบ 10 โมง ซึ่งสถานที่ที่เราจะไปเป็นที่แรกก็คือ ถ้ำมรกต ที่ตั้งอยู่บนเกาะมุก หนึ่งใน Unseen ของจังหวัดตรัง โดยอยู่ห่างจากท่าเรือปากเมงประมาณ 13 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง

ซึ่งการเข้าไปยังถ้ำมรกตแห่งนี้ เราจะต้องว่ายน้ำเข้าไป โดยไกด์จะเป็นผู้นำทางและให้เราจับต่อกันเป็นทอด ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยระยะทางในถ้ำถึงชายหาดด้านในจะอยู่ที่ประมาณ 80 เมตร ซึ่งใช้เวลาอยู่ในถ้ำประมาณ 10 นาที และที่สำคัญระหว่างทางที่เราว่ายเข้าไปในถ้ำนั้นค่อนข้างจะมืดมาก ๆ จะมีเพียงแสงไฟจากไฟฉายของไกด์เท่านั้น ดังนั้นเราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ทุกคนระมัดระวังตัวกันให้ดี

พอเราได้ว่ายเข้าไปในถ้ำสักพักเราก็จะเห็นแสงสว่าง และหาดทรายสีขาวอยู่ที่บริเวณปลายถ้ำ ซึ่งบริเวณโดยรอบถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีน้อยใหญ่มากมาย โดยไกด์จะให้เราเล่นน้ำและชมความสวยงามของธรรมชาติ ถ่ายรูปกันชิล ๆ ประมาณ 15 นาที และก็ว่ายกลับขึ้นเรือ เพื่อเดินทางไปยังจุดหมายถัดไป

โดยจุดหมายถัดไปที่เราจะเดินทางไปกันก็คือ เกาะกระดาน ซึ่งเป็นเกาะที่ขึ้นชื่อในเรื่องของหาดทรายขาว น้ำทะเลใสที่สุดในตรัง พื้นที่บนเกาะถูกตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมและส่วนของเอกชน โดยบนเกาะแห่งนี้มีรีสอร์ทที่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวมากมาย ซึ่งทางทัวร์ก็จะปล่อยเราใช้เวลาบนหาดทรายอยู่สักพัก ก็จะเรียกขึ้นเพื่อพาไปดำน้ำที่จุดใกล้เคียงของเกาะกระดานต่อ

ขอบอกเลยว่าใต้ท้องทะเลนั้นเต็มไปด้วยปลาหลากหลายสีสันมากมาย โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นปลาสลิดหินลายเสือ ปลาการ์ตูน และหอยเม่นที่อยู่บริเวณด้านล่าง ซึ่งเราก็ได้ว่ายน้ำชมปะการังสักพัก ก้ได้ขึ้นเรือ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะเชือก และเกาะม้า ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก

โดย 2 เกาะนี้จะเป็นการดำน้ำตื้น ดูปะการัง ไม่ว่าจะเป็น ดอกไม้ทะเลสีสันต่าง ๆ ปะการังเขากว้าง ปะการังแข็ง ปะการังสีอ่อน และกัลปังหา ตลอดไปจนถึงฝูงปลาหลากหลายชนิดที่ผลัดกันมาแหวกว่ายเวียนวนเป็นขบวนต้อนรับเราสู่โลกใต้น้ำ ซึ่งเราจะได้พบกับความสมบูรณ์ของธรรมชาติใต้ท้องทะเลอันสวยงามอย่างน่าประทับใจ

เราก็ได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการดำน้ำสักพักก็ถึงเวลาบอกลาธรรมชาติ และสัตว์ใต้ทะเลอันงดงาม เพื่อขึ้นเรือมุ่งหน้ากลับไปยังท่าเรือปากเมงกันซะแล้ว ยังไม่ทันไรก็หมดไปแล้วอีกหนึ่งวันของการเดินทางท่องเที่ยวทะเลในจังหวัดตรัง

วันที่ 3 ของการเดินทางในตรัง

และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการตะลุยเที่ยวในตรัง วันนี้เราไม่มีแพลนอะไรมาก ว่าจะกลับเข้าไปเก็บตกแลนด์มาร์คยอดฮิตในเมืองตรัง และหาอะไรทานอร่อย ๆ พอหอมปากหอมคอกันสักหน่อย ซึ่งหลังจากตื่นนอน ทานอาหารเช้ากันที่โรงแรมเป็นที่เรียบร้อย เราก็เช็กเอาท์และขับรถมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟกันตัง สถานีรถไฟสุดสายของภาคใต้ฝั่งอันดามันที่เปิดให้ใช้บริการมายาวนานมากกว่า 100 ปี

โดยสถานีรถไฟแห่งนี้มีความโดดเด่นจากการออกแบบอาคารสถาปัตยกรรมด้วยการใช้วัสดุที่ทำจากไม้ และตกแต่งด้วยการใช้สีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาลผสมผสานศิลปะแบบตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีการประดับประดาด้วยลวดลายไม้ได้อย่างประณีตวิจิตรบรรจงในดีเทลต่าง ๆ จนได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากกรมศิลปากรมาถึงในปัจจุบันนี้

โดยภายในอาคารมีการนำเอาข้าวของเครื่องใช้เก่า ๆ มาให้เราได้เดินชม และถ่ายรูปกันอย่างมากมาย ซึ่งเราก็เดินเล่นถ่ายรูปไปสักพัก ก็มีเสียงนายสถานีตีระฆัง เพื่อเป็นการส่งสัญญาณว่ารถไฟขบวนที่ 167 กำลังจอดเทียบท่า ซึ่งทางเราก็ไม่พลาดที่จะออกไปยืนถ่ายรูปโพสท่าสุดชิคคู่กับขบวนรถไฟอย่างรัว ๆ

หลังจากนั้นเราก็ได้เรียกใช้บริการจาก รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองตรังที่เขาบอกกันว่าใครมาถึงตรังแล้วไม่ได้ขึ้นรถตุ๊กตุ๊กก็เหมือนยังมาไม่ถึง เพราะฉะนั้นเราก็ไม่พลาดโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน

เราเรียกใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กจากสถานีมายังร้านอาหารซินจิว ร้านอาหารสุดโบราณที่เปิดมายาว นานกว่า 50 ปี โดยในแต่ละวันทางร้านจะเปิดเป็นรอบ ๆ ได้แก่ เช้า เที่ยง และเย็น ซึ่งแต่ละรอบก็จะขายอาหารไม่เหมือนกัน ซึ่งตอนที่เราไปก็เป็นช่วงบ่ายพอดี เราจึงได้ทานพวกข้าวหมูแดง หมูกรอบ ก๋วยเตี๋ยว และอาหารตามสั่งอื่น ๆ

ซึ่งเขาบอกว่าเมืองตรังดังในเรื่องหมูกรอบมาก ๆ เพราะตัว texture จะมีความกรอบนอกนุ่มใน ทานพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ และน้ำซุป รับรองว่าฟินอย่างแน่นอน แถมยังมีหมูสเต๊ะ เย็นตาโฟ ให้เลือกทานอีกด้วย

พอทานเสร็จกันจนอิ่มท้อง ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปสนามบินพอดี ซึ่งเราก็ได้ขับรถและมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานตรัง เพื่อเตรียมตัวเช็กอินและรอขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพไปใช้ชีวิตกันต่อ

บอกได้เลยว่าทริปนี้กินอิ่ม เที่ยวสนุก ตอบโจทย์ทุกความต้องการแบบครบทุกรสทุกชาติกันเลยทีเดียว ไม่เคยคิดเลยว่าตรังก็เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ และน่าเที่ยวไม่แพ้จังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ ในภาคใต้เหมือนกัน เพราะนอกจากจะมีธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์แล้ว ตรังก็เต็มไปด้วยผู้คนที่น่ารัก และจุดเช็กอินที่น่าสนใจมากมายอีกเช่นกัน

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร