เข้าสู่โค้งสุดท้ายปลายฤดูหนาวกันแล้วนะ ใครอยากขึ้นเหนือไปชิลล์กันก็ต้องรีบหน่อยแล้วจ้า และถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนดี วันนี้เราขอหยิบเอาจังหวัดแพร่มาแนะนำให้ลองพิจารณา บอกเลยว่าถ้ากำลังตามหาที่เที่ยวในอารมณ์สงบเรียบง่ายไม่พลุกพล่าน หรืออยากหาพิกัดไหว้พระรับต้นปีแบบที่ไม่ต้องลางาน แพร่นี่ละคือจังหวัดที่น่าสนใจ ส่วนจะมีที่ไหนให้ปักหมุดกันบ้าง ก็ไปส่องกันได้เลยจ้า แล้วถ้าถูกใจ ก็รีบไปจองตั๋วเครื่องบินแพร่กับ Traveloka กันให้ไวเลยน้า รีบไปเที่ยววันนี้ยังทันลมหนาวอยู่จ้ะ ไม่ต้องคิดแล้วนะ ปักหมุดไปแพร่กันได้เลย
เช็คราคา ตั๋วเครื่องบินไปแพร่ ราคาพิเศษ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากสนามบิน เราก็จะได้มาเช็คอินที่ วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรี กันแล้วจ้า นี่คือหนึ่งพิกัดที่อยากชวนให้มาปักหมุดกัน เพราะเป็นวัดใหญ่ที่นำสถาปัตยกรรมแบบเมียนมาร์ ลาว จีน มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวสุดๆ เลยละ โซนหน้าวัดจะพบกับพระนอนองค์ใหญ่โดดเด่นสะดุดตา มีสิงห์คู่ใหญ่ บันไดนาค และงานปูนปั้นหลายรูปแบบอีกมากมาย รับรองว่าได้ทั้งไหว้พระและลั่นชัตเตอร์ไปพร้อมกันแบบรัวๆ เลยเชียว
พิกัดต่อมาคือ วัดจอมสวรรค์ วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวเงี้ยว อันเป็นกลุ่มชนในเมียนมาร์ที่ได้เดินทางมาทำการค้าขายในบริเวณนี้ โดยที่นี่เป็นวัดซึ่งสร้างจากไม้สักทั้งหลังด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์พุกาม มีความงามของหลังคา 9 ชั้นโดดเด่นสะดุดตา ด้านในวัดยังเป็นที่เก็บรักษาข้าวของล้ำค่าทางพุทธศาสนาหลายอย่าง ทั้งคัมภีร์งาช้าง พระพุทธรูปไม้ไผ่สาน พระพุทธรูปงาช้างแกะสลัก และข้าวของต่างๆ อีกมากมาย เป็นหนึ่งวัดที่สวยแบบไม่ซ้ำใครเลยจริงๆ
อีกหนึ่งวัดที่อยู่ไม่ไกลกันมากนักก็คือ วัดพงษ์สุนันท์ ซึ่งเป็นวัดประจำตระกูลวงศ์บุรี ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเจ้าหลวงของเมืองแพร่ในอดีตนั่นเองจ้า วัดนี้มีจุดสำคัญให้สายบุญได้แวะกราบไหว้ขอพรกันหลายแห่งเลยนะ ไม่ว่าจะเป็น ซุ้มประตูมงคล 19 ยอดที่ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ องค์พระนอนขนาดใหญ่ วิหารแก้วองค์พระธาตุเจดีย์ 108 ยอด และองค์พระเจ้าแสนสุขอายุเกือบ 600 ปี ซึ่งประดิษฐานในพระอุโบสถของวัดนี้ละจ้า รับรองว่าจะได้ไหว้พระกันแบบสะใจแน่นอน
พิกัดต่อมา ขอแนะนำให้ไปเดินชมความสวยของสถาปัตยกรรมโบราณกันที่ คุ้มวงศ์บุรี เรือนไม้สไตล์วิคตอเรียนสีชมพูสวยหวานเตะตา ซึ่งสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2440 โน่นเลยละ ที่เจ๋งคือคุ้มนี้สร้างขึ้นด้วยวิธีตอกสลักโดยไม่ง้อตะปูซักตัวด้วยนะ คุ้มนี้สร้างขึ้นโดยชายาองค์แรกของเจ้าหลวงองค์สุดท้ายแห่งเมืองแพร่ ซึ่งใช้เวลาสร้างกันถึง 3 ปีเลยจ้ะ ด้านในมีห้องสำคัญหลายห้องเลยนะ ทุกวันนี้เค้าเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนให้เข้าชมกันด้วยจ้า แต่ต้องแต่งตัวสุภาพซักนิดนะ รับรองว่าสวยคุ้มเต็มตา คนรักความวินเทจต้องมาแล้วละ
อีกหนึ่งอาคารโบราณสมัยรัชกาลที่ 5 และเป็นพิกัดที่สายประวัติศาสตร์ควรจะไปเช็คอินกันก็คือ คุ้มเจ้าหลวง นี่ละ คุ้มนี้เป็นอาคารในสไตล์ขนมปังขิง ซึ่งนอกจากจะเป็นบ้านที่มีดีเทลละเอียดลออสวยงามในทุกมุมแล้วนะ คุ้มหลังนี้ยังมีไฮไลท์ตรงด้านใต้ตัวอาคารซึ่งถูกสร้างให้เป็นที่คุมขังข้าทาสบริวารที่ทำผิดในสมัยก่อนด้วยละ คุกใต้คุ้มนี้มีความสูงประมาณ 2 เมตร โดยแบ่งเป็นห้องมืดและห้องที่พอมีแสงเข้าถึงได้ แต่ละห้องจะให้ฟีลลิ่งแบบไหน ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง
จุดหมายต่อไป ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของจังหวัดแพร่ นั่นก็คือ วัดพระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนี้มาเนิ่นนาน และยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีขาลอีกด้วยนะ สันนิษฐานกันว่าวัดนี้สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย และมีองค์เจดีย์ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนข้อศอกด้านซ้ายและพระเกศาธาตุขององค์พระพุทธเจ้าเอาไว้ด้วยจ้า เชื่อกันว่าถ้าเอาผ้าแพรสามสีมาถวายจะทำให้ชีวิตมีพลังและปกป้องคุ้มครองตนเองจากศัตรูได้ มาแพร่เมื่อไหร่ต้องไปกันเน้อ
ปิดท้ายยามเย็นกันด้วยการไปเช็คอินที่ วัดพระธาตุดอยเล็ง กันจ้า นอกจากที่นี่จะมีองค์พระธาตุเก่าแก่ซึ่งมีตำนานความเป็นมาเคียงคู่กับพระธาตุช่อแฮและพระธาตุจอมแจ้งแล้วนะ พระธาตุดอยเล็งยังเป็นองค์พระธาตุซึ่งตั้งอยู่สูงที่สุดของเมืองแพร่อีกด้วยจ้า เวลาที่เรามาวัดนี้ นอกจากจะได้มากราบพระธาตุขอพรแล้ว จึงยังจะได้ชมวิวสวยๆ รอบด้านแบบ 360 องศา วิวพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าตอนเย็นก็สวยจัดจับใจ แถมในตอนเช้าของบางวันยังมีทะเลหมอกให้เห็นกันอีกด้วยนะ สวยครบจบในที่เดียวจ้า ไม่มาแล้วจะเสียดาย
กาดกองเก่า คือพิกัดที่เราไปเช็คอินปิดท้ายวัน หลังจากที่ปิดเพราะสถานการณ์โควิดไปนานนับปี วันนี้กาดกองเก่าเค้า come back มาเปิดให้เดินเล่นกันอีกครั้งแล้วละ นี่จึงเป็นอีกพิกัดที่พลาดไม่ได้เลยจ้า กาดนี้มีขึ้นทุกเย็นวันเสาร์นะ เป็นถนนคนเดินซึ่งอยู่ท่ามกลางอาคารเก่าแบบท้องถิ่นที่ให้บรรยากาศสวยคลาสสิกน่าประทับใจ ข้าวของที่วางขายส่วนใหญ่ก็เป็นของกินของใช้พื้นบ้าน รวมถึงของที่ระลึกของฝากอีกหลากหลาย รับรองได้ว่าเดินเพลิน!
ออกสตาร์ทวันต่อมากันที่ แพะเมืองผี สถานที่ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ยืนหนึ่งแห่งนึงของเมืองแพร่ก็ว่าได้ นี่คือพิกัดซึ่งเกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ธรรมชาติของเนินเขาที่พังทลายและถูกกัดเซาะจากแรงลมรวมถึงกระแสน้ำในยุคอดีตมาเนิ่นนาน จนเกิดเป็นสถานที่ซึ่งให้บรรยากาศลึกลับน่าตื่นตาพร้อมกับตำนานอันน่าพิศวงเชียวละ แม้ทุกวันนี้จะมีหลายพิกัดที่ให้อารมณ์คล้ายกัน แต่ที่นี่นั้นนับว่าเป็นต้นตำรับเลยจ้า ไหนๆ มาถึงแพร่แล้วนะ อย่าพลาดเชียว
สานอารมณ์ลึกลับให้ต่อเนื่องกัน ด้วยการมาเช็คอินที่ ถ้ำผานางคอย เป็นพิกัดต่อไป เพราะถ้ำนี้คืออีกสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมาพร้อมกับตำนานน่าสะเทือนใจของความรักต่างชนชั้น อันลงเอยด้วยการพลัดพรากจากลา นอกจากจะมาชมความสวยงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ซึ่งถูกตกแต่งประดับประดาด้วยแสงสีตระการตาแล้ว อีกความสนุกก็คือการได้มาตามหาก้อนหินซึ่งเป็นที่มาของตำนานเรื่องเล่านี้นี่ละ ก่อนมาเช็คอินลองหาอ่านดูนะ รับรองเลยว่าจะเที่ยวสนุกขึ้นอีกหลายเท่าเชียว
ปรับโหมดเปลี่ยนอารมณ์จากการชมความสวยงามของธรรมชาติ ด้วยการแวะมาที่ บ้านทุ่งโฮ้ง แหล่งผลิตผ้าหม้อห้อมซึ่งเป็น OTOP อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองแพร่เลยจ้า ภูมิปัญญาการผลิตผ้าของที่นี่สืบทอดกันมายาวนานนับร้อยปีเลยทีเดียวนะ ทุกวันนี้มีการปรับปรุงรูปแบบให้ทันสมัย ใช้งานง่าย และยังมีหลากหลายสินค้าให้เลือกช้อปเลือกใช้ติดไม้ติดมือกลับไปกันด้วยนะ แวะมาเลยจ้า รับรองว่าเพลินแน่นอน
หลังจับจ่ายกันจนพอใจ ก็ได้เวลาล้อมหมุนต่อไปยัง วัดนาคูหา วัดสุดน่ารักซึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งนา รายล้อมรอบด้านไปด้วยทิวเขาเขียวขจี บรรยากาศเริ่ดขนาดนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจที่ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งโอโซนที่ดีที่สุดของเมืองไทย ทางไปตัววัดนั้นต้องเดินบนสะพานไม้ไผ่ซึ่งทอดตัวข้ามผ่านนาข้าวกว้างสุดลูกหูลูกตา เชื่อกันว่าถ้าเอาลูกสมอมากราบขอพรพระเจ้าตนหลวง ซึ่งเป็นองค์พระใหญ่สีทองโดดเด่นเห็นมาแต่ไกลของวัดนี้ จะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรงหายจากโรคภัยไข้เจ็บด้วยนะ จะจริงแค่ไหน รบกวนมาลองกันได้ด้วยตัวเองเลย
จัดหนักให้สายบุญได้ปักหมุดไปไหว้พระกันต่อที่ วัดพระธาตุอินทร์แขวนจำลอง หรือ พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ บอกเลยว่าที่นี่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบสักการะกันได้แบบจุกๆ เลยเชียวละ ตั้งแต่องค์พระธาตุอินทร์แขวนจำลองซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายได้ไปสักการะองค์จริงที่เมียนมาร์ ตามมาด้วยองค์พระผุดซึ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย นี่แค่ตัวอย่างไฮไลท์เท่านั้นนะ ยังมีอีกหลายจุดที่น่าสนใจเลยจ้า วัดนี้อยู่ท่ามกลางแหล่งโอโซนชั้นดีจึงมาไหว้พระกันได้แบบสบายปอดเลยเชียวละ เตรียมข้อเข่ามาหน่อยนะ เพราะต้องเดินขึ้นบันไดกันไปราวๆ 200 ขั้นเลยจ้า แต่เชื่อว่ายังไงสายบุญก็น่าจะสู้ไหวแน่นอน
อีกหนึ่งพระธาตุเก่าแก่ของเมืองแพร่ที่อยากชวนให้แวะมาก็คือ วัดพระธาตุจอมแจ้ง ซึ่งมีรูปทรงขององค์พระธาตุคล้ายกับพระธาตุช่อแฮ แต่ด้านในนั้นบรรจุพระเกศาธาตุและพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระหัตถ์ข้างซ้ายขององค์พระพุทธเจ้าเอาไว้ นอกจากจะได้มากราบนมัสการองค์พระธาตุแล้วนะ ที่วัดนี้ยังมีองค์พระพุทธรูปยืนและองค์พระปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ ภายในพระวิหารยังมีองค์หลวงพ่อจอมแจ้งซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี ปิดท้ายกันที่การมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเก็บรวบรวมโบราณวัตถุของวัดเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน เป็นอีกวัดที่คนรักการไหว้พระทำบุญต้องแวะมา
และนี่คือพิกัดเด็ดในเมืองแพร่ที่สามารถมาแวะชมแวะเช็คอินกันได้ภายในเวลา 2 วัน 1 คืนเท่าน้นจ้า เมืองแพร่นั้นเดินทางง่าย แถมพิกัดส่วนใหญ่ยังอยู่ไม่ไกลกันมากด้วยนะ เที่ยวได้แบบชิลล์ๆ เลยละ ไม่ต้องง้อวันลาแต่รับรองว่าได้เที่ยวแบบคุ้มค่าอย่างแน่นอน