Traveloka TH
20 Apr 2024 - 7 min read
เกียวโต เมืองแห่งธรรมชาติ และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของญี่ปุ่น สัมผัสบรรยากาศ รวมทั้งวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ผ่านวัดวาอารามอันสวยงาม ได้ ณ เมืองหลวงเก่าแห่งนี้ ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ เดินชิลไปในความสงบ มาพบกันที่เมืองเกียวโตได้เลย
ชมความงดงามที่แท้จริงของญี่ปุ่นไปกับสารพัดที่เที่ยวเกียวโต ที่ Traveloka รวบรวมมาให้คุณ เพราะฉะนั้นอย่าพลาดกดจองตั๋วเครื่องบินไปโอซาก้า เพราะที่นี่มีดีลตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ และโปรโมชั่นดี ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ พร้อมต่อรถไฟไปจิบมัทฉะที่เกียวโตกันเลย ขอแอบกระซิบว่า ชาเขียวที่เกียวโตอร่อยทุกร้านเลยล่ะ!
วัดคินคะคุจิ หรือ วัดทองแห่งเกียวโต ด้วยความสวยงามโดดเด่นจากศาลาสีทองอร่าม ที่ตั้งอยู่กลางสระน้ำขนาดใหญ่ ทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 1994 และยังเป็นวัดที่ปรากฏในการ์ตูนเรื่อง อิคคิวซัง เณรน้อยเจ้าปัญญา อยู่บ่อยครั้งอีกด้วย ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของที่เที่ยวเกียวโตที่ต้องมาให้ได้เลยล่ะ
วัดกินคะคุจิ หรือ วัดเงินแห่งเกียวโต เป็นวัดที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากวัดคินคะคุจิ หรือวัดทอง นั่นเอง โดยวัดเงินแห่งนี้ จะมีลักษณะศาลาเป็นไม้สีน้ำตาลดั้งเดิม สื่อถึงความสงบ เรียบง่าย ซึ่งต่างจากวัดทองที่จะเน้นความสวยงามอลังการมากกว่า นับว่าเป็นที่เที่ยวเกียวโต ที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังของวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
รถไฟสายโรแมนติก Sagano รถไฟโดยสารท่องเที่ยว สำหรับนั่งชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของแม่น้ำ และหุบเขาสลับซับซ้อน ซึ่งสวยงามมากเป็นพิเศษในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี มีจุดเริ่มต้นที่ Arashiyama บริเวณป่าไผ่ ไปลงปลายทางที่ Kameoka โดยมีระยะทางในการวิ่ง ราว 7 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 25 นาที เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเกียวโตที่ต้องลองมาสัมผัสสักครั้ง
ป่าไผ่ Arashiyama อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของที่เที่ยวเกียวโต ที่ใคร ๆ ก็ต้องมาให้ได้ ด้วยความสวยงามของป่าไผ่ตามธรรมชาติ สามารถมาเดินถ่ายรูปเล่นใต้ความร่มรื่นของป่าไผ่ได้อย่างสบาย ๆ
วัดเทนริวจิ ที่เที่ยวเกียวโตที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 1994 และมีพื้นที่ติดกับป่าไผ่ Arashiyama สามารถมาเดินเที่ยวชมต่อเนื่องกันได้เลย โดยวัดแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่สวนสไตล์เซน ซึ่งมีการจัดแต่งในรูปแบบดั้งเดิมมายาวนานถึง 700 ปีแล้ว และยังมีธรรมชาติอันสวยงาม ทั้งบ่อน้ำ ป่าไม้ และภูเขาล้อมรอบอีกด้วย แวะมาถ่ายรูป พร้อมชมการจัดสวนที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วกัน
ที่เที่ยวเกียวโตอีกแห่งที่ใกล้กับป่าไผ่ Arashiyama สะพานนี้มีจุดเด่นคือ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำ ความยาวกว่า 155 เมตร ที่มีฉากหลังเป็นภูเขา และจะสวยเป็นพิเศษเมื่อถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมากมาย
วัดซันเซนอิน ที่เที่ยวเกียวโตอายุกว่า 1,000 ปี ที่ตั้งอยู่กลางป่าสน ในเขตชนบทของเกียวโต โดยมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากวัดอื่นคือ วัดนี้มีต้นมอสมากมายปกคลุมอยู่ทั่วทุกบริเวณ สามารถเดินชมสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และสวนมอสที่ขึ้นตามธรรมชาติได้อย่างงดงาม อีกทั้งในฤดูร้อน จะมีสวนดอกไฮเดรนเยียเบ่งบานให้ชื่นชมอยู่บริเวณหลังวัดอีกด้วย
ศาลเจ้าคิฟุเนะ ที่เที่ยวเกียวโตอันเก่าแก่ของศาสนาชินโต ที่ก่อตั้งมาแล้วราว 1,300 ปี ทางเข้ามีโคมไฟสีแดงเรียงรายเป็นเอกลักษณ์ ต้อนรับผู้มาเยือนทุกคน โดยศาลเจ้าแห่งนี้จะเด่นในเรื่องการมาขอพรเกี่ยวกับความรัก และใบเซียมซี ที่ต้องเอาไปลอยน้ำก่อน ถึงจะเห็นคำทำนายได้ นักท่องเที่ยวก็ไม่ต้องกังวลไปว่าจะอ่านคำทำนายไม่ออก เพราะเขามี QR code คำแปลภาษาอังกฤษให้มาสแกนอ่านด้วยล่ะ
หนึ่งในที่เที่ยวเกียวโตที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้าชิโมะกาโมะ มีอายุมากกว่า 2,000 ปีมาแล้ว และยังได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994 เช่นเดียวกับศาลเจ้าอื่น ๆ อีกด้วย ชาวญี่ปุ่นเคารพนับถือศาลเจ้าแห่งนี้เป็นอย่างมาก มีความเชื่อว่าเป็นศาลที่ช่วยปกป้องเกียวโตจากความชั่วร้าย และคำโกหกใด ก็จะถูกเปิดเผยทั้งหมดเมื่อเดินผ่านป่าเข้ามายังสถานที่แห่งนี้
วัดเบียวโดอิน ตั้งอยู่ที่เมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต เป็นอีกหนึ่งวัดที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเช่นกัน จุดไฮไลต์ของวัดนี้จะอยู่ที่หอนกฟินิกซ์สีแดงสด ที่ปรากฏอยู่บนเหรียญสิบเยนของญี่ปุ่น สามารถเข้ามาถ่ายรูป และเยี่ยมชมความสวยงามของที่เที่ยวเกียวโตแห่งนี้ได้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่จะมีความงดงามมากเป็นพิเศษกว่าฤดูใด
ปราสาทนิโจ หนึ่งในมรดกโลกที่ได้รับการยอมรับจาก UNESCO ที่เที่ยวเกียวโตแห่งนี้ ในอดีตเคยเป็นที่พักของตระกูลโชกุนซึ่งปกครองประเทศญี่ปุ่นมากว่า 200 ปี มีจุดเด่นอยู่ที่การตกแต่งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมของภายในอาคาร และสวนภูมิทัศน์ ที่ยังคงรักษาสภาพไว้ได้เหมือนดังเช่นอดีต ในฤดูใบไม้ผลิสามารถมาชื่นชมดอกซากุระที่ผลิบานอย่างสวยงาม ณ ปราสาทแห่งนี้ได้อีกด้วย
ถนนนักปราชญ์ ที่เที่ยวเกียวโตที่มีชื่อเสียงอย่างมาก สำหรับการมาชมดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ และชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นอกจากจะเป็นถนนแห่งการชมธรรมชาติแล้ว ยังมีร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทาง ให้ได้เลือกชิม ช้อป ตลอดระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรอีกด้วย
วัดนินนาจิ อีกหนึ่งมรดกโลกของเมืองเกียวโต ที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. 888 ภายในวัดมีเจดีย์ 5 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นซากุระ สวนหิน และบ่อน้ำสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น มีรูปแบบสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต ซึ่งมีความสวย และสง่างามเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในที่เที่ยวเกียวโตยอดฮิตสำหรับการชมซากุระอีกด้วย
พักจากการเที่ยววัดมาชมสัตว์น้ำกันบ้างกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเกียวโต อุทยาน Umekoji ภายในพิพิธภัณฑ์ มีการจัดแสดงสัตว์น้ำทั้งหมด 9 โซนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเพนกวิน, แมวน้ำ, ปลากระเบน หรือโลมา ที่เที่ยวเกียวโตแห่งนี้ก็มีให้ชมครบถ้วนทั้งหมด และที่พลาดชมไม่ได้เลยคือ ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ ดาวเด่นประจำอควาเรียม เรียกได้ว่าถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากวัดต่าง ๆ ก็มาหาสัตว์น้ำน่ารัก ๆ เหล่านี้ได้เลยนะ
ตรอกเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารมากมายริมแม่น้ำคาโมะ เป็นระยะทางกว่า 500 เมตร ร้านรวงส่วนใหญ่จะมีการตกแต่งในแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เนื่องจากเคยเป็นโรงน้ำชาสำหรับการจัดแสดงของไมโกะ เกอิชามาก่อน นอกจากนี้ เส้นทางริมน้ำยังสามารถลงไปเดินเล่น ออกกำลังกาย และปั่นจักรยานได้อีกด้วย ถ้าใครอยากมาลองนั่งทานอาหารริมน้ำ กินลมชมวิวในสไตล์ญี่ปุ่นดู ต้องห้ามพลาดที่เที่ยวเกียวโตแห่งนี้เลย
ศาลเจ้า Fushimi Inari หรือศาลเสาแดง หนึ่งในแลนด์มาร์คของที่เที่ยวเกียวโต ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ศาลเจ้านี้มีความโดดเด่นอยู่ที่เสาสีแดง ซึ่งเรียงรายกันนับพันต้นขึ้นไปสู่ยอดเขา ในบริเวณศาลจะมีรูปปั้นจิ้งจอก ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ส่งสารถึงเทพอินาริตั้งอยู่มากมาย จิ้งจอกจึงนับได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้เช่นกัน แนะนำให้เช่าชุดกิโมโนสวย ๆ มาถ่ายรูปกับสถานที่แห่งนี้เลย
ที่เที่ยวเกียวโตแบบลับ ๆ ที่คนยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก แต่มีความสวยงามระดับสรวงสวรรค์เลยทีเดียว ศาลเจ้าโจนางุแห่งนี้ โดดเด่นด้วยสวนดอกไม้ทั้ง 5 สวน ที่ล้อมรอบบริเวณศาลเจ้าทั้งหมด สามารถมาชมดอกไม้ตามแต่ละฤดูกาลได้เลย ไม่ว่าจะเป็นดอกบ๊วย, ดอกซากุระ, ดอกคามิเลีย, ดอกวิสทีเรีย และกุหลาบพันปี ความสวยงามของที่นี่อยู่เหนือจินตนาการ
วัดคิโยมิสึเดระ หรือวัดน้ำใส ที่เที่ยวเกียวโตชื่อดัง และได้รับรางวัลมรดกโลก ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่ต้องเดินขึ้นทางลาดชันมาไกลสักหน่อย กว่าจะถึงวัดแห่งนี้ โดดเด่นด้วยเจดีย์สีแดงสด และอาคารไม้เก่าแก่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยไม่ใช้ตะปูทั้งสิ้น จุดถ่ายรูปยอดฮิตคือ บริเวณระเบียงที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเกียวโตได้อย่างสวยงาม และผู้คนยังนิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมากในทุก ๆ ปีอีกด้วย
ถนน Sannenzaka ทางเชื่อมระหว่างวัดน้ำใส และศาลเจ้า Yasaka โดยเป็นถนนที่มีความยาวกว่า 400 เมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหารมากมาย อีกทั้งยังเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต ที่สามารถเห็นศาลเจ้า Yasaka เป็นฉากหลังได้อีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของที่เที่ยวเกียวโตที่ต้องห้ามพลาดเลยล่ะ
ศาลเจ้ายาซากะ ตั้งอยู่บริเวณแยกของย่านกิออน ทางเข้าศาลเจ้ามีสีแดงสดใส โดดเด่นเป็นสง่าเห็นมาแต่ไกล ผู้คนนิยมมาไหว้ขอพรที่เที่ยวเกียวโตแห่งนี้ในช่วงปีใหม่เป็นจำนวนมาก ภายในบริเวณวัดมีความร่มรื่น และสวยงามเป็นอย่างมาก สามารถหามุมถ่ายรูปสวย ๆ ได้ไม่ยากเลย นอกจากนี้ บริเวณใกล้เคียงยังมีร้านกิโมโนให้เช่าด้วยนะ ใครสนใจก็ไปเช่าชุดมาใส่เดินเล่นกันได้เลย
ย่าน Gion เป็นที่เที่ยวเกียวโตที่ขึ้นชื่อเรื่องไมโกะ และเกอิชา ผู้คนต่างมาย่านนี้ เพื่อที่จะได้ยลโฉมสาวงามเหล่านั้นสักครั้ง แต่ถ้าหากอยากเจอเหล่าไมโกะ แบบไม่ต้องบังเอิญเจอตามถนน ก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมโรงละครศิลปะ ที่อยู่กลางย่านกิออนแห่งนี้ได้ และที่สำคัญเลยคือ ปัจจุบันมีกฎห้ามถ่ายรูปพื้นที่บางส่วนในย่านนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ โปรดระวังตรงจุดนี้กันด้วยนะ
วัดชิอนอิน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่เที่ยวเกียวโตอย่างย่านกิออน สามารถมาเที่ยวชมในวันเดียวกันได้ วัดแห่งนี้โดดเด่นด้วยประตูขนาดยักษ์ ที่สูงถึง 24 เมตร และได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น นับว่าเป็นประตูที่มีความสวยงามอลังการ ควรค่าแก่การมาเยือนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ทางวัดยังมีการประดับไฟ ให้ผู้คนได้เข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามในฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีอีกด้วย
ที่เที่ยวเกียวโตที่ห้ามพลาด ถ้าอยากมาชมใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี วัดโทฟุคุจิ เป็นวัดที่มีสะพานไม้ความยาวกว่า 100 เมตร ให้ได้เดินเล่น และชมธรรมชาติอันสวยงาม อีกทั้งยังมีสวนหินซึ่งมีการตกแต่งในรูปแบบที่แตกต่างกัน ล้อมรอบตัววัดอยู่ทั้งสี่ทิศ สามารถมาเที่ยวชมวัดแห่งนี้ ได้ในราคาค่าเข้าแค่ 400 เยน เพียงเท่านั้น อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปสวย ๆ กันด้วยล่ะ
วัดไดโกจิ เป็นวัดที่มีความพิเศษอยู่ที่เจดีย์กลางน้ำ ซึ่งล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันงดงามเกินจะบรรยาย และยังมีเจดีย์ความสูง 38 เมตร อันเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโตให้เยี่ยมชมอีกด้วย นอกจากนี้ ในบริเวณวัด ก็มีต้นซากุระอีกนับพันต้นเรียงรายกันอยู่ นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเกียวโตที่สามารถชมซากุระ และใบไม้เปลี่ยนสีได้สวยที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว
หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ ตั้งอยู่บริเวณเกาะของเมืองเกียวโต เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวเกียวโตลับ ๆ ที่คนยังไม่ค่อยไปเที่ยวมากนัก หากใครกำลังมองหาที่เที่ยวสงบ ๆ สามารถไปพักผ่อน และใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ได้ที่เมืองนี้เลย แต่ถ้าใครอยากทำกิจกรรม ก็สามารถไปล่องเรือประมงชมอ่าวอิเนะ พร้อมกับชาวบ้านท้องถิ่นได้ โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ 680 เยนเท่านั้น
ในปัจจุบัน การเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เพื่อไปยังที่เที่ยวเกียวโตต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจโควิดแล้ว สามารถเข้าประเทศตามปกติได้เลย แต่ยังจำเป็นที่จะต้องกรอกข้อมูลลงทะเบียนในเว็บไซต์ Visit Japan Web ให้เรียบร้อยก่อนเข้าประเทศนะ และสำหรับการขอวีซ่า หากพำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วัน ก็ไม่ต้องขอวีซ่า สามารถมาท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน ไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารได้เลย
เกียวโตเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ หากต้องการมายังที่เที่ยวเกียวโตต่าง ๆ ในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสี ควรศึกษาและวางแพลนให้ดีก่อนมาเที่ยว จะได้ไม่พลาดบรรยากาศที่คุณอยากพบเจอ
เกียวโต (Kyoto) เป็นเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น ตั้งอยู่กลางหุบเขาในลุ่มน้ำเกียวโต มีภูมิประเทศแบบที่ราบสลับหุบเขา และมีภูเขาพาดผ่านกลางจังหวัด ทำให้สภาพภูมิอากาศระหว่างตอนเหนือ และตอนใต้ของจังหวัดมีความแตกต่างกันมาก เกียวโตมีพื้นที่ติดกับจังหวัดเฮียวโงะ, โอซาก้า, นารา, ชิงะ, ฟูกูอิ และยังติดกับทะเลญี่ปุ่นอีกด้วย
ปัจจุบันยังไม่มีสนามบินสำหรับบินตรงไปลงเกียวโตได้ทันที ต้องนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) ไปลงยังสนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) เมืองโอซาก้าเท่านั้น โดยใช้เวลาในการบิน 5-6 ชั่วโมง ก่อนที่จะต้องนั่งรถไฟต่อไปยังเมืองเกียวโต ซึ่งรถไฟชินคังเซน จะใช้เวลาในการเดินทางสั้นที่สุด เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น
สายการบินที่สามารถไปยังโอซาก้า ก่อนที่จะต่อไปที่เที่ยวเกียวโตต่าง ๆ ได้มีหลายสายการบิน เช่น Thai Air Aisia X, Peach Airline, Thai Airways, Japan Airlines, Bangkok Airways และ All Nippon Airways เป็นต้น กดจองตั๋วเครื่องบินเพื่อไปเที่ยวเกียวโตได้เลยวันนี้ ที่ Traveloka Travel & Lifestyle App พร้อมพบกับโปรโมชั่นมากมาย ที่จะทำให้คุณเซฟงบไปได้อีกทาง
สามารถเดินทางไปยังที่เที่ยวเกียวโตต่าง ๆ ได้โดยใช้บริการรถบัส รถไฟ JR และรถไฟใต้ดิน โดยรถบัสจะอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่าง ๆ มากกว่า หากนั่งรถไฟ อาจต้องเดินไกลกว่านั่งรถบัสสักหน่อย ส่วนการเดินทางจากจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นมายังเกียวโต สามารถมาได้ด้วยรถไฟความเร็วสูงชินคังเซน, รถบัส, เครื่องบิน และรถไฟอีกหลากหลายสาย
เกียวโตก็เช่นเดียวกับทุกจังหวัดในญี่ปุ่น คือจะมีการใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารเป็นหลัก แต่จะมีการใช้ภาษาท้องถิ่นของภูมิภาคคันไซบ้างปะปนกันไป
เงินตราสำหรับใช้จ่ายในที่เที่ยวเกียวโต ได้แก่ เงินตราในสกุลเยน (JPY) เช่นเดียวกับทุกเมืองในญี่ปุ่น อัตราแลกเปลี่ยนกับเงินไทยในปัจจุบัน ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2023 โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1 เยนญี่ปุ่น เท่ากับ 0.24 บาทไทย
เวลาในประเทศญี่ปุ่น เมืองเกียวโต อยู่ในเขตเวลามาตรฐานญี่ปุ่น (JST) ที่ GMT+9 และมีเวลาเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
เกียวโตมีสภาพอากาศที่ค่อนข้างสุดขั้ว หนาวก็หนาวจัด ร้อนก็ร้อนจัด เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของเมืองที่ตั้งอยู่ หากใครต้องการที่จะมายังที่เที่ยวเกียวโตต่าง ๆ ในฤดูใบไม้ผลิ หรือใบไม้เปลี่ยนสี ควรอ่านหัวข้อนี้ให้ดีเลย เมืองเกียวโตมี 4 ฤดูกาล ได้แก่