ฤดูกาลของเชียงใหม่ ออกเดินทางแล้วไปโอบกอดวิวดอยแม่โถกัน

แต่ก่อนถ้าพูดถึงเชียงใหม่ก็จะนึกถึงนิมมาน แม่แจ่ม แม่กำปอง อะไรทำนองนี้
แต่ตอนนี้ถ้าพูดถึงเชียงใหม่ วินาทีนี้จะเป็นที่อื่นไปไม่ได้
ก็ต้องนึกถึงที่นี่เป็นที่แรก นั้นก็คือ ดอยแม่โถ จังหวัดเชียงใหม่ ดอยสุดฮิตที่ไม่มีใครไม่รู้จัก

001 ออกเดินทางไปแม่โถ
การนั่งเครื่องบิน คือการเดินทางมาเชียงใหม่ที่คุ้มค่าทั้งราคาและเวลามากที่สุด
และวันนี้เราจะมาแนะนำ App นึงที่เรียกได้ว่า ไม่ต้องเช็คตั๋วเครื่องบินแต่ละสายทีละเว็บให้เสียเวลา
เพราะ Traveloka ได้รวบรวมสายการบินที่บินไปเชียงใหม่ไว้หมดแล้ว
จะขึ้นที่ดอนเมือง หรือสุวรรณภูมิ หรือจากจังหวัดไหนที่มีบินตรงมาเชียงใหม่
ก็สามารถเช็คข้อมูลได้สบายๆเลย

นอกจากจะมีตั๋วราคาโปรโมชั่นมาให้ไม่ขาดแล้วเนี่ย ยังมี Feature ใหม่ให้กดเทียบราคาตั๋วโปรโมชั่นของแต่ละสายการบินได้อีก! ทั้งประหยัดทั้งสะดวกแบบนี้ใครสนใจ ก่อนไปเที่ยวเชียงใหม่เราเอาวิธีใช้มาให้ดูตรงนี้แล้ว #Travelokaเทียบแล้วเที่ยวเลย

002 แนะนำสถานที่ก่อนถึงแม่โถ

ต้องบอกก่อนว่า รอบนี้ที่เรามาเชียงใหม่ เราก็เช่ารถกับ Traveloka ด้วย เพราะว่ามีรถให้เลือกหลากหลายแบบจากหลายผู้ให้บริการ และราคาก็ไม่แพง ยิ่งมีคูปองโค้ดแล้ว ราคายิ่งถูกเข้าไปใหญ่ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้มีคนขับให้ด้วยไหม แต่เราชอบขับเองมากกว่าก็เลยจองแบบขับเองชิลๆ

ก่อนถึงแม่โถ เราแวะกันที่ สวนสนบ่อแก้ว ถ่ายรูปชิคๆ คลูๆ กันสักหน่อย

003 ดอยแม่โถ ทุ่งหญ้าสะวันนา
หลังจากที่เราแวะสวนสนกันแล้ว เราก็เดินทางต่อมาที่ดอยแม่โถกัน
นี่คือวิวถนนระหว่างจะขึ้นดอยแม่โถ
แค่เริ่มก็สวยขนาดนี้แล้ว ข้างบนจะสวยขนาดไหนนนนน

พอเรามาถึงบริเวณด้านบน (หมู่บ้าน) เราก็ต้องมาเปลี่ยนเป็นรถกระบะของคนในพื้นที่
ซึ่งเราได้ติดต่อกับพี่กัว (0864211249) และพี่กัวนี่แหละที่จะเป็นคนคอยดูแลพวกเรา

พร้อมกับขับรถพาพวกเราขึ้นไปที่ดอยแม่โถกัน

ส่วนราคา ถ้าจากหมู่บ้านไปแค่ทุ่งหญ้าสะวันนา ราคา 1400 บาท/คัน
(ขึ้นอยู่กับจำนวนคนด้วยนะ เราไปกันทั้งหมด 9 คน)
อย่างเพื่อนเราไป 3-4 คน ไปกลับก็ 500 บาท / คัน
ซึ่งตรงนี้สามารถกางเตนท์ได้นะ
(ค่ากางเตนท์คนละ 100 บาท / ค่าห้องน้ำคนละ 20 บาท / แต่ถ้าจะเช่าเตนท์ 2 คน 500 บาท)
แต่ถ้าจะขึ้นไปถึงตีนดอย 360 องศา ก็เพิ่มอีก 100 บาท (1500 บาท/คัน)
จริงๆจากหมู่บ้าน เราจำไม่ได้ว่าใช้เวลามาเท่าไหร่กว่าจะถึงสะวันนา
แต่ที่จำได้แม่นๆเลยคือ รถโยกมากกก 555555

วิวตรงทุ่งหญ้าสะวันนา สวยสมคำล่ำลือจริงๆนะ ภูเขาแปลกตาที่ไม่ค่อยเห็นในเชียงใหม่
ที่ตอนเห็นกับตายังแทบไม่เชื่อว่าตัวกำลังอยู่ที่เชียงใหม่

ยิ่งมีกระท่อม คู่กับต้นไม้เล็กๆ ทำแอบคิดมโนไปว่า หรือเราอยู่สวิซเซอร์แลนด์

แต่ระหว่างที่ฝันอยู่นั้น ก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะเพื่อนเรียกให้ไปถ่ายรูป
ก็เลยรู้ว่า เออ นี่เราอยู่เชียงใหม่จริงๆแหะ

ช่วงเวลาที่เราไป ฟ้าสวย อากาศแจ่มใส ไม่มีท่าทีของลมฝนเลยแม้แต่นิด

ต้องบอกก่อนว่า เราก็ดูรีวิวแม่โถมาเยอะพอสมควร
แต่พอมาจริงๆ เราได้เห็นมุมมองหลายๆมุมมองที่ไม่มีในรีวิว

ก็ทำให้รู้ว่า เชียงใหม่นี่สุดจริงๆ เที่ยวกี่สิบครั้งยังไงก็ไม่เคยเบื่อ
ยิ่งวิวตรงนี้นะ สวยเกินบรรยาย ประเทศไทยไม่แพ้ที่ไหนในโลกแหะ

เราใช้เวลากับทุ่งหญ้าสะวันนาเกือบชั่วโมง พี่กัวก็เรียกพวกเราให้ขึ้นรถ

เพราะเราต้องเดินทางไปต่อตรงอีกจุดกางเตนท์ (เราเลือกกางตรงตีนดอย 360 องศา)
แต่ถ้าให้เราแนะนำ สำหรับคนที่อยากเปิดเตนท์มาและเจอวิว ก็ให้นอนที่ทุ่งหญ้าสะวันนา
แต่ถ้าใครอยากเห็นแสงตรงยอด 360 องศา ก็แนะนำให้นอนตรงตีนดอย 360 องศา

จากทุ่งหญ้าสะวันนา มา ตีนดอย 360 องศา จะบอกว่าทางนี่สุดๆ
โยกไปโยกมาจนเมื่อยตัว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที
จุดตรงตีนดอย สามารถกางเตนท์ได้เลย บริเวณนี้มีห้องน้ำให้ 2 ห้อง (อาบน้ำได้)

เรามาถึงที่นี่ก็เริ่มเย็นมากแล้ว กางเตนท์เสร็จ เราเห็นอีกฝั่งที่ไม่ใช่ฝั่ง 360 องศา
มียอดเขาอยู่ยอดหนึ่งดูไม่ไกลมาก
พวกเราเลยตัดสินใจเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกกัน (จะเดินขึ้นไปฝั่ง 360 องศาก็กลัวจะไม่ทัน)

ระยะทางไม่ไกลมาก ประมาณ 500-700 เมตร เราก็ถึงตรงยอดด้านบน

แสงเย็นวันนี้คือสวยมาก อยากให้เพื่อนๆมาเห็นด้วยกับตาตัวเองเลย

เราใช้เวลายืนดูแสงพระอาทิตย์ตกสักพัก ก็ถึงเวลาเดินลงไปที่เตนท์แล้ว
พอดีเราสั่งหมูกระทะขึ้นมากิน วันนี้ก็เลยมีปาร์ตี้หมูกระทะกัน
ราคาหมูกระทะชุดละ 400 บาท (เราสั่งกัน 2 ชุด) แต่ไม่พอ 5555555 บอกแล้วว่า บรรยากาศทำให้เรากินเยอะ

พอหนังท้องตึง ก็ถึงเวลานั่งคุย ผิงไฟ มองดูดาว
บางคนก็หนีไปอาบน้ำ บางคนก็หนีไปนอน
ส่วนบางก็ไม่หนีไปไหน นอนดูดาวอยู่ตรงนั้น
และค่ำคืนนี้ดวงดาวยังคงชัดเจน และเห็นทางช้างเผือกได้ด้วยตาเปล่าสบายๆเลย

ส่วนค่ำคืนนี้ เราก็หลับฝันดีท่ามกลางหมู่ดาว
และเจอกันเช้าวันใหม่เน๊อ

004 ยอดดอยแม่โถกับวิว 360 องศา
จริงๆเช้านี้เราตกลงกันว่าจะตื่นกันสัก ตี 5 และเดินขึ้นไปบนยอดกัน
แต่พอเปิดเตนท์มา หมอกฟุ้งไปหมด และคิดว่าแสงเช้าน่าจะไม่มี งั้นนอนต่อกันอีกหน่อย ค่อยขึ้นสายๆละกัน
สรุปไปๆมาๆ เราขึ้นกันมาตอนประมาณ 7 โมงเช้า บรรยากาศเต็มไปด้วยหมอก

ระยะทางเดินประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเดินเรื่อยๆ ไม่เหนื่อยเกินไป
แต่พอมาถึงข้างบนปุ๊บ ฟ้าปิดจริงๆ อย่างที่คิดไว้เลย แง

หลายๆคนถอดใจเดินลงกลับไป แต่เราตั้งเป้าไว้ว่า จะลง 10 โมง
ถ้า 10 โมงฟ้าไม่เปิดก็จะตัดใจและเดินลง เพราะพี่กัวบอกว่าช่วงนี้ฟ้าเปิดประมาณ 9 โมง กรุ๊ปเมื่อวานก็รอจน 9 โมง
นั่งรออย่างมีความสุข แต่ในใจก็คือหิวมากกกกกกกกกกกกกก 555555

ทุกอย่างเป็นไปตามคาด สักประมาณเกือบ 9 โมง ลมเริ่มพัดหมอกที่ฟุ้ง ค่อยๆลอยออกไป

เราเริ่มมองเห็นต้นไม้ข้างล่างแล้ววววววว

ลมพัดสักพัก วิวตอนแรกที่ฟ้าปิด ก็เริ่มมองเห็นภูเขาแล้ว
และพอมองเข้าไปดีๆ จะเห็นน้องวัวมากินหญ้ากันบนภูเขาด้วย

ฟ้าค่อยๆทยอยไล่เปิด เพื่อนตะโกนเรียกเพื่อนอีกคนที่เพิ่งลงไป
ตอนลงมาข้างล่างถึงรู้ว่า เพื่อนได้ยินนะ แต่ตะโกนกลับมา ไม่มีใครตอบกลับ และก็ไม่คิดว่าฟ้าจะเปิด แงง

จะบอกว่าเป็นไปตามคาด เวลาพอๆกับกรุ๊ปเมื่อวาน ฟ้าเริ่มเปิด
และเริ่มมองเห็นหมู่บ้านข้างล่างแล้ว
โหหหห เราขึ้นมาไกลมากจริงๆนะเนี่ย

เราใช้เวลาอยู่ต่อเกือบชั่วโมง ให้สมกับการรอคอยมาเกือบ 2 ชั่วโมงหน่อย 555555

วิวที่เห็นคือรอบ 360 องศาจริงๆ เห็นเขียวๆแบบนี้แล้วสบายใจแหะ

ถึงเวลาเราตัดสินใจเดินกลับ แต่รอบนี้พี่กัวพาเรากลับอีกทางนึง ที่เลอะรอบๆ ภูเขาเดินชมวิวไปเรื่อยๆ แต่ปลายทางก็จะเจอกับจุดกางเตนท์เหมือนกัน

พี่ที่ใส่เสื้อสีเหลืองก็คือพี่กัว ที่ดูแลพวกเราตลอดทั้งทริป
ทั้งขับรถ ช่วยตั้งแคมป์ หาหมูกระทะ เราอยู่เป็นเพื่อนจนฟ้าเปิด
แกบอก รอไปได้สบายๆเลย แกรอได้ 5555555 และแกก็รอได้จริงๆ

พอถึงเวลา สุดท้ายแล้วเราก็ต้องบอกลาดอยแม่โถ
เรานั่งรถกระบะกลับไปทางเดิม โดยเลอะผ่านทุ่งสะวันนาลงไป
เป็นการนั่งรถโยกเยกที่แฮปปี้กับวิวมากที่สุด : ))

สามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/LifeBraryjourney/
IG: https://www.instagram.com/lifebraryjourney/
Twitter: https://twitter.com/Wawowwy
แล้วออกเดินทางด้วยกันอีกน๊า : ))