ทัวร์ทริปนี้จะพาทุกคนโบยบินลัดฟ้าไปกับ ‘Hue’ หนึ่งในเมืองอันมีเสน่ห์และเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังที่สะกดทุกคนที่ไปท่องเที่ยวเว้ให้กลับมาเที่ยวเว้อีกครั้งอย่างไม่มีวันเบื่อได้เลย ซึ่งในการเดินทางไปเที่ยวเว้นั้นจะมีการเดินทางที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เหตุก็เพราะว่าเราต้องผ่านเมืองดานัง หนึ่งในเมืองท่าสำคัญของเวียดนาม โดยในครั้งนี้เราจะนั่งเครื่องบินไปเว้ ซึ่งเราจะจอง ตั๋วเครื่องบินไปดานังผ่านแอป Traveloka เพื่อไปเยือนยังที่เที่ยวเว้ เมืองมรดกโลกกัน

สถานที่เที่ยวในเว้ที่เเรกที่เราจะพาไปนั้น คือที่เที่ยวเว้แนวสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันสวยงาม โดยวัดพระเจดีย์เทียนมู่นี้ ตั้งอยู่ติดริมเเม่น้ำหอมมีเจดีย์ทรงเก๋งแปดเหลี่ยมสูงมากถึงเจ็ดชั้น ซึ่งชาวเวียดนามเชื่อกันว่าวัดนี้เป็นตัวเเทนชาติภพต่างๆ ของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกด้วย

พิกัด : แผนที่วัดเทียนมู่ พระเจดีย์เทียนมู่

ที่เที่ยวเว้ที่ต่อมานั้นเป็นพระราชวังเว้ หรือพระราชวังต้องห้าม มีบริเวณเนื้อที่กว้างขวาง มีจุดบริการรถกอล์ฟฟรี พระราชวังเว้แห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กเว้ที่ไม่มาไม่ได้ ภายในนครจักรพรรดินี้จะมีปืนใหญ่ 9 เทพเจ้า โดยชาวเวียดนามในสมัยก่อนมีความเชื่อว่าเทพเจ้า 5 องค์เป็นตัวเเทนของธาตุทั้ง 5 ไม่ว่าจะเป็น โลหะ น้ำ ไฟ ดิน และไม้ เเละเทพเจ้าอีก 4 องค์จะเเทนฤดูกาลทั้ง 4 ฤดูอีกด้วย นครจักรพรรดิจัดเป็นนครต้องห้ามแน่นอนว่าจะต้องมีพระราชวังไทเฮา ซึ่งเป็นพระราชวังที่สำคัญในการต้อนรับเชื้อพระวงศ์ระดับสูง ทั้งยังมีตำหนักต่าง ๆ รายล้อมเป็นจำนวนมาก สายรักประวัติศาสตร์พลาดไม่ได้เลย

พิกัด : แผนที่พระราชวังเมืองเว้

ที่เที่ยวเว้ที่ถัดไปตั้งอยู่บนเนินเขา ที่นี่เป็นสุสานของพระเจ้าไคดิงห์ สุสานแห่งนี้มีการผสมระหว่างศิลปะชาวตะวันตกเเละตะวันออกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังรูปมังกรสวยงามตระการตาอีกด้วย เชื่อกันว่าสุสานเเห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยที่พระเจ้าไคดิงห์ยังครองราชสมบัติอยู่ ต่อมาเมื่อพระเจ้าไคดิงห์สวรรคตจึงได้ให้พระโอรสก่อสร้างต่ออีก 11 ปีเลยทีเดียว

พิกัด : แผนที่สุสานพระเจ้าไคดิงห์

ที่เที่ยวเว้ที่น่าสนใจอีกที่เลยเห็นจะหนีไม่พ้นสุสานจักรพรรดิมินห์มาง ซึ่งเป็นพระโอรสลำดับที่ 4 ของจักรพรรดิยาลอง สุสานจักรพรรดิมินห์มางแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน Ang ba โดยอยู่ห่างจากเมืองเว้ประมาณ 12 กิโลเมตรได้ ซึ่งภายในเขตของสุสานจักรพรรดิมินห์มางจะมีลานรูปปั้นหินสลักของเหล่าทหารม้า ช้าง และขุนนางมากมายตั้งรายล้อมรอบที่นี่

พิกัด : แผนที่สุสานจักรพรรดิมินห์หมาง

ที่เที่ยวเว้ต่อมานั้นคือสะพานแบบไม้สไตล์ญี่ปุ่น หรือสะพานจุด Thanh Toan Bridge สะพานแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นภายในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 สะพาน Thanh Toan Bridge นี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเว้ประมาณ 7 กิโลเมตร สายรักความสงบพลาดไม่ได้เลย เพราะที่นี่มีบรรยากาศสงบและร่มรื่นมากอีกด้วย

พิกัด : แผนที่ Thanh Toan Bridge

ที่เที่ยวเว้ต่อไปนั้นจะเป็นที่ตั้งของอุโมงค์หวิงห์ม็อก ซึ่งอุโมงค์หวิงห์ม็อกนี้เคยเป็นสถานที่หลบภัยของชาวเวียดนามจากระเบิดสมัยในสงครามเวียดนาม ภายในอุโมงค์หวิงห์ม็อกมีความยาวมากกว่า 2,000 เมตรซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ชั้นเลยทีเดียว โดยชั้นแรกเนี่ยจะเป็นห้องคลอดของเด็กทารก ส่วนชั้นที่ 2 เป็นห้องประชุมในช่วงสงคราม และชั้นสุดท้ายจะมีความแคบและชันมากกว่าชั้นอื่น ๆ อีกด้วย โดยในปัจจุบันได้เปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานหุ่นขี้ผึ้งจำลองความเป็นอยู่และชีวิตของผู้ลี้ภัยในอุโมงค์สมัยสงครามเวียดนาม

พิกัด : แผนที่อุโมงค์หวิงห์ม็อก

เดินเที่ยวมานานแล้วท้องก็ท้องไส้กิ่วขึ้นทุกที ด้วยเหตุนี้จะพามาแวะตลาดดองบา ตลาดดองบาเป็นตลาดที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองเว้ สายกินพลาดไม่ได้เพราะที่นี่มีร้านรวงมากมายให้เลือกตั้งแต่แผงขาย ผัก ผลไม้ อาหารทะเล และ เสื้อผ้า รวมไปถึงของที่ระลึกต่าง ๆ เรียกได้ว่ามีให้เลือกกินได้อย่างจุใจเลยทีเดียว

พิกัด : แผนที่ตลาดดองบา

มาถึงเว้ทั้งที ไม่เที่ยวที่นี่ก็คงไม่ได้เเน่ กับ แม่น้ำหอมซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำเมืองเว้เลยทีเดียว ซึ่งที่นี่มีบริการล่องเรือแม่น้ำหอม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปล่องเรือชมวิวทิวทัศน์ของเมืองเว้ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขา หากมองไปด้านหน้าจะพบว่าตรงกลางแม่น้ำจะมีสะพาน 2 สายที่เชื่อมระหว่างยึดให้เป็นสะพานให้รถข้าม หากใครเป็นสายถ่ายภาพแนะนำที่นี่เลย

พิกัด : แผนที่แม่น้ำหอม

ที่เที่ยวเว้ที่ต่อมานั้นเป็นท้องพระโรงของจักรพรรดิแห่งเวียดนาม ที่นี่มีชื่อว่า Thai Hoa Palace ซึ่งที่นี่นั้นเป็นสถานที่ทรงงาน และต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เมื่อมองเข้ามาภายในห้องโถงจะมีบัลลังก์มังกรที่เป็นที่ประทับของจักรพรรดิเวียดนาม

พิกัด : แผนที่ Thai Hoa Palace

แพลนเที่ยวเว้ที่ต่อมา สายคราฟต์พลาดไม่ได้เลยกับงานฝีมือ ธูป ดอกไม้กระดาษแทงเตียน โคมไฟ และหมวกทรงกรวยหนึ่งในสัญลักษณ์ของเวียดนาม ของฝากเมืองเว้เหล่านี้มีให้เลือกหลายร้านมากเลยทีเดียว ที่เที่ยวเว้แห่งนี้สายช้อปปิ้งพลาดไม่ได้

พิกัด : แผนที่ Luc Bo Culture Space

ที่เที่ยวเว้เเห่งนี้เเต่เดิมเป็นสวนสาธารณะ ที่ชาวเวียดนามรู้จักว่า สวนน้ำร้างทะเลสาบ ซึ่งในสวนสาธารณะสวนน้ำแห่งนี้ในปัจจุบันที่นี่จัดเป็นที่เที่ยวเว้ที่มีนักท่องเที่ยวไปชมอย่างมาก สายถ่ายรูปพลาดไม่ได้เลยกับที่นี่ เพราะมีหัวมังกรยักษ์เป็นจุดยูนีคสุด ๆ ไปเลย

พิกัด : แผนที่ Abandoned Water Park

สายพิพิธภัณฑ์ต้องชอบงานนี้กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองเว้ ซึ่งที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเเรกในเวียดนามอีกด้วย ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังอนุรักษ์และจัดแสดงโบราณวัตถุมากกว่า 11,000 ชิ้น หากใครมาเที่ยวเว้รับรองเลยว่าต้องมาชมที่นี่อย่างแน่นอน

พิกัด : แผนที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมืองเว้

เเพลนเที่ยวเว้วันนี้จะพาไปชมความงดงามของสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์เหงียนของเวียดนามกัน ปัจจุบันที่เที่ยวเว้ที่นี่เป็นวัด ซึ่งภายในวัดจะมีแท่นบูชากษัตริย์เกียหลง เเละพระราชินีทั้งสองวางอยู่ตรงกลางอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเเท่นบูชากษัตริย์ราชวงศ์เหงียนอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระเจ้าเกียลอง พระเจ้ามิงหม่าง พระเจ้าติเยอตรี พระเจ้าตือดึ๊ก และกษัตริ์ยเกียนฟุก รวมไปถึงพระเจ้าไคดิงห์ อีกด้วย ซึ่งแท่นบูชาเหล่านี้สวยงามและศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก

ด้านนอกวัดในเว้แห่งนี้ยังมีลานกว้างขนาดใหญ่ปูด้านกระเบื้องบาตตรัง และมีเเท่นหิน 14 เเท่นเรียงรายสวยงามโอบล้อมด้วยดอกไม้ที่ตั้งวางเรียงรายเป็นกระถาง ๆ เเละที่นี่ยังมีหอระฆัง จัดได้ว่าที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงที่ต้องมาลองเที่ยวในเว้ดูสักครั้ง

พิกัด : แผนที่ The Mieu Temple

เดินทางมาเยือนที่เที่ยวเว้ครั้งเเรกไม่มาที่นี่ไม่ได้เลยกับเจดีย์เทียนลัม ซึ่งเจดีย์เทียนลัมเเห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมของพระราชวัง เเละหอคอยที่สวยงามแบบพุทธเถรวาท เหมาะสำหรับคนที่กำลังเเสวงหาความสงบในจิตใจ รวมไปถึงต้องการที่พักผ่อนหย่อนใจได้อีกด้วย

พิกัด : แผนที่ Thien Lam Pagoda

โปรแกรมเที่ยวเว้ครั้งนี้ต้องที่นี่เลยกับ Gakka Art Gallery ซึ่งเป็นแกลอรี่ศิลปะสไตล์โบฮีเมียนแบบสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องเคลือบเงา ซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใครคือเรายังสามารถได้ลายเซ็นของศิลปินผู้ผลิตผลงานได้อีกด้วย

พิกัด : แผนที่ Gakka Art Gallery

เดินทางไปเว้ทั้งที ไม่รู้จักสะพานนี้นั้นเอาท์มาก ๆ กับสะพาน Truong Tien Bridge ซึ่งสะพานนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเว้ และในตอนกลางคืนจะประดับไฟสวยงามมากๆเลยทีเดียว ที่นี่เป็นแลนด์มาร์กเว้ที่นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมมาเดินเล่มชิลพักผ่อนหย่อนใจอย่างมากเลยทีเดียว

พิกัด : แผนที่ Truong Tien Bridge

ที่เที่ยวเว้ที่น่าสนใจอีกที่นั้นคงจะหนีไม่พ้นกับเกื่องาน หรือ ประตูสตู โดยชาวเวียดนามมีความเชื่อว่าสมัยก่อนพระราชาเสด็จเข้าและออกจากป้อมก็จะผ่านประตูนี้ เเต่ภายหลังเมื่อปี พ.ศ. 2496 ได้เกิดอุทกภัยน้ำท่วมขึ้นจึงเรียกว่าประตูถล่ม หรือ Stop Gate นั่นเอง

พิกัด : แผนที่ Stop Gate

เที่ยวเว้ครั้งนี้จะพาไปเยือนพิพิธภัณฑ์ Diem Phung Thi Art Exhibition House ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ 2 ชั้น ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีซิกเนเจอร์เป็นหุ่นกระบอกญี่ปุ่นโบราณที่นำมาจัดในนิทรรศการนั่นเอง สำหรับค่าเข้าชมจะมีเพียง 30,000 ดอง เท่านั้นเอง ใครมาเที่ยวเว้ พลาดที่นี่ไม่ได้อย่างเเน่นอน

พิกัด : แผนที่ Diem Phung Thi Art Exhibition House

อาจจะฟังดูแปลกไปสักหน่อย แต่สุสานดงคานห์แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเมืองเว้ ซึ่งเป็นศิลปะในรูปแบบโกธิคผสมผสานกับศิลปะเวียดนามให้ความรู้สึกขลังอย่างมากเลยทีเดียว ด้านในตรงระเบียงทางเดินประดับประดาด้วยกระจกโกธิคคล้ายฝั่งยุโรป เเต่ฝั่งตรงข้ามเป็นผนังไม้ เรียกว่าผสมผสานได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว

พิกัด : แผนที่ Dong Khanh Emperor Tomb

ปิดท้ายด้วยที่เที่ยวเว้ที่สุดท้ายห่างออกไปใจกลางเมืองเว้ประมาณ 60 กิโลเมตร ที่นี่เป็นภูเขาบัค ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาเจื่องเซินที่งดงาม นักท่องเที่ยวนิยมมาพิชิตยอดเขา ซึ่งจะมีจุดซื้อตั๋ว เเนะนำให้เช่ารถเพราะเดินถนนได้ค่อนข้างลำบาก วิวทิวทัศน์ที่นี่สวยงามมาก แถมอากาศดีสุด ๆ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัวอีกด้วย

พิกัด : แผนที่ Bach Ma National Park

การเดินทางไปเที่ยวในเว้นั้น จะต้องเตรียมตัวไปเที่ยวเว้ ดังต่อไปนี้

สำหรับนักท่องเที่ยวไทยทางไปเที่ยวเว้นั้นไม่ต้องใช้วีซ่า และสามารถพำนักได้นานถึง 30 วันเลยทีเดียว เเละสำหรับมาตรการป้องกันโควิด-19 นั้น ทางเวียดนามได้ยกเลิกมาตรการแล้วสามารถผ่านเข้าออกได้อย่างสบายๆเลย

อยากเดินทางไปเที่ยวเว้แบบสบายใจสุด ๆ ต้องรู้เรื่องราวของเว้เหล่านี้ มาดูกันดีกว่าว่า เว้นั้นมีอะไรดี เเละมีอะไรที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะออกเดินทางนั่งเครื่องบินไปเว้บ้าง!

เมืองเว้ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งเเม่น้ำหอม เว้จะอยู่ห่างกรุงฮานอยไปทางตอนใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร เเละอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ประมาณ 644 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งในอดีตเมืองเว้ยังเคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เหงียนจนได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองมรดกโลกเลยทีเดียว

ในการเดินทางไปเว้ เราจะต้องบินจากสนามบินกรุงเทพสุวรรณภูมิไปลงยังเมืองดานัง หรือสนามบินท่าอากาศยานนานาชาติดานัง โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที โดยสายการบินที่นิยมนั้นจะเน้น Vietjet เป็นหลัก จากนั้นลงจากเครื่องบินเพื่อนั่งรถเดินทางไปลงเว้

สำหรับการเดินทางรอบเมืองเว้นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะมีการคมนาคมรอบตัวเมือง ไม่ว่าจะเป็นรถสาธารณะ ร้านเช่ารถ หรือจะตัดสินใจทัวร์ไปยังพื้นที่รอบ ๆ ก็ย่อมได้

ในการติดต่อภาษาในเว้ จะนิยมพูดภาษาเวียดนาม เเละใช้ภาษาอังกฤษ จีน และฝรั่งเศส สำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนภาษาทางการของเวียดนามนั้น จะใช้ภาษาเวียดนาม เเละรองลงมาคือภาษาเขมร

สำหรับเงินที่ใช้จ่ายในที่เที่ยวเว้ จะใช้สกุลเงิน VND (ด่ง) ซึ่งใน 1 บาทไทย จะเท่ากับ 662.24 VND ดังนั้น 100 บาทของไทยจะเท่ากับ 50000 VND อัตราแลกเปลี่ยน ณ 2024

เวลาทีเว้จะเท่ากันกับเวลาในประเทศไทยของเรานั่นเองทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดต่อสื่อสารกับคนที่ไทย เเละหน่วยเวลาเว้จะถูกเรียกว่า เวลาอินโดจีน

ฤดูกาลในเว้จะสามารถเเบ่งออกได้เป็น 2 ฤดู นั้นคือฤดูร้อนจะเกิดในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน กับฤดูเเล้ง ช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนเมษายน ส่วนในเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมจะมีฝนฟ้าคะนอง หรือฝนตกอีกด้วย

หากใครได้โอกาสมาเยือนที่เที่ยวเว้สักครั้งหนึ่งในชีวิต นับได้ว่านอกเหนือจากเว้จะเป็นเมืองมรดกโลกแล้วสถานที่ท่องเที่ยวเว้ยังสวยงามไม่แพ้ชาติใดในโลกอีกด้วย