0

Traveloka TH

30 Apr 2024 - 2 min read

จุดเช็กอินห้ามพลาดที่ชิราคาวาโกะ มนต์เสน่ห์ของเมืองมรดกโลก

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ

ถือตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นของคุณเอาไว้ให้แน่น เพราะวันนี้เราจะเปิดเส้นทางสู่เมืองชิราคาวาโกะ(Shirakawa-go) ไปกับ Traveloka หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ด้วยธรรมชาติที่สวยงามเที่ยวได้ตลอดปี และมีบ้านทรงจั่วสูงแบบโบราณที่ยังคงมีให้เห็นในทุกวันนี้ ถือเป็นวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นน่าค้นหา ผู้คนในหมู่บ้านชิราคาวาโกะยังคงความเรียบง่ายในการใช้ชีวิต รวมถึงมีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่รอให้คุณได้เข้าไปค้นพบมนต์เสน่ห์ในแบบของญี่ปุ่นที่หาไม่ได้จากเมืองอื่น

ทำความรู้จักชิราคาวาโกะ เส้นทางสถาปัตกรรมและวัฒธรรมอันโดดเด่น

หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวาโกะ

เมืองชิราคาวาโกะ จังหวัดกิฟุไม่ได้เป็นเพียงแค่เมืองโบราณอายุเกือบ 300 ปีที่ควรค่าแก่การรักษาเท่านั้น เมืองมรดกโลก Shirakawagoแห่งนี้ยังเป็นตัวแทนของการพัฒนาทั้งด้านวัฒนธรรม, อุตสาหกรรม, สังคม และสถาปัตยกรรมของมนุษย์ที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีในสมัยนั้น และถูกพัฒนาไปเป็นขนบธรรมเนียมที่ใช้กันทั่วไปในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

หลังคาทรงจั่วสูงที่เราอาจจะรู้จักกันในชื่อหลังคาทรงปั่นหยา ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเราเรียกว่า “กัสโชสึคุริ” ได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของหมู่บ้านแห่งนี้ เนื่องจากหิมะที่ตกในอุณหภูมิ -13 องศา จะไหลลงพื้นได้ง่าย ทำให้หิมะไม่เกาะหลังคา ตัวบ้านจึงไม่หนาวเย็นจนเกินไป รวมไปถึงการสร้างห้องใต้หลังคาให้เป็นที่เก็บรังไหมเพื่อให้ความอบอุ่นในหน้าหนาว พอฟังมาถึงตรงนี้ดูเหมือนว่า บ้านกัสโชสึคุริ หมู่บ้านโบราณแห่งญี่ปุ่น ในเมืองชิราคาวาโกะก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่พักญี่ปุ่น ที่ทุกคนควรไปสัมผัสสักครั้ง

ประวัติหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

สำหรับหมู่บ้านชิราคาวาโกะ มีประวัติความเป็นมาอันแสนยาวนานตั้งแต่ 7,000 ปีก่อนคริสตกาลจากหลักฐานมากมายที่ค้นพบ และต่อมามีการค้นขุดพบเครื่องปั้นดินเผาและวาดภาพต่าง ๆ รวมถึงวัตถุโบราณอีกมากมายในตัวหมู่บ้านที่คาดว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ตั้งแต่ 2,300 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว โดยในปีคริสต์ศักราชที่ 700 เมืองชิราคาวาโกะแห่งนี้ครองพื้นที่มากกว่า 16 หมู่บ้าน ได้มีการค้นพบเอกสารสำคัญที่มีการบรรยายลักษณะเหมือนกับหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เนื่องจากความหนาของปริมาณหิมะของชิราคาวาโกะทำให้มีการเข้าถึงหมู่บ้านได้ยากลำบาก และได้รับขนานนามว่าชิราคาวาโกะตั้งแต่นั้นมา

ชิราคาวาโกะ ชื่อนี้ปรากฏอยู่ในหลาย ๆ เอกสารด้วยกัน แต่ปรากฏเป็นชื่อชิราคาวาโกะอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1176 ผ่านการค้นพบบันทึกของขุนนางจากเกียวโตในสมัยนั้น ด้วยหลักฐานทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อว่า ชิราคาวาโกะเป็นเมืองที่มีอยู่มาตั้งแต่ ค.ศ. 700 แล้ว

ที่ตั้งของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ

การเข้าถึงหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่ห้อมล้อมไปด้วยหุบเขา ทำให้การเดินทางไปชิราคาวาโกะนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยบนภูเขาลูกนั้นเป็นเขตจังหวัดกิฟุติดกับโทยามะ ซึ่งอยู่ตอนกลางของประเภทญี่ปุ่น ขนานกับแม่น้ำโซกาวะ

ในปัจจุบันนี้ การเดินทางไปชิราคาวาโกะง่ายกว่าเมื่อก่อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีทั้งบริการรถบัสสาธารณะ รถไฟ และการเดินทางด้วยยานพาหนะส่วนตัว ตามพิกัดด้านล่างนี้ได้เลย

เราสามารถเยี่ยมชมหมู่บ้านชิราคาวาโกะได้ช่วงไหนบ้าง

สำหรับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวญี่ปุ่น หมู่บ้านชิราคาวาโกะแห่งนี้ จริง ๆ แล้วอากาศที่นี่ค่อนข้างคงตัว ไม่หนาวมากและไม่ร้อนมาก โดยหน้าหนาวจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ -13 องศา ส่วนในหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ 33 องศา ซึ่งสำหรับคนไทยแล้วถือว่าเป็นอุณหภูมิที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยสามารถแบ่งออกเป็นสี่ฤดูที่จะให้ความรู้สึก และทิวทัศน์ในการเยี่ยมชมที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

ฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์

อากาศของหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เดือนกุมภาพันธ์จะหนาวสุดอยู่ที่ -10 ถึง -13 องศา และมีหิมะตกตลอดในบางวัน ทำให้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยสีขาวโพลน หากบินไปญี่ปุ่นช่วงเวลานี้ ยังจะได้พบกับเทศกาลแสดงไฟประจำหมู่บ้านที่กินเวลานานถึง 6 สัปดาห์ โดยแต่ละบ้านก็จะมีการตกแต่งไฟที่แตกต่างกันออกไป ให้บรรยากาศแห่งความหนาวของชิราคาวาโกะในเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์อบอุ่นขึ้นมา ซึ่งภายในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยที่พักญี่ปุ่น และบรรยากาศในการพักผ่อนที่แตกต่างออกไปจากฤดูอื่น

ฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม

ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่ความเขียวขจีกลับคืนสู่หมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้ง หมู่บ้านชิราคาวาโกะในเดือนมีนาคมจะมาพร้อมอากาศที่เย็นสบายเดินทาง และท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจที่อุณหภูมิระหว่าง 13-25 องศา เช่นเดียวกันกับชิราคาวาโกะในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของแดดอุ่น ๆ กับฤดูกาลที่ซากุระจะพากันผลิบานให้คุณสามารถถ่ายรูปสวย ๆ ได้จากทุกมุม โดยเมืองชิราคาวาโกะจะมีซากุระบานในช่วงปลายเดือนเมษายนและกินเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นก่อนจะร่วงโรยไป

ฤดูร้อนช่วงเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม

ในช่วงฤดูร้อนของหมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นช่วงแห่งการเพาะปลูกสำหรับคนในหมู่บ้าน ด้วยท้องฟ้าที่สดใสอาจจะมีฝนตกบ้างประปรายไม่หนัก และอุณหภูมิที่บอกเลยว่าเดินเที่ยวชิราคาวาโกะได้อย่างสบายทั่วหมู่บ้านแน่นอน เพราะอุณหภูมิจะอยู่ในช่วงระหว่าง 25-30 องศาเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่คมชัดรอบด้านจากหมู่บ้านที่มีลักษณะคล้าย ๆ แอ่งกระทะ ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสีเขียวที่เห็นได้ไกล

ฤดูใบไม้ร่วงช่วงเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน

หากไปญี่ปุ่นช่วงนี้ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับฤดูใบไม้เปลี่ยนสีสำหรับชิราคาวาโกะในเดือนพฤศจิกายน โดยฤดูนี้คุณจะได้พบกับความสวยงามด้านทิวทัศน์ที่แตกต่างออกไปอีกครั้ง เป็นสีสันของธรรมชาติสลับกันของสีส้ม, แดง, น้ำตาล และเหลือง ให้ความรู้สึกอบอุ่น ในขณะเดียวกันอุณหภูมิของที่นี่จะอยู่ในช่วง 10-18 องศา ไม่หนาวไม่ร้อนจนกินไป ถือว่าอากาศเย็นกำลังดีเลยล่ะ

การเดินทางไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะด้วย 4 ทางเลือก

สำหรับการเดินทางไปชิราคาวาโกะนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกรูปแบบในการเดินทางได้ทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกัน หลัก ๆ แล้วจะเป็นขนส่งสาธารณะ แต่เนื่องจากปัจจุบันนี้ เส้นทางในการเข้าถึงหมู่บ้านชิราคาวาโกะทำได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงสามารถเดินทางได้ด้วยยานพาหนะส่วนบุคคลได้ โดยจะมีรายละเอียดในการเดินทางดังนี้

การเดินทางด้วยรถไฟ

สำหรับเส้นทางไปยังหมู่บ้านชิราคาวาโกะจากการเดินทางด้วยรถไฟนั้น สถานที่ต้นทางส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่สถานีทาคายาม่าไปชิราคาวาโกะ โดยเวลาในการเดินทางทั้งหมดคือ 1-1.5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเส้นทางที่ใช้และตารางเวลารถไฟที่มีในตอนนั้น โดยเส้นทางสู่ชิราคาวาะโกะจะเริ่มต้นจาก สถานีทาคายาม่าสู่ สถานี Shirakawa โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย

การเดินทางด้วยรถบัส

จุดเริ่มต้นของเส้นทางรถบัสไปชิราคาวาะโกะจะเริ่มต้นที่สถานีรถบัสคานาซาวา โดยไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนสามารถเดินทางเพื่อมาถึงสถานีได้ด้วยรถไฟหลากหลายเส้นทางด้วยกัน เมื่อมาถึงสถานีแล้วให้จองตั๋วสู่ทาคายาม่า โดยจะมีรถบัสให้บริการอยู่สองสายด้วยกันก็คือ Nouhi Bus และ Hokutetsu Transportation สามารถเลือกขึ้นรถบัสได้ทั้งสองสายโดยให้มีปลายทางอยู่ที่ทาคายาม่า ค่าโดยสารจะอยู่ที่ระหว่าง 400-600 บาทขึ้นอยู่กับความเร็วรถที่ให้บริการตอนนั้น และต่อรถไฟขึ้นสู่หมู่บ้านชิราคาวาะโกะได้เลย

การเดินทางด้วยแท็กซี่หรือรถส่วนตัว

อีกหนึ่งวิธีเดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะที่สะดวกที่สุดและไม่ต้องหยุดหลายที่ นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถแท็กซี่จากสถานีคานาซาวาเพื่อเข้าสู่ตัวหมู่บ้านชิราคาวาโกะได้เลย โดยค่าบริการจะอยู่ที่ 8,000 เยนโดยประมาณ ถึงแม้ว่าจะเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดแต่ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายมหาศาลเช่นกัน หรือหากจะเป็นรถยนต์เช่าส่วนตัว ก็อาจจะใช้เวลานานกว่า 1.2 ชั่วโมงในการเข้าถึงหมู่บ้านชิราคาวาะโกะจากเส้นทางคานาซาวา

การเดินทางด้วยเครื่องบิน

สำหรับเส้นทางโตเกียวไปยังชิราคาวาโกะนั้น หากจะนั่งรถไฟก็ถือว่าใช้เวลาเพียงแค่ไม่นาน ด้วยระยะทางข้ามเขตคันโตสู่คันไซ ทางเราแนะนำว่าเดินทางด้วยเครื่องบิน จองตั๋วผ่านแอป Traveloka จะสะดวกกว่าโดยนักท่องเที่ยวสามารถลงที่สนามบินคันไซ ใช้เวลาบินจากโตเกียว 1 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้น จากนั้นต้องต่อรถบัสและรถไฟจากทาคายาม่าเท่านั้นจะเดินทางง่ายที่สุด เนื่องจากส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเที่ยวชิราคาวาโกะและทาคายาม่าพร้อมกันเพราะอยู่ในเส้นทางเดียวกัน

บ้านแบบกัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีในการสร้างบ้าน

อีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องไปญี่ปุ่น ก็เพื่อมาเยี่ยมชม และศึกษาตัวบ้านชิราคาวาโกะที่มาในรูปแบบของบ้านทรงจั่วสูงไม่ใช่เพียงแค่ดีไซน์เพื่อให้ป้องกันความหนาวจากหิมะที่ปกคลุมเท่านั้น เทคโนโลยีในการสร้างบ้านสมัยเกือบ 300 ปีที่แล้วยังมีความน่าประทับใจตรงที่ตัวบ้านทั้งหลังไม่ได้มีการตอกตะปูเลยแม้แต่ตัวเดียว อาศัยการสร้างตัวล็อกของไม้แต่ละชิ้นให้เหมือนกับตัวต่อที่จะรับน้ำหนักของตัวบ้าน เพื่อป้องกันความเสียหายจากธรรมชาติ และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยการออกแบบตัวบ้านจะมีทิศทางการหันหนีลมและลดแรงต้านลมที่ชาญฉลาด

นอกจากนี้รูปแบบหลังคาบ้าน “กัสโซ” ที่แปลว่าพนมมือ หากสังเกตดูตัวบ้านดี ๆ จะมีลักษณะคล้ายการพนมมือ เนื่องจากหมู่บ้านชิราคาวาโกะอยู่ในหุบเขาที่เข้าถึงยาก จึงทำให้มีเกจิอาจารย์เข้ามาบำเพ็ญเพียรในหมู่บ้านนี้กันจำนวนมากในสมัยก่อน จึงเป็นที่มาอีกหนึ่งอย่างที่น่าสนใจสำหรับการสร้างบ้านกัสโซสิคุริหมู่บ้านมรดกโลกแห่งเมืองชิราคาวาโกะ นี่ยังไม่รวมถึงสินค้าประจำหมู่บ้านอย่าง “ไหม” ที่จะถูกเก็บไว้ห้องใต้หลังคาเพื่อให้ความอบอุ่นภายในตัวบ้านได้อีกด้วย ปัจจุบันชาวบ้านที่นี่ประกอบอาชีพเป็นชาวนากันเสียส่วนใหญ่ และมีรายได้จากนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมากอีกด้วย

จุดแลนด์มาร์คหมู่บ้านชิราคาวาโกะ 10 สถานที่เช็กอินที่ห้ามพลาด

สำหรับใครที่มีแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่นและต้องการเดินทางไปหมู่บ้านชิราคาวาโกะ เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมโบราณของหมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้ดูสักครั้ง วันนี้ทาง Traveloka อยากจะมาแนะนำจุดเช็กอินและแลนด์มาร์ก 10 แห่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว หากใครได้ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านแห่งนี้ ห้ามพลาดที่จะเช็กอินสถานที่ ดังต่อไปนี้

1. กัสโชสึคุริมินคาเอน (Gassho-zukuri Minkaen)

Gassho-zukuri Minkaen

พบกับบรรยากาศที่เที่ยวชิราคาวาโกะแบบบ้านชาวนาได้ที่ “กัสโชสึคุริมินคาเอน” เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแบบบ้านไร่กัสโชสึคุริแบบดั้งเดิม โดยภายในสถานที่ประกอบไปด้วย วัด กังหันน้ำ และคาเฟ่ไว้ให้นักท่องเที่ยวนั่งพักผ่อนหย่อนใจจากการเดินทาง ให้บรรยากาศที่ชิลมาก ๆ และเหมาะกับการเป็นสถานที่ถ่ายรูปที่เน้นความเป็นธรรมชาติ บ้านชาวนาและความช่วยงามตามฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงของหมู่บ้านชิราคาวาโกะแห่งนี้

2. บ้าน 3 หลัง (Gassho-zukuri Triplets)

Gassho-zukuri Triplets

Gassho-zukuri เป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมของทางหมู่บ้านชิราคาวาโกะ โดยจะมีทิวเขาหลังบ้านเป็น Background แล้วตัวบ้านทรงกัสโชสึคุริจะเรียงซ้อนกันอยู่สามหลัง ซึ่งภาพถ่ายของบ้านสามหลังนี้ก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ฤดู หิมะที่ขาวโพลนเต็มหลังคาในฤดูหนาว พื้นหลังสีน้ำตาลอมส้มงในฤดูใบไม้ร่วง ชิราคาวาโกะในเดือนพฤษภาคมเขียวขจีสดใสในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ด้วยหน้าตาบนห้องใต้หลังคาที่ออกแบบให้มีการระบายอากาศในตัวบ้านที่ดูสวยงามเป็นพิเศษ

3. บ้านวาดาเกะ (Wada-ke House)

บ้านวาดาเกะ

หนึ่งในไฮไลต์ของหมู่บ้านประวัติศาสตร์ชิราคาวาโกะ สำหรับบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ได้รับการออกแบบให้เป็นทรงโบราณกัสโชสึคุริเช่นกัน โดยชื่อบ้านวาดาเกะมาจากเจ้าของบ้านครอบครัววาดะ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ และผู้เป็นพ่อของครอบครัววาดะยังพ่วงตำแหน่งผู้นำหมู่บ้านมาด้วย บ้านแห่งนี้จึงได้รับความนิยมในการเข้าเยี่ยมชมจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้วิวนอกหน้าต่างยังมองเห็นทุ่งนาชิราคาวาโกะที่จะสวยมากเป็นพิเศษเมื่อทุ่งนาเป็นสีเขียว

4. บ้านนางาเซเกะ (Nagase-ke House)

สำหรับเจ้าของบ้านหลังนี้ เป็นแพทย์ประจำตัวขุนนางที่ถูกย้ายไปชิราคาวาโกะ จากหมู่บ้านโอกิมาจิในสมัยนั้นเพื่อมาประจำการ และตอนนี้บ้านนางาเซเกะก็ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นสถานที่จัดแสดงเครื่องมือเกษตร เครื่องมือการแพทย์ตามอาชีพเจ้าของบ้าน และยังจัดแสดงอุปกรณ์เลี้ยงไหมที่เป็นสินค้าหลักของหมู่บ้านนี้อีกด้วย โดยครอบครัวนางาเซเกะเคยเป็นแพทย์ให้ขุนนางมาเอดะมาก่อน ก่อนจะถูกย้ายมาที่นี่

5. บ้านคันดาเกะ (Kanda-ke House)

บ้านอีกหนึ่งหลังในชิราคาวาโกะที่ไม่ได้มีประวัติความเป็นมาเลิศหรู แต่เต็มไปด้วยข้อได้เปรียบในเรื่องของที่ตั้งและวิวจากนอกหน้าต่างที่สวยงาม แม้ว่าจะเป็นบรรยากาศของชิราคาวาโกะในเดือนมกราคมที่มีหิมะปกคลุมไปทั่วพื้นที่ที่ไม่สามารถถ่ายรูปได้จากภายในตัวบ้าน แต่อย่างไรก็ตามคุณจะได้รับประสบการณ์เยี่ยมชมบ้านโบราณที่ดีที่สุดจากบ้านหลังนี้แน่นอน

6. วัดเมียวเซนจิ (Myozenji Temple)

วัดเมียวเซนจิ

ความงดงามและความเก่าแก่ของหมู่บ้านโบราณชิราคาวาโกะ ที่แสดงผ่านสถาปัตกรรมของวัดแห่งนี้ เรียกได้ว่าสวยงามจนแทบหยุดหายใจ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คุณอยากจองตั๋วไปญี่ปุ่น แน่นอนโดยวัดเมียวเซนจิเป็นวัดที่มุงด้วยหลังคากระเบื้องที่แตกต่างจากวัดในหมู่บ้านส่วนใหญ่ที่มุงด้วยจาก และตัววัดยังเชื่อมต่อกับตัวบ้านไร่ที่ชื่อว่าเมียวเซนจิเกะ เป็นเหมือนกับกุฏิของพระสงฆ์สไตล์ที่พักญี่ปุ่น ที่หากเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้ว คุณจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าของบ้าน และอธิบายความเป็นมา รวมถึงลักษณะต่าง ๆ ของบ้านได้อย่างน่าตื่นเต้นทีเดียวจองตั๋วไปชิราคาวาโกะเมื่อไหร่อย่าลืมมาแวะวัดนี้

7. ศาลเจ้าชิราคาวะ ฮะจิมัง (Shirakawa Hachiman Shrine)

ศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งเดียวในหมู่บ้าน Shirakawa-go ศาลเจ้าซินโตที่มีความพิเศษตรงที่เป็นสถานที่ผลิตสาเกโดบุโรคุ เป็นสาเกที่ได้ชื่อว่ามาจากหมู่บ้านเก่าแก่ที่โบราณที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น โดยใช้ข้าวที่ปลูกได้ในหมู่บ้านในการหมักสาเก อาจจะฟังดูแปลก ๆ ที่หมักสาเกในศาลเจ้า แต่ด้วยบ่อน้ำที่ผุดอยู่ภายในสามารถผลิตน้ำสะอาดได้จำนวนมาก ซึ่งเหมาะแก่การนำมาหมักสาเกอย่างยิ่งทำให้ชาวบ้านเลือกใช้น้ำบ่อนี้ในการหมักสาเก สำหรับใครที่แพลนเที่ยวชิราคาวาโกะในช่วงเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคม คุณจะได้ร่วมงานเทศกาลสาเกประจำศาลเจ้าแห่งนี้อีกด้วย

8. พิพิธภัณฑ์เทศกาลโดบุโรคุ (Doburoku Festival Museum)

เพื่อให้การเดินทางไปชิราคาวาโกะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ต่อเนื่องจากศาลเจ้าชิราคาวะ ฮะจิมัง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ และอุปกรณ์ทำเหล้าสาเกสูตรประจำหมู่บ้านชิราคาวาโกะ โดยในวันปกตินักท่องเที่ยวยังสามารถลิ้มรสสาเกสูตรโบราณนี้ได้ อีกทั้งในวันที่ 14-15 ชิราคาวาโกะในเดือนตุลาคม จะเป็นช่วงเทศกาลโดบุโรคุพอดี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความคึกคักที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านที่เงียบสงบแห่งนี้ที่หลายคนตั้งตารอคอยสาเกศักดิ์สิทธิ์จากศาลเจ้า

9. ชิราคาวาโกะโนยู (Shirakawa-go no Yu)

หนึ่งในที่พักญี่ปุ่นเมืองชิราคาวาโกะมรดกโลก ที่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นออนเซ็น, ร้านอาหาร, ที่พั,ก อ่างน้ำวน, ซาวน่า, ห้องสตรีม และออนเซ็นธรรมชาติกลางแจ้งแห่งเดียวในหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ผู้ใช้บริการยังสามารถเห็นเทือกเขาฮาคุซัง หมู่บ้านกัสโซ และแม่น้ำโซกาวะที่เรียงกันอย่างสวยงามอยู่ด้านล่างอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดหากได้ไปเที่ยวชิราคาวาโกะด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เปิดให้บริการเฉพาะแขกผู้เข้าพักเท่านั้น ใครสนใจสามารถจองที่พักผ่านแอป Traveloka ได้เลย

10. จุดชมวิวเทนชุคาคุ (Tenshukaku Observatory)

นทริปชิราคาวาโกะจะพลาดจุดนี้ไปไม่ได้ รูปภาพทั้งหลายในมุมสูงที่เห็นได้ทั่วถึงทั้งหมู่บ้าน ล้วนเป็นรูปภาพที่ได้มาจากมุมนี้ทั้งนั้น เนื่องจากเป็นจุดชมวิวที่ให้วิสัยทัศน์ที่กว้างที่สุด รวมถึงจากมุมนี้จะได้เห็นทุกความเคลื่อนไหวในหมู่บ้านอย่างชัดเจน หากต้องการขึ้นไปจุดชมวิวนี้ ก็ยังมีบริการรถรับส่งจากหมู่บ้านให้ขึ้นไปด้วย หรือหากใครต้องการออกกำลังกาย ก็สามารถเดินขึ้นไปโดยใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ก็ได้เที่ยวหมู่บ้านชิราคาวาโกะแบบได้วิวที่คุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน

รับทราบข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา
สมัครรับจดหมายข่าวของเรา เพื่อคำแนะนำการท่องเที่ยวและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มากขึ้น พร้อมด้วยข้อเสนอที่น่าตื่นเต้น
สมัคร