สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันหรือเก็บเป็นบัคเก็ตลิสต์ที่ต้องไปเที่ยวสักครั้งให้ได้ ซึ่งภาพคุ้นตาเมื่อนึกถึงสวิตเซอร์แลนด์นั้น แน่นอนคือวิวธรรมชาติที่สวยเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาด แต่นอกจากวิวภูเขาและธรรมชาติแล้ว ยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอย่าง “สะพานไม้ชาเปล” ซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นมาและประวัติศาสตร์ของสวิตเซอร์แลนด์

ในบทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับสะพานไม้ชาเปล จุดแลนด์มาร์กทางประวัติศาสตร์น่าท่องเที่ยวแห่งเมืองลูเซิร์น รับรองว่าจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวที่นี่ไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะนอกจากสะพานไม้เก่าแก่ที่เป็นจุดสำคัญแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่น่าสนใจให้แวะชมกันอีกด้วย เก็บได้ครบจุใจอย่างแน่นอน พร้อมแล้วก็จองตั๋วเครื่องบินไปสวิตเซอร์แลนด์กับแอป Traveloka แล้วเดินทางไป Chapel Bridge กันเลย!

ทำไมถึงควรไปเที่ยวสะพานไม้ชาเปล ที่แห่งนี้มีความสำคัญและสวยงามอย่างไร? เราได้รวบรวมข้อมูลสำคัญของสะพานไม้ชาเปล พร้อมทั้งรายละเอียดที่ตั้งและช่วงเวลาเปิดเข้าชมให้เรียบร้อยแล้ว หากยังไม่มีที่พักในใจ จองที่พักสวิตเซอร์แลนด์กับแอป Traveloka พร้อมรับส่วนลดและโปรโมชันหลากหลาย สะดวก ง่าย รวดเร็ว พร้อมเป็นตัวช่วยและเพื่อนร่วมทางให้กับคุณ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปอ่านข้อมูลต่าง ๆ ของ Chapel Bridge กัน

สะพานไม้ชาเปล ถือเป็นสะพานไม้ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก โดยสะพานไม้ชาเปล หรือ Chapel Bridge มีประวัติความเป็นมาคือ เป็นสะพานไม้ที่สร้างในปี ค.ศ. 1265 หรือกว่า 750 ปีที่แล้วนั่นเอง ซึ่งสะพานไม้ชาเปลยังเป็นสะพานไม้มุงหลังคาที่มีโครงสร้างแบบเก่าแก่ดั้งเดิมที่ยังคงหลงเหลืออยู่อีกด้วย

โดยแรกเริ่มนั้น Chapel Bridge มีความยาว 270 เมตร แต่ด้วยแม่น้ำแต่ละฝั่งมีการแตกออกไปบ้างตามระยะเวลา ส่งผลให้ในปัจจุบัน สะพานไม้ชาเปลมีความยาวประมาณ 204.7 เมตรเท่านั้น และสะพานนี้ยังอนุญาตให้ใช้การเดินเท้าเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับเป็นสถานที่เพื่อเดินชมทัศนียภาพของเมืองลูเซิร์นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ตลอดแนวสะพานไม้ยังมีจิตรกรรมภาพวาดที่ถูกสร้างสรรค์เอาไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นการดีที่เราจะได้ชมค่านิยมและวิถีชีวิตในอดีตที่ถูกสะท้อนออกมาผ่านภาพวาด อย่างไรก็ตาม ภาพจิตรกรรมเหล่านี้ได้รับความเสียหายถึง 2 ใน 3 จากเหตุอัคคีภัยในปี ค.ศ. 1993 แต่ได้มีการบูรณะให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง และได้มีการหลงเหลือรอยไหม้เล็กน้อยบนภาพ เพื่อเป็นการสะท้อนถึงอัคคีภัยในช่วงเวลานั้นด้วย ในปัจจุบัน สะพานไม้ชาเปลถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์น

สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองลูเซิร์น แม่น้ำรอยส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวรอบแม่น้ำรอยส์ขณะที่เดินข้ามสะพานไม้นี้ได้ นอกจากนี้บริเวณรอบแม่น้ำซึ่งมี Chapel Bridge อยู่นี้ ยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เช่น เมืองเก่าลูเซิร์น ร้านกาแฟหรือคาเฟ่ริมแม่น้ำ รวมถึงบริเวณสำหรับพักผ่อนอย่างอิสระเพื่อชมวิวแม่น้ำรอยส์อีกด้วย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PAjS1d5rAfsP3jzSA

Chapel Bridge เปิดให้เข้าชมทุกวัน สามารถเดินชมสะพานได้ตลอด ไม่มีเวลาปิด และไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าชม หากเดินทางมาเที่ยวชมสะพานไม้ชาเปลในวันอังคารหรือวันเสาร์ จะมีตลาด Farm Market ซึ่งมีสินค้าออร์แกนิคอย่างผัก, ผลไม้ และชีสจำหน่าย ถ้าใครอยากลองสัมผัสวิถีชีวิตของคนเมืองลูเซิร์น แนะนำให้จองโรงแรมบริเวณใกล้เคียงกับสะพานไม้ชาเปล เพื่อที่จะได้มีเวลาเดินชมสะพานไม้ตลอดวัน พร้อมกับได้เดินตลาด ซื้อสินค้าสดใหม่จากฟาร์มเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกด้วย

การเดินทางไปยัง Chapel Bridge สามารถเดินทางได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ หรือด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่ง Traveloka ได้นำวิธีที่สะดวกที่สุดในการเดินทางไปเที่ยวชมสะพานไม้ชาเปลเรียบร้อยแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้

เราสามารถเดินทางไปสะพานไม้ชาเปลด้วยรถยนต์ส่วนตัว เราสามารถปักหมุดพิกัดไว้ที่โบสถ์ชาเปล หรือแม่น้ำรอยส์ โดยจอดรถบริเวณใกล้เคียงและสามารถเดินเท้าไปต่อได้เลย เนื่องจากสะพานไม้ชาเปลนี้สร้างอยู่บนแม่น้ำรอยส์ และอยู่ใกล้กับโบสถ์นั่นเอง

หากต้องการเดินทางไป Chapel Bridge ด้วยรถยนต์ส่วนตัว ทางแอป Traveloka มีบริการเช่ารถซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะเช่ารถแบบขับเอง หรือเช่ารถแบบมีคนขับ และยังมีรถหลากหลายรุ่นให้เลือกตามจำนวนคนหรือสัมภาระ ระยะเวลาเช่ารถก็มีตั้งแต่ระยะสั้นจนไปถึง 14 วันเลยทีเดียว จะเดินทางไปที่ไหนก็สะดวก ไม่เหนื่อย มีเวลาเที่ยวชมสะพานไม้และเมืองลูเซิร์นตลอดวัน

หากต้องการเดินทางด้วยรถไฟ การเดินทางด้วยรถไฟไปยัง Chapel Bridge จากสนามบินเมืองซูริค ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้ลูเซิร์นที่สุด สามารถโดยสารรถไฟจากสถานีซูริค (Zurich) เพื่อมาลงที่สถานีลูเซิร์น (Lucerne, Luzern) จากนั้นเดินเท้าต่อประมาณ 300 เมตร ก็จะพบกับ Chapel Bridge โดยสะพานไม้ชาเปลจะอยู่บริเวณซ้ายมือเมื่อออกมาจากสถานีลูเซิร์นนั่นเอง

ไม่เพียงแต่สะพานไม้ชาเปลเท่านั้น ในบริเวณใกล้เคียงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจหากไปเที่ยวลูเซิร์นอีกด้วย ที่ไหนน่าเที่ยวหรือเป็นสถานที่ยอดฮิตบ้าง เราได้รวบรวมข้อมูลมาเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดมีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลย!

หากใครไปเที่ยว Chapel Bridge ในบริเวณใกล้เคียงก็มีสถานที่น่าเที่ยวอย่าง “ทะเลสาบลูเซิร์น” (Lake Lucerne) นอกจากทัศนียภาพบริเวณทะเลสาบและรอบ ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยวิวภูเขาให้เราชมความสวยงามแล้ว หากไปทะเลสาบลูเซิร์นในฤดูร้อน ก็มีกิจกรรมสำหรับฤดูร้อนหลายอย่างที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ เช่น ว่ายน้ำ ล่องเรือชมทะเลสาบ และนักท่องเที่ยวยังสามารถตกปลาในทะเลสาบลูเซิร์นอีกด้วย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/EJh1PBBzF2kfmEw4A

หากใครที่เป็นสายประวัติศาสตร์ ห้ามพลาดที่จะไปชมอนุสาวรีย์สิงโตลูเซิร์น โดยสถานที่นี้อยู่บริเวณผาหินริมแม่น้ำรอยส์ เป็นประติมากรรมแกะสลักเพื่อรำลึกถึงทหารสวิตเซอร์แลนด์ 72 นาย โดยใช้สิงโตที่มีบาดแผลเพื่อสื่อถึงเหล่าบุคคลในเหตุการณ์นั้น เป็นงานศิลปะที่สามารถดึงอารมณ์ของผู้ชมให้รู้สึกได้ แต่ในขณะเดียวกันการใช้สิงโตก็มีความทรงพลังเช่นกัน ซึ่งอนุสาวรีย์สิงโตลูเซิร์นนี้ ถูกสร้างโดย Bertel Thorvaldsen ประติมากรชาวเดนมาร์ก

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/jymAGppTFRGNxVf47

เมืองเก่าลูเซิร์น เป็นสถานที่ซึ่งถูกอนุรักษ์และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1989 โดยองค์การ UNESCO ตั้งอยู่ริมแม่น้ำรอยส์ ซึ่งมี Chapel Bridge พาดผ่านนั่นเอง สถาปัตยกรรมในเมืองเก่านี้มีความสวยงาม และถึงแม้อาคาร โบสถ์ หรือพิพิธภัณฑ์จะมีความเก่าแก่ก็ตาม แต่ด้วยความที่มีการอนุรักษ์เป็นอย่างดีจึงทำให้ตึกมีความสมบูรณ์และน่าเดินเที่ยวชมอย่างมาก

นอกจากนี้แล้ว เมืองเก่าลูเซิร์นยังล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองเก่าที่สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1386 และประกอบไปด้วยป้อมปราการต่าง ๆ หากใครไปเที่ยวสะพานไม้ชาเปล แนะนำให้แวะเดินเล่นที่เมืองเก่าลูเซิร์น เพราะนอกจากจะได้สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าจากสถาปัตยกรรมและบ้านเรือนเก่าแก่แล้ว ยังมีร้านอาหารและร้านค้าให้ได้ซื้อของฝาก หรือจะถ่ายคอนเทนต์ก็ได้รูปสวย ๆ บรรยากาศดีให้ได้อัปลงโซเชียลอีกด้วย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/52TNjHdvUzAnWAZL7

พิพิธภัณฑ์การขนส่งสวิสตั้งอยู่ในเมืองลูเซิร์น ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์การขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีพื้นที่กว่า 18,000 ตารางเมตร ซึ่งพิพิธภัณฑ์นี้จะจัดแสดงยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางในสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่อดีต โดยยานพาหนะในพิพิธภัณฑ์นั้นมีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ และมีโซนให้เลือกชมมากถึง 10 โซน

หากใครมาสะพานไม้ชาเปล ไม่ควรพลาดที่จะมาชมพิพิธภัณฑ์การขนส่งสวิสนี้ เพราะนอกจากจะได้เห็นยานพาหนะในอดีตแล้ว ยังจะได้ชมแนวคิดเกี่ยวกับยานพาหนะในอนาคตซึ่งเราจะได้ลองวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ด้วยตัวเอง ถือว่าเป็นกิจกรรมในแง่ของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการขนส่งที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/grLRKQRG1pKeyarV8

หากใครเป็นสายชมธรรมชาติ ถ้ามาเที่ยวสะพานไม้ชาเปลที่เมืองลูเซิร์น ห้ามพลาดการเที่ยวภูเขาปีลาตุส (Pilatus) ที่ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันตกของเมืองลูเซิร์น เนื่องจากเป็นบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ทั้งทิวทัศน์ทะเลสาบลูเซิร์น และยังมองเห็นเทือกเขาแอลป์อีกด้วย ซึ่งการชมภูเขาปีลาตุสนั้นจะใช้การโดยสารเคเบิลคาร์ ทำให้สามารถเก็บบรรยากาศตั้งแต่ตอนขึ้นจนไปถึงบนเขา เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ และจะเป็นประสบการณ์ชมวิวสวยงามที่จะลืมไม่ลงอย่างแน่นอน

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/jLfUdxViH2hg9E7A6

หากมีสถานที่น่าเที่ยวใกล้เคียงแล้ว ก็ต้องมีกิจกรรมยอดฮิตที่น่าทำระหว่างไปเที่ยวชมสะพานไม้ชาเปลร่วมด้วย Traveloka จึงได้รวบรวมมาแล้วว่า หากไปสะพานไม้ชาเปลแล้ว มีคอนเทนต์ยอดฮิตอะไรที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันบ้าง ดังนี้

ไปถึงสะพานไม้ชาเปลแล้ว ไม่ถ่ายรูปก็คงไม่ได้ แน่นอนว่าบนสะพานมีหลายมุมให้เลือกถ่าย ไม่ว่าจะถ่ายให้เห็นพื้นหลังเป็นแนวสะพานแบบชิค ๆ หรือถ่ายให้ติดวิวบริเวณรอบนอกสะพานก็สวย หรือถ้าเป็นสายอาร์ทติสหน่อย ๆ ก็สามารถถ่ายรูปกับภาพจิตรกรรมตลอดแนวสะพานไม้ก็ได้เช่นกัน เดินเที่ยวชมพร้อมกับถ่ายรูปไปด้วย ได้รูปสวย ๆ กลับมาเต็มเครื่องแน่นอน

เนื่องจากบริเวณใกล้ ๆ ของ Chapel Bridge มีเมืองเก่าลูเซิร์นซึ่งมีร้านอาหารและร้านกาแฟมากมาย ดังนั้น คอนเทนต์ที่พลาดไม่ได้คงจะเป็นการนั่งจิบกาแฟ หรือดื่มเครื่องดื่มพร้อมชมวิวแม่น้ำและภูเขา รวมถึงชมอาคารที่อยู่บริเวณริมแม่น้ำด้วย เป็นกิจกรรมที่น่าทำในวันสบาย ๆ และนอกจากจะได้จิบกาแฟหอม ๆ แล้ว ยังสามารถถ่ายรูปไว้อัปอวดเพื่อนได้อีกด้วย

อย่างที่ทราบกันแล้วว่า สะพานไม้ชาเปลไม่มีเวลาปิด สามารถเข้าชมได้ตลอดคืน ดังนั้น หากใครจองที่พักไว้ใกล้ ๆ อาจจะลองไปเดินเล่นที่สะพานไม้ช่วงกลางคืน เพื่อชมทิวทัศน์ของแม่น้ำและภูเขาประกอบกับแสงไฟจากเมืองเก่า เรียกได้ว่าเปลี่ยนภาพอารมณ์จากวิวที่เห็นตอนกลางวัน และยังได้เก็บบรรยากาศทั้งสองช่วงเวลาอีกด้วย