ลมหนาวมาแล้วจ้าาา! แม้จะยังมาไม่ทั่วถึง แต่ไอเย็นส่วนหนึ่งก็มาถึงภาคเหนือของเราแล้วน้า วันนี้เลยขอเอาแพลนเที่ยวเชียงรายในงบแบบสบายๆ มาฝากกัน ยิ่งไปหลายคนยิ่งมีตัวหารช่วยกันจ่ายยิ่งสบายกระเป๋ามากขึ้นด้วยจ้า แนะนำให้ไปส่องตั๋วเครื่องบินเชียงรายราคาดีกันได้จาก Traveloka เลยนะ ถ้าเป็นวันธรรมดาราคายิ่งดี๊ดี รถเช่าขับเค้าก็มีให้เลือกกันได้ที่นี่เหมือนกันน้า ไปดูกันเลยจ้าว่าทริปเชียงรายราคาดีของเราคราวนี้จะมีที่ไหนให้เที่ยวกันบ้าง Let’s Go!

เคยไหม? แพลนทริปทีไร ก็ไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนให้ไม่เกินงบ!
ลองใช้ Discover จาก Traveloka ช่วยแพลนทริปแบบมือโปร ไม่ว่าจะเที่ยวที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ไม่เกินงบแน่นอน พร้อมตัวช่วยแนะนำตั๋วเครื่องบินราคาถูก ลองใช้กันได้เลย

เราเลือกเดินทางวันธรรมดา และได้ตั๋วเครื่องบินราคาไป - กลับประมาณ 1,400 บาทนิดๆ ต่อคน จาก Traveloka จากนั้นก็จองรถกันต่อด้วยเลยจ้าเพราะเค้ามีให้จองอยู่ในเว็บเดียวกัน ง่ายดี ได้รถ Toyota Yaris มาในราคาเกือบๆ 800 บาท/วัน หารจำนวนคนออกมาแล้วก็ถือว่าค่อนข้างชิลล์เลยนะ ได้ครบแล้วก็ไปจ้า ออกเดินทาง!

ออกสตาร์ทกันแบบชิลล์ๆ หลังลงเครื่องบินกันที่ วัดร่องขุ่น แลนด์มาร์คหลักแห่งหนึ่งซึ่งต้องมาเช็คอินเมื่อมาถึงเชียงราย ยิ่งในช่วงที่นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะอย่างในช่วงนี้ ยิ่งเหมาะจะไปเสพความสวยของที่นี่ให้จุุใจเชียวละ เพราะในเวลาปกติจะยืนพินิจความงามแต่ละจุดของที่นี่ได้ยากมาก เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะยุ่บยั่บตลอดเวลาเลยจ้า ช่วงนี้นาทีทองเลยนะ รีบมาให้ไว้

พิกัดต่อมา เราไปตระเวนหาแบ็คกราวนด์สวยๆ ถ่ายรูปกันใน สิงห์ ปาร์ค ซึ่งมีบรรยากาศหลากหลายรูปแบบให้เลือกโพสต์ท่ากันได้แบบจัดเต็มเลยจ้า จริงๆ ถ้ามาช่วงแสงแจ่มๆ อย่างในตอนเช้าหรือเย็นก็จะได้อารมณ์สวยไปอีกแบบเลยนะ แต่ต้องรีบหามุมถ่ายรูปกันเร่งด่วนเลยจ้าเพราะแสงจะเปลี่ยนเร็วมาก ที่เริ่ดคือถ้าหากขับรถมาเองเค้าก็ให้ขับเข้าไปเที่ยวกันได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยนะ แต่อาจจะเข้าได้ไม่ครบทุกโซนจ้ะ อยากเที่ยวทั่วๆ ก็ตีตั๋วนั่งรถรางของเค้าได้เลย

จากตัวเมืองเชียงราย เรามุ่งหน้าต่อไปยัง อนุสรณ์ชาวไทยเชื้อสายจีน บนดอยอ่างขาง ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงว่า ในยุคคอมมิวนิสต์ระบาดในประเทศไทย กองพล 93 ซึ่งเป็นอดีตทหารจีนของคณะชาติซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสันติคีรีบริเวณนี้นั้นเคยมีส่วนช่วยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารไทย เพื่อขับไล่คอมมิวนิสต์ให้หมดไปจากพื้นที่ ซึ่งรวมเอาที่ดอยหลวง ดอยขาว และดอยผาหม่นเข้าไว้ด้วยนะ ด้านในมีพิพิธภัณฑ์ให้เดินชมกันได้ด้วยจ้า ส่วนด้านนอกมาในรูปแบบสถาปัตยกรรมจีนเหมาะจะใช้เป็นแบ็คกราวนด์ถ่ายรูปสุดๆ เลยละ เป็นหนึ่งพิกัดที่ควรมาเมื่อถึงดอยแม่สลอง

จุดเช็คอินต่อมา คือการขึ้นไปกราบ พระบรมธาตุศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ซึ่งมีทำเลที่ตั้งอยู่บนยอดดอยแม่สลอง ที่มีความสูงประมาณ 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 90 พรรษา ด้านในเจดีย์จึงมีรูปจำลองเท่าพระองค์จริงประทับอยู่บริเวณชั้นล่าง ส่วนชั้น 2 นั้นเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จย่า ชั้นบนสุดใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ช่วงเช้าที่นี่นับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของเชียงรายเลยนะ ถ้ามีเวลาควรมาชม

บน ดอยแม่สลอง มีที่พักให้เลือกหลากหลายสไตล์ แบบเรียบง่ายหน่อยก็ราคาไม่แรงมากด้วยนะ ทีเด็ดของที่นี่อยู่ที่วิวสวยๆ ของไร่ชา ผืนป่า และทิวเขาสลับซับซ้อนทั้งหลาย ที่สำคัญคืออากาศเย็นสบายค่อนไปทางหนาวกันเลยด้วยจ้า บนดอยนี้เป็นชุมชนชาวจีนฮ่อซึ่งอพยพมาตั้งรกรากกันมาเนิ่นนาน การมานอนค้างที่นี่ นอกจากจะได้สัมผัสอากาศดีวิวสวยแล้ว ยังจะได้อิ่มอร่อยกับเมนูรสเด็ดสไตล์ท้องถิ่นที่มีให้เลือกหลากหลายด้วยจ้า แนะนำเลยว่ามาแล้วต้องลอง!

ก่อนเซย์กู๊ดบายดอยแม่สลองไป เราแวะเช็คอินกันที่ ไร่ชา 101 เพื่อสูดไอหมอกและอากาศเย็นสดชื่นท่ามกลางบรรยากาศสงบสบายในช่วงเช้า นอกจากวิวสวยๆ แล้วนะ สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือการมาลองจิบชาของเค้าดู เพราะใบชาของที่นี่นั้นเคยชนะรางวัลประกวดใบชาระดับโลกมาแล้วจากหลากหลายเวทีด้วยจ้า ชาหอมๆ จิบร้อนๆ ตอนอากาศหนาวๆ ช่วงเช้านะ ไม่ฟินก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วละ เอาจริง!

จากดอยแม่สลอง เราขับรถมุ่งหน้ามายัง ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ซึ่งตั้งอยู่บนสันเขาบริเวณเขตแดนไทย - เมียนมาร์ การเข้าชมบริเวณนี้ต้องมีการตรวจบัตรประชาชนก่อนเข้าด้วยนะ เนื่องจากจุดชมวิวของเค้าอยู่ติดกับแนวกั้นเขตแดนกันเลยจ้า ดังนั้น นอกจากจะได้เห็นวิวทะเลภูเขาแบบพาโนรามา ไฮไลท์ของที่นี่จึงอยู่ที่บรรยากาศซึ่งแตกต่างออกไป เพราะเราจะได้เห็นบังเกอร์ทหารซึ่งยังคงใช้งานอยู่จริง และยังได้สัมผัสกับแนวรั้วไม้ไผ่ที่ใช้เป็นปราการกั้นสองประเทศแบบเรียบง่ายด้วยนะ อย่าพลาดจ้ะ บอกเลยว่าวิวเค้าเริ่ดจริง

ดอยสะโง้ คืออีกหนึ่งพิกัดที่ไม่ไกลจากดอยช้างมูบมากเท่าไหร่ และเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นได้ไกลถึง 3 ประเทศคือ ไทย ลาว และเมียนมาร์ ช่วงปลายปีแบบนี้ ยังเป็นช่วงที่ทุ่งเก๊กฮวยบนดอยจะเริ่มบานด้วยนะ ด้วยความสูงประมาณ 700 เมตร ทำให้จุดชมวิวบนดอยนี้นั้นมองเห็นความสวยของทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา ด้านบนดอยสะโง้เค้ามีที่พักให้บริการหลายรูปแบบเลยด้วยนะ หรือจะมากางเต็นท์นอนดูดาวกันชิลล์ๆ ก็ยังได้ รับรองว่าสายธรรมชาติแฮปปี้แน่นอน

ถ้ามาถึงเชียงรายแล้วไม่ได้เห็น สามเหลี่ยมทองคำ ก็เหมือนยังมาไม่ถึงเชียงรายนั่นละ เพราะว่านี่คือแลนด์มาร์คสำคัญแห่งหนึ่งซึ่งทำให้จังหวัดนี้เป็นที่รู้จักในระดับโลกกันเลยจ้า ก็ในอดีตนั้นบริเวณนี้เคยเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกเลยละ แต่ปัจจุบันละแวกนี้เคลียร์หมดละน้า แถมยังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักแห่งหนึ่งของเชียงราย ซึ่งมีทั้งองค์พระใหญ ร้านค้า และยังสามารถมาลงเรือชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำโขงได้ด้วยนะ เป็นแลนด์มาร์คที่ชิลล์มากจ้า มาเชียงรายต้องมาโดน!

จุดหมายต่อไป เราขับรถยาวๆ ต่อมายัง ดอยผาตั้ง เพื่อพักค้างคืนก่อนจะมุ่งหน้าเดินขึ้นดอยในตอนเช้า เพราะเราว่านักท่องเที่ยวน่าจะน้อยกว่าที่ภูชี้ฟ้าซึ่งเป็นพิกัดยอดฮิต ที่ดอยผาตั้งเราเลยได้เดินชมวิวกันสบายๆ ในระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตร ซึ่งตลอดเส้นทางจะมีจุดให้แวะเช็คอินในบรรยากาศแตกต่างกันไป โดยมีไฮไลท์หลักๆ เป็นประตูผาบ่อง ช่องเขาขาด เนิน 102 และ 103 ซึ่งทั้งหมดเป็นจุดชมวิวซึ่งมีทิวทัศน์หลากหลาย บอกได้เลยว่าน่าสนใจทุกจุดจ้า เดินสบายๆ ไม่ไกลมากด้วยนะ อย่าพลาดเชียว

จากดอยผาตั้ง ขับรถกรุบกริบแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะมาถึง ภูชี้ดาว อีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดฮิตของเชียงรายที่ได้รับความนิยมมากขึ้นทุกที เพราะมีทิวทัศน์ในยามเช้าที่สวยพอฟัดพอเหวี่ยงกับภูชี้ฟ้า แต่เดินทางเข้าถึงยากกว่าซักนิดนะ เพราะจากบริเวณบ้านร่มโพธิ์เงินซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการขึ้นภูนั้น ต้องใช้บริการรถรับส่งของชาวบ้านขึ้นไป แล้วเดินต่ออีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงจุดชมวิวที่ยอดภูจ้า รับรองว่าสวยคุ้มค่าการเดินทางกันแน่นอน

ต่อจากภูชี้ดาว เรามุ่งหน้ามาเช็คอินกันที่แลนด์มาร์คหลักอีกแห่งของเชียงรายอย่าง ภูชี้ฟ้า ผาสูงซึ่งมีปลายยอดแหลมชันชี้ฟ้าสมชื่ออย่างไม่มีผิดเพี้ยนเชียวละ ภูนี้อยู่ติดกับพรมแดนไทย - ลาว เราจึงจะได้เห็นวิวประเทศเพื่อนบ้านกันแบบพาโนรามา นอกจากไฮไลท์สวยๆ อย่างทะเลหมอกสุดอลังการในช่วงเช้าแล้วนะ ในราวๆ เดือนธันวาคม - มกราคม เส้นทางขึ้นภูจะมีต้นนางพญาเสือโคร่งเบ่งบานตามทางให้ได้ชมความสวยกันด้วยจ้ะ ถือเป็นช่วงพีคเลยน้า บอกเลยว่าควรมาโดนกันซักที!

จากยอดภูสูงทั้งหลาย ก็ได้เวลาที่เราจะมุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงรายกันอีกครั้ง โดยมี วัดห้วยปลากั้ง เป็นจุดหมายต่อไป วัดนี้อยู่บนเนินเขาซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติสวยสะอาดตา แถมยังมีสถาปัตยกรรมสุดอลังการให้ชมกันแบบแน่นๆ ไปเลยละ ทั้งพบโชคธรรมเจดีย์ที่ผสานความสวยสไตล์ล้านนาและจีนเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว หรือองค์เจ้าแม่กวนอิมสีขาวสะอาดขนาดใหญ่ที่สะดุดตามาแต่ไกลเชียวละ ได้มาไหว้พระแล้วยังได้โลเกชั่นถ่ายรูปเจ๋งๆ กลับไปอีกเพียบเลยนะ ไม่มาคือน่าเสียดาย

วัดร่องเสือเต้น คือพิกัดสุดท้ายของทริปนี้ที่เราแวะไป เพราะอยู่ไม่ไกลมากนักจากสนามบิน แถมยังเป็นจุดเช็คอินยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงราย เพราะมีโบสถ์สวยกับศิลปะสุดอลังการในทุกตารางนิ้วที่ให้ฟีลน่าตื่นตาตื่นใจ และที่เด็ดกว่าใครก็คือการใช้สีน้ำเงินเป็นสีหลักในทุกอณูการตกแต่งทั้งด้านนอกและด้านใน บอกเลยว่าให้ความรู้สึกแปลกตาแตกต่างจากการเข้าวัดโดยทั่วไปจริงๆ ละ ถือเป็นการปิดท้ายทริปที่เพอร์เฟ็คท์จ้า ใครชอบถ่ายรูปยิ่งต้องมาให้ได้เชียว

สนใจทริปเชียงรายในงบประมาณที่สบายกระเป๋า บอกเลยว่าตามรอยทริปที่เราเอามานำเสนอกันได้เลยจ้า เพราะเกือบทุกแห่งสามารถเข้าไปเที่ยวได้แบบไม่ต้องจ่ายค่าเข้าแพงมากด้วยน้า ลองหาที่พักที่ถูกใจในราคาสบายกระเป๋ากันได้ตามอัธยาศัยเลยจ้ะ เดี๋ยวนี้เชียงรายมีให้เลือกใช้บริการกันหลายแห่งเลยนะ เที่ยวเมืองไทยใช้งบไม่เยอะก็เที่ยวได้น้า วางแผนดีๆ จ้า รับรองว่าชิลล์ได้แบบกระเป๋าไม่ฉีกแน่นอน