กรุงโรม (Rome) เป็นอีกจุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน เพราะนอกจากจะเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีแล้ว กรุงโรมยังเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ในยุคโรมันอย่างโคลอสเซียม (Colosseum) ที่กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและยังถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโรมอีกด้วย ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวโคลอสเซียมก็อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมด้วยการจองตั๋วเครื่องบินไปอิตาลีกับแอป Traveloka แอปที่มีเที่ยวบินของสายการบินชั้นมากมายให้เลือก พร้อมแล้วก็เตรียมจองตั๋วเครื่องบินแล้วไปเช็กอินที่โคลอสเซียมกันเลย

โคลอสเซียม คือ สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ในยุคสมัยโรมันที่มีขนาดเส้นรอบวงกว้างถึง 527 เมตร มีความสูง 57 เมตร และจุคนได้มากถึง 50,000 คน ความยิ่งใหญ่นี้ทำให้โคลอสเซียมได้การรับรองให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนถึงปีละ 7 ล้านคน

สำหรับใครที่ต้องการเดินทางไปสัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของโคลอสเซียมด้วยตาของตัวเองก็สามารถจองที่โรงแรมอิตาลีได้เลย นอกจากจะได้เข้าไปเยี่ยมชมโคลอสเซียมแล้วก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในประเทศอิตาลีที่มีความสวยงาม ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสำรวจ

โคลอสเซียมมีประวัติการสร้างขึ้นในยุคสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยน (Vespasianus) แห่งจักรวรรดิโรมันและสร้างเสร็จสมัยจักรพรรดิไททัส (Titus) ในปี ค.ศ. 80 ใช้เวลาในการสร้างทั้งหมดเกือบ 10 ปี โคลอสเซียมถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงถึงอำนาจของจักรพรรดิเวสเปเซี่ยนโดยให้ใช้เป็นสถานที่ประลองฝีมือของกษัตริย์องค์ใหม่ นักโทษที่รอการประหารชีวิต รวมไปถึงเหล่ากลาดิเอเตอร์ (Gladiator) หรือคนที่ถูกขายเป็นทาสนั้นเอง

โคลอสเซียมถือเป็นตัวอย่างการออกแบบสนามกีฬาของสถาปนิกในปัจจุบันหลาย ๆ คน เนื่องจากการออกแบบที่ประณีตของโคลอสเซียมผนวกกับนวัตกรรมจากการคิดค้นของวิศวกรในยุคโรมัน อย่างการออกแบบให้ตัวอัฒจันทร์มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมเพื่อให้คนดูได้ใกล้ชิดกับลานประลอง อีกทั้งการนำรอกมาใช้ในการขนสัตว์และนักโทษที่ใช้ในการแสดงก็ถือว่าเป็นนวัตกรรมต้นแบบของการคิดค้นลิฟต์โดยสารอีกด้วย ความยิ่งใหญ่และจุดเด่นในด้านการออกแบบนี้เองทำให้โคลอสเซียมถูกคัดเลือกจากองค์กร New 7 Wonders ให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก

โคลอสเซียมมีที่ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี บริเวณทิศตะวันออกของเนินเขาปาลาทีน (Palatine Hill) หรือใครที่ต้องการเดินทางไปยังโคลอสเซียมก็สามารถเดินทางไปตามพิกัดนี้ได้เลย

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/bZJqDEfF5UuW9W8c9

โคลอสเซียมเปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมได้ตั้งแต่เวลา 8:30 น. ไปจนถึง 19:00 น. โดยเปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ยกเว้นในวันที่ 25 ธันวาคมและ 1 มกราคม โดยค่าเข้าชมโคลอสเซียมนั้นเริ่มต้นที่ 16 ยูโร แต่ถ้าใครต้องการให้มีไกด์พาเข้าไปชมโคลอสเซียมและสัมผัสกับประสบการณ์อันน่าทึ่งด้วยการเข้าทางประตู Gladiator พร้อมการอธิบายให้ความรู้ก็จะมีค่าเข้าชมเพิ่มขึ้นเป็น 70 ยูโร

ซึ่งเราสามารถใช้ตั๋วเข้าชมโคลอสเซียมในการเข้าชม Roman Forum และ Palatine Hill ได้โดยไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม หลังจากเดินทางเยี่ยมชมโคลอสเซียมแล้วตลอดทั้งวัน อย่าลืมจองโรงแรมใกล้ ๆ กับโคลอสเซียม เที่ยวเสร็จก็เข้าที่พักได้เลย

ใครที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวโคลอสเซียมแนะนำให้เลือกสนามบินปลายทางเป็นสนามบินเลโอนาร์โด ดา วินชี-ฟีอูมีชีโน (Leonardo da Vinci-Fiumicino Airport) เนื่องจากเป็นสนามบินที่อยู่ห่างจากกรุงโรมเพียง 30 นาทีและสามารถนั่งรถไฟเชื่อมต่อจากสนามบินเข้าไปในเมืองได้เลย ซึ่งการเดินทางไปยังโคลอสเซียมมีวิธีการเดินทางหลัก ๆ 3 วิธีดังนี้

การเดินทางไปสนามกีฬาโคลอสเซียมด้วยรถบัสเป็นวิธีการเดินทางที่มีราคาถูกเพียง 5-6 ยูโร แต่ก็จะใช้เวลาในการโดยสารนาน และหากไม่ชินเส้นทางก็จะอาจจะหลงทางได้ โดยบริเวณประตูทางออก 2 และ 3 ของสนามบินจะมีบริการรถบัสสำหรับเข้าเมืองอยู่หลายบริษัท เราสามารถเดินทางด้วยรถบัสจากสนามบินไปยังป้ายรถบัส Roma Termini ที่เป็นป้ายรถบัสกลางกรุงโรม เพื่อเชื่อมต่อกับบริการรถสาธารณะอื่น ๆ จากนั้นสามารถต่อรถบัสสาย 75 ตรงไปยังป้าย Colosseo ซึ่งอยู่บริเวณหน้าโคลอสเซียมได้เลย

การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินไปยังโคลอสเซียมเป็นวิธีการเดินไปโคลอสเซียมที่รวดเร็วที่สุด โดยจะใช้การเดินทางจากสนามบินด้วยรถไฟ Leonardo Expressซึ่งเป็นรถไฟที่วิ่งตรงมายัง Termini ซึ่งเป็นสถานีรถไฟศูนย์กลางการขนส่งของกรุงโรม จากนั้นคุณสามารถโดยสารรถไฟสาย B ไปยังสถานี Colosseo ที่อยู่ด้านหน้าโคลอสเซียมได้เลย

การเดินทางจากสนามบินไปยังโคลอสเซียมด้วยรถยนต์เป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุด โดยการเดินทางด้วยรถยนต์สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง แต่ละเส้นทางจะมีระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินทางแตกต่างกันดังนี้

โคลอสเซียมเป็นสถาปัตยกรรมที่นอกจากจะได้รับการจดทะเบียนให้เป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้วก็ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมอย่างการใช้คอนกรีตในการก่อสร้าง การใช้ระบบลิฟต์ในการขนส่งคนและสัตว์ อีกทั้งแนวคิดในการสร้างระบบระบายน้ำ อุโมงค์รวมไปถึงทางเดินที่ซับซ้อนภายในโคลอสเซียม ซึ่งแนวคิดเหล่านี้ยังเป็นต้นแบบในการก่อสร้างให้กับสถาปนิกและวิศวกรมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ โคลอสเซียมยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าของศิลปะ วัฒนธรรมของกรุงโรมโบราณ อีกทั้งยังสะท้อนแง่มุมที่มืดมนของประวัติศาสตร์โรมัน อย่างการนำนักโทษที่รอการประหารมาประลองกับสัตว์อย่างสิงโต ฮิปโป หรือวัวอย่างโหดร้าย โดยมีการประเมินว่า สัตว์ที่ถูกฆ่าตายในโคลอสเซียมมีไม่ต่ำกว่า 5,000 ตัว ทำให้สัตว์บางชนิดใกล้สูญพันธุ์หรือสูญพันธุ์ไปในยุคโรมัน โคลอสเซียมจึงมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์มากกว่าการเป็นต้นแบบของสนามกีฬา แต่ยังเป็นจดหมายเหตุของความรุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันอีกด้วย